CF:บทที่ 82 ความสวยงามและชื่อเสียง
หลังจากที่นักท่องเที่ยวจากหลี่ฉุยมาที่นี่ในวันแรก สภาพของหมู่บ้านซุยฉุยได้ถูกถ่ายรูปและถ่ายวิดีโอโดยนักท่องเที่ยวเหล่านี้ และได้ถูกนำไปอัพโหลดขึ้นอินเตอร์เนท และยืนยันเรื่องภาพถ่ายของลิ่วหมิงเยว่และโจ้วหลานเป็นความจริง
ยิ่งไปกว่านั้น รูปถ่ายที่ยิ่งถ่ายช่วงหลังๆ ดอกกล้วยไม้ม่วงพวกนี้ก็ยิ่งสวยขึ้น โดยเฉพาะตอนนี้, กล้วยไม้ม่วงทั้งสามเนินเขาก็ได้เริ่มบานแล้ว ความสวยงามของมันนั้นไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ มันช่างดูราวกับเป็นทะเลดอกไม้สีม่วงจริงๆ
และผลของมัน หลังจากรูปถ่ายและวิดีโอได้เผยแพร่ออกไป ภาพทิวทัศน์ที่สวยงามของหมู่บ้านซุยฉุยก็ได้ถูกนำมาขึ้นบนจออีกครั้ง และคราวนี้เป็นในวงที่ใหญ่กว่าเดิม
อู๋ฮ่าวเหรินที่เดินตามอู๋ฉานฉู่ขึ้นมาที่ภูเขาที่อยู่ทิศเหนือ เขาก็ตกใจในจำนวนของกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มาดูกล้วยไม้สีม่วง
เขารู้อยู่แล้วว่าดอกไม้สีม่วงพวกนี้จะดึงดูดผู้คนให้มาเที่ยวได้, แต่เขาก็ไม่คิดว่ามันเยอะมากขนาดนี้
ถึงแม้จะไม่ถึงระดับที่เรียกได้ว่าเบียดเสียด, แต่หมู่บ้านซุยฉุยก็ไม่สามารถที่จะรองรับผู้คนที่มาเที่ยวถึง 4,500 คนต่อวันได้
ยิ่งไปกว่านั้น ตราบเท่าที่ดอกกล้วยไม้ม่วงยังไม่เหี่ยวเฉา จำนวนคนที่มาเที่ยวก็น่าจะยิงเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ
“ฮ่าวเหริน, อย่างที่คุณเห็น เราได้ส่งคนลงไปเดินตรวจตรา ดูว่ามีใครได้เด็ดต้นกล้วยไม้ไปมั๊ย ยิ่งไปกว่านั้นมีนักท่องเที่ยวบางคนได้ขุดเอารากและต้นกลับไปบ้างแล้ว”
อู๋ฮ่าวเหรินได้นิ่งคิดไปพักหนึ่งก่อนจะพูดขึ้น “ถ้าเช่นนั้นก็ขายดอกกล้วยไม้พวกนี้กันเถอะ เดิมทีผมก็ตั้งใจที่จะปลูกดอกกล้วยไม้พวกนี้เพื่อให้เป็นรายได้เข้าหมู่บ้านของพวกเราอยู่แล้ว ถ้ามันสามารถทำเงินได้ซะอย่าง ผมก็ไม่สนเรื่องปัญหาด้านการผลิตเครื่องดื่มจะลดลงหรอก”
เขายังมีหนทางหาเงินอีกหลายทาง จะหายไปซักทางก็ไม่เป็นไร
“มันไม่เป็นอะไรจริงๆเหรอ? ถ้าดอกไม้ถูกเด็ดออกไป มันก็จะไม่มีผลให้เก็บนะ แล้วโรงงานเครื่องดื่มของคุณจะทำยังไง?”
“มันไม่เป็นไรครับลุง, ไม่ต้องกังวล ผมไม่ได้หวังพึ่งการทำเงินจากโรงงานผลิตเครื่องดื่มอย่างเดียวอยู่แล้ว บริษัทของเรายังมีโครงการอื่นอีก ถ้าคุณลุงสามารถขายดอกไม้ได้ ก็ขายพวกมันไปเถอะ”
“จริงอะ, อย่าทำให้ตัวเองขาดทุนละกัน”
อู๋ฮ่าวเหรินยิ้มและพูดขึ้น “ถ้าคุณไม่เชื่อล่ะก็ คุณจะลองไปดูที่ว่าการมณฑลก็ได้นะ
“เอาเถอะลุงฉาน, เราเลิกพูดเรื่องนี้กันดีกว่า แค่ทำให้คนในหมู่บ้านทำฟาร์มกันอย่างมีความสุขก็พอแล้ว มาคุยเรื่องหลักอย่างเรื่องความสะอาดกับที่พักกันดีกว่า ตอนนี้น่าจะยังไม่มีปัญหาอะไรที่ต้องแก้ไขสินะครับ
“มันเป็นเรื่องง่ายที่จะรักษาความสะอาด แต่เรื่องที่พักนี่สิที่เป็นปัญหา”
อู๋ฮ่าวเหรินเกิดความสงสัยขึ้นมา ทำไมเรื่องที่พักถึงเป็นปัญหาขึ้นมาได้
“ผมจำได้ว่าทุกครอบครัวในหมู่บ้านจะต้องมีห้องว่างๆและร้านขายของอยู่นี่ครับ ทำความสะอาดซักหน่อย แล้วก็ไปซื้อเตียงใหม่ในเมืองเอาก็ได้”
“มันไม่ดีที่จะปล่อยให้แขกอาศัยอยู่ในร้านขายของชำนะ” อู๋ฉานฉู่พูดขึ้นอย่างลังเล แต่อู๋ฮ่าวเหรินส่ายหัวตอบ สิ่งที่เรียกว่าร้านขายของจริงๆแล้วคือบ้านหลังหนึ่ง ที่เอาไว้กองสุมเครื่องมือทำฟาร์มเท่านั้น
อู๋ฉานฉู่ ยืนดูอยู่ต่อเพียงลำพัง ปล่อยให้อู่ฮ่าวเหรินเดินลงมาดูที่เนินเขา
เมื่อมองมาที่ฝูงคนที่อยู่ในทุ่งดอกกล้วยไม้แล้ว เขาคิดว่าถ้าเขาสามารถเอาต้นไม้ชนิดอื่นมาปลูก มันจะต้องส่งผลกระทบครั้งใหญ่ขึ้นอีกแน่
แน่นอนว่า เนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบัน มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะปลูกพืชแปลกๆพวกนั้นได้อีก เพราะมันจะเป็นจุดสนใจมากเกินไป และนั่นก็ไม่ใช่เรื่องดี
“ที่นี่มันสวยมาก ฉันอยากจะถ่ายรูปในชุดแต่งงานที่นี่ เมื่อกี้ฉันเห็นมีถ่ายรูปแต่งงานกันตรงนั้น มันสวยมากเลยล่ะ”
“มันสวยจริงๆแหละ ผมไม่รู้เลยว่ามีที่ๆมีดอกกล้วยไม้ม่วงแบบนี้อยู่ด้วย ตอนที่ผมมาเมื่อกี้เหมือนเห็นคนถามหาอยากซื้อดอกไม้พวกนี้อยู่นะ พวกเราจะซื้อกลับไปบ้างดีมั๊ย?”
“ลืมมันซะเถอะ ถึงจะซื้อกลับมาพวกเราก็ปลูกไม่เป็นอยู่ดี มาเร็ว, มาถ่ายรูปกัน แล้วส่งไปให้กลุ่มเพื่อน แล้วบอกว่าพวกเรามาแล้ว”
ผู้มาเที่ยวที่หมู่บ้านซุยฉุยต่างก็ทำเหมือนๆกัน ถ่ายรูปแล้วก็ส่งต่อคนอื่นๆในวีแชทหรือโซเชียลมีเดียอื่นๆ
และในตอนที่รูปและวิดีโอพวกนั้นถูกส่งไปแล้ว คนส่วนใหญ่ก็จะถามว่ามันอยู่ที่ไหน
แล้วหมู่บ้านซุยฉุยก็จะกลับมาร้อนแรงอีก แต่จะไม่เหมือนคราวที่แล้ว แต่มันจะเป็นเหมือนกระแส ซึ่งในเวลานี้มันเป็นความจริงที่ว่า ที่มีชื่อเสียงขึ้นมาเป็นเพราะรูปที่ถ่ายโดยนักท่องเที่ยว
และเพราะว่าไม่มีนักวิชาการออกมาพูดอะไร ทำให้คนส่วนมากเชื่อ
ความสวยงามของกล้วยไม้ม่วงนั้นทำให้ผู้คนยากที่จะต่อต้าน แต่ถ้ามันไม่ใช่ช่วงดอกไม้บานของกล้วยไม้ม่วง และไม่ใช่วันหยุด ฉันเชื่อว่าหมู่บ้านซุยฉุยนั้นจะมีนักท่องเที่ยวได้ก็แค่ช่วงนี้เท่านั้น
ถึงเป็นแบบนั้น ในปัจจุบัน นักท่องเที่ยวในหมู่บ้านซุยฉุยก็น่าจะถึงจุดอิ่มตัวแล้ว ไม่สำคัญว่าเท่าไร แต่เพราะไม่สามารถรับได้มากกว่านี้
เมื่อกลับมาที่หมู่บ้าน อู๋ฮ่าวเหรินก็พบว่าคนในหมู่บ้านส่วนใหญ่ต่างมีรอยยิ้ม
ซึ่งในขณะนั้น พวกเขากำลังยุ่งกับการเตรียมอาหารให้นักท่องเที่ยวในตอนเที่ยง
ใกล้บ้าน อู๋ฮ่าวเหรินได้ยินเสียงป้าหลางข้างบ้านกำลังโทรศัพท์อยู่
“กลับมาเร็วเข้า แล้วพาลูกชายเธอกลับมาด้วย ครอบครัวไม่ได้ยุ่งอะไรอยู่แล้วนี่ ตอนนี้ที่หมู่บ้านกำลังเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว นายพรานแก่ที่อยู่แถวหน้าหมู่บ้านรับหน้าที่พานักท่องเที่ยวขึ้นเขาไปชมดอกไม้ เขาได้ถึงวันละ 340 หยวนแน่ะ แล้วตอนเที่ยงนะ หาอาหารให้แขก 2 โต๊ะก็ได้ 5-600 หยวนแล้ว”
แน่นอนว่า คนที่อยู่ปลายทางโทรศัพท์ย่อมที่จะไม่เชื่อ เหมือนกับว่าเขาไม่อยากที่จะกลับมา
“เธอไม่เชื่อใช่มั๊ย? ลูกชายเธอใช้เน็ทเป็นใช่มั๊ย? ให้เขาเซิร์จหาหมู่บ้านซุยฉุย แล้วจะรู้เรื่องเอง เร็วเข้าล่ะ มันได้แค่ช่วงนี้เท่านั้น หลังจากที่หมดช่วงดอกไม้ ก็จะทำเงินไม่ได้แล้ว”
ดูเหมือนว่าจะมีการเซิร์จอินเตอร์เนทจริงๆ ป้าหลางดูมีความสุขมากที่ได้คุยเรื่องการเปลี่ยนแปลงของหมู่บ้านซุยฉุยกับครอบครัวของเธอทางโทรศัพท์
อู๋ฮ่าวเหรินเดินกลับไปที่บ้าน แล้วคิดว่าเขาน่าจะหาพืชอื่นมาปลูกดีมั๊ย? เป็นเพราะสถานการณ์ในปัจจุบัน ถึงแม้ว่าจะหมดช่วงดอกกล้วยไม้ไปแล้ว แต่ก็คงยังมีนักท่องเที่ยวมาเยือนเรื่อยอยู่ดี แต่จำนวนนักท่องเที่ยวในตอนนั้นก็คงลดต่ำลงไป
ในอีกด้านหนึ่ง ครูหลี่ได้ติดต่อไปยังจื่อหยง เขาไม่คิดว่าการตรวจของสถาบันวิจัยจะเข็มงวดขนาดนี้ ขณะเขามุ่งตรงไปที่สถาบันวิจัย
และชายชราคนนั้นก็ได้ไปที่ๆแห่งหนึ่ง ซึ่งในขณะนั้น มีใครบางคนมายืนรอรับเขาอยู่ ในฐานะที่เป็นรุ่นพี่ใหญ่ของกองทัพที่ยังหลงเหลือ แน่นอนว่าการมาของเขา ย่อมเป็นที่ดึงดูดความสนใจของคนบางคน
เลขาได้ออกมาจากห้องและเมื่อพบชายชรา เขาก็รีบไปหาโดยทันที และบอกให้การ์ดออกไปก่อน เขาเดินจูงชายชราและถาม “ท่านผู้อาวุโสครับ ทำไมท่านถึงเดินทางมาวันนี้ครับ? ผมบอกให้ท่านมาตั้งแต่วันก่อน, แต่ท่านก็ไม่ยอมมา”
“วันก่อนมีประชุมอะไรที่ตาแก่อย่างฉันต้องลำบากเดินทางมาฮึ, และทำไมถึงเป็นวันนี้น่ะเหรอ แน่นอนสิว่าฉันต้องมีธุระสำคัญมาก”
เลขาไม่กล้าที่จะถามอะไรต่อ เพราะเขารู้ว่ามันไม่ใช่อะไรที่เขาควรจะถาม
เมื่อเขาเข้ามาในห้อง ก็พบว่ารัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมและผอ.กรมสรรพาวุธได้มารอกันอยู่ข้างในแล้ว ดูเหมือนทั้งสองคนจะทราบข่าวอยู่ก่อนแล้ว
เมื่อเห็นชายชราเข้ามา ทั้งสองก็ลุกจากที่นั่งเดินมาหา
“เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่มาครับ มีธุระอะไรเหรอครับ?”
“ก่อนที่จะพูดอะไร พวกคุณสองคนดูเจ้าสิ่งนี้ก่อน”
พวกเขาต่างสงสัย และมองดูอย่างตั้งใจ เพราะว่าชายชราต้องการให้พวกเขาดู เพื่อจะได้รู้ว่าธุระของชายชราเกี่ยวของอะไรกับของเหล่านี้
ในตอนแรก ก็ดูที่รายงานการตรวจร่างกาย, พวกเขาก็ยังสงสัยอยู่ นี่ไม่ใช่ข้อมูลการตรวจร่างกายธรรมดาๆแน่ๆ
อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาดูรายงานการตรวจร่างกายโดยแพทย์ทหารแล้ว สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไป พวกเขารู้แล้วว่ามีอะไรผิดปกติกับรายงานการตรวจเมื่อกี้
หลังจากที่อ่านรายงานทั้งหมดแล้ว พวกเขาต่างก็มองไปที่ จื่อเหลา อย่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ทำไมรายงานของแพทย์ทหารถึงได้ดูแปลกๆ ทำไมถึงมีบางจุดที่ไม่สามารถตรวจพบได้
“รายงานชุดแรกไม่ได้ตรวจพบโดยคน แต่เป็นเจ้าสิ่งนี้”
จื่อเหลาหยิบเครื่องไฟฟ้าชีวภาพบำบัดออกมาวางบนโต๊ะอย่างระมัดระวังกลัวว่ามันจะเสียหาย
——————–