อัจฉริยะสมองเพชร – ตอนที่ 2261 เจตนาสังหาร?

“ทำเกินไป?” ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่าฝงเชาคำรามเยาะ “ฝงจิ่วเกอ คุณคิดว่าตัวเองอยู่ในสมัยเมื่อสองปีที่แล้วหรือไง? ตอนนี้คุณไม่ได้เป็นอัจฉริยะแบบเมื่อก่อนแล้ว! สายเลือดของคุณก็เหือดแห้งไปหมด ยังไม่รู้ตัวอีกหรือว่าถูกเตะโด่งออกจากตระกูลสายหลัก? อย่าทำให้พวกเราเสียเวลาดีกว่า ไสหัวไปซะ!”

“เมื่อสองปีก่อนน่ะ คุณทั้งแข็งแกร่งและปราดเปรื่อง พวกเราไม่ต่างอะไรกับมดเมื่อเปรียบเทียบกับคุณ แต่ตอนนี้คุณมันก็แค่ขยะไร้ค่า รีบออกไปจากที่นี่ให้ไว ต่อให้พวกเราโยนคุณใส่กรงขังอสูร ก็ไม่มีใครช่วยแก้ต่างให้หรอกนะ!” ฝงเชียงคำราม

ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่าฝงจิ่วเกอกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ สีหน้าของเขาบ่งบอกความท้อแท้ แต่สุดท้ายก็ไม่พูดอะไร เขาออกจากตรงนั้นไปอย่างเงียบๆ

“น่าเสียดาย”

“ก็รันทดอยู่นะ ใช่ไหม? ฝงจิ่วเกอคืออัจฉริยะที่เก่งกาจที่สุดของตระกูลนกฟีนิกซ์ไฟเมื่อหลายปีก่อน แต่อุบัติเหตุครั้งหนึ่งทำให้สายเลือดของเขาถูกทำลาย ในชั่วพริบตา เขาก็ไม่อาจยกระดับวรยุทธของตัวเองได้อีก แถมร่างกายก็อ่อนแอลงเรื่อยๆ ไม่ช้าก็คงถูกเตะโด่งออกจากตระกูลสายหลัก กลายเป็นคนที่ใครๆก็เหยียดหยามได้!”

“พวกตระกูลใหญ่ๆก็เป็นแบบนี้แหละ ถ้าคุณแข็งแกร่งและปราดเปรื่องพอ ก็จะได้เป็นสมาชิกสายหลักที่ทุกคนเคารพยกย่อง แต่ถ้าไม่ ก็ไร้ความสำคัญอย่างสิ้นเชิง”

“จากการเสื่อมถอยของพลังจิตวิญญาณ แม้แต่ตระกูลนกฟีนิกซ์ไฟก็ต้องเผชิญกับการขาดแคลนทรัพยากรสำหรับการฝึกฝนวรยุทธ ผู้ที่ไม่ได้อยู่ในตระกูลสายหลักจะได้รับทรัพยากรในปริมาณจำกัดมาก ความสำเร็จจึงลดน้อยถอยลงตามไปด้วย นี่คือความเป็นจริงอันโหดร้ายของโลกใบนี้!”

หลายคนในโรงเตี๊ยมเห็นภาพที่เพิ่งเกิดขึ้น พวกเขาตั้งต้นกระซิบกระซาบกัน

หลังจากนั่งฟังครู่หนึ่ง จางเซวียนก็พอเข้าใจที่มาที่ไป

2 ปีก่อน ฝงจิ่วเกอคือดาวดวงเด่นที่เจิดจรัสที่สุดในตระกูลนกฟีนิกซ์ไฟ แม้จะอายุยังน้อย แต่ก็เป็นนักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นกลางแล้ว ไม่เพียงเท่านั้น ความสามารถในการทำความเข้าใจเทคนิคการต่อสู้ของเขายังเหนือชั้นกว่านักรบรุ่นเดียวกัน ทำให้เป็นคนที่มีแต่ใครๆจับตามอง

แต่โชคชะตาก็มักเล่นตลก

ในการออกไปปฏิบัติภารกิจครั้งหนึ่ง เขาเผชิญกับบางอย่างที่ทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่เพียงเท่านั้น สายเลือดของเขายังถูกกำจัดออกไปจากร่างกายด้วย มันหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย

ทันทีที่ทางตระกูลนกฟีนิกซ์ไฟรู้เรื่องนี้ ปริมาณทรัพยากรสำหรับการฝึกฝนวรยุทธที่เขาเคยได้รับก็ลดลงอย่างฮวบฮาบ หลายคนตั้งคำถามเรื่องสถานภาพของเขาภายในตระกูล

เมื่อ 2-3 วันก่อน มีการตรวจสอบสายเลือดของเขาอีกครั้ง ซึ่งผลก็ออกมาว่าความบริสุทธิ์ของสายเลือดของเขาเบาบางเสียจนเทียบไม่ได้แม้แต่กับสมาชิกทั่วไปในครอบครัวสาขา

ด้วยเหตุนี้ ฝงจิ่วเกอจึงถูกขับออกจากตระกูลสายหลัก แทบจะเรียกได้ว่าถูกขับออกจากตระกูลนกฟีนิกซ์ไฟด้วย

เพราะไม่อาจทำใจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น ฝงจิ่วเกอพยายามทักท้วง แต่แล้วก็ถูกฝงเชากับฝงเชียงไล่ออกมา เกิดเป็นภาพอย่างที่เห็นเมื่อครู่

“เมื่อครั้งที่เขายังเป็นดาวดวงเด่นที่สุดของตระกูลนกฟีนิกซ์ไฟ ทุกคนแทบจะพลีกายถวายหัวประจบประแจงและเอาใจเขา เหล่าผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในโผของการจัดอันดับศักยภาพราชันย์เทพเจ้าต่างเห็นเขาเหมือนน้องชาย ส่วนฝงเชากับฝงเชียงก็พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ผูกมิตร แต่เมื่อฝงจิ่วเกอหมดความรุ่งโรจน์ ทั้งสองก็เป็นคนแรกที่หันหลังให้เขา!”

“โลกก็เป็นแบบนี้แหละ สุนัขรับใช้ที่ว่าง่ายและเงียบหงิมที่สุดมักจะกัดเจ็บที่สุดเมื่อเจ้านายของมันตกอับ!”

ฝูงชนพากันส่ายหน้า

ผู้ที่ไร้ความแข็งแกร่งก็แทบจะไร้ตัวตนในสวนสวรรค์

โลกก็เป็นแบบนี้ ไม่มีใครปฏิเสธได้

ระหว่างที่หลายคนยังพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ฝงจิ่วเกอที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสก็เดินเข้ามาในโรงเตี๊ยม แล้วทรุดตัวลงนั่งไม่ห่างจากจางเซวียนมากนัก เขากระดกไวน์อึกใหญ่โดยไม่พูดอะไรสักคำ

ผู้ที่เคยขึ้นชื่อว่าเป็นอัจฉริยะตัวฉกาจก็ไม่ได้ทรงพลังเท่าไหร่ วรยุทธของเขาคือเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นต่ำเท่านั้น พลังปราณก็เบาบางและอ่อนแอมาก เท่าที่เห็น ระดับวรยุทธของเขาน่าจะลดลงอีก

สงสัยเหลือเกินว่าเขาเจออะไรมา วรยุทธถึงได้ตกฮวบแบบนี้…

จางเซวียนไม่ได้รู้สึกเห็นอกเห็นใจฝงจิ่วเกอเสียทีเดียว แต่นึกฉงนกับสถานการณ์ของอีกฝ่าย

โดยทั่วไป เว้นเสียแต่นักรบจะได้รับบาดเจ็บสาหัสที่ทางเดินพลังปราณหรือจุดตันเถียน ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่วรยุทธของพวกเขาจะลดฮวบแบบนี้

จางเซวียนดูออกว่าสิ่งที่ผู้คนซุบซิบกันน่าจะเป็นเรื่องจริง ดูเหมือนเมื่อครั้งรุ่งโรจน์สุดขีด ฝงจิ่วเกอน่าจะเป็นนักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูง แต่ตอนนี้ ไม่ช้าเขาก็คงร่วงจากวรยุทธระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้าง…

ตอนนั้นเขาเจออะไรถึงกลายเป็นแบบนี้?

ขอดูหน่อยเถอะ

จางเซวียนเปิดใช้ดวงตาหยั่งรู้เพื่อพิจารณาชายหนุ่มอย่างถี่ถ้วน ครู่ต่อมาก็ขมวดคิ้ว

เจตนาสังหาร?

ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขามีกระแสเจตนาสังหารเข้มข้นอยู่ภายในร่างกาย แม้อีกฝ่ายจะปกปิดไว้อย่างดี แต่ก็ไม่ดีพอจะหลบหลีกการตรวจจับของดวงตาหยั่งรู้

นักรบผู้ช่ำชองสนามรบส่วนใหญ่มักมีกระแสเจตนาสังหารระดับหนึ่งฝังอยู่ในร่างกาย เหมือนกับจัวเฟิง แต่เจตนาสังหารในร่างของฝงจิ่วเกอกลับเหมือนกับเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นจนน่าประหลาด

ไม่น่าเชื่อว่าฝงจิ่วเกอ, ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขาคนนี้จะมีเจตนาสังหารของเผ่าพันธุ์ปีศาจอยู่ในตัว!

สิ่งนี้ทำให้จางเซวียนเกิดความอยากรู้มากขึ้นอีก

เพราะผ่านมาแล้วทั้งทวีปแห่งปรมาจารย์ มิติเบื้องบน และสรวงสวรรค์ จางเซวียนจึงเข้าใจดีว่าความแตกต่างของระดับพลังจิตวิญญาณส่งผลต่อสิ่งมีชีวิตในสภาพแวดล้อมต่างๆกันมากแค่ไหน

ความแตกต่างข้อใหญ่ของทั้ง 3 โลกคือความเสถียรของกฎเกณฑ์แห่งมิติและเวลา รวมถึงความเข้มข้นของพลังจิตวิญญาณ

โดยภาพรวม ระดับความเข้มข้นของพลังจิตวิญญาณที่ต่างกันส่งผลอย่างมากต่อประสิทธิภาพการต่อสู้ของนักรบ นั่นคือเหตุผลที่สิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่ในสรวงสวรรค์มีวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์แต่กำเนิด ฝึกฝนวรยุทธอีกเพียงเล็กน้อยก็ได้เป็นนักรบระดับเทพเจ้า

ส่วนเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นก็มีเจตนาสังหารเข้มข้นอยู่ในร่างกาย ทำให้ดุร้ายและกระหายเลือด แต่การซึมซับพลังจิตวิญญาณที่มีหน้าตาเหมือนปรอทในมิติเบื้องบนทำให้เจตนาสังหารเข้มข้นในร่างกายของพวกมันถูกเจือจางไปมาก

พลังจิตวิญญาณในสรวงสวรรค์ก็คงมีอานุภาพแบบเดียวกัน

ยกตัวอย่างหลิวหยาง ทั้งที่เป็นอำมาตย์ของเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่น แต่นับตั้งแต่มาถึงสรวงสวรรค์ หลิวหยางก็พบว่าไม่ว่าจะพยายามฝึกฝนเคล็ดวิชาเทียบฟ้าฉบับเรียบง่ายแบบย้อนกลับมากแค่ไหน ก็ไม่อาจสร้างเจตนาสังหารของเผ่าพันธุ์ปีศาจขึ้นใหม่ได้

นี่หมายความว่าพลังจิตวิญญาณในสรวงสวรรค์มีอานุภาพเกินพอที่จะเจือจางเจตนาสังหารในร่างกายของเขา

จึงออกจะน่าแปลกที่ฝงจิ่วเกอมีกระแสเจตนาสังหารเข้มข้นขนาดนั้นอยู่ในร่างกาย

จางเซวียนหันไปมองคฤหาสน์ของตระกูลนกฟีนิกซ์ไฟซึ่งมีองครักษ์อารักขาอยู่ด้านนอก การใช้ดวงตาหยั่งรู้ทำให้เขาดูออกว่าคนเหล่านั้นมีสายเลือดเดียวกันกับฝงจิ่วเกอ แต่ไม่มีเจตนาสังหารเจือปน

นกฟีนิกซ์สวรรค์สร้างอมตะคือบรรพบุรุษเก่าแก่ของเผ่าพันธุ์นกฟีนิกซ์ เช่นเดียวกันกับเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณของเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่น ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกอะไรที่ทายาทของเขาจะมีกระแสเจตนาสังหารอยู่ในตัว…

แต่สิ่งที่แปลกก็คือมีแต่ฝงจิ่วเกอเท่านั้นที่มีเจตนาสังหาร

อะไรทำให้เขามีความพิเศษแบบที่นักรบรุ่นเดียวกันไม่มี?

จางเซวียนพินิจพิจารณาฝงจิ่วเกออีกครั้ง แต่ก็ไม่อาจใช้ดวงตาหยั่งรู้ระบุสาเหตุของความผิดปกตินี้ได้ จึงถือแก้วไวน์ของตัวเองและเดินไปที่โต๊ะของฝงจิ่วเกอ

เขาทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามชายหนุ่ม จากนั้นก็กระดกไวน์ของตัวเองโดยไม่พูดอะไร

เห็นจางเซวียนมาอยู่ตรงหน้า ฝงจิ่วเกอขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิด เขาโบกมือขณะคำราม “ออกไปซะ! ผมอาจเป็นขยะของตระกูลนกฟีนิกซ์ไฟ แต่ไม่ใช่คนที่ใครจะมาเห็นเป็นตัวตลก!”

“ผมบังเอิญรู้เรื่องการประลองในตระกูลที่จะเกิดขึ้นเร็วๆนี้ จึงรีบเดินทางมายังเมืองหลวงแห่งจิตวิญญาณต้นกำเนิดและบังเอิญได้ยินเรื่องเมื่อครู่ของคุณ ไม่ต้องห่วงน่ะ ผมไม่มีเจตนาร้าย แค่อยากมีเพื่อนดื่มเท่านั้น” จางเซวียนตอบอย่างจริงใจ

“คุณก็เป็นสมาชิกของตระกูลนกฟีนิกซ์ไฟหรือ?” ฝงจิ่วเกอเงยหน้ามองจางเซวียนอย่างสงสัย

“จะพูดอย่างนั้นก็ได้” จางเซวียนตอบโดยไม่อธิบายเพิ่มเติม เขาโน้มตัวเข้ามาเล็กน้อยและเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ “ผมรู้สึกได้ว่ารากฐานวรยุทธของคุณมั่นคงมาก และในร่างกายก็ไม่มีอาการบอบช้ำที่เห็นได้ชัด แต่ทำไมวรยุทธของคุณจึงถดถอย?”

“ฮึ่มมมม!”

ฝงจิ่วเกอกำลังจะเริ่มรู้สึกดีกับชายหนุ่ม ก็พอดีกับที่อีกฝ่ายแล่เนื้อทาเกลือบาดแผลของเขาอีกครั้ง สีหน้าของฝงจิ่วเกอเคร่งเครียดขึ้นมาทันที

วรยุทธของเขาอาจถดถอย แต่สายตายังเฉียบคมอยู่

เขาดูออกว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้ามีพละกำลังมากกว่าตัวเขาในสภาวะที่แข็งแกร่งที่สุดเสียอีก ซึ่งถ้าไม่เป็นอย่างนั้น เขาคงปรี๊ดแตกใส่อีกฝ่ายแล้ว

“คุณก็คิดมากไป นอกจากเป็นสมาชิกของตระกูลนกฟีนิกซ์ไฟ ผมยังเป็นนายแพทย์ชื่อดังด้วย พูดตามตรงก็แล้วกัน ผมเข้ามาคุยกับคุณเพราะรู้สึกว่าสภาวะของคุณแปลกประหลาดมาก แต่นั่นแหละ ผมเชื่อว่าผมช่วยคุณได้”

เห็นความระแวงของฝงจิ่วเกอ จางเซวียนนำตราสัญลักษณ์การเข้าใช้ค่ายกลทะลุมิติขนาดใหญ่ให้ชายหนุ่มดู ชื่อเจ้าของตราสัญลักษณ์และความสำเร็จที่ทำให้เขามีสิทธิ์ใช้ค่ายกลทะลุมิติขนาดใหญ่ถูกจารึกไว้บนนั้น

ฝงจิ่วเกอจ้องดูตราสัญลักษณ์ เขาหรี่ตาด้วยความอัศจรรย์ใจ จากนั้นก็เงยหน้ามองจางเซวียนอีกครั้ง แต่คราวนี้นัยน์ตาของเขาเป็นประกายตื่นเต้น

ในฐานะผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสมาชิกสายหลักของตระกูลนกฟีนิกซ์ไฟ เขารู้ดีว่าการได้สิทธิ์เข้าใช้ค่ายกลทะลุมิติขนาดใหญ่นั้นยากเย็นแค่ไหน แม้เมื่อครั้งที่เขามีพละกำลังสูงสุด ก็ยังปฏิบัติภารกิจนี้ไม่สำเร็จ

แต่ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าทำได้โดยใช้ทักษะการรักษาโรคของเขา

นั่นหมายความว่าทักษะการรักษาโรคของอีกฝ่ายถือเป็นแนวหน้าของทั้งเก้าน่านฟ้า

“ผมก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น” ฝงจิ่วเกอตอบพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ขณะวางแก้วไวน์ลงบนโต๊ะ

“ตั้งแต่ภารกิจครั้งนั้น ผมรู้สึกเหมือนมีรูพรุนอยู่ทั่วร่าง ไม่ว่าจะพยายามซึมซับพลังจิตวิญญาณแค่ไหนก็เก็บมันไว้ในตัวไม่ได้ นั่นยังไม่หมดนะ ระดับวรยุทธของผมยังค่อยๆถดถอยด้วย…ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา วรยุทธของผมตกต่ำลงเรื่อยๆจนอยู่ในสภาพแบบนี้!”

“คุณเก็บพลังจิตวิญญาณไว้ในตัวไม่ได้?” จางเซวียนพยักหน้า “ช่วยออกหมัดพื้นฐานให้ผมดูหน่อยได้ไหม?”

“ได้สิ”

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร

LOHP, Thiên Đạo Đồ Thư Quán, Tian Dao Tu Shu Guan, 天道图书馆
Score 7.4
Status: Completed Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชรจางเซวียนข้ามไปอีกโลกหนึ่งโดยบังเอิญ ตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองกลายเป็นครูไปเสียแล้ว ซ้ำยังเป็นครูที่ไม่เก่งและกำลังจะถูกไล่ออกอีกด้วย ทว่าจางเซวียนกลับพบความลับอันยิ่งใหญ่ของร่างใหม่ร่างนี้ นั่นก็คือ… เขามีสมองเพชร! ในสมองของครูหนุ่มคนนี้แอบซ่อน ‘หอสมุด’ ขนาดใหญ่ไว้ด้านใน ไม่ว่าอะไรก็ตามที่จางเซวียนเห็น ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสิ่งของ ล้วนถูกเก็บสู่คลังหนังสือในรูปแบบของสมุดเล่มหนึ่ง ก็ถ้าในเมื่อมีไอเท็มสุดยอดนี้อยู่กับตัวแล้ว ใครยังจะกล้าเรียกเขาว่าครูกระจอกอีก?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset