บทที่ 384 เย่หลีเฉินถูกวางยาพิษ
เมื่อมืออุ่นมือหนึ่งที่เปื้อนคราบเลือดมาวางอยู่บนไหล่ของนาง นางจึงรู้สึกไม่สงบเล็กน้อย
รีบหันกลับคว้ามือนั้นไว้……
ไม่สิ เป็นการหันกลับไปคว้ามือที่อยู่บนไหล่
เตรียมที่จะงัดไม้ตายออกมา แต่กลับพบว่าเจ้าของมือนั้นเป็นคนขับรถม้าของตนเอง นางจึงรีบรั้งมือเอาไว้
คนขับรถม้ามีสีหน้าซีดเซียว เลือดไหลออกจากรูทวารทั้งเจ็ด และค่อยๆ อ้าปาก
“เทพธิดา เร็วเข้า……”
ยังไม่ทันพูดจบ คนขับรถม้าก็ล้มลงกับพื้น และสิ้นใจไป
หลานเยาเยาคุกเข่าลง พยายามแตะแขนของเขา แต่ในขณะที่แตะแขน คนขับรถม้าก็เหมือนอนุภาคน้ำแข็งเล็กๆ แหลกสลายไปในทันที จากนั้นก็ได้หายไป
คราวนี้
หลานเยาเยาลุกขึ้นยืนในทันที
ถอยหลังก้าวไปไม่กี่ก้าวอย่างไม่น่าเชื่อ ศีรษะค่อยๆ โงนเงนเล็กน้อย
“เป็นไปได้อย่างไรกัน”
นางเคยเห็นลักษณะการตายที่กลายเป็นอนุภาคน้ำแข็งและหายลับไปเช่นนี้มาก่อน
ในป่าที่มีพวกยิงจวนกระจายอยู่ เย่แจ๋หยิ่งก็เคยโจมตีนักฆ่าของยิงจวนด้วยพลังทรงกลมใส
หลังจากนักฆ่าเหล่านั้นเสียชีวิตลง ก็เหมือนกับลักษณะหลังจากคนขับรถม้าเสียชีวิต เมื่อกลายเป็นอนุภาคน้ำแข็งจำนวนนับไม่ถ้วนก็ได้หายไป
นี่คงเป็นภาพลวงตาสินะ!
ไม่น่าเชื่อ!
ความแปรปรวนที่คล้อยตามอารมณ์ของนาง และหมอกควันที่ปกคลุมไปรอบด้านเริ่มทำให้นางกระวนกระวายขึ้นมา เงาสีขาวก็ได้หายลับไปกลายเป็นหมอกควันลวงตาอีกครั้ง……
เห็นดังนั้น!
หลานเยาเยาได้หายใจเข้าลึกๆ ทันที และปรับอารมณ์ของตนเองย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่า หลังจากละทิ้งเรื่องที่ทำให้นางไม่สบายใจเหล่านั้น หมอกควันก็ได้สงบลง เงาสีขาวก็ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ในไม่ช้าหลานเยาเยาก็มาถึงด้านหน้าประตูหินของสุสานหลัก เหลือบไปเห็นคราบเลือดนั่นบนประตูหิน ก็ได้เดินตรงเข้าไป
ภายในห้องสุสานมืดสนิทมาก อากาศก็ขุ่นมัวมาก แม้ยื่นมือออกไปก็มองไม่เห็นนิ้วทั้งห้า
หลานเยาเยาได้หยิบมุกเย่หมิงออกมา ทันทีที่มุกเย่หมิงเปล่งแสงขึ้นมา นางก็มองเห็นรอยมือเปื้อนเลือดจำนวนมากมายอยู่บนผนัง ทั้งด้านซ้ายและขวา
มองไปยังรอยมือเปื้อนเลือดที่มีขนาดแตกต่างกันเหล่านั้น ดวงตาของหลานเยาเยาก็หรี่ลงอย่างอดไม่ได้
เมื่อดูจากระดับความแห้งของคราบเลือด มีบางรอยที่เป็นรอยเก่ามานานแล้ว มีบางรอยที่เพิ่งจะทิ้งไว้
ในบรรดารอยมือที่เปื้อนเลือด นึกไม่ถึงว่าจะยังมีของเด็กด้วย
เดินไปได้ไม่ไกล หลานเยาเยาก็ได้เห็นซากกระดูกชิ้นหนึ่งอยู่บนพื้น มือและเท้ากระจายอยู่ด้านข้าง บนพื้นยังมีคราบเลือดที่แห้งมานานแล้ว
คาดว่าในตอนแรกคงจะมีคนที่ตกใจจนเตลิด ได้หนีเข้ามาด้านในสุสานหลักของสุสานหลวง เนื่องจากมองไม่เห็นว่ามีอะไรอยู่บนพื้น จึงได้เหยียบย่ำลงไปโดยตรง ทำให้ซากกระดูกมือและเท้าต่างกระจายไปด้านข้าง
เมื่อเดินไปถึงในห้องสุสานที่มีลักษณะโค้ง ฉากที่สูงตระหง่านใหญ่โตก็ปรากฏเข้าสู่สายตาในทันที
ทั้งสุสานหลักราวกับถูกชุบด้วยทองคำ เหลืองอร่ามแวววาว
ตรงไหนคือที่ฝังศพ
ที่นี่เหมือนกับสถานที่ของราชวงศ์เก่า——พระตำหนักกระดิ่งทองอย่างไรอย่างนั้น แม้แต่ตำแหน่งที่ตั้งของโลงศพ และลวดลายที่แกะสลักอยู่บนผนังหิน และเครื่องใช้ทั้งหมดก็ดูเหมือนถูกลอกเลียนนำมาวางไว้
ทำให้คนคาดไม่ถึงเรื่องเหลือเชื่อนี้
แต่!
หลานเยาเยาไม่มีอารมณ์ที่จะชื่นชมกับสิ่งเหล่านี้
และเมื่อมองไปรอบๆ ในไม่ช้า นางก็พบกับศพจำนวนหลายศพ
ในจำนวนนั้นมีโครงกระดูกสามโครงอยู่ใกล้กับกำแพงด้านซ้ายสุด พิงอยู่ซึ่งกันและกัน มีโครงกระดูกของผู้ใหญ่สองโครง และยังมีโครงกระดูกเด็กหนึ่งโครง อายุประมาณห้าหกขวบ
ดูจากเครื่องแต่งกายของพวกเขา คงจะเป็นคนเฝ้าสุสานของสุสานหลวง
นึกไม่ถึงเลยว่าพวกเขาตายมานานขนาดนี้แล้ว
เพียงแค่……
ในเมื่อคนเฝ้าสุสานล้วนตายมานานขนาดนี้แล้ว เพราะเหตุใดฮ่องเต้จึงไม่ให้คนมาเฝ้าสุสานอีก
คำถามเหล่านี้แค่แวบเข้ามาในหัวเท่านั้น หลานเยาเยาไม่ได้คิดอะไรมากกับเรื่องนี้ จึงเริ่มตามหาเย่หลีเฉินในสุสาน
ค้นหาไปรอบๆ แต่กลับไม่พบเงาร่างของเย่หลีเฉินเลย
แต่หลานเยาเยากลับพบว่า ระดับความแปลกประหลาดของภายในห้องสุสานนี้ มีมากกว่าหมอกวันภายนอก
ในห้องสุสานแห่งนี้ นอกจากโลงศพทองคำที่ตั้งอยู่บนบันไดเก้าชั้นตรงด้านในสุดซึ่งเปิดอยู่ ที่เหลือก็จะเป็นโลงศพสองแถวที่ถูกตอกผนึกไว้อย่างแน่นหนา
โลงศพทองคำน่ะหรือ!
เหอะ ฮ่องเต้ช่างมีรสนิยมมาก และวางแผนที่จะนอนในโลงศพทองคำหลังจากผ่านไปร้อยปี
หากโจรปล้นสุสานมาพบสถานที่นี้เข้า คาดว่าสิ่งแรกที่ต้องประสบก็คงจะเป็นโลงศพทองคำสินะ!
ดังนั้น!
หลานเยาเยาจึงเดินไปที่โลงศพทองคำทีละก้าว เดิมทีนางจะไปตรงขั้นบันได
แต่กลับพบว่าขั้นบันไดทั้งสองข้างสะอาดอย่างผิดปกติ และบริเวณทางลาดที่เชื่อมบันไดทั้งสองด้านมีลวดลายเมฆอยู่ด้านบน บนลวดลายนั้นมีคราบเลือดอยู่ อีกทั้งเพิ่งแห้งได้ไม่นาน
ดูเหมือนว่า เย่หลีเฉินจะไม่ได้ซ่อนอยู่หลังโลงศพทองคำ หรืออาจจะซ่อนอยู่ในโลงศพทองคำ
ดังนั้น นางจึงไม่ได้ก้าวขึ้นไปบนบันได แต่เดินขึ้นจากทางลาดระหว่างบันไดทั้งสองด้าน
เดินตามคราบเลือดบนพื้นไป หลานเยาเยาก็ได้มาถึงด้านข้างโลงศพทองคำ เมื่อมองไปยังด้านใน ก็ได้เห็นเย่หลีเฉินที่มีใบหน้าซีดเซียวราวกับกระดาษ มุมปากของริมฝีปากที่กลายเป็นสีดำมีคราบเลือดอยู่
อีกทั้งดวงตาข้างหนึ่งก็มีเลือดไหลออกมา
เขาถูกวางยาพิษเข้าแล้ว!
หลานเยาเยาเม้มริมฝีปากแน่น และเอื้อมไปจับชีพจรของเขาทันที หลังจากรู้ว่ายังมีชีพจรอยู่
นางจึงได้หยิบเข็มเงินออกมาทันที และเจาะลงไปยังจุดเลือดลมของเย่หลีเฉิน
ผ่านไปไม่นาน เย่หลีเฉิน ก็ฟื้นขึ้นจากภวังค์ เมื่อเห็นว่าภาพที่ปรากฏขึ้นในดวงตาคือเทพธิดา
เขาค่อยๆ อ้าปาก
“เทพธิดาหรือ”
ไม่ได้ยินการตอบกลับ เย่หลีเฉินก็ยกมือขึ้นโบกไปมา หลังจากสัมผัสกับเส้นผมที่ร่วงลงมา
เย่หลีเฉินได้ถอนหายใจอย่างเงียบๆ ด้วยความโล่งอก
“เข้าไม่ใช่ภาพลวงตาหรอกหรือ” เมื่อนึกถึงภาพลวงตาเหล่านั้นก่อนหน้านี้ เขายังคงมีความหวาดกลัวหลงเหลืออยู่ในใจ “รีบหนีไป ที่นี่อันตราย”
“ยังมีแรงพูดก็ดี”
หลานเยาเยามองไปที่เย่หลีเฉิน พบว่าตอนนี้เสื้อผ้าขององค์ชายรัชทายาทได้ขาดรุ่งริ่ง บนร่างกายยังมีบาดแผลมากมาย ซึ่งมีความลึกที่แตกต่างกัน
โลงศพทองคำเต็มไปด้วยคราบเลือด
ดูเหมือนว่าเย่หลีเฉินไม่เพียงแต่ถูกวางยาพิษ แต่ยังติดอยู่ในภาพลวงตาของหมอกควันด้านนอก
ดังนั้น!
นางจึงหยิบยาเม็ดสีขาวเม็ดหนึ่ง ใส่เข้าไปในปากเขา
“อ้าปาก กินยาถอนพิษเข้าไป”
“ได้!”
เย่หลีเฉินอ้าปากอย่างว่าง่าย ขณะที่เขากำลังกินยาเม็ดเข้าไป สีหน้าเคร่งเครียดในทันที
ยื่นมือตรงออกไปคว้าข้อมือของหลานเยาเยา จากนั้นก็ออกแรงดึง และดึงหลานเยาเยาเข้าไปในโลงศพทองคำ
หลานเยาเยารู้สึกได้ถึงเจตนาของการฆ่า ขณะที่กำลังหันกลับ ก็ถูกเย่หลีเฉินดึงเข้าไปในโลงศพแล้ว ในขณะที่กำลังวิงเวียน ก็ได้ถูกเขากดเอาไว้ใต้ร่าง
“ฉึก!”
เสียงของคมมีดที่แทงเข้าไปยังเลือดเนื้อได้ดังขึ้น
หลานเยาเยาก็ได้เห็นท้องของเย่หลีเฉินที่ถูกคนแทงทะลุด้วยดาบยาว……
เลือดที่ปลายดาบไหลตามคมดาบหยดลงบนร่างกายของนางทีละหยด เมื่อเลือดที่อุ่นได้สัมผัสกับผิวหนัง กลับทำให้นางรู้สึกถึงความร้อนที่ผิดปกติ
“เย่หลีเฉิน เจ้า……อยากตายหรืออย่างไร”
พูดจบ!
เมื่อเห็นว่าคมมีดได้ถูกดึงออกไปแล้ว ผู้ที่ลอบสังหาร คงจะนึกไม่ถึงเช่นกันว่าคนที่ถูกแทงคือองค์ชายรัชทายาท จึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง หรือว่าจะตัดสินใจแทงไปอีกดาบ
ในตอนนี้ หลานเยาเยาได้พลิกตัวออกมาจากใต้ร่างของเย่หลีเฉินแล้ว
และได้โบกมือปล่อยเส้นไหมสีเงินออกไป พันรอบดาบยาวของผู้ที่ลอบสังหาร หลังจากนั้น ดาบของคนนั้นก็ตกมาอยู่ในมือของนาง
นางตัดสินใจที่จะจัดการกับผู้ลอบสังหารให้เสร็จสิ้น
คนผู้นั้นก็ตื่นตกใจ และรีบตะโกนเสียงดัง “ช้าก่อน!”
ยังไม่ทันรอให้หลานเยาเยาหยุดความเคลื่อนไหวในมือ เขาก็ได้ดึงผ้าสีดำที่ปกปิดใบหน้าออกก่อนแล้ว ใบหน้าที่คุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า
หลานเยาเยาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ……