บทที่ 488 เลือดเปื้อนบ่อน้ำโบราณ
จากที่ตกตะลึงไปชั่วขณะ หลังจากที่หลานเยาเยาใช้รูปแบบการรักษาการจำศีล นางก็ยังไม่ทันได้คิดอะไรให้ละเอียด ด้านนอกก็มีเสียงฝีเท้าประหลาดดังขึ้นมา เสียงเบาแต่ชัดเจนล้ำลึก
ไม่เหมือนเสียงฝีเท้าของคนปกติควรจะมี
ทีละก้าว ละก้าว
“ตัก ตัก ตัก……”
เสียงใกล้เข้ามาเรื่อยๆ หลังจากที่เข้ามาใกล้ที่สุด เสียงฝีเท้าก็หยุดไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ค่อยๆไกลออกไป……
มีเสียง“แอ๊ด”!
หลานเยาเยาเปิดประตูบ้าน มองไปยังทิศทางที่เสียงไกลออกไป มีแต่ความมืดมิด มองอะไรไม่เห็นสักอย่าง
หยิบมุกเย่หมิงออกมา ทันใดนั้นก็ส่องแสงสว่างบริเวณกว้าง
นางยกเท้าตามเสียงฝีเท้าไปอย่างไม่ลังเล
นั่นเป็นทางที่มุ่งไปยังต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ในหมู่บ้าน!
บ่อโบราณต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์
ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ในยามกลางคืนสูงใหญ่และดำสนิท นอกจากจะได้ยินเสียงลมพัดใบไม้แล้ว ก็ไม่มีเสียงอะไรอีก แม้เสียงที่หลานเยาเยาติดตามมา พอหลังจากเข้าใกล้ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แล้ว ก็หายไป
“อ๊า……”
เสียงอู้อี้น่าเวทนาดังขึ้นมา
จากนั้นก็มีเสียงโซ่เหล็กสั่นดังขึ้นมา ส่งเสียงก๊อกแก๊งๆ น่าสะพรึงกลัวมาก
ตอนที่หลานเยาเยาเข้าใกล้ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์
ก็เอามุกเย่หมิงเก็บขึ้นมา
ทันใดนั้น!
ก็มีคล้ายๆกลิ่นคาวของเลือดวนเวียนอยู่ที่จมูก นางขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นยิ่งก้าวฝีเท้าไปข้างหน้า กลิ่นคาวเลือดก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
เท้าที่เหยียบไปบนใบไม้สีเหลืองทอง ก็ส่งเสียงเล็กๆ
แต่ตอนนี้ หลานเยาเยาเดินมาอยู่ตรงหน้าต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ใต้เท้าก็เหมือนเหยียบเข้ากับของเหนียวๆ
คุกเข่าลงไป เอามุกเย่หมิงออกมาส่อง ก็คือแอ่งเลือดสดๆ
“ก๊อกแก๊งๆ……”
เป็นเสียงโซ่เหล็กสั่นอีกครั้ง ซึ่งอยู่ใกล้กับตัวเองมากๆ
จู่ๆหลานเยาเยาก็รู้สึกถึงสิ่งผิดปกติ ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เงาดำก็โจมตีมาอย่างรวดเร็ว นางแฉลบตัวหลบเล็กน้อย เงาดำและนางนั้นสวนผ่านกัน พร้อมกับพากลิ่นคาวเลือดอย่างรุนแรงมาด้วย
หลังจากนั้นเงาดำก็กลับมาอีกครั้ง เหมือนกับการแกว่งชิงช้า และยังคงมีเสียงสั่นก๊องแก๊งของโซ่เหล็กตามมาติดๆ
เพียงแต่ในตอนค่ำคืน มันดูน่ากลัวมาก
สั่นสองสามที ก็ไม่ได้ทำให้ถึงตาย
หลานเยาเยาออกแรงดึงเงาดำนั้น เสียงของโซ่เหล็กสั่นก็หยุดทันที รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างสาดมาบนตัว
พอใช้มุกเย่หมิงดู คือเลือด!
รูม่านตานางหดลงมาทันที
มองของที่นางดึงมาอยู่ในมือทันที ที่แท้ก็มีคนตายคนนึง ถูกใช้โซ่เหล็กแขวนอยู่บนต้นไม้ ทั้งตัวชุ่มไปด้วยเลือด ตายยังไม่หลับตา ‘จ้อง’ตรงมายังนาง เห็นได้ชัดว่าหลานเยาเยานั้นไม่กลัว แต่ขนลุกขนพองไปทั้งตัว
พอเห็นผู้ตายอย่างชัดเจนแล้ว คิ้วนางก็ขมวดแน่นทันที
“เป็นเขา!”
ก่อนพระอาทิตย์จะตกดิน ก็เจอคนนี้ที่ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์นี่
“แซบแซบ……”
ใบไม้ขยับเล็กน้อย เหมือนกับเสียงลมพัดใบไม้มาก
แต่หลานเยาเยากลับเงยหน้าขึ้นทันที มองไปยังต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่เจริญงอกงามและดำสนิท ริมฝีปากเปิดออกเบาๆ:
“ออกมา!”
มีคนอยู่บนต้นไม้
แทบจะทันทีที่เปร่งเสียงออกมา ร่างของนางก็ห่างออกจากพื้น บินไปยังบนต้นไม้โบราณอย่างรวดเร็ว เท้ายังไม่ทันได้ยืนนิ่ง ก็เหมือนมีเงาดำแว็บผ่านหน้าไปด้วยความเร็วมาก
หลานเยาเยาวาดหลังมือไปคว้า และข่วนเสื้อตรงอกของเงาดำ ดูเหมือนจะจับได้เลือด
แต่เขาก็ยังวิ่งหนี……
แตะปลายเท้าเบาๆ ไล่ตามไปราวกับผี
แต่ร่างนั้นหลบหนีได้อย่างฉลาด ใช้ความไม่เข้าใจพื้นที่ในหมู่บ้านของนาง วิ่งไปวิ่งมาในหมู่บ้านเงียบๆ สุดท้ายก็หายไปในความมืด
นางไม่ได้ไล่ตามไปต่อ และก็ไม่ได้กลับไปที่บ่อน้ำโบราณต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์นั้น
แต่กลับไปยังห้องพักชั่วคราวของตนเอง ทำเสียงกรอบแกรบสักพัก ถึงจะไปยังบ้านของคนสวนที่ยู่หลิวซูอยู่
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก……”
นางเคาะหน้าต่างบานที่ทรุดโทรมสามครั้ง ด้านในก็มีเสียงอ่อนโยนราวกับสายน้ำดังขึ้นมา:
“เจ้าสำนัก?”
“เปิดหน้าต่าง ออกมาพบกันก่อน!”
“……”ดึกแล้ว เจ้าสำนักอย่าซนได้ไหม? ถ้าให้อ๋องเย่รู้เข้า เขาจะยังมีชีวิตอยู่ไหม?
แต่ว่า!
เจ้าสำนักสั่งมา เขาหรือจะกล้าไม่เปิดหน้าต่าง?
คิดไม่ถึงว่า พอเขาเปิดหน้าต่างออกไป แม้แต่หน้าของหลานเยาเยายังไม่ทันเห็น ก้อนดำสนิทก็ถูกโยนมาอยู่ในอ้อมแขนของเขา
เขามองเข้าไปใกล้ๆอย่างละเอียด ดูเหมือนจะเป็นห่อของ
“เจ้าสำนัก นี่คือ?”
ในกลางดึก หลานเยาเยาเอาห่อของมาให้เขา มันหมายความว่าอย่างไร? ไม่ใช่ว่าให้เขาจากไปใช่ไหม?
“เก็บให้ดีๆ ห้ามเปิดเด็ดขาด พรุ่งนี้จะต้องมีประโยชน์”
พูดจบก็ไป ทิ้งให้ยู่หลิวซูสับสนมึนงง
……
วันที่สอง ฟ้าเพิ่งสว่าง เสียงกรีดร้องดังทะลุของหญิงคนหนึ่งดังขึ้น เหมือนกับเจอบางอย่างที่น่ากลัว
หลานเยาเยาที่ถูกรบกวน ก็ขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์ พลิกตัวนอนต่อ
ร้องอะไรนัก ก็กะอีแค่คนตายไม่ใช่รึไง?
ในไม่ช้า!
เช้าตรู่ที่เดิมทีเงียบสงบ ก็เปลี่ยนเป็นวุ่นวายมะรุมมะตุ้ม เสียงดังคึกคาม เสียงที่วิ่งผ่านบ้านเป็นครั้งคราวพวกนั้น ทำให้หลานเยาเยาหลับต่อไปไม่ได้จริงๆ
ในขณะนั้นเอง!
เสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างร้อนรน: “ท่านทวด ท่านเรียกเทพธิดาในห้องให้ตื่นเร็วเข้า ในหมู่บ้านเกิดเรื่องใหญ่แล้ว ต้องการให้เทพธิดาไปดู”
“เกิดเรื่อง? เกิดเรื่องอะไรหล่ะ?”
“ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์สำแดงอิทธิฤทธิ์แล้ว นักเลงหมู่บ้านที่ทำเรื่องชั่วนั่น ถูกโซ่เหล็กเกี่ยวไว้บนต้นไม้ตาย ท่าทางผิดปกติน่ากลัว” คนที่เคาะประตูอธิบาย
“เขาตาย ตายแล้ว? นั่นก็สาสมนี่ เป็นเรื่องที่ดี งั้นทำไมต้องเรียกเทพธิดาไปด้วย?”ท่านทวดไม่เข้าใจ
ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์สำแดงอิทธิฤทธิ์ ก็ไม่ใช่ครั้งแรก ทุกครั้งที่ตายก็คือคนเลว พวกเขาชาวบ้านก็หวังว่าจะประสบความสำเร็จ
แต่ว่า!
เทพธิดาที่อาศัยอยู่ในบ้านนาง ดูภูมิหลังเหมือนจะไม่ธรรมดา กิริยาท่าทางการกระทำล้วนตื่นตาไม่เจียมตัว พวกเขาเหล่าคนธรรมดาตัวเล็กๆ ก็สนใจแค่ปรนนิบัติให้ดีๆก็พอ
ฟังจากลูกน้องของเทพธิดาบอกว่า เทพธิดาจะโมโหตอนตื่น ถ้าไปรบกวน จะไม่มีผลดีอะไรเลย
“ถ้าท่านไม่ไปดูที่ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์นั่น ท่านจะต้องไม่รู้เรื่องอะไรเลย นักเลงหมู่บ้านตายแล้ว ที่จริงมันก็พอใจ แต่เลือดของเขากลับผสมไปกับบ่อน้ำโบราณ เวลาคืนหนึ่ง น้ำพุในบ่อศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ไหลแล้ว ผู้ใหญ่บ้านคิดว่า เกรงว่าต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์จะชี้แนะอะไร ดังนั้นจึงมารบกวนเทพธิดา ที่ได้ความคุ้มครองจากพระเจ้า”
บ่อโบราณเพราะเลี้ยงหมู่บ้านมาหลายชั่วอายุคน ถ้าไม่มีบ่อโบราณ แล้วพวกคนในหมู่บ้านจะทำอย่างไร?
“เอ๋? มีเรื่องนี้ด้วยหรือ? ข้าจะไปเชิญเทพธิดามา”
เห็นได้ชัดว่าท่านทวดนั้นร้อนรนแล้ว
หมุนตัวจะไปเคาะห้องที่หลานเยาเยานอน
แต่ทว่า พอสิ้นเสียง
ก็มีเสียง “แอ๊ด” ประตูห้องที่หลานเยาเยาอยู่เปิดออก หลานเยาเยาแต่งตัวตัวเรียบร้อย ยืนอยู่หน้าประตู พูดเสียงเคร่งขรึมว่า:
“ไม่ต้องเรียกแล้ว ไปตอนนี้แหล่ะ!”
ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ในหมู่บ้าน
ตอนที่หลานเยาเยาไปถึง ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ก็ถูกกลุ่มคนรุมล้อมไว้หนาแน่น ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้าน หรือว่าจะเป็นคนที่เพิ่งเข้ามาอาศัยอยู่เมื่อวาน ก็มากันแทบหมด
แน่นขนัด อีกทั้งยังจ้อกแจ้กจอแจผิดปกติ
เมื่อเห็นว่านางมา ทุกคนก็ทยอยเปิดทางเล็กๆให้ แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและรอคอย
เดินเข้าไปดู!
หลานเยาเยาขมวดคิ้วฉงนยิ่งกว่าเมื่อคืน
เมื่อคืนรู้แค่ว่ามีคนตาย ผู้ตาย ถูกคนใช้โซ่เหล็กเกี่ยวกระดูกซี่โครงทั้งสองข้างไว้ และแขวนอยู่บนต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ รอยเลือดที่อยู่บนร่างกายแห้งไปหมด บนพื้นล่างเท้าคือใบไม้ร่วงสีเหลืองทอง ด้านบนเต็มไปด้วยแอ่งเลือด
พอคิดถึงฆาตกรที่หลุดหนีไปจากมือเมื่อคืน
หลานเยาเยาก็รีบมองไปรอบ สุดท้ายก็หยุดสายตาอยู่ที่ฮ่องเต้ในชุดสีเหลือง หลังจากนั้นก็ย้ายสายตา กวาดตามองผ่านบางคนไป เอ่ยถามว่า:
“คนผู้นี้คือใคร? ตายมานานเท่าไหร่?”