หลังเที่ยง!
แสงแดดอันอบอุ่นถูกกรองด้วยชั้นใบไม้ รั่วลงมาถึงบนหลังคา กลายเป็นรัศมีแสงกลมๆจางๆ สวยงามมากเป็นพิเศษ
และแสงบางส่วนก็เหมือนด้ายสีทองวาววับ ส่องเฉียงเข้ามาในห้องที่ไม่ใหญ่เกินไปจากตาข่ายหน้าต่าง
“เอี๊ยด” ดึงขึ้นหนึ่งที
ฮัวหยู่อันที่ใบหน้าเย็นชาเปิดประตูออก ในมือถือกะละมังใส่น้ำ เพิ่งจะก้าวเข้าไปในห้อง ก็เห็นโม่เหลียงเฉินที่ไม่รู้ว่าเป็นหรือตายนอนอยู่บนพื้น
ตาของนางก็แดงขึ้นมากะทันหัน กะละมังที่อยู่ในมือร่วงลงพื้นทันที น้ำได้หกกระจายเต็มพื้น นางเหมือนกับหายตัวไปถึงข้างกายของโม่เหลียงเฉิน แล้วกึ่งอุ้มเขาขึ้นมาพิงไว้ที่ตัวนาง
“คุณชายเหลียงเฉิง โม๋เหลียงเฉิน โม๋เหลียงเฉิน เจ้าเป็นอะไร? รีบตื่นสิ…………”
ตะโกนไปตั้งนาน ใบหน้าที่ซีดขาวเหมือนกระดาษของโม่เหลียงเฉินราวกับไม่มีชีวิตแล้ว จากที่นางเขย่าอย่างสุดแรง ก็ไม่มีการตอบสนองแม้แต่นิดเดียว
เวลานี้!
หลานเยาเยาค่อยๆปรากฏตัวขึ้นตรงประตู
นางเหมือนเห็นผู้ที่สามารถช่วยให้รอด ดวงตาที่แดงเต็มไปด้วยน้ำตา “เยาเยา เจ้ารีบมาดูสิว่าเขาเป็นอะไร ชีพจรเขาเหมือนจะไม่เต้นแล้ว เขาจะตายแล้วใช่มั้ย รีบมาช่วยข้าช่วยชีวิตเขา”
ยังไม่ทันจะสิ้นเสียงพูด
น้ำตาไหลเหมือนเขื่อนแตก กำแพงที่สร้างขึ้นมาอย่างไม่ง่ายในใจ ได้พ่ายแพ้ในเวลานี้แล้ว เดิมมันก็เป็นหัวใจที่แหลกสลาย เจ็บปวดเหมือนโดนมีดกรีด เหมือนโดนไฟเผา นางเจ็บจนจะหายใจไม่ทันแล้ว
นางนึกว่าตั้งแต่อยู่ในกองเลือดแห่งความแค้น นางก็กลายเป็นคนที่ด้านชาไร้ความรู้สึก กลายเป็นคนกระหายเลือด และได้ลืมโม่เหลียงเฉินไปนานแล้ว
กลับไม่เคยคิด ยิ่งอยากจะลืมก็ยิ่งลืมไม่ได้
นางจึงทำได้เพียงซ่อนความรู้สึกที่ชอบไว้ลึกๆข้างในใจ ซ่อนมันไว้หลายปี ซ่อนจนตัวเองก็เกือบจะลืมไปแล้ว
เพียงเพราะไม่อยากจะถูกหลอกอีก………
นางนึกว่านางสามารถเผชิญหน้ากับโม่เหลียงเฉินอย่างสงบใจเย็น
แต่ทุกครั้งที่เห็นเขา ในใจของนางก็เจ็บปวดเหมือนถูกคนดึงกระชากที่หัวใจ
วันนี้เห็นโม่เหลียงเฉินที่กำลังจะตาย สิ่งที่ซ่อนไว้ในใจอย่างดีได้ถูกเผยออกมา ความเจ็บปวดก็ถูกเผยออกมาเป็นร้อยเท่าพันเท่า ซึ่งทำให้นางเจ็บจนไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อ
“โม่เหลียงเฉินถูกพิษ พิษเข้าสู่กระแสเลือด ไม่มีทางรักษา หากมีคนสามารถเปลี่ยนเลือดกับเขา ก็ยังพอมีความหวัง แต่คนที่ให้เลือดต้องใช้ชีวิตเป็นค่าตอบแทน ดังนั้น……..”
หลานเยาเยายังพูดไม่จบ
ฮัวหยู่อันที่ยังไม่ทันได้คิดก็ร้องขอ
“ใช้ของข้า ข้ายินดีที่จะเปลี่ยนเลือด ขอเพียงมีความหวัง ข้าก็ต้องลอง ไม่ว่ายังไงโลกนี้ข้าก็ไม่มีอะไรที่ต้องห่วงอีก……….”
“ทำไมเจ้าต้องทำถึงขนาดนี้?” นางเตือน
ใครจะไปรู้……..
ฮัวหยู่อันได้ดึงแส้ยาวที่พันรอบเอวออกมาโดยตรง แล้วกดไปที่กลไกไปหนึ่งที ด้ามแส้ยาวแยกออกจากแส้แล้วหล่นลงกับพื้น และใบมีดเชื่อมต่อกับด้ามจับแส้ กลายเป็นมีดสั้นหนึ่งด้าม นางไม่พูดอะไรเลยก็กรีดข้อมือของตัวเองทันที
ความเจ็บปวดถูกส่งมา แต่ไม่นานก็ถูกความเจ็บปวดในใจกดทับ มองดูเลือดสีแดงไหลออกมา
ฮัวหยู่อันหันหน้ากลับมา มองนางด้วยสีหน้าที่แน่วแน่
“กลัวเจ้าจะทำใจลงมือไม่ได้ ข้าเลยลงมือก่อน เจ้ารีบช่วยเขา………”
หลานเยาเยาไม่ได้หยุดมัน แต่ได้กำหมัดโดยที่ไม่รู้ตัว
ถอดเปลือกที่ไม่แยแสออก ฮัวหยู่อันยังคงเป็นฮัวหยู่อันคนเดิม
โม่เหลียงเฉิน เจ้าอย่าทำให้ข้าผิดหวังเด็ดขาด
ทันใดนั้น!
โม่เหลียงเฉินที่อยู่ในอ้อมแขนของฮัวหยู่อันก็กระตุกไปหนึ่งที เหงื่อบางๆไหลออกมาไม่หยุด กลายเป็นเม็ดเหงื่อไหลลงมาที่หน้าผาก
“เขาเป็นอะไร? ทำไมจึงเป็นเช่นนี้?”
ฮัวหยู่อันที่ไม่ได้คำตอบ ลนลานจนทำอะไรไม่ถูก ทำได้เพียงโยนมีดสั้นทิ้ง กอดเขาที่กำลังสั่นไปทั้งตัวอย่างแน่นๆ
ตามมาด้วย!
“พุด……”
เลือดสีดำก็พุ่งออกมาจากปากของโม่เหลียงเฉิน
ตามติดมาด้วย เขาลืมตาขึ้นมาอย่างแรงที่สุด พูดด้วยน้ำเสียงที่เกือบจะร้องไห้ “อย่า อย่าทำเรื่องโง่……….”
เมื่อเห็นภาพนี้
หลานเยาเยาแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก และคลายหมัดที่กำแน่นออกอย่างเงียบๆ จึงพูดขึ้นอย่างช้าๆ
“เสี่ยวฮัวฮัว ใจของเจ้าว้าวุ่นมาก วุ่นเพราะโม่เหลียงเฉิน ถึงขนาดที่ข้าใช้แผนการแบบนี้เจ้าก็มองไม่ออก เจ้ายังจะหลอกตัวเองถึงเมื่อไหร่? เจ้ารู้หรือไม่ว่า เจ้านั้นได้รักเขาอย่างสุดซึ้งไปแล้ว”
คำพูดนี้ออกมา
ฮัวหยู่อันตกตะลึง มือของเธอสั่นโดยไม่รู้ตัว แต่ถูกโม่เหลียงเฉินที่ไร้เรี่ยวแรงจับไว้อย่างแน่น
หลานเยาเยาหัวเราะไปหนึ่งที แล้วก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง
วันนี้โม่เหลียงเฉินถามข้าว่า คนที่เจ้าชอบนั้นเป็นใครกันแน่ ข้าไม่ได้บอกเขา กลับอยากให้เขาได้ยินมันด้วยตัวเอง
ดังนั้นจึงได้ลงมือวางยาเขา ยาชนิดหนึ่งที่มองจากภายนอกเหมือนกับว่ากำลังจะตาย เขาไม่สามารถที่จะขยับตัวได้ แต่ยังคงสามารถได้ยินเสียงข้างนอก
แต่ถ้าอยากตื่นขึ้นมา ต้องทะลุจนเส้นเลือดแตก มาทำร้ายร่างกายตัวเอง ความเจ็บปวดไม่น้อยไปกว่าการพังทลายของเส้นเลือด
แต่เขากลับทำมันได้แล้ว
ดังนั้น ความรู้สึกที่โม่เหลียงเฉิน……..มีต่อเจ้านั้นไม่ลวงหลอก
การมีความสัมพันธ์ที่ลืมไม่ลงไม่ใช่เรื่องง่าย ชีวิตสั้นมาก แค่ไม่กี่สิบปีก็ ก็ผ่านไปในพริบตา จะปล่อยให้ชีวิตที่สั้นหลงเหลือความเสียใจไปทำไม?
อย่าให้ต้องมาเหมือนข้ากับเย่แจ๋หยิ่ง ต่างคนต่างเข้าใจผิด ต่างคนต่างทำร้ายกัน ทุกข์ทรมานไปตั้งนาน และต้องผ่านความเป็นความตายการพลัดพรากตั้งกี่ครั้ง หาไม่ใช่เพราะสวรรค์เมตตา เกรงว่าเราคงอยู่กันคนละที่นานแล้ว ต่างต้องทุกข์ทรมานอย่างหนัก
วันนี้มาคิดๆดู เส้นทางนี้ลำบากเกินไป และทุกข์ทรมานเกินไป ไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย ยังไม่สู้เปิดเผยความรู้สึกออกมา กอดซึ่งกันและกัน ไม่ว่าผลจะเป็นยังไง แต่อย่างน้อยก็เคยมีกันและกัน
พูดสิ่งเหล่านี้จบ
หลานเยาเยาจากไปในขณะที่สายตาของพวกเขากำลังตะลึง
สิ่งที่สามารถช่วยได้ นางได้ช่วยไปแล้ว ผลจะเป็นยังไงก็อยู่ที่เขาสองคนแล้ว
หลังจากที่หลานเยาเยาจากไป
ในห้องเงียบไปครู่หนึ่ง โม่เหลียงเฉินค่อยๆออกจากอ้อมกอดของฮัวหยู่อัน พยายามเก็บมีดสั้นที่ฮัวหยู่อันโยนทิ้งอย่างไม่ค่อยจะมีแรง อดกลั้นความเจ็บปวดที่แสนสาหัสแล้วตัดชายเสื้อตัวเองออกมาส่วนหนึ่ง ช่วยฮัวหยู่อันพันแผลที่ข้อแขน เพื่อไม่ให้เลือดไหลออกมาอีก
“ยังเจ็บมั้ย?” โม่เหลียงเฉินถามด้วยน้ำเสียงที่ต่ำ
ฮัวหยู่อันไม่ได้ตอบ ก้มหน้าอยู่เล็กน้อย ดวงตายังคงมีน้ำตา กลับไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
เห็นนางเป็นแบบนี้
โม่เหลียงเฉินรู้ว่า นางก็ยังไม่อยากจะเจอเขา ด้วยเหตุนี้ ก็กล่าวขึ้น
“เจ้าไม่ต้องรู้สึกลำบากใจ ข้ารู้ว่าเจ้าไม่อยากจะเจอข้า ไม่เป็นไร ข้าจะไม่รบกวนเจ้ามากเกินไป เพียงแค่หวังว่าจะอย่าหายตัวไปบ่อยๆ ทำให้ข้าไม่รู้ว่าจะต้องไปตามหาเจ้าได้ที่ไหน”
ฮัวหยู่อันยังคงไม่พูด
ก็ยังคงนั่งอยู่บนพื้นโดยที่ไม่ขยับเลยแม้แต่นิดเดียว น้ำตาใสๆหยดหนึ่งได้ไหลลงมาทางแก้ม
เขาไม่เคยเห็นนางที่เป็นแบบนี้มาก่อน นางดูบอบบางมากราวกับว่าแค่ถูกสัมผัสก็จะกระจายหายไป
เขาอยากจะเอื้อมมือไปโอบนางไว้ในอ้อมแขน แต่เขากลัวว่ามันจะยิ่งทำให้นางรังเกียจมากขึ้นไปอีก เขาลังเลไปครู่หนึ่ง แล้วปล่อยมือลง
“ข้าจะไปหายามาช่วยทาแผลให้เจ้า”
เมื่อกี้ใช้เศษผ้าพันแผล ห้ามไม่ให้เลือดไหลออกมา ตอนนี้สิ่งที่สำคัญคือไปหายามา รักษาแผลของนาง
ฤทธิ์ยาที่ยังไม่หมดอย่างโม่เหลียงเฉิน นอกจากที่จะเจ็บปวดที่หัวใจแล้ว ร่างกายก็อ่อนล้าไร้เรี่ยวแรง หัวสมองยังคงเบลอเล็กน้อย ตอนที่พยายามลุกขึ้น ยังต้องใช้แรงที่มหาศาล
ทันใดนั้นแขนก็ถูกคว้าเอาไว้
แรงที่มากแรงหนึ่งได้ดึงตัวเขานั่งลง
ยังไม่ทันจะรู้ตัวว่ามันเรื่องอะไรกัน แก้มของเขาก็ถูกมือสีขาวที่สวยงามจับเอาไว้ และสิ่งที่ตามมาคือริมฝีปากที่อ่อนโยนและละเอียดอ่อน ได้ประกบลงบนรีบฝีปากของเขา
เบาๆตื้นๆ โดยสั่นเล็กน้อย…
เหมือนกระแสน้ำอุ่นไหลเข้าสู่หัวใจของเขาเสมือนแสงช่วยชีวิต ดูเหมือนจะบรรเทาความเจ็บปวดทั้งหมดในหัวใจของเขา
จูบของฮัวหยู่อัน มีความอ่อนหวานอยู่ในความขมขื่น
จูบไม่นานนัก กดทับเบาๆไปหนึ่งที ก็ถอนริมฝีปากออก
“ไปหายาเถอะ! ฮัวหยู่อันพูดอย่างเขินอาย
“ข้ารู้สึกว่า………ยังสามารถรอได้อีกหน่อย”
“อะไรนะ?”
ฮัวหยู่อันไม่เข้าใจ เงยหน้ามองสบตาของโม่เหลียงเฉิน
ในขณะนี้ใบหน้าที่ซีดเซียวและหล่อเหลาของโม่เหลียงเฉินกำลังแดง เมื่อมองไปฮัวหยู่อันที่ท่าทางเขินอายเล็กน้อย เขาอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย เอนกายเข้าไปโดยไม่รู้ตัว เข้าไปประกบกับริมฝีปากที่อ่อนนุ่มของนางได้อย่างแม่นยำ
จูบนั้นก็ควบคุมไม่ได้แล้ว จากตื้นไปลึก ตวัดกันไปมา เหมือนกับกำลังบอกรักกันอย่างเงียบๆที่ไม่เคยได้เอ่ยออกมาในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้……….