ตอนที่ 89 รหัสผ่านคืออะไรกัน
หน้าจอแสดงออกมาเป็นรูปของคนสามคน แม้ว่าจอภาพนั้นจะแตก แต่ดูเหมือนว่าภาพพวกนั้นเป็นภาพของลูกชายและลูกสาวที่กำลังหอมที่แก้มของเธออยู่
หน่วนหน่วนแน่นอนว่าเขาเคยเห็นแล้ว ส่วนเด็กผู้ชายคนนี้….ดูเหมือนจะไม่เคยเห็นมาก่อน
จิ่งเป่ยเฉินง้างปัดหน้าจอขึ้น แต่ทันใดนั้นโทรศัพท์ก็แสดงให้วาดรหัส ปรากฎขึ้น ซึ่งมันเป็นรหัสสองชั้น ที่ชั้นแรกเป็นภาพวาด ชั้นสองเป็นกรอกตัวเลข เขาหมวดคิ้วขึ้นรหัสผ่านที่ตั้งไว้แบบนี้มันดูจะซับซ้อนเกินไปหน่อย นี่เธอคิดจะซ่อนอะไรอยู่กันแน่?
โทรศัพท์มือถือของเธอไม่ได้ปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือ จึงทำได้แค่คาดเดาด้วยความยากเท่านั้น จิ่งเป่ยเฉิน วาดรหัสผ่านแบบสุ่ม ๆไป แต่ก็ไม่สำเร็จถึงห้าครั้งติดต่อกัน
“รหัสผ่านคืออะไรกันนะ?” จิ่งเป่ยเฉินเอนตัวนอนอยู่บนเตียง หลับตา ก่อนจะเม้มริมฝีปาก พร้อมทั้งสงสัยในใจว่ารหัสผ่านพวกนี้ มันคืออะไรที่เกี่ยวข้องกับอันอีหานบ้าง
เธอทำทุกอย่างที่ตรงไปตรงมา และทำทุกอย่างโดยง่าย ทั้งยังไม่มีการผัดวันประกันพรุ่ง พฤติกรรมของเธอล้วนแล้วไม่เคยคิดถอยหนี
เมื่อนึกถึงเรื่องพวกนี้เขา จู่ๆภาพก็แว้บขึ้นมาในหัว ก่อนจะมุมปากเผยอปากขึ้นเล็กน้อย และวาดรูปแบบออกมาที่ง่ายที่สุดคือตัว L ทันใดนั้นเองโทรศัพท์ก็ถูกปลดล็อคขึ้น
เพียงแต่ว่า เมื่อมาถึงรหัสผ่านที่สอง มันรูปแบบตัวเลขที่แอบค่อนข้างยาก ไม่ว่ายังไงก็เปิดไม่ออก หลังจากล้มเหลวถึงเก้าครั้ง ระบบโทรศัพท์ก็แจ้งประกาศขึ้นมันถูกเขียนมาว่า เหลือโอกาสครั้งสุดท้าย
“ให้ตายสิ!” จิ่งเป่ยเฉินด่าทอไปหนึ่งทีด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะลุกขึ้น เพื่อเดินไปยังตู้ถังไวน์ในห้องเก็บไวน์ชั้นดี เขาหยิบแก้วไวน์ที่อยู่ใกล้ๆนั้น และเปิดก๊อกออก ให้ไวน์นั้นไหลออกมาอย่างช้าๆ
เขาจับไปยังส่วนที่โค้งมนๆของตัวแก้วไวน์ ก่อนจะไปนั่งลงที่เตียง เขายกมันขึ้นมาจิบสักเล็กน้อย และวางไว้ที่ข้างเตียง พร้อมกับกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เมื่อสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ก็เตรียมพร้อมลงมือกับโอกาสสุดท้ายที่อยู่ตรงหน้า
“เขียนรหัสผ่าน บางทีอาจจะเป็นตัวเลขที่สำคัญกับอันอีหานก็ได้ ว่าแต่ตัวเลขพวกนั้นคืออะไรที่มันเป็นของอันอีหานกันนะ”
คำถามนี้วนเวียนอยู่ในความคิดของเขา ชั่วครู่นึกถึงอันโหรวและป้อนตัวเลขออกไป มันเป็นตัวเลขที่โอวหยางลี่กับเหลียวเว่ยหมั้นหมายกัน
ในที่สุดโทรศัพท์ก็แสดงข้อความผิดพลาด ก่อนจะปิดตัวเครื่องไป และหน้าจอก็มืดดับลง
จิ่งเป่ยเฉินยกแก้วไวน์จากข้างเตียง ขึ้นมาจิบในอึกเดียว ก่อนจะวางโทรศัพท์อันโหรวไว้ที่ข้างเตียง และไม่คิดจะแก้รหัสผ่านอะไรอีกเลย ท้ายที่สุดก็หลับไปจนได้
ภายในอพาร์ทเม้นท์ของหลินจื่อเซี๋ยว
อันโหรวที่กำลังนอนอยู่บนเตียง ตัวเธอนั้นกลิ้งไปกลิ้งมา ด้วยท่าทีที่วิตกกังวล รหัสผ่านเธอนั้นล็อคสองชั้น รหัสเดาแบบภาพนั้นง่ายมากนัก ส่วนรหัสให้กรอกตัวเลข อันนี้สิเดาว่าไม่ยาก
เพราะรหัสตัวเลขพวกนั้นคือวันที่เธอบินไปยังอังกฤษเมื่อห้าปีก่อน ซึ่งตัวเธอตั้งเตือนเอาไว้ ว่าไม่ให้ตัวเธอหยุดก้าวเดินต่อไป
แม้ว่าจิ่งเป่ยเฉินจะเคยสงสัยเรื่องนี้ หากคาดเดาเข้าจริงๆ มันก็คงปลดล็อคได้ พอถึงตอนนั้นเธอคง….
ในที่สุดก็นอนไม่หลับจนฟ้าสาง อันโหรวลุกขึ้นจากเตียงด้วยดวงตาที่เหมือนกับหมีแพนด้าคู่หนึ่ง ตอนนี้เธอกำลังผูกผ้ากันเปื้อนด้วยท่าทีที่สง่างาม และเริ่มเตรียมอาหารเช้าด้วยความรักเข้า
อันหน่วนตื่นขึ้น และรีบเดินออกมาด้วยรองเท้าแตะหัวกระต่ายสีชมพู ดวงตาของเธอยังพร่ามัว และทำท่าเหมือนกับเด็ก ออดอ้อนไปที่แม่ของตน “แม่จ๋า กอดกอด”
อันโหรวอุ้มเธอมาวางไว้ที่เก้าอี้ และป้อนอาหารให้เธอกิน “หน่วนหน่วนรีบกินข้าวเช้าเร็ว”
“แม่จ๋า เท้าแม่ไปโดนอะไรมาคะ?” อันหน่วนสังเกตเห็นถึงอาการบาดเจ็บที่เท้าของแม่ตน แขนเล็กๆของเธอขยับไปมาเพื่อคิดจะดูด้านล่าง แต่ก็ถูกอันโหรวห้ามปราบไว้
“แม่จ๋าไม่เป็นอะไร ลูกรีบกินอาหารเช้าให้เสร็จไวๆล่ะ เดี๋ยวแม่จ๋าต้องรีบไปทำงานแล้ว”
หลินจื่อเซี๋ยวที่กำลังทานโจ๊กอยู่นั้น เมื่อได้ยินคำพูดของอันโหรวเข้า ข้าวก็แทบจะพุ่งออกมาทันที “โหรวโหรว เท้าเธอเจ็บอยู่แบบนี้ บางทีไม่ต้องไปทำงานก็ได้ ให้ฉันช่วยขอลาให้เองจะดีกว่านะ”
อันหยางเดินออกมาจากห้องในที่สุด ก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วยและพูดขึ้น “แม่จ๋า แม่ไม่ต้องไปทำงานหรอก”
“แม่ไม่เป็นอะไรหรอก พอดีเมื่อคืนประธานจิ่งบอกว่า ไว้หายดีแล้วค่อยไปทำงานได้” อันโหรวพูดขณะเตรียมกระเป๋าทำงานไปด้วย ก่อนจะเดินไปข้างข้างหลินจื่อเซี๋ยว และพูดขึ้น “จื่อเซี๋ยว เธอกินข้าวเสร็จยัง? เสร็จแล้วพวกเราออกไปกันเถอะ”
หลินจื่อเซี๋ยวรีบกลืนโจ๊กขึ้นโดยทันที ก่อนจะชี้ไปยังอาหารเช้าของอันโหรวและพูดขึ้น “โหรวโหรวเธอยังไม่ได้กินข้าวเลยนะ กินก่อนไหมแล้วค่อยไป”
อันโหรวตอนนี้จะให้กิน ก็กินไม่ลงหรอก โทรศัพท์ของเธอถูกเก็บไป ตอนนี้ก็คิดอยากจะไปที่บริษัทจะแย่ เพื่อจะได้รู้ไปเลยว่าประธานจิ่งเก็บโทรศัพท์ของเธอไปไขความลับจากมันรึเปล่า
“ฉันไม่หิว รีบไปกันเถอะ”อันโหรวเป็นกังวลอย่างมาก ก่อนจะรีบเปิดประตูอพาร์ทเมนต์ออกและเดินไปข้างนอก
หลินจื่อเซี๋ยวเห็นท่าทีเช่นนั้นก็รีบลุกขึ้นและหยิบกระเป๋าออกจากเก้าอี้และเดินตามไปทันที
……………………………….
ตอนที่ 90 ใครกันที่เปลี่ยนแผนของเธอ?
ที่บริษัทสกุลจิ่ง ห้องสำนักงานของประธาน
ทันทีที่อันโหรวได้มาถึงบริษัท เธอก็รีบมุ่งหน้าตรงไปยังชั้นที่ 15 ตอนนี้เธอกำลังยืนอยู่ตรงหน้าห้องทำงานของประธานจิ่ง เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อสงบสติอารมณ์จากความประหม่า จากนั้นก็ยกมือของตัวเองขึ้นเคาะไปที่ประตู “ประธานจิ่ง คุณอยู่ไหมค่ะ อันอีหานเองค่ะ”
จิ่งเป่ยเฉินหยุดมือที่กำลังพิมพ์อยู่บนคียบอร์ด ก่อนจะมองไปที่โทรศัพท์ข้างๆของเขา และยกริมฝีปากขึ้นอย่างช้าๆ และพูดขึ้น “เข้ามาสิ”
หลินจื่อเซี๋ยวอยู่ข้างๆอันโหรวในตอนนี้ เธอกำหมัดขึ้นเล็กน้อยก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และพูดไปว่า “อย่าพึ่งประหม่าไป ผ่อนคลายไว้ บางทีประธานจิ่งอาจจะไม่ได้เก็บโทรศัพท์เธอไปหรอกนะ”
อันโหรวยิ้ม ก่อนจะตบไปที่ไหล่ของเพื่อนเธอ และเดินเข้าไปในห้อง
เธอถือแฟ้มเอกสารชุดหนึ่งมาไว้ในมือด้วย ถ้าหากเธอไม่เห็นโทรศัพท์ของเธอละก็ เธอจะใช้โอกาสนี้แสร้งทำเป็นมาคุยเรื่องงาน เพื่อไม่ให้รู้สึกเก้อเขินจนเกินไป
เมื่อมายืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานของเขา อันโหรวก็มองไปรอบๆ ก่อนจะเห็นโทรศัพท์มือถือของตนอยู่ข้างๆจิ่งเป่ยเฉิน เธอก็แทบหายใจไม่ออกโดยทันที
อย่างที่คิดไว้ ที่แท้ก็ถูกจิ่งเป่ยเฉินเก็บไปแล้วนี่เอง!
“ประธานจิ่งค่ะ เมื่อคืนวานคุณเห็นโทรศัพท์มือถือ ที่เป็นลายสีขาวเงิน มีรูปดอกกุหลาบเป็นเคสด้านหลังมือถือรึเปล่าค่ะ?” อันโหรวกำแฟ้มในมือไว้แน่น แม้ว่าตัวเธอจะเห็นแล้ว แต่ก็พยายามถามคำถามนี้เพื่อเช็คดูคนเสียก่อน
จิ่งเป่ยเฉินเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ และขยับนิ้วออกจากแป้นพิมพ์ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา โดยทำท่าทีไม่สนใจใยดีอะไรมัน “ใช่โทรศัพท์นี่รึเปล่า? เมื่อคืนวานผมคงลืมจะคืนให้คุณไป”
เมื่ออันโหรวได้ยิน มือไม้ก็สั่นเข้า ก่อนจะเอื้อมมือ เพื่อไปหยิบโทรศัพท์ เมื่อหยิบมาไว้ในมือ เธอก็พบว่าโทรศัพท์ของเธอนั้นถูกล็อคเข้าจนได้
“ประธานจิ่ง คุณได้แตะต้องโทรศัพท์ของฉันรึเปล่าค่ะ?” ครั้งนี้ อันโหรวได้ถามอย่างตรงไปตรงมา พร้อมกับจับจ้องไปที่เขาอย่างเต็มๆ
อันทีที่เธอพูดประโยคจบ อุณหภูมิภายในห้องก็ลดลงอย่างรวดเร็ว ใบหน้าจิ่งเป่ยเฉินกลับมืดครึ้มขึ้นมาอีกครั้ง ราวกับเหยี่ยวที่คิดจะจับจ้องมาที่ตัวเธอ “สงสัยผมยังงั้นเหรอ? หรือว่าโทรศัพท์คุณจะมีของบางอะไรที่ไม่อาจดูได้ยังงั้นเลย?”
อันโหรวถึงกับผงะด้วยท่าทีที่ตกใจ รู้กับตัวดีว่าตัวเองดันตีหญ้าจนงูตื่น เธอจึงรีบสงบจิตใจขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และโค้งริมฝีปากขึ้นเพื่อยิ้มออกไป “ประธานจิ่ง คุณคงเข้าใจผิดแล้ว ฉันแค่ไม่ชอบให้ใครมาแตะต้องโทรศัพท์ของฉันเท่านั้นเอง ไม่ได้มีความหมายอื่นแฝงหรอกค่ะ”
เมื่อเธอพูดจบ ก็คิดอยากจะทดสอบจิ่งเป่ยเฉินเสียหน่อย ดวงตาของเธอก็ฉายแววเล่ห์เหลี่ยมขึ้นมาทันที “จะว่าไปแล้วถ้าหากซ่อนจริงๆ ฉันคิดว่า นอกจากรูปถ่ายส่วนตัวของฉันแล้วก็มีรูปสามีที่อยู่ในอัลบั้มโทรศัพท์ ส่วนเรื่องอื่นๆฉันเองก็ไม่รู้จะเกรงกลัวอะไร……….”
จิ่งเป่ยเฉินเผยไอเย็นมากขึ้น คิ้วดำๆของเขานั้นเริ่มขมวดขึ้นด้วยความโกรธ ก่อนจะเหลือบไปเห็นเอกสาที่อันโหรวถือมา เขาเลยถือโอกาสถามไปว่า “นั้นมันอะไร?”
ท่าทางของเขาดูเหมือนกับว่ายังไม่รู้ความจริงของตัวเอง อันโหรวก็เบาใจลง ก่อนจะยื่นเอกสารไปให้เขา
“นี่คือแผนการดำเนินงาน สำหรับโฆษกโฆษณาค่ะ ประธานจิ่งช่วยเซ็นลงนามด้วยค่ะ”
จิ่งเป่ยเฉินหยิบเอกสาร ก่อนจะลดศีรษะลง และพลิกอ่านไปสองสามหน้า ทันใดนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนและโยนเอกสารลงกับพื้นและพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “นี่มันอะไร? อันอีหาน คุณอยู่ในแผนก TE ระดับสามแบบนี้ คิดว่าตัวเองจะเป็นหัวหน้าแผนกวางแผนยังงั้นเรอะ?”
อันโหรวตื่นตระหนกขึ้น แม้ว่าตัวเธอจะใช้เวลาไม่นานเกี่ยวกับการทำเอกสารชุดนี้ แต่ก็ต้องใช้พลังงานไปมากพอสมควร มันไม่สมควรที่จะถูกเขาเอ่ยปากต่อว่าออกมาแบบนี้
เธอก้มลงหยิบเอกสารที่ตกอยู่บนพื้นของเธอ ก่อนจะพลิกดูสองสามหน้า ทันใดนั้นสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป เพราะว่านี่มันไม่ใช่แผนของเธอด้วยซ้ำไป!
เธอเก็บไฟล์พวกนี้เอาไว้ตอนที่เลิกงานเมื่อวาน พอมาถึงวันนี้ตัวเธอก็ไม่ตรวจสอบเช็คอะไรมันมากมาย พอเปิดไฟล์เอกสารเสร็จก็ ปริ้นออกมาเสียเลย และเตรียมจัดแบบเพื่อจะส่งมอบไปยังจิ่งเป่ยเฉิน
มันจะต้องมีใครสักคนมาเปลี่ยนแผนของเธอแน่ๆ!
“ประธานจิ่ง มีคนมาเปลี่ยนแผนของฉันไป” อันโหรวใบหน้าซีดขาว ก่อนจะสงบสติอารมณ์ให้ใจเย็นอย่างรวดเร็ว เวลานี้สิ่งที่ควรทำที่สุดก็คือการเชื่อมั่นในตัวเอง ห้ามรน
จิ่งเป่ยเฉินเอนหลังบนเก้าอี้ ก่อนจะนั่งไขว่ห้าง และมองไปที่อันโหรว “คุณนำเอกสารนี่มาให้ผมเอง ผมไม่สนหรอกนะว่าใครจะเปลี่ยนแผนของคุณ พรุ่งนี้เวลาบ่ายสอง บริษัทจิ่งจะจัดงานแถลงเกี่ยวกับโฆษณาชุดนี้ ทั้งยังต้องเลือกคนที่จะเป็นตัวแทนของโฆษณาอีก เราต้องดำเนินการหลายอย่างทั้งยังต้องถูกรับรองในด้านกฏหมายของโฆษณาอีกด้วย เราต้องพิจารณาหลายๆอย่างให้ถี่ถ้วนก่อนงานแถลงข่าวนะ”
“งานแถลงข่าวจัดขึ้นในช่วงบ่ายของวันพรุ่งนี้ยังงั้นเหรอ?” อันโหรวอดไม่ได้ที่จะอุทานด้วยความตกใจ ดวงตาเผยให้เห็นออกมาด้วยความไม่อยากเชื่อ “ทำไมเรื่องพวกนี้ฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย”