บทที่ 593 ภรรยาหนีไปอีกแล้ว
นางนั่งยองลงบนพื้น น้ำตาที่กลั้นไว้ไม่ได้ไหลออกมา นิ่งเงียบครู่หนึ่งแล้วกลับยิ้ม
ฉับพลันนั้น ด้านหลังมีเสียงดังขึ้น
“เขาพูดอะไรกับเจ้า?”
เย็นหงลุกขึ้นหันกลับไปมอง เป็นจื่อเฟิง เขายังคงองอาจห้าวหาญ เย็นชาเหมือนเดิม แต่นางรู้นี่เป็นเพียงภายนอกของเขา ใจของเขาอบอุ่นและใจดี
นางขอบคุณเทพธิดา จื่อเฟิงและจื่อซีติดตามเทพธิดาไม่กี่ปีนั้น พวกเขาไม่เป็นองครักษ์ลับที่ไม่มีความรู้สึกอีกแล้ว พวกเขาเปลี่ยนเป็นมีเลือดมีเนื้อ และมีจิตวิญญาณ ในห้องควบคุมกลไกทั้งหมดของวังทองที่ทะเลทราย เดิมทีนางถูกฝังอยู่ในซากปรักพักพังแล้ว จื่อเฟิงที่ร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัสช่วยออกมา พานางออกมาจากทะเลทรายที่น่ากลัว
หลังจากกลับถึงเมืองหลวง นางคิดว่าเขาต้องการจะแยกทางแล้ว
กลับคิดไม่ถึงเขาแอบช่วยเหลือนางมาโดยตลอด ทุกครั้งที่ออกมาหาทิวทัศน์ที่สวยงามแทนอ๋องเย่ เมื่อไปก็เป็นเวลาเนิ่นนานมาก แต่ทุกครั้งที่กลับมาเขาจะปรากฏตัวหนึ่งครั้ง
จนกระทั่งนางได้ศึกษาทำความเข้าใจแผนที่กลไกในวังทองของทะเลทรายเล็กน้อย อีกทั้งได้รับการแนะนำอาจารย์ที่เก่งกาจเป็นพิเศษด้านกลเม็ดกลไกท่านหนึ่งจากยู่หลิวซูเจ้าสำนักสำนักหงอี นางจึงมีความสามารถในการติดตั้งกลไกในตอนนี้
หลังจากเข้าร่วมหมู่บ้านเหมยฮัว ทำคะแนนออกมาได้นิดหน่อย ได้รับการยอมรับจากลูกพี่ทั้งสอง นางกลายเป็นลูกพี่สาม จื่อเฟิงได้พบนางอีก ทิ้งวิธีการฝึกซ้อมทหารให้นาง ยังแอบชี้จุดที่มีปัญหาของหมู่บ้านเหมยฮัวอีกด้วย
นางรู้ หากว่าไม่มีการเห็นด้วยจากอ๋องเย่ จื่อเฟิงจะไม่ทำเช่นนี้
แต่นางโชคดีมาก ก่อนหน้านี้ตัวเองติดตามเจ้านายที่ดีผู้หนึ่ง ไม่มีเทพธิดา ความโชคดีทุกอย่างนี้ล้วนไม่มีวาสนาต่อนาง
“คุณชายซ่างกวนหรือ?”
“อืม!” จื่อเฟิงพยักหน้าเบาๆ
“เขาให้ข้ามีชีวิตที่ดี ทำเรื่องที่ตัวเองชอบทำ”
เข็มเงินที่แทงขมับของตู๋เหยี่ยนหลงไม่กี่เล่มนั้นนางก็เห็นแล้ว จื่อเฟิงสงสัยก็ปกติมาก ก็เหมือนนางเช่นนั้น นางก็หวังว่านั่นก็คือนางไม่ใช่หรือ?
จื่อเฟิงเงียบแล้ว
“ท่านจะไปแล้วหรือ?” เย็นหงถามอีก
“อืม!” หลังจากตอบรับแล้ว จื่อเฟิงค่อยๆมองไปทางเย็นหง เปิดปากแล้วเปิดปากอีก แต่กลับไม่ได้พูดออกมา สุดท้ายพูดเพียงประโยคหนึ่ง “รักษาตัว” หมุนตัวจากไป
มองดูเงาด้านหลังของจื่อเฟิง เย็นหงบีบมือแน่นกะทันหัน ตะโกนเสียงดังประโยคหนึ่ง :
“จื่อเฟิง!”
ได้ยินดังนั้น!
ร่างกายของจื่อเฟิงชะงัก มือที่ถือดาบพกจับไว้แน่นอย่างอดไม่ได้ ยังไม่ได้หมุนตัว ก็รู้สึกว่ามีคนวิ่งมาทางด้านหลังเขา จากนั้นแขนขาวละเอียดคู่หนึ่งกอดเขาจากทางด้านหลัง นางค่อยๆอิงที่หลังของเขา เสียงพึมพำออกจากปาก :
“ข้าชอบท่านนานมากแล้ว ไม่กล้าพูดออกมาโดยตลอด แต่ข้ากลัวว่าถ้ายังไม่พูดออกมาอีก ก็จะไม่มีโอกาสแล้ว อ๋องเย่ออกจากจวนแล้ว ท่านคงจะไม่มาที่หมู่บ้านเหมยฮัวอีกถูกหรือไม่?”
หากว่าอ๋องเย่ยังคงอยู่ในจวน ระหว่างทางไปกลับที่จื่อเฟิงออกมาทำภารกิจ ยังสามารถกลับมาที่หมู่บ้านเหมยฮัวได้ ตอนนี้อ๋องเย่ออกจากจวนแล้ว เรื่องใหญ่มากมายรอคอยให้อ๋องเย่จัดการ จื่อเฟิงก็จะต้องติดตามอยู่ซ้ายขวาเป็นแน่ คุ้มกันข้างกาย เกรงว่าจะมาไม่ได้แล้ว
ร่างกายของจื่อเฟิงแข็งทื่อ ก้มหน้ามองมือสองข้างที่โอบช่วงเอวเขาอย่างแนบแน่น สีหน้าโศกเศร้าเล็กน้อย สุดท้ายยกมือขึ้นแกะมือของเย็นหง จากนั้นหมุนตัวบอกแล้วมองดูนาง กล่าวนิ่งๆ :
“ข้าไม่ใช่คนดี!”
นาทีนั้นที่เริ่มเป็นองครักษ์ ก็ได้กำหนดความมืดมนทั้งชีวิตแล้ว มีชีวิตเพื่อนาย ตายอย่างไร้ความเสียดาย ทั้งชีวิต อยู่กับเงาที่โดดเดี่ยว
เป็นองครักษ์ลับ พวกเขาไม่สามารถมีความรู้สึกได้ และไม่อนุญาตให้มี ความรู้สึกก็คือพันธนาการ จะกลายเป็นจุดอ่อนของพวกเขา นี่คือข้อห้ามสำคัญขององครักษ์ลับ
“ข้ารู้ องครักษ์ลับเหมือนกับนักฆ่า ชะตาชีวิตอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน ข้าไม่ฝืนใจ ข้าเพียงแค่……”
พูดไปพูดไป น้ำตาก็ออกมาจากเบ้า น้ำตาไหลเป็นสองเส้น แต่นางยังคงพูดต่อ
“ข้าเพียงแค่ปฏิบัตตามในใจของตัวเอง พูดความคิดในใจตัวเองออกมา ท่านไม่จำเป็นต้องมีความรับผิดชอบ ท่านบอกข้าได้หรือไม่ ไม่ว่าเมื่อก่อนหรือตอนนี้ ท่านมีหรือไม่มี……มีหรือไม่มีชอบข้ามาก่อน แม้ว่าจะเป็นเพียงเล็กน้อย?”
หากว่าเป็นเมื่อก่อน ทั้งชีวิตนางก็จะไม่พูดคำเหล่านี้ออกมา ตอนนี้นางเพียงอยากปฏิบัติตามในใจของตัวเอง ไม่ว่าผลลัพธ์เป็นอย่างไร นางก็ยอมรับทั้งหมด จะไม่ดื้อด้านกวนใจไม่ปล่อย
เย็นหงไม่รู้ตัวเองพูดคำเหล่านี้ต้องใช้ความกล้าหาญมากเท่าไหร่
แต่พูดออกมาแล้ว ร่างกายก็ผ่อนคลายแล้ว
นางรู้ว่าที่รอนางอยู่คืออะไร นางได้เตรียมตัวอย่างดีที่สุดแล้ว ยอมรับความจริงด้วยความยินดี
จื่อเฟิงมองดูดวงตาของนาง ทั้งๆที่เต็มไปด้วยน้ำตา ไม่มีความคาดหวัง แต่กลับยกยิ้มรอคำตอบของเขา
มองดูนางนิ่งๆอยู่นาน จื่อเฟิงเม้มริมฝีปาก จึงตอบกลับอย่างแผ่วเบา :
“มี”
เห็นเพียงใบหน้ารอยยิ้มของเย็นหงอึ้งไปแล้ว ในสมองว่างเปล่า ทั้งคนเหมือนดั่งเสาน้ำแข็งเช่นนั้นนิ่งไม่เคลื่อนไหวแล้ว
“เจ้า เจ้าเป็นอะไร?” จื่อเฟิงค่อนข้างทำอะไรไม่ถูก
เย็นหงที่ดึงสติกลับมา ยิ้มเหมือนดอกไม้ในพริบตา กอดเขาไว้แน่นๆอีกครั้ง น้ำตาอุ่นๆค่อยๆไหลลงมาอีกครั้ง
เวลานานหลังจากนั้น เห็นเย็นหงยังคงกอดเขาไว้ จื่อเฟิงจนปัญญา เปิดปากพึมพำ
“เย็นหง ข้า……”
ไม่ต้องให้จื่อเฟิงพูดมาก เย็นหงก็ปล่อยเขาอย่างผ่าเผย ทั้งใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่สุกสกาว
“ข้ารู้ ท่านต้องไปเดี๋ยวนี้ ข้าจะไม่ฉุดรั้งท่าน” พูดพลาง เย็นหงก็หายใจเข้าลึกๆ คล้องคอของจื่อเฟิงไว้ “แต่มีเรื่องหนึ่ง ข้าจำเป็นต้องทำ จะได้เหมาะสมกับชื่อเสียงของลูกพี่สามของหมู่บ้านเหมยฮัว”
ชั่วพริบตานี้ ทั้งร่างของเย็นหงระเบิดพลังที่ไม่ชอบพูดเหตุผลชอบใช้กำลัง เป็นรังสีที่แตกต่างออกไป
นางเขย่งปลายเท้า ก็จูบไปที่ริมฝีปากทั้งสองของจื่อเฟิง จื่อเฟิงตกตะลึงทันใด ทั้งร่างแข็งทื่อ ไม่รู้ว่าควรจะตอบสนองอย่างไร รู้สึกเพียงที่ติดอยู่ปากทั้งสองอ่อนนุ่ม อบอุ่น จนถึงก้นบึ้งหัวใจ นี่คือรสชาติที่เขาไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนทั้งชีวิต
จูบหนึ่งของเย็นหง เพียงแค่แมลงปอจิบน้ำ และไม่ได้ไม่เจียมตัวเกินไป ขณะที่ปล่อยเขา แก้มของนางแดงจนแทบระเบิด เหมือนกุ้งที่สุกแล้ว
“คิดไม่ถึงว่าข้าเย็นหงยังจะมีเวลาที่ลวนลามผู้ชายด้วย เป็นข้าไม่มีผิดจริงๆ รสชาติไม่เลว จื่อเฟิง ไม่ว่าท่านจะยอมหรือไม่ยอมพบข้าอีก ข้าเย็นหงทั้งชีวิตนี้พอใจแล้ว”
พูดจบ!
ไม่ให้จื่อเฟิงทำการตอบสนองใด เย็นหงก็วิ่งหนีไปแล้ว
และทิ้งจื่อเฟิงที่จิตใจว้าวุ่นอยู่ที่เดิม นึกถึงการกระทำที่กล้าหาญของเย็นหงเมื่อครู่ การตอบสนองแรกของเขาก็คือ เย็นหงจะปฏิบัติต่อผู้ชายคนอื่นเช่นนี้หรือไม่?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ จิตใจของเขาก็ร้อนใจอยู่ไม่สุขอย่างอธิบายไม่ได้ มีความคิดอยากชักดาบฆ่าคนด้วยความหุนหัน
ไม่ได้ ต้องจับตามองอย่างละเอียดหน่อย
—
ด้านล่างภูเขาเหมยฮัว
ทั้งร่างของเย่แจ๋หยิ่งแผ่ซ่านกลิ่นอายเย็นยะเยือกอย่างรุนแรงสีหน้าเย็นชา ราวกับว่าพายุฝนกำลังมาถึง ขณะที่พาจื่อเฟิงลงจากภูเขา ข้างๆรถม้าไร้คน ในรถม้าก็ไม่มีคน เย่แจ๋หยิ่งแอบเห็นท่าไม่ดี
ภรรยาหนีไปอีกแล้ว
ทันทีที่มือใหญ่ของเขาโบก องครักษ์ลับที่ซ่อนอยู่ในที่ลับ ทยอยปรากฏตัว
“ไปหา ข้าต้องการรู้เส้นทางที่สั้นที่สุดที่นางหลบหนี หาคนไม่พบ……”
“แฮ่มๆ!”
ยังพูดไม่จบ เย่แจ๋หยิ่งถูกเสียงกระแอมที่ตั้งใจเสียงหนึ่งขัดจังหวะ เมื่อฟังเสียง เขารีบเอียงตัวเดินไปทางรถม้าทันที กลับไม่เห็นเงาคน เห็นเพียงด้านหลังต้นไม่ใหญ่ข้างรถม้าต้นหนึ่ง ผู้ชายที่สง่างามผู้หนึ่งเดิมอมยิ้มออกมา พิงบนต้นไม้ใหญ่อย่างจนปัญญา มือสองข้ากอดอก
“อ๋องเย่ หาคนไม่พบแล้วจะอย่างไร?”
“แฮ่ม” เย่แจ๋หยิ่งถูกตัวเองสำลักทีหนึ่งอย่างอธิบายไม่ออก แต่เห็นหลานเยาเยาในนาทีนั้น สีหน้าก็นุ่มนวลลงมาอย่างรวดเร็ว บ่นเคืองๆประโยคหนึ่งอย่างฉับพลัน “ยังนับว่ามีมโนธรรมอยู่บ้างเล็กน้อย”