หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – ตอนที่ 415 ถ้าเชื่อใจได้ก็ตามข้ามา

บทที่ 415 ถ้าเชื่อใจได้ก็ตามข้ามา

เทพธิดาที่อยู่เหนือมวลชน ที่ประชาชนมากมายเลื่อมใสศรัทธาในวันนั้น วันนี้กลับถูกตาเฒ่าคนหนึ่งไล่ตามจนวิ่งไปรอบตำหนัก ยอมแม้กระทั่งหลบซ่อนอยู่ในกองหญ้า แม้แต่ข้าวเย็นยังต้องให้เขาแอบส่งมาให้

พูดออกไปใครจะเชื่อ?

“ไม่ได้ถูกสะกดรอยตามใช่ไหม? ตาเฒ่าหนังเหนียวนั่นรับมือได้ยากจริงๆ”

เห็นสายตาระแวดระวังเล็กๆของคุณหนูตน จื่อเฟิงกระตุกมุมปากอย่างหาได้ยาก จากนั้นกระแอมไอเบาๆ

“คุณหนูวางใจได้”

พูดจบก็ยื่นอาหารที่อยู่ในมือให้กับนาง

“ยังดีที่เป็นเจ้า ถ้าเป็นจื่อซี คาดว่าคงถูกตาเฒ่าหนังเหนียวจับได้แล้ว” หลานเยาเยารับอาหารมาแล้วก็เริ่มกินขึ้นมา

ในช่องว่างที่ระบบรักษาไม่มีของเหลือแล้ว ไม่อย่างนั้นนางก็คงไม่หิวขนาดนี้ ที่สำคัญคือตาเฒ่าหนังเหนียวรู้นิสัยใจคอนางดีเกินไป

สถานที่ที่ซ่อนตัวเมื่อวานกับเมื่อวานก่อนไม่สามารถซ่อนตัวได้แล้ว ทำให้นางต้องหลบๆซ่อนๆไปทั่ว นี่เป็นตำหนักเทพธิดาของนางนะ!

กินข้าวไปครึ่งหนึ่ง เห็นว่าจื่อเฟิงมีอะไรจะพูด

เลยถาม: “มีข่าวร้ายอะไรใช่ไหม?”

“อืม!” จื่อเฟิงพยักหน้าอย่างจริงจัง

หลานเยาเยาเอามือก่ายหน้าผากทันที ถอนหายใจอย่างจนปัญญาเฮือกหนึ่ง: “เจ้าพูดเถอะ! ข้าเตรียมใจเอาไว้แล้ว”

“คุณหนู ค่อยพูดหลังกินข้าวเสร็จแล้วดีกว่า!”

เอ่อ……

ร้ายแรงขนาดนั้นเลยหรือ?

นางมองดูจื่อเฟิงด้วยความสงสัย ถ้าเป็นจื่อซียังมีการล้อเล่นกับนางเป็นครั้งคราว แต่กับจื่อเฟิงแล้วไม่มีเลย ดังนั้นนางจึงรีบสวาปามข้าวไปสองสามคำ หลังจากที่กินอิ่มแล้ว

ก็ทำท่าทางพร้อมยอมรับชะตากรรม: “เจ้าพูดเถอะ!”

“พ่อบ้านสั่งให้คนเฝ้าห้องหนังสือ ห้องบรรทม ห้องยา ประตูหลัง แม้กระทั่งกำแพงก็ยังเฝ้าเอาไว้แล้ว ขอเพียงเห็นแค่เงาของท่าน พวกเขาก็จะส่งสัญญาณให้ซึ่งกันและกัน จะต้องบีบบังคับให้ท่านพูดถึงสาเหตุที่แตกหักกับอ๋องเย่อย่างสิ้นเชิงออกมาให้ได้”

ทีนี้หลานเยาเยาเบิกตากว้าง ท่าทางปวดหัวมาก

ตาเฒ่าหนังเหนียวคนนี้ร้ายมากจริงๆ นางเป็นเจ้าสำนักของพวกเขานะ! กล้าปฏิบัติต่อนางเช่นนี้ นี่จะก่อกบฏกันใช่ไหมเนี่ย?

ที่นี่ก็น่าจะไม่ปลอดภัยแล้ว นางจะต้องหาที่ที่ปลอดภัยกว่านี้ ดูท่า นางจะต้องซ่อนลงไปใต้ดินเหมือนยู่หลิวซูกับถิงเมี่ยนซะแล้ว

หลานเยาเยารู้สึกว่าวิธีนี้ใช้ได้

เวลานี้ จื่อเฟิงถามด้วยความสงสัย “คุณหนู ทำไมท่านไม่บอกความจริงกับพวกเขา”

“ยังไม่ใช่เวลา เมื่อพวกเขาไม่สามารถทำอะไรข้าได้แล้ว ก็จะเชิญตาเฒ่าเย่นมาคุมนางเอง”

ตาเฒ่าเย่นตาแก่เวร

ปัดความรับผิดชอบไปนานหลายปีขนาดนี้ ยังจะชักช้าไม่ยอมปรากฏตัว นางจะต้องบีบเขาไม่ใช่หรือ?

ทันใดนั้น!

“นังเด็กเวร ในที่สุดก็หาเจ้าเจอ ดูสิว่าครั้งนี้เจ้ายังจะหนีไปไหนได้?”

เสียงนี้ดังออกมา หลานเยาเยาก็รู้สึกหลอนแล้ว

แม่เจ้า!

เร็วขนาดนี้? !

นางมองไปที่จื่อเฟิงทันที สงสัยอย่างแรงว่าเขาเป็นคนแพร่งพรายความลับ

จื่อเฟิงรีบส่ายหน้าทันที

เขาระวังตัวอย่างมาก ไม่ถูกสะกดรอยตามอย่างแน่นอน พ่อบ้านจะต้องเป็นคนหาเจอเองแน่ๆ

หลานเยาเยาไม่มีเวลาสอบสวนจื่อเฟิงแล้ว เห็นตาเฒ่าหนังเหนียววิ่งมาทางพวกเขา นางขยิบตาให้จื่อซีอย่างรวดเร็ว ทั้งสองรีบวิ่งหนีไปอย่างเร็วมากทันที

สุดท้ายก็ไปซ่อนตัวอยู่ในคุกมืดถึงได้รอดพ้นจากการไล่ตามของตาเฒ่าหนังเหนียวได้

ทั้งสองวิ่งจนเหงื่อเต็มหน้าผาก ในที่สุดตอนนี้ก็สามารถพักหายใจได้เสียที

แต่ไม่ช้า พวกเขาก็พบสายตาที่แปลกประหลาด

ทั้งคู่มองไปทางประตูเหล็กพร้อมกัน พบว่านักฆ่าที่ถูกพวกเขาจับได้ก่อนหน้านั้นยังถูกขังอยู่ข้างใน อีกทั้งยังมองพวกเขาอย่างมึนงง

หลานเยาเยามองไปที่จื่อเฟิงอย่างสงสัย คล้ายกับกำลังถามว่า: เขายังไม่ตาย?

จื่อเฟิงช่วยนางไขข้อสงสัยทันที: “ตั้งแต่วันนั้นที่เขาบอกทุกอย่างออกมาแล้วจากนั้นก็ไม่มีใครสนใจเขาอีกเลย”

แน่นอนว่าไม่มีใครสนใจในที่นี้ หมายถึงการไม่ลงทัณฑ์ ข้าวยังส่งให้ตามปกติ ไม่อย่างนั้นศพของนักฆ่าคนนี้ตอนนี้คงจะเหม็นเน่าไปแล้ว

“เอาเขาไปขังที่อื่น”

ตอนนี้ตกอับจนถึงขั้นต้องแย่งชิงห้องขังกับนักโทษ นางก็จนใจมากเช่นกัน

จากนั้น จื่อเฟิงก็พาตัวนักฆ่าไป

หลังจากนั้นไม่นาน ในตอนที่เขากลับมาอีกครั้ง ในมือถือจดหมายกองหนาเอาไว้

นี่คือสิ่งที่หลานเยาเยาสั่งให้เขาไปเอามาจากห้องหนังสือ ก่อนที่จะพานักฆ่าออกไป

เยอะแยะขนาดนี้

ดูเหมือนหลายวันมานี้คนที่มาเยี่ยมทักทายถึงที่ คงใกล้จะเหยียบธรณีประตูพังแล้ว

“มีบัตรเชิญของจวนเฉิงเสี้ยงไหม?”

“เรียนคุณหนู มี ถังมู่หวั่นจากจวนเฉิงเสี้ยงสั่งให้คนส่งมา เชิญคุณหนูท่านไปชมดอกไม้ที่สวนว่างฮัว เพื่อเป็นการขออภัยและไถ่โทษ”

“สวนว่างฮัว? !”

ง่วงนอนก็มีคนส่งหมอนมาให้จริงๆ!

“จะตอบกลับไหม?”

“ยังไม่ตอบชั่วคราว รอให้นางเชิญเป็นครั้งที่สองค่อยตอบ”

หลังจากที่จื่อเฟิงไปแล้ว หลานเยาเยาจับปอยเส้นผมเล่นอยู่ในมือ

ยังมีเวลาสักพักก่อนจะไปทะเลทรายสั่งสอนฮ่องเต้ที่ใช้แผนยุให้แตกคอแล้ว ก็ควรจะต้องสั่งสอนคนที่ใช้แผนยุให้แตกคออีกคนแล้วเช่นกัน

เพื่อให้เทพธิดาคนที่สองสามารถออกไปข้างนอกได้

เวลากลางดึกหลานเยาเยาก็ออกจากตำหนักไปเงียบๆแล้ว

เดินอยู่บนถนนใหญ่อย่างไร้จุดหมาย

ตอนนี้ใกล้จะถึงยามจื่อ(ห้าทุ่มถึงตีหนึ่ง) บนถนนหนทางว่างเปล่าไม่มีคนอยู่เลย แม้แต่บ้านที่อยู่ข้างถนนทั้งสองฝั่งก็ดับไฟไปแล้ว

ท้องฟ้าในคืนนี้มีพระจันทร์แขวนอยู่ และแสงจันทร์ยังส่องสว่างไสวมาก แต่เดินไปเดินไปนางก็พบความผิดปกติ

มีคนกำลังสะกดรอยตามนางอยู่……

วรยุทธของคนคนนั้นต้องสูงมากแน่ หากไม่ใช่ว่าคนคนนั้นไม่ระวังตัว น่ากลัวว่าจนถึงตอนนี้นางจะยังไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำ

นางกำลังคิดหาวิธี ดูสิว่าจะหลุดพ้นจากคนที่สะกดรอยตามอย่างไรดี จู่ๆก็เห็นข้างหน้ามีผู้ชายคนหนึ่งกำลังเดินมาทางนาง

คนคนนั้นสวมชุดสีขาว สูงและผอม ในมือถือเหล้าไว้ขวดหนึ่งเดินมาอย่างโซซัดโซเซ ดูเหมือนจะเมาเล็กน้อยแล้ว

แต่ว่า……

หลานเยาเยากลับรู้สึกคุ้นเคยกับคนนี้เล็กน้อย

รอให้เขาเดินเข้ามาใกล้แล้วมองดู นางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย นี่ไม่ใช่ซื่อจื่อเซียวจิ่นหยูของจวนเจ้าพระยาซื่อสัตย์หรอกหรือ?”

คิดไม่ถึงว่าจะบังเอิญขนาดนี้?

มาได้ดีไม่สู้มาได้ถูกจังหวะ ในเมื่อพบกันโดยบังเอิญแล้ว เช่นนั้นก็……

สายตาของหลานเยาเยาเป็นประกายเล็กน้อย เข็มเงินปรากฏขึ้นมาในมือในชั่วพริบตา จากนั้นไม่พูดพร่ำทำเพลงจู่โจมไปที่เซียวจิ่นหยูโดยตรง ด้วยความเร็วที่รวดเร็วมาก คนทั่วไปไม่สามารถหลบเลี่ยงออกไปได้

แต่เป็นเซียวจิ่นหยูก็ไม่แน่แล้ว

เขาเมาเล็กน้อยแล้ว แต่สัญชาตญาณการระวังตัวสูงมาก หลบหลีกเข็มเงินที่นางยิงออกไปได้อย่างง่ายดายมาก จากนั้นหมุนตัวแวบเดียวก็มาถึงตรงหน้านาง

เดิมอยากจะลงมือกับนาง หลังจากที่เห็นใบหน้านางชัดเจนแล้วก็หยุดชะงักไปทันที

“เจ้าเองหรือ”

เขาสงสัยมาก กลางดึกเช่นนี้ทำไมเทพธิดาถึงปรากฏตัวที่นี่? แถมยังลอบทำร้ายเขาด้วย

หลายวันก่อน เรื่องที่นางกับเย่แจ๋หยิ่งจากเพื่อนกลายเป็นศัตรูกันร่ำลือไปทั่ว หรือว่านางจะรู้ว่าเขากับเย่แจ๋หยิ่งแอบไปมาหาสู่กันอย่างลับๆ ดังนั้น……

“เซียวซื่อจื่อ ทำไมถึงเป็นท่าน?” หลานเยาเยาแสร้งทำประหลาดใจ กล่าวอย่างระมัดระวังตัวว่า “คิดว่าเป็นคนที่มาลอบสังหารข้าเสียอีก ไม่ทราบว่าดึกขนาดนี้แล้วทำไมเซียวซื่อจื่อถึงปรากฏตัวที่นี่ได้?”

เมื่อคำพูดนี้ออกมา

เซียวจิ่นหยูขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้ “เจ้ากำลังสงสัยข้า”

เขายกขวดเหล้าในมือขึ้นมา ยกไปทางนาง กลิ่นเหล้าที่หอมกลมกล่อมก็วนเวียนอยู่ที่ปลายจมูกของหลานเยาเยา อย่างไรก็ลืมไม่ลง

“ถูกลอบสังหารจนชินแล้ว เห็นใครก็รู้สึกน่าสงสัยไปหมด ก่อนหน้านั้นถูกนักฆ่าลอบสังหาร ตอนนี้ก็ถูกคนสะกดรอยตาม และเซียวซื่อจื่อก็บังเอิญปรากฏตัวขึ้นพอดี จะไม่ให้คนสงสัยขึ้นมาได้อย่างไร แต่ว่า ตอนนี้ดูท่าจะเป็นการเข้าใจผิดกัน”

ลอบสังหาร?

สะกดรอย?

ครั้งนี้ สมองของเซียวจิ่นหยูปลอดโปร่งขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว ตาทั้งคู่ของเขามองสังเกตไปรอบๆๆอย่างระมัดระวัง ดูเหมือนจะพบความผิดปกติเช่นกัน

ดูท่าเทพธิดาไม่ได้หลอกเขา นางแค่คิดว่าเขาเป็นมือสังหาร ดังนั้นถึงลงมือกับเขา

“คนที่อยู่ในที่ลับน่าจะเก่งมาก ข้ารู้จักสถานที่ที่ปลอดภัยที่หนึ่ง หากเทพธิดารู้สึกว่าเชื่อใจข้าได้ ก็ตามมา”

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset