“ใช่” เจ้าหน้าที่อธิบายยิ้มๆ “ประสิทธิภาพการต่อสู้ของนักรบนั้นอาจแตกต่างกันได้มากมายด้วยช่องว่างของระดับวรยุทธที่มีอยู่ และไม่มีใครอยากท้าทายคนที่พวกเขารู้ดีว่าไม่มีโอกาสเอาชนะ วัตถุประสงค์หลักของสังเวียนประลองคือการบ่มเพาะเทคนิคการต่อสู้ และนั่นจะเป็นผลก็ต่อเมื่อได้เจอคู่ดวลที่เหมาะสมเท่านั้น ดังนั้น เพื่อให้การจับคู่เป็นไปอย่างเหมาะเจาะ สังเวียนประลองจึงแบ่งออกเป็นหลายระดับขั้น”
จางเซวียนพยักหน้า
อย่างตัวเขา การแข่งขันในระดับนี้ไม่อาจสร้างความตื่นเต้นอีกแล้ว อย่าว่าแต่จะพัฒนาทักษะของเขาเลย
“สังเวียนประลองแบ่งออกเป็นการดวลระดับล่าง ระดับกลาง และระดับสูง ถ้าคุณเอาชนะได้ 10 รอบติดต่อกันในระดับขั้นหนึ่งๆ คุณก็จะได้รับอนุญาตให้ก้าวเข้าสู่ขั้นต่อไป” เจ้าหน้าที่อธิบาย
“ตอนนี้คุณมีสถิติอยู่ที่ 8 รอบ ซึ่งทำให้เข้าใกล้การดวลระดับกลาง แต่ด้วยความเก่งกาจที่คุณสำแดงออกไป มีความเป็นไปได้ว่านักรบส่วนใหญ่คงไม่กล้าท้าทายคุณแล้ว ถ้าคุณอยากเดินหน้า ก็ต้องเพิ่มเงินรางวัลตอบแทนให้สูงขึ้น ขอแค่มีคนยอมรับคำท้าและคุณเอาชนะพวกเขาได้ 2 รอบติดต่อกัน คุณก็จะมีคุณสมบัติเพียงพอได้เข้าสู่การดวลระดับกลาง และได้พบกับผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งกว่าเดิม!”
จางเซวียนพยักหน้าอีกรอบ
รูปแบบนี้ถือว่าสมเหตุสมผลดี
“ถ้าอย่างนั้น ผมขอยื่นคำท้า!”
“ได้สิ คุณจะวางเดิมพันเท่าไหร่?” เจ้าหน้าที่ตั้งคำถาม
“5,500 เหรียญนิรันดร์” จางเซวียนตอบพร้อมยื่นบัตรนิรันดร์ออกไป
ก่อนหน้านี้ เขาใช้เงินซื้อยาเม็ดให้น้ำเต้าตงฉู่เกือบหมด จึงเหลือติดตัวเพียงเล็กน้อย
“5,500 เหรียญนิรันดร์?” เจ้าหน้าที่ส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มเจื่อนๆ “เป็นจำนวนที่ต่ำเกินไป คงไม่มีใครรับคำท้าของคุณหรอก…”
ถ้าไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันจากการดวล จะมีใครเต็มใจรับคำท้า?
โดยทั่วไป เงินรางวัลควรจะอยู่ที่ 50,000 เหรียญนิรันดร์เป็นอย่างน้อย ถึงจะดึงดูดความสนใจของใครต่อใครได้ เงินที่มากพอเท่านั้นที่จะทำให้บรรดานักรบเต็มใจเสี่ยงดวงแม้จะรู้ดีว่าโอกาสชนะมีไม่มาก
5,500 เหรียญนิรันดร์…มันน้อยเกินไป!
ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังรู้สึกว่าจางเซวียนออกจะขี้เหนียวไปสักหน่อย ชายหนุ่มคนหนึ่งก็ก้าวยาวๆเข้ามาและพูดว่า “ผมรับคำท้าของเขา!”
ชายหนุ่มมีอายุราว 20 กลางๆ เขาถือดาบไว้ในมือ บ่งบอกว่าเป็นผู้ฝึกฝนศิลปะเพลงดาบคนหนึ่ง ข้างกายเขาคือสาวน้อยที่มีอายุราววัยรุ่นตอนปลาย
ทั้งคู่ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหัวเจียงเหอกับเฉว่ชิง
แต่เพราะพวกเขาปรับเปลี่ยนรูปร่างหน้าตา จางเซวียนจึงจำทั้งคู่ไม่ได้
“คุณเต็มใจรับคำท้าของผม?”
นึกไม่ถึงว่าคู่ต่อสู้จะปรากฏตัวรวดเร็วขนาดนี้ จางเซวียนถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาตั้งคำถามขณะส่งรอยยิ้มไม่มีพิษภัยให้อีกฝ่าย “ถ้าอย่างนั้น คุณจะเต็มใจยอมรับเดิมพันของผมด้วยไหม?”
เมื่อได้ยินว่ามีเดิมพันเข้ามาเกี่ยวข้องอีกรอบ หัวเจียงเหอหน้าตึงขึ้นมาทันทีขณะหวนนึกถึงเรื่องเลวร้ายที่เขาเพิ่งเจอ “คุณจะเดิมพันแบบไหนล่ะ?”
“ง่ายนิดเดียว ถ้าผมแพ้ ผมจะมอบเงินให้คุณ 100,000 เหรียญนิรันดร์ แต่ถ้าคุณแพ้ คุณก็ต้องมอบให้ผม 100,000 เหรียญนิรันดร์เหมือนกัน!”
เดิมที จางเซวียนคิดจะเพิ่มเงินรางวัลให้สูงขึ้นไปถึง 500,000 เหรียญนิรันดร์ แต่ก็เกรงว่าจะทำให้เหยื่อหวาดกลัวและหลุดมือไป ลงท้ายจึงเลือกลดจำนวนลง เขาดูออกว่าอีกฝ่ายจงใจเข้ามาท้าทายเขา โดยเฉพาะการที่หมอนี่ตอบรับคำท้าของเขาอย่างรวดเร็วทั้งๆที่ได้ค่าตอบแทนต่ำมาก ถึงตอนนี้จางเซวียนจะกำลังอยากได้คู่ดวล แต่เป้าหมายหลักก็คือหาเงินมาใช้ ซึ่งวิธีที่ง่ายที่สุดก็คือการยื่นเดิมพัน!
“100,000 เหรียญนิรันดร์ คุณหาเงินขนาดนั้นได้ด้วยหรือ?” หัวเจียงเหอคำราม
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งของสำนักดาบเมฆเหิน 100,000 เหรียญนิรันดร์ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเขา แต่เขาก็ไม่คิดจะปล่อยให้ใครเอาเปรียบ
“ผมคิดว่าปัญหาตอนนี้ก็คือคุณเต็มใจจะเดิมพันกับผมหรือเปล่า ถ้าคุณยอมรับเดิมพันล่ะก็ ผมพร้อมจะดวลกับคุณ แต่ถ้าไม่…ผมก็ไม่อยากเสียเวลาสู้กับคุณเหมือนกัน” จางเซวียนโบกมืออย่างรำคาญ
ดูจากเจตจำนงเพลงดาบที่ชายหนุ่มตรงหน้าเขาแสดงออกมา จางเซวียนรู้ว่าอีกฝ่ายก็เหมือนกับเมฆผงาดและคนอื่นๆที่เขาเพิ่งสังหารไป คือเป็นศิษย์สายตรงคนหนึ่งของสำนักดาบเมฆเหิน
ในสายตาของตั้นเฉี่ยวเทียน บรรดาศิษย์สายตรงของสำนักดาบเมฆเหินมีเกียรติสูงส่งในมิติเบื้องบน ดังนั้น การที่อีกฝ่ายจงใจมาที่นี่เพื่อรับคำท้าก็หมายความว่าตั้งใจมาแก้แค้นให้พรรคพวกที่ถูกจางเซวียนใช้ศิลปะเพลงดาบสังหารไป ซึ่งในเมื่อเป็นอย่างนั้น เขาก็น่าจะพอกดดันอีกฝ่ายได้
อีกอย่าง การที่จางเซวียนต้องกดข่มวรยุทธลงให้เหลือเพียง 1 ใน 20 ไม่ใช่เรื่องง่าย เขาแทบสำแดงเทคนิคการต่อสู้อะไรไม่ได้เลย ซึ่งนั่นทำให้อึดอัดใจมาก เป็นธรรมดาที่เขาควรจะได้รางวัลตอบแทนอย่างงามสำหรับความเหนื่อยยากครั้งนี้!
ถ้าเขาไม่กดข่มพละกำลังไว้ คู่ต่อสู้คงกลัวจนขาดใจตาย
“บังอาจ! เป็นเกียรติของคุณแล้วนะที่ศิษย์พี่หัวเต็มใจรับคำท้า กล้าดีอย่างไรถึงพูดกับเขาแบบนั้น!”เฉว่ชิงตวาดก้อง แสนจะหงุดหงิดกับทีท่าไม่แยแสของเจ้าโลก
มีความเป็นไปได้ว่าหัวเจียงเหอน่าจะได้เป็นศิษย์สายตรงฝ่ายในภายในปีหน้า ซึ่งอีกฝ่ายควรรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ดวลกับผู้เชี่ยวชาญผู้ทรงพลังระดับนี้ แต่หมอนั่นกลับแสดงทีท่าไม่เต็มใจ ถึงกับยื่นเดิมพันด้วย…
เจียมกะลาหัวเสียบ้าง!
“เอาล่ะ พอที” หัวเจียงเหอยกมือขึ้นยับยั้งเฉว่ชิง เขามองเจ้าโลกอีกครั้งและพูดต่อ “ผมไม่รังเกียจจะเดิมพันกับคุณหรอก แต่ถ้าคุณแพ้ ผมไม่ต้องการ 100,000 เหรียญนิรันดร์ของคุณ…ที่ผมต้องการก็คือคุณต้องยอมรับว่าศิลปะเพลงดาบของคุณอ่อนด้อยกว่าศิลปะเพลงดาบของสำนักดาบเมฆเหิน และติดตามผมกลับไปที่สำนักดาบเมฆเหินเพื่อเป็นศิษย์สายตรงฝ่ายนอกของเรา!”
เงิน 100,000 เหรียญนิรันดร์เป็นเงินจำนวนที่เขาพอหาได้ แต่ชื่อเสียงของสำนักดาบเมฆเหินถือเป็นสิ่งแรกที่ต้องปกป้องไว้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม
ข่าวแพร่สะพัดไปทั่วว่าอวิ๋นเฟยหยางกับพรรคพวกพ่ายแพ้ เรื่องนี้เป็นที่โจษขานกันทั่วทั้งเมือง ซึ่งถ้าตัวเขาในฐานะศิษย์พี่หมายเลข 1 ยังคงนิ่งเฉย ในไม่ช้า ใครต่อใครก็คงพากันพูดว่าศิษย์สายตรงของสำนักดาบเมฆเหินนั้นอ่อนแอเสียยิ่งกว่านักรบพเนจร เขาไม่อาจปล่อยให้เรื่องหยุมหยิมแบบนี้มาทำให้ชื่อเสียงของสำนักต้องด่างพร้อย!
อีกอย่าง หากเขาพาอัจฉริยะหน้าใหม่ผู้ปราดเปรื่องเข้าสู่สำนักได้ ก็จะได้ค่าตอบแทนอย่างงาม ถือเป็นความดีความชอบครั้งใหญ่
“ได้สิ” จางเซวียนพยักหน้า
เงื่อนไขพวกนั้นไม่ได้สลักสำคัญอะไรกับเขาเลย อีกอย่าง…
แพ้? จะเป็นไปได้อย่างไร?
คำนั้นเป็นคำที่ผมไม่เคยเขียนเลยในช่วงชีวิตของผม!
“ไปที่สังเวียนประลองกันเถอะ”
เมื่อตกลงกันได้ ทั้งคู่รีบเดินเข้าสู่สังเวียนประลอง
“ดูนั่น! เจ้าโลกกลับมาแล้ว…คราวนี้เขาจะสู้กับใคร?”
“เยี่ยมเลย! ผมจะได้เห็นทักษะเหนือชั้นของเขาอีกที อธิบายไม่ถูกเลยว่าประทับใจเทคนิคของเขามากแค่ไหน…”
“เร็วเข้าเถอะ รีบไปเรียกเจ้างั่งพวกนั้นมา ถ้าพลาดการดวลของเจ้าโลกล่ะก็ พวกนั้นคงเกลียดเราไปจนตายแน่!”
“เขาจะสู้กับใครน่ะ?”
“นัยน์ตาวารี? ผมไม่รู้จักหมอนั่น แต่…สาวน้อยที่อยู่ข้างเขา, พิณเหมันต์น่ะ ผมรู้สึกเหมือนเคยได้ยินชื่อเธอมาก่อน…”
“เธอเป็นใคร?”
“ขอคิดก่อนนะ ใช่แล้ว…เธอคือนายหญิงน้อยที่ 2 ของเมืองชวนเจียง ดูเหมือนจะชื่อเฉว่ชิงหรืออะไรประมาณนี้นี่แหละ เธองดงามไม่เบา และศิลปะเพลงดาบของเธอก็น่าทึ่ง…”
…..
เสียงแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอื้ออึงไปทั่ว
ฉายาของหัวเจียงเหอ, นัยน์ตาวารี เป็นฉายาเดียวกับที่เขาใช้ในทุกที่ เพียงแต่เขาไม่เคยเข้าสู่หอนิรันดร์ของเมืองแสงดาวมาก่อน จึงไม่มีใครเคยได้ยินชื่อนี้
แต่สำหรับเฉว่ชิงนั้นแตกต่างออกไป ในฐานะลูกสาวท่านเจ้าเมือง เธอเป็นแขกประจำของหอนิรันดร์และสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองได้ระดับหนึ่ง ผู้คนมากมายจึงจดจำเธอได้อย่างรวดเร็ว
เรื่องนี้เป็นทำนองเดียวกันกับการที่นักเล่นกีฬาอีสปอร์ตชั้นนำเป็นที่รู้จักกันดีทั้งในอินเทอร์เน็ต และในชีวิตจริง เหมือนใบไม้ร่วง, เย่ชิว
“เฉว่ชิง?”
บทสนทนาเหล่านั้นไม่เบานัก จางเซวียนจึงได้ยินชัดเจนทุกคำ เขาอดชะงักฝีเท้าไม่ได้
แน่นอนว่าย่อมไม่ใช่เรื่องบังเอิญ?
เขามาที่นี่เพียงเพื่อจะหาซื้อแหวนเก็บสมบัติสักวง แต่กลับต้องมาเจอแม่สาวคู่หมั้นคนนี้
จะว่าไป ถ้าพิณเหมันต์คือเธอจริงๆ นั่นก็หมายความว่านัยน์ตาวารีคือชายหนุ่มจากสำนักดาบเมฆเหินที่เดินทางมาที่นี่เพื่อเปิดรับศิษย์สายตรง ใช่ไหม? เมื่อครู่นี้หมอนั่นพูดอะไรบางอย่างทำนองว่าอยากนำตัวเขาเข้าสู่สำนักดาบเมฆเหินในฐานะศิษย์สายตรงสายนอก…
ขณะที่ใกล้ถึงสังเวียนประลอง จางเซวียนก็หันขวับไปคว้าตัวเฉว่ชิง
การเคลื่อนไหวของเขาว่องไวเสียจนสาวน้อยไม่ทันระวัง เธอเงื้อดาบขึ้นโดยอัตโนมัติเพื่อป้องกันตัว แต่ทันทีที่ดาบของเธอชูขึ้นสูง อีกฝ่ายก็ถอนฝ่ามือออก เขายิ้มให้อย่างสุภาพ
“คุณจะทำอะไรน่ะ?” เฉว่ชิงถามอย่างหงุดหงิด
เธอคิดว่าผู้เชี่ยวชาญที่เข้าตาศิษย์พี่หัวควรจะวางตัวเหมาะสมกว่านี้ ใครจะไปคิดว่าอีกฝ่ายจะพยายามเล่นงานเธอ
“ไม่มีอะไรหรอก ผมเห็นยุงตัวหนึ่งบนศีรษะของคุณ ก็เลยไล่มันไป” จางเซวียนตอบ
“คุณ…” เฉว่ชิงหายใจถี่กระชั้นด้วยความโกรธ
ยุง? ยุงบ้านคุณสิ!
เราอยู่ในหอนิรันดร์นะ เป็นสิ่งที่ปรากฏในจิตใต้สำนึกเท่านั้น จะมียุงได้อย่างไร?
อย่างน้อยก็ควรโกหกให้มันดีกว่านี้หน่อยไหม?
จางเซวียนไม่ใส่ใจอาการฟึดฟัดของเฉว่ชิง เขาเพ่งสมาธิเข้าสู่หอสมุดเทียบฟ้า และก็เป็นอย่างที่คาดไว้ หนังสือเล่มหนึ่งถูกประมวลออกมา เต็มไปด้วยข้อบกพร่องในวรยุทธของพิณเหมันต์ รวมทั้งคำอธิบายสั้นๆเกี่ยวกับตัวเธอ
“เฉว่ชิง, ลูกสาวคนที่ 2 ของเจ้าเมืองชวนเจียง…”
จางเซวียนเหยียดริมฝีปาก
ถึงทุกคนจะปกปิดรูปร่างหน้าตาและตัวตนได้เมื่ออยู่ในหอนิรันดร์ แต่ก็ไม่อาจปิดบังสายตาของหอสมุดเทียบฟ้า
พูดอีกอย่างก็คือ ขอแค่อีกฝ่ายสำแดงเทคนิคการต่อสู้ออกมา หอสมุดเทียบฟ้าก็สามารถประมวลหนังสือ อีกทั้งมองทะลุความลับและข้อบกพร่องของผู้นั้นได้ทันที
“ในเมื่อเป็นเธอ ทุกอย่างก็เริ่มจะตื่นเต้นแล้วสิ…” จางเซวียนคิด
เขาหันไปมองหัวเจียงเหอ จากนั้นก็ชี้นิ้วไปที่เฉว่ชิง “แม่สาวคนนี้น่ะแสดงทีท่าไม่สุภาพกับผม ทำไมเราไม่ทำแบบนี้แทนล่ะ? ถ้าคุณแพ้ ไม่เพียงแต่คุณจะต้องชดใช้ให้ผมเป็นเงินจำนวน 100,000 เหรียญนิรันดร์ แต่ยังต้องส่งตัวเธอมาเป็นคนรับใช้ของผมด้วย!”