หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – ตอนที่ 33 ใจดีเกินเหตุ

บทที่33 ใจดีเกินเหตุ

ในเวลานั้นเอง นัยน์ตาของชายชราผมขาวก็ปรากฏประกายสว่างไสวขึ้นมา ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความงงงวย

“เหตุใดเจ้าถึงช่วยข้า?”

หลานเยาเยามองเขาอย่างหมดเรี่ยวแรงและเอ่ยเสียงเบา

“อย่างไรเสีย หลังจากข้าช่วยท่านแล้ว ท่านก็เป็นหนี้ข้าห้าร้อยนี่… โอ้ะ ไม่ไม่ไม่ เป็นหนึ่งพันตำลึงต่างหาก ตอนนี้ไม่มีเงินไม่เป็นไร รอจนกระทั่งบาดแผลของท่านหายดี ท่านจะไปขายแรงใช้แรงหรือเป็นวัวเป็นม้าก็ช่าง แต่เงินนั้นจะต้องคืนข้า”

แม้ว่านางจะรู้ว่าแตงที่ฝืนเด็ดจากต้นมักไม่หวาน แต่หากนางไม่ฝืนเด็ด เห็นทีแม้กระทั่งแตงยังไม่มีให้กินด้วยซ้ำ

เรื่องที่ควรฝืนย่อมต้องฝืน!

ชายชราผมขาวที่เดิมกำลังอยู่ในห่วงอารมณ์อันหนักหน่วง พอได้ยินนางเอ่ยเช่นนี้เข้า ก็อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้!

ช่างเป็นแม่นางน้อยที่มีอารมณ์ขันอย่างยิ่ง

ในตอนนั้นเอง!

“ตึก ตึก ตึก……”

มีเสียงรอยเท้าเบาๆค่อยดังใกล้เข้ามา

นัยน์ตาของชายชราผมขาวเข้มขึ้น คิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน นัยน์ตาของหลานเยาเยาก็แปรเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมาด้วยเช่นกัน นางรีบเทยาน้ำลงไปที่อีกด้านหนึ่งของโซ่เหล็กทันที

มองดูฟางหนาๆบนพื้น นางรีบเดินเข้าไปในมุมห้องแล้วซ่อนตัวเองเข้าไปในนั้นทันที แม้ว่ามันออกจะดูประหลาดไปสักเล็กน้อยก็ตาม

แต่ว่า!

หากไม่มองดูอย่างละเอียดย่อมไม่มีทางสังเกตเห็นได้แน่นอน

หลังจากนั้นไม่นาน!

รอยเท้าอันหนักหน่วงหยุดลงที่ด้านหน้าของประตูคุก

“ตาแก่อมตะ กินข้าวได้แล้ว กินข้าว เอ๋? ประตูนี้เปิดได้อย่างไร?” ชายท่าทางหยาบกระด้างผู้หนึ่งเอ่ยถามตัวเองด้วยความสับสน

หลานเยาเยาคิดไปว่าเขาน่าสงสัยขึ้นมาแล้ว ในขณะที่นางกำลังตัดสินใจว่าจะออกไปจัดการกับเขาดีหรือไม่ ทันในนั้นชายผู้นั้นก็เอ่ยขึ้นมาอย่างคนนึกอะไรขึ้นได้

“โอ้ เกือบลืมไป วันนี้ท่านแม่ทัพมาที่นี่ ต้องเป็นท่านแม่ทัพที่ลืมล็อกประตูแน่”

พูดจบ เขาก็เดินเข้ามาและโยนอาหารที่ยกมาลงตรงเท้าของชายชราผมขาว มองเห็นอาหารหกกระจัดกระจายไปทั่วทุกที่บนพื้น จึงค่อยหัวเราะเย้ยหยันแล้วกล่าว

“เฮ้อ ข้าว่านะเจ้าเฒ่าอมตะ เห็นทีเจ้าจะโชคเสียจริง สุนัขที่เข้าเลี้ยงเอาไว้สองตัวนั่นวันนี้ไม่อยากอาหาร วันนี้ก็เลยมีเหลือมาให้เข้ามากมาย ฮ่าฮ่าฮ่า”

ชายผู้นั้นหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง และหลังจากหยุดหัวเราะลง เขาก็ถ่มน้ำลายใส่ชายชราผมขาว

“เจ้าเคยเป็นยอดคน เป็นที่รักใคร่บูชาจากผู้คนมากมาย อยากรุ่งโรจน์ก็รุ่งโรจน์ได้อย่างไม่สิ้นสุด

แต่ตอนนี้เล่า?

ถูกคุมขังในคุกมืดที่ไม่เคยเห็นดวงอาทิตย์ เป็นเสมือนโคลนดินก้อนหนึ่งที่เน่าเปื่อยกลายเป็นฝุ่นไม่มีใครจำเจ้าได้เลยสักนิด

แต่ข้า ผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยถูกเข้าจับเข้าคุก มาวันนี้คิดอยากทรมานเจ้าแค่ไหนก็สามารถทำได้เท่าที่ข้าต้องการ ฮ่าฮ่าฮ่า…

ข้าจะบอกความจริงกับเจ้า! อาหารวันนี้เพิ่มเนื้อพิเศษบางอย่างเข้าไป สุนัขสองตัวนั่นไม่กล้ากินมัน จึงได้แต่รบกวนเจ้าแล้ว”

ด้วยความฉลาดของตาเฒ่าอมตะผู้นี้ ไม่มีทางที่จะไม่รู้ว่ามันคือเนื้ออะไร

“โง่เง่า!”

ชายชราผมขาวมองที่ชิ้นส่วนของเนื้อสัตว์ที่เท้าของเขา นัยน์ตาสะท้อนความโกรธที่กำลังรวมตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แต่เขากลับไม่ได้ลงมืออะไรขึ้นมา เนื่องจากยาน้ำนั้นยังคงละลายโซ่เหล็กอยู่

ดังนั้น !

เขาจึงทำได้แค่เปลี่ยนความเกลียดชังและความโกรธเหล่านั้นให้กลายเป็นความอดทน และมองคนผู้นั้นด้วยสายตาเย็นชา

“ทำไม โกรธหรือ? ยังมีบางสิ่งที่ทำให้เจ้าโกรธยิ่งกว่าเดิมได้อีกนะ! เฒ่าอมตะ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเนื้อนี้มันถูกตัดมาจากผู้ที่ซื่อสัตย์ต่อเจ้า?

โฉงหมิงเอ๋ย! ทั้งด้านซ้ายและขวาของเจ้า คือผู้ที่ภักดีต่อเจ้า ซ้ำยังเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่แข็งแกร่งที่สุดของเจ้าอีกด้วย เนื้อของเขาถูกข้าตัดขาดด้วยตนเอง…”

ชายชราผมขาวตาแดงก่ำ และจ้องมองชายผู้นั้นด้วยสายตาฆ่าฟัน

ชายผู้นั้นชอบใช้สิ่งเหล่านี้มากระตุ้นยั่วยุเขา เมื่อมองเห็นเขาโกรธ ในใจของเขามีความสุขมาก

“เจ้าไร้มโนธรรมอย่างที่สุดเช่นนี้ ต่อให้พระเจ้าไม่จัดการเจ้า เฒ่าชราเช่นข้าจะเป็นคนจัดการเจ้าเอง” น้ำเสียงชราราวกับว่าไม่อ่อนแอดั่งเช่นก่อนหน้าอีกต่อไป ซ้ำยังแฝงไปด้วยพลังอำนาจที่เหนือกว่า

ในเวลานี้ชายชราผมขาวโกรธจัดจนกระทั่งเห็นเป็นเส้นเลือดสีฟ้าปรากฏขึ้นมา เขาแทบจะทนไม่ไหวที่จะจัดการชายผู้นี้ให้สลายกลายเป็นจุณ!

ทันใดนั้น ชายผู้นั้นก็ตกตะลึงกับท่าทีเป็นผู้นำที่แผ่ออกมาจากชายชราจนก้าวถอยหลังไปอย่างไม่รู้ตัว ก่อนจะได้สติกลับมาและปฏิกิริยาของเขาหลังจากนั้นก็คือความโกรธ

เกือบสิบปีแล้ว แต่ครั้งใดที่เขาโกรธขึ้นมาตนก็ยังหวาดกลัว

บัดซบ!

วันนี้เขาจะต้องสั่งสอนเฒ่าชราผู้นี้ให้ดี และต้องทรมานจนกว่าตนเองจะโล่งใจขึ้น

ดังนั้น เขาจึงรีบเดินไปที่ด้านของชั้นวางอุปกรณ์ทรมานนักโทษ และหยิบเครื่องมือทรมานขึ้นมา ก่อนจะรีบพุ่งเข้าไปหาชายชราผมขาวทันที

“ฮ่าฮ่าฮ่า…ข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มรสการอยู่ไม่สู้ตายอีกครั้ง”

แต่ผู้ใดจะทราบ…

ในทันใดที่คำพูดของร่วงหล่น ชายชราผมขาวก็กระชากมือของตนขึ้นมา ทำให้โซ่ที่ละลายจนเกือบหมดแล้วถูกแตกออก ดวงตาอันเกลียดชังของเขามองไปที่ชายคนนั้นอย่างดุเดือด มือของเขากำหมัดแน่น

“เจ้า เจ้า เจ้า·····”

ชายผู้นั้นตกใจจนล้มลงไปนั่งเป็นอัมพาตอยู่บนพื้นชั่วครู่ ดวงตามองไปที่ชายชราผมขาวด้วยสีหน้าไม่เชื่อ ม่านตาขยายด้วยความหวาดกลัว

“หึ! ถึงเวลาชดใช้เลือดด้วยเลือดแล้ว”

นับตั้งแต่ตนถูกจับกุมมา ผู้รับใช้ของเขาล้วนถูกคนพวกนี้ค่อยๆสังหารไปทีละคนๆ ซ้ำยังเป็นการถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยมทุกคนล้วนตายอย่างน่าสังเวช ถ้าไม่ใช่เพราะใช้ชีวิตเข้าแลก เขาจะมีชีวิตอยู่รอดได้อย่างไร?

“ร่างกายของเข้าพังทลายมาตั้งนานแล้ว แม้กระทั่งเดินถนนยังไม่มั่นคงเสียด้วยซ้ำ เจ้านึกว่าเจ้าจะฆ่าข้าได้งั้นหรือ?”

ชายผู้นั้นหวาดกลัวถึงขีดสุด จึงได้แต่เอ่ยปลอบตัวเองขึ้นมา เขาต้องการอาศัยช่วงที่ชายชราประมาท ค่อยรับหนีออกไป จากนั้นจึงค่อยเข้าไปในวัดเพื่อขอกำลังความช่วยเหลือจากทหาร

น่าเสียดาย······

“ขอโทษด้วย หนทางหลังจากนี้ของเจ้าจบลงแล้ว!”

เสียงดังไพเราะและชัดเจนดังขึ้นจากด้านหลัง จากนั้นจึงกลายเป็นเสียง “กริ๊ก”ที่ดังขึ้น ประตูคุกถูกล็อกแล้วเรียบร้อย

ชายผู้นั้นหันกลับมาด้วยความกลัว และเห็นเป็นหญิงสาวอายุประมาณ 15 หรือ 16 ปี กำลังเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูห้องขัง และกำลังมองดูเขาราวกับเห็นศพร่างหนึ่ง

ในใจหวาดกลัวอย่างยิ่ง!

มีคนเพิ่มขึ้นมาอีกคนตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ซ้ำเขายังถึงกับไม่รู้สึกได้เลยแม้แต่น้อย ช่างน่ากลัวอย่างยิ่ง

“ต้องการความช่วยเหลือไหม?”

เมื่อมองไปที่ท่าทางโกรธแค้นของชายชราผมขาว หลานเยาเยาก็รู้ทันทีว่าเขาต้องการที่จะแก้แค้นคนที่อยู่ด้านหน้านี้ให้ตกตายเป็นร้อยครั้งด้วยมือของตนเอง

“ข้าคนเดียวก็พอ!”

“โอเค ลงมือเถอะ!” หากไม่ไหวจริงๆ เธอค่อยลงมือก็พอแล้ว

แต่ใครจะทราบ …

“อย่า อย่าฆ่าข้า ใต้เท้าข้าผิดไปแล้ว ได้โปรดท่านให้โอกาสกับข้าอีกครั้ง ข้าจะกลับตัวเป็นคนใหม่ อ๊า….”

ชายผู้นั้นหวาดกลัวจนถอยหลังกลับ เขารู้ดีในใจ ว่าต่อให้วรยุทธ์ของชายชราผมขาวผู้นี้จะถูกทิ้งร้างไม่ได้ใช้มาเนิ่นนาน แต่การฆ่าเขานั้นเป็นเรื่องง่ายดายอย่างยิ่ง แต่น่าเสียดายที่ยังไม่ทันได้พูดจบ คอของเขาก็ถูกตัดลงเสียก่อน

“จุ๊ๆ ท่านช่างมีเมตตา!”

หลานเยาเยาไม่ค่อยเข้าใจอยู่บ้าง สำหรับเศษสวะที่ใช้วิธีลงมืออย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้ การตายแบบนี้ถือว่าเมตตามากเกินไปจริงๆ

“ข้าไม่ชอบฟังเสียงสะอึกสะอื้น”

ความจริงแล้วเป็นเพราะเขาไม่ได้เดินมานานเป็นเวลาหลายปี รวมทั้งมือทั้งสองของเขาถูกพันธนาการด้วยโซ่เหล็กมาตลอด ทำให้ตนเองไม่สามารถควบคุมพลังได้ในคราเดียว….

ดังนั้น คนผู้นั้นเลยตาย!

“เอาเถอะ! พวกเราไปกันเถอะ”

สีหน้าของหลานเยาเยาเป็นธรรมชาติอย่างยิ่ง แต่ในใจกลับแตกตื่น

เธอรู้เพียงว่าชายชราผมขาวผู้นี้ไม่ธรรมดา ซ้ำยังต้องเป็นศัตรูของหลานเฉินมู๋อย่างแน่นอน แต่กลับนึกไม่ถึงว่าวรยุทธ์ของเขาจะสูงส่งล้ำลึกจนไม่อาจคาดเดาได้เพียงนี้

นั่นเป็นเพราะตอนที่เธอจับชีพจรของเขา ร่างกายของเขานั้นแทบจะพังลงมาอยู่แล้ว ซ้ำยังอ่อนแรงอย่างยิ่ง ถึงแม้จะมีกำลังภายใน แต่เมื่อดูสภาพของเขาในปัจจุบันแล้วเดิมไม่น่าจะใช้กำลังภายในออกมาได้

เพราะเห็นดังนั้นนางถึงได้เอ่ยปากถามว่าต้องการความช่วยเหลือหรือไม่!

ไม่คาดคิดเลยว่าพลังยุทธ์ของคนผู้นี้ พริบตาเดียวก็ฆ่าคนไปแล้ว…

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset