เห็นเขาการตอบสนองอย่างรุนแรงของเขา หลานเยาเยารู้สึกเกินคาดเล็กน้อย
อย่างไรเสีย คนที่ขายข่าวสารเห็นความสำคัญของเงินอย่างเดียว ไม่คิดอยากรู้เรื่องส่วนตัวของลูกค้า ยิ่งจะไม่ต้องสอบถามตัวตนของลูกค้า นี่นับว่าเป็นข้อห้ามในส่วนของการซื้อขายข่าวสารเชียว
ถิงเมี่ยนเป็นนักเลงหัวไม้ของเมืองหลวง ยิ่งในตลาดดำเพียงมือหนึ่งก็คลุมทั้งหมด เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้หลักการข้อนี้
ตอนนี้เขาตกตะลึงขนาดนี้ สามารถอธิบายได้เพียงจุดเดียว เขามีความเกี่ยวข้องกับเรื่องที่นางต้องการรู้ อีกทั้งเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด ไม่เช่นนั้นไม่สามารถเป็นเช่นนี้ได้
ด้วยเหตุนี้ นางยิ้มบางๆ หาที่นั่งลง กล่าวด้วยเสียงหยอกล้อ : “เจ้ายากรู้ว่าข้าเป็นใคร? เช่นนั้นยังอยากรู้หรือไม่ว่าข้าอายุเท่าไหร่ บ้านอยู่แห่งใด แต่งงานแล้วหรือไม่ รู้จักผู้ใด ทำไมจึงรู้เรื่องราวเหล่านี้ แล้วทำไมต้องการซื้อข่าวคราวด้านนี้? หืม?”
ถิงเมี่ยนยังเป็นถิงเมี่ยนผู้นั้น มารยาทการปฏิบัติ วิธีการพูด ล้วนเหมือนกับเมื่อก่อน
เพียงแค่การแต่งตัวเช่นนี้ เปิดเผยทรวงอกแผ่นหลัง ค่อนข้างปล่อยตัวอิสระ
ทำให้นางคิดถึงคนผู้หนึ่งอย่างฉับพลัน
ถิงเมี่ยนรู้ตัวว่าปฏิกิริยาตื่นเต้นเกินไป นิ่งสงบลงอย่างรวดเร็ว “คุณชายติดตลกแล้ว แต่ว่า ยังต้องล่วงเกินสอบถามประโยคหนึ่ง ดูว่าที่ข้านี้ยังมีข่าวคราวที่สามารถขายให้ท่านได้อีกหรือไม่”
“เชิญพูด”
“คุณชายรู้หรือไม่ว่าผู้ใดเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังของถังเฉิงเสี้ยง?”
หลานเยาเยามองดูถิงเมี่ยน นิ้วทั้งห้าเคาะโต๊ะ ให้คำตอบที่ค่อนข้างไม่แน่ใจกับเขา
“ยังอยู่ในการคาดเดา”
ได้ยินดังนั้น บนใบหน้าของถิงเมี่ยนปรากฏรอยยิ้ม เดิมทีตำแหน่งที่เขานั่งอยู่ใกล้กับกำแพง ตอนนี้สองเท้าไขว้กัน พิงเข้ากับกำแพง คว้าเมล็ดแตงโมกำหนึ่งตามอำเภอใจ
“เช่นนั้นการซื้อขายนี้ยังสามารถทำได้ แต่……”
ยังไม่ทันพูดจบ หลานเยาเยาก็รู้ความหมายของเขาแล้ว ดูเหมือนต้องการจะโก่งราคา นางก็ไม่ได้ใส่ใจมาก ชี้ตั๋วเงินที่หยิบออกมาเมื่อครู่ พูดอย่างใจกว้าง :
“ยังต้องการอีกเท่าไหร่?”
ตั๋วเงินหนึ่งปึกนี้ที่นางหยิบออกมาไม่น้อย จำนวนเงินห้าร้อยชั่ง นางไม่เคยลงมืออย่างมือเติบเช่นนี้มาก่อน
“อีกปึกหนึ่ง แต่ว่าจำนวนเงินต้องเพิ่มขึ้นเท่าหนึ่ง”
ก็คือหนึ่งพันชั่ง
เมื่อคำพูดนี้ออกไป หลานเยาเยาก็เพียงแค่เลิกคิ้ว ราวกับว่าตั๋วเงินสำหรับนางแล้วไม่มีค่าพอให้เอ่ยถึง เพียงแต่ถิงเมี่ยนสังเกตเห็นแล้ว แววตาของคุณชายตรงหน้าผู้นี้ มีความหมายลึกซึ้งมาก
ในใจของถิงเมี่ยนกังวล : เปลือกตาไม่กะพริบสักน้อย ต้องการน้อยไปแล้ว?
หลังจากมีความคิดเช่นนี้ ถิงเมี่ยนแอบรำคาญใจตัวเอง
“ได้สิ!”
หลานเยาเยาก็ไม่ได้ลังเล ล้วงตั๋วเงินออกมาอีกปึก ครั้งนี้เป็นเงินจำนวนหนึ่งพันชั่งจริงๆ วางลงบนโต๊ะอย่างสบายๆ นิ่งสุขุม ขี้เกียจแม้แต่จะชำเลืองมองสักแวบ
มือใหญ่ใจโตเป็นอย่างมาก
พูดโดยไม่รู้ว่า เลือดกำลังหยดอยู่ในใจของหลานเยาเยา
เงินของนางก็ไม่ใช่ว่าแค่โบกมือเล็กน้อยก็มี จ่ายเงินเพื่อเย่แจ๋หยิ่งมากกว่านางยอมหมด แต่ให้คนอื่น อีกทั้งยังเป็นคนที่โก่งราคา นางจะเต็มใจได้อย่างไร แม้ว่าเป็นเพียงการหลอกถามข่าวคราว ยืนยันเรื่องเรื่องหนึ่ง หลังจากนั้นก็จะยึดคืนทั้งหมด ในใจนางก็ไม่เป็นสุขใจ
แต่นางยังไม่สามารถแสดงออกมาได้ โมโหคน
“พูดที่เจ้ารู้ออกมา”
“มีตั๋วเงินก็พูดง่าย” ถิงเมี่ยนเหลือบมองคนตรงหน้าแวบหนึ่ง คว้าตั๋วเงินสองปึกที่วางอยู่บนโต๊ะ เก็บในหน้าอกอย่างดีอกดีใจ
“เป็นความจริงเช่นนั้นดั่งที่คุณชายรู้ เป็นความจริงทะเลสาปหนานหูถังเฉิงเสี้ยงไม่ได้เป็นผู้ก่อสร้างผู้เดียว คนเบื้องหลังของเขาก็คือท่านชายหยิ่ง อดีตเจ้าของเรือเรือแห่งความสิ้นหวัง
และแนะนำให้ก่อสร้างหอเฟิ่งหวงก็เป็นถังมู่หวั่น จุดประสงค์เพื่ออะไร ข้าไม่รู้ อาจจะเหมือนที่ท่านพูด ก็เพื่อดึงดูดความสนใจของอ๋องเย่และฮ่องเต้องค์ใหม่
ในเมื่อท่านเคยตรวจสอบทะเลสาปหนานหูแล้ว คิดว่าต้องมีความกระจ่างกับการเคลื่อนไหวของทะเลสาปหนานหู หนึ่งปีมานี้ผ่านมือของถังเฉิงเสี้ยง ใช้การสร้างสะพานและเขื่อนเป็นข้ออ้าง วัสดุไม้หลั่งไหลไปทางสถานที่ลึกในทะเลสาปหนานหูอย่างต่อเนื่องไม่หยุด และสิ่งของอื่นๆอีกเล็กน้อย”
เห็นถิงเมี่ยนชะงัก หลานเยาเยาช่วยรินน้ำให้เขาแก้วหนึ่งอย่างหวังดี
“ท่านชายหยิ่งคิดทำอะไร?”
“สร้างเรือแห่งความสิ้นหวังอีกอีกครั้ง!”
หลานเยาเยา พูดเช่นเดียวกับซาหมั่นเฉิง “ความคืบหน้าเป็นอย่างไร?”
“ใกล้จะเสร็จแล้ว!”
“ไม่เลว ข่าวลือของเจ้ามีมูลค่ามาก เช่นนั้นเรื่องคนโดนมนต์ดำ เจ้ารู้มากน้อยเท่าไหร่?”
ในส่วนเรื่องของคนโดนมนต์ดำ ถิงเมี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็ส่ายหน้า
“พูดตามจริง เรื่องนี้ข้ายังอยู่ในการให้คนไปสืบข่าว แน่นอนว่าถังมู่หวั่นที่นิสัยเปลี่ยนไปมากมีความน่าสงสัยจริงๆ
แต่ว่า วันนี้อ๋องเย่และฮ่องเต้องค์ใหม่ปรากฏตัวที่ทะเลสาปหนานหูอย่างคาดไม่ถึง ข้างกายยังจะมีคุณชายหนุ่มติดตามอีกผู้หนึ่ง คนผู้นี้ยังเปิดโรงหมดแห่งหนึ่งในเมืองหลวง เรียกตัวเองว่าซ่างกวนหมอเทวดา แต่ความเป็นมาไม่ชัดเจน กลับใกล้ชิดกับอ๋องเย่เป็นที่สุด ทำให้คนเข้าใจยากจริงๆ
ไม่รู้ว่าคุณชายเคยสืบเรื่องคนผู้นี้หรือไม่?”
คิดไม่ถึงว่าความสามารถของถิงเมี่ยนไม่น้อย ขณะที่นางกับเย่แจ๋หยิ่งและเย่หลีเฉินไปทะเลสาปหนานหู แม้ว่าจะไม่ได้ปิดบังฐานะ แต่เย่แจ๋หยิ่งและเย่หลีเฉินควรจะเป็นบุคคลใหญ่โตชื่อเสียงโด่งดัง ทุกคนน่าจะสนใจพวกเขามากกว่าถึงจะถูก
ทำไมถึงได้ให้ความสนใจต่อคนที่ไม่เคยปรากฏตัวมาก่อนได้?
“เขาน่ะ! ทำไมต้องตรวจสอบ เพราะข้าก็คือซ่างกวนหนานซู่”
เมื่อคำพูดนี้โพล่งไป ถิงเมี่ยนตกใจเล็กน้อย
สังเกตเขาอย่างจริงจังรอบหนึ่ง จึงได้ทำท่าทางที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“ก็……กะทันหันมาก เสียมารยาทเสียมารยาทแล้ว!”
“ไม่เป็นไร!”
“ท่านคือคนที่อ๋องเย่ส่งมาให้สืบข่าว?” น่าจะรู้ตั้งนานแล้ว ฮ่องเต้องค์ใหม่ก็ไม่แน่ว่าจะรู้เรื่องลึกลับขนาดนี้ ซ่างกวนหนานซู่เล็กๆผู้หนึ่งจะรู้ได้อย่างไร ? ?
เป็นไปได้มากที่สุดว่าจะรู้ก็คืออ๋องเย่ แต่ปีนี้ อ๋องเย่กลายเป็นอ๋องไร้ประโยชน์ ยังคิดว่าเขาเสียใจเกินขีดไปนานแล้ว หูสองข้างไม่รับรู้เรื่องภายนอก ใครจะคิดว่าที่แท้อ๋องเย่ก็เอาเจตนาที่แท้จริงปิดซ่อนไว้เบื้องหลังภายใต้สิ่งที่แสดงออก
ก็ไม่แปลก อย่างไรซะก็เป็นอ๋องเย่นี่!
“ผิด ใช้คำให้ระวัง เย่แจ๋หยิ่งเป็นคนของข้า” จวนอ๋องเย่และสัญญาขายตัวล้วนกำอยู่ในมือของนาง เป็นได้เพียงคนของนาง “และข้าเป็นเบื้องหลังของเขา……เจ้านาย”
คำว่าผู้หญิงสองคำถูกหลานเยาเยาฝืนเปลี่ยนเป็นเจ้านาย
ได้ยินดังนั้น!
มือสองข้างของถิงเมี่ยนหยิกขาตัวเอง มือเต็มไปด้วยเหงื่อแล้ว
เกี่ยวโยงถึงอ๋องเย่ เขาเหงื่อผุดโดยสัญชาตญาณ มีความประทับใจที่ไม่ดีต่ออ๋องเย่ ถูกเขาข่มขู่ แทบจะถูกต่อยตาย เขาล้วนจำได้แม่น
ตอนนี้ซ่างกวนหนานซู่กล้าพูดเช่นนี้ สายตาจริงจัง น้ำเสียงหนักแน่น เขาต้องมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับอ๋องเย่เป็นแน่ อีกทั้งคนผู้นี้ก็ดูไม่ง่ายที่จะต่อกรด้วย
“เป็นข้าที่มีตาหามีแววไม่”
หลานเยาเยาไม่ได้ทำให้เขาลำบากใจ มืออีกข้างๆไว้ด้านหลัง แอบหยิบของอย่างหนึ่งออกมา ทาไว้ที่มือเล็กน้อย
จากนั้นเมื่อเก็บของแล้ว ยื่นมือไปบนไหล่ของถิงเมี่ยน ตบเบาๆ
“ไม่เป็นไร แถมข่าวสารโดยไม่คิดค่าตอบแทนอีกข่าวหนึ่งก็ได้แล้ว”
“พูดง่าย เป็นสิ่งที่ควร”
ด้วยเหตุนี้ ทั้งสองพูดคุยเรื่องข่าวลือ
ไม่เกินสองสามวินาที งูน้อยในกรงสูงเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง ทำให้กรงสูงสั่นไหวเล็กน้อย รอจนเมื่อถิงเมี่ยนเห็น กรงสูงก็โยกซ้ายย้ายขวาอย่างรุนแรง จากนั้นเมื่อกระแทกอย่างแรงกรงสูงก็ล้มแล้ว
ทันทีที่ฝาเปิด งูน้อยด้านในก็ไม่รีบร้อนหนีเอาชีวิตรอด แต่เลื้อยไปบนร่างของถิงเมี่ยนอย่างรวดเร็ว รัดด้านในเสื้อผ้าของเขาไว้แน่น
“อ้า งูงูงู สัตว์ตัวน้อยที่สมควรตาย”
ถิงเมี่ยนกระโดดขึ้นฉับพลัน จับซ้ายจับขวา ยังคงจับงูน้อยที่มุดเข้าในเสื้อผ้าไม่ได้ ดังนั้นทำได้เพียงถอดเสื้อที่เปิดอยู่ออก เผยให้เห็นรอยแผลเป็นระเกะระกะทั้งตัว ปรากฏถึงความน่ากลัวเป็นพิเศษ
หลังจากรอจนถิงเมี่ยนจับงูน้อยที่เลื้อยบนไหล่ได้แล้ว กำลังต้องการเขวี้ยงมันให้ตาย แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุผลใด เขาไว้ชีวิตมัน เอามันโยนออกไปอย่างง่ายดาย
ในปากสบถประโยคหนึ่ง : “สัตว์ตัวเล็ก”
จากนั้นหันกลับไปมองซ่างกวนหนานซู่ เห็นสายตาของเขาตกอยู่บนร่างของตัวเอง เอาเสื้อผ้าสวมใส่อย่างไม่ใส่ใจ
“ขออภัย ทำให้คุณชายซ่างกวนเห็นความน่าขันแล้ว”
“ไม่เป็นไร ข้ารู้ข่าวคราวที่อยากรู้แล้ว ก็ไม่อยู่นาน ขอตัวก่อน”
หลานเยาเยาเดินอย่างคล่องแคล่วว่องไว ไม่หยุดรีรอแม้แต่น้อย
ถิงเมี่ยนเห็นเงาหลังที่จากไปอย่างรีบร้อนของเขา แล้วมองดูกรงที่ล้มบนพื้นอีก แล้วมองแผลเป็นบนร่างของตัวเองอีก แววตายิ่งลึกล้ำเรื่อยๆ…….