“อาโอยางิคุง เธอเก็บฟูกนอนไว้ที่ไหน”
“เอ๋..?ยัดไว้ในตู้..”
ชาร์ล็อตฟังคำตอบผม กล่าว “ขออนุญาตค่ะ” ก่อนเปิดตู้ กางฟูกนอนเตรียมพร้อมไว้กับพื้น
“อาโอยางิคุง นอนได้แล้วค่ะ”
“เอ๋?ห๊ะ?”
“อาโอยางิคุงไข้ขึ้นเพราะเป็นหวัด ฉะนั้นควรรีบนอนเลย ไม่ต้องห่วงนะ ชั้นจะอยู่เป็นเพื่อนเธอจนกว่าเธอจะหลับนะ”
ชาร์ล็อตส่งรอยยิ้มให้ผม
“ไข้ขึ้นขนาดนี้เป็นเพราะพักผ่อนไม่พอแน่ คิดไว้แล้วว่าเป็นความผิดของชั้น”
“เอ๋ ตะกี้คุณพูดว่าอะไรนะครับ”
ผมยังมึนกับสถานการณ์เลยได้ยิน
เสียงเธอที่พึมพำกับตัวเองด้วยท่าทีเศร้าหมองไม่ชัดเลยลองเอ่ยปากถามดู
ทว่าชาร์ล็อตที่ได้ยินคำถาม รีบเปลี่ยนท่าที ส่งรอยยิ้มสดใสให้ผม
“เปล่า ไม่มีอะไรค่ะ อาโอยางิควรรีบนอนนะคะ”
ชาร์ล็อตกล่าว ดันผมไปที่ฟูก
“เอ่อ คือว่า..”
“ว่าละ ตัวเธอร้อนกว่าตะกี้อีก ..อาโอยางิคุง รีบนอนเดี๋ยวนี้เลยนะคะ”
ระหว่างที่เธอดันผมไปที่ฟูก เธอใช้หน้าผากตัวเองวัดไข้ผมแบบก่อนหน้าอีกครั้ง
ผมอยากจะบอกเธอให้ได้ว่า ไอ้ที่ผมไข้ขึ้นหนักกว่าเดิมไม่ใช่เพราะหวัด แต่เป็นเพราะการแสดงออกของเธอนี่แหละที่ทำเอาตัวร้อน แต่หัวมันหมุนติ้วเลยตอนนี้จนเอ่ยปากไม่ไหว
“ราตรีสวัสดิ์ค่ะ อาโอยางิคุง”
สรุปว่าชาร์ล็อตบังคับผมให้นอนลงกับฟูกจนได้ก่อนจะปิดไฟห้อง
ชาร์ล็อตดูแลผมอย่างเป็นห่วงใยราวกับเธอเป็นพี่สาวยังไงยังงั้นเลย
แต่ว่าถึงตอนนี้ผมเริ่มจะขี้เกียจคิดละ วันนี้มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายเหลือเกินจนเหนื่อยล้ามากจนผล็อยหลับไป
ทว่าในช่วงเวลาแว่บหนึ่งก่อนผมจะหลับสนิท ผมรู้สึกถึงสัมผัสมือใครสักคนกำลังแตะบนหน้าผากผมอย่างอ่อนโยน
******
นี่ชั้นเสียสติรึไงถึงได้ใจกล้าหน้าด้านขนาดนี้
ชั้นกำลังมองอาโอยางิคุงที่กำลังหลับสนิทในความมืด กำลังสำนึกผิดกับการกระทำของตัวเอง
เขาไข้ขึ้นเพราะว่าเป็นความผิดชั้นเอง
แต่ก็แปลกใจว่าทำไมตัวเองที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับอาโอยางิ ทำไมถึงต้องดูแลเขาขนาดนี้
จะบอกว่าทำเพราะความรู้สึกผิดงั้นเหรอ…?
กระนั้น ถ้าพูดตามความรู้สึกในใจ ชั้นคิดว่าสิ่งที่ชั้นทำ ยังไงก็ไม่ใช่เรื่องที่แย่แน่นอน
แล้วนี่ย้อนนึกถึงไปตอนที่อ่านการ์ตูนกับเขาด้วยกัน ชั้นนึกอะไรถึงไปขอนั่งตักเขาพร้อมอ่านการ์ตูนไปด้วย มองมุมไหนก็ใจกล้าหน้าทนเกินกว่าคนปกติเขาทำกัน
ตอนนี้สายตาชั้นเริ่มปรับชินกับความมืด พอขยับตัวไปใกล้เขา จึงพอจะเห็นหน้าอาโอยางิในความมืดสลัว
“…….”
อยู่ในห้องกันแบบนี้ คงไม่มีใครเห็นชั้นแน่นอน
ชั้นลองเอามือทาบอกได้ยินเสียงหัวใจชั้นเต้นตึกตักผ่านสัมผัสมือ
อดใจไม่ไหวขยับตัวไปใกล้เพื่อให้เห็นหน้าอาโอยางิชัดมากกว่าเดิม
พอมองใกล้ๆแล้ว ขนตาอาโอยางิยาวราวกับผู้หญิงไม่มีผิด
เค้าโครงหน้าก็ดูดี จมูกก็โด่ง
ดูยังไงก็น่าจะเป็นคนที่ป๊อบในชั้นเรียนแท้ๆ แต่กลับเลือกที่จะเล่นบทตัวร้ายซะงั้น
ชั้นนึกย้อนกลับไปวันที่เรียนด้วยกัน อาโอยางิก็ยังคงเป็นคนที่พูดจาขวานผ่าซากแต่เรื่องจริงในชั้นเรียนเหมือนเดิม ทว่าดูเหมือนคนในชั้นเรียนจะไม่เข้าใจเจตนาดีเขา
ไม่สิ ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นแบบนั้น น่าจะมีคุณไซออนจิ(อากิระ)ที่เป็นเพื่อนเขา น่าจะเข้าใจอาโอยางิอยู่คนนึง กระนั้นเขาก็ดูเหมือนจะอยู่ฝั่งเป็นกลางมากกว่า
เท่ากับว่าในชั้นเรียน ถึงแม้จะมีคนที่เข้าใจอยู่1คนแต่ถ้าเขาไม่พูดก็ไม่มีความหมาย กลายเป็นว่ามีอาโอยางิเป็นแกะดำอยู่คนเดียว
พอมองมุมแบบนี้ชั้นรู้สึกเศร้ามาก
จริงๆในชั้นเรียน ชั้นกะว่าจะออกหน้าพูดแทนอาโอยางิคุงแล้ว แต่ว่าอาโอยางิคุงส่งสายตาเป็นเชิงปรามว่าไม่ต้องพุดอะไรให้อยู่เฉยๆพอ หลังจากนั้นพอมีโอกาสอยู่ด้วยกันสองคน เขาเอ่ยปากบอกว่า “ดีแล้วครับที่คุณไม่พูด แต่ในชั้นเรียนจำเป็นต้องมีใครสักคนรับบทตัวร้ายพูดจาความจริง และคนนั้นควรเป็นผม เพราะถ้าคุณที่เพิ่งย้ายมาใหม่เป็นคนรับบทนี้มันคงไม่ใช่เรื่อง
ในโรงเรียนนี้ผมดูแลตัวเองได้ คุณไม่จำเป็นต้องปกป้องผม และถ้าคุณติดปัญหาอะไร คุณไปขอความช่วยเหลือจากอากิระได้นะครับ”
ชั้นเข้าใจความรู้สึกเขาดี หากชั้นเข้าข้างอาโอยางิคุง เขาคงกลัวว่า นักเรียนในห้องจะเหมารวมชั้นเป็นพวกตัวร้ายเหมือนกับเขา คนที่เสียสละในห้อง มีแค่คนเดียวก็เพียงพอแล้ว
หลังจากนั้น ชั้นตัดสินใจว่าจะลองไปปรึกษาอาจารย์ฮานาซาว่าเกี่ยวกับเรื่องของอาโอยางิคุง
***
“หือ?การ์ตูนที่เจ้าเด็กนั่นชอบเหรอ นึกยังไงถึงอยากรู้เรื่องนี้ล่ะ”
ช่วงพักกลางวัน ชั้นเข้ามาที่ห้องพักครู คุยกับอาจารย์ฮานาซาว่า
“หนูอยากจะลองแนะนำการ์ตูนให้เขาอ่านค่ะ แต่ไม่รู้ว่าเขาชอบแนวไหนบ้างเลยมาขอความเห็นจากอาจารย์ค่ะ”
“งั้นเธอควรไปถามไซออนจิจะดีกว่านะ เด็กคนนั้นคบกับอาโอยางิมานาน อย่างน้อยก็น่าจะรู้รายละเอียดงานอดิเรกหรือความชอบมากกว่าครูนะ”
“…คือว่า…”
“หรือเธอมีเหตุผลที่ไม่สามารถถามเขาได้รึเปล่า?”
อาจารย์ฮานาซาว่าถาม
ตอนแรกชั้นคิดว่าจะไปถามไซออนจิ แต่ว่าอาโอยางิไม่อยากให้ใครรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างชั้นกับอาโอยางิ ชั้นเลยพับเก็บความคิดนี้ไว้ เพราะหากไปถาม จะมากจะน้อย มันต้องมีคนคิดบ้างแหละว่า คนไม่รุ้จักมักจี่กันจะมาถามเรื่องความชอบของคนๆนั้นทำไม
“อืม ไม่ต้องตอบอาจารย์ก็พอเข้าใจ เจ้าเด็กนั่นคงไม่อยากให้ใครรู้เรื่องความสัมพันธ์ของเธอสินะ”
สมแล้วที่อาจารย์รู้จักอาโอยางิ มองออกทุกอย่างเลย แม้ชั้นจะไม่บอกอาจารย์ยังรู้ได้เอง
อาจารย์ฮานาซาว่าทำสีหน้าตรึกตรองจริงจังเรื่องความชอบอาโอยางิ ส่วนชั้นตัดสินใจเงียบ รอฟังคำตอบอย่างเดียว
“พูดถึงสิ่งที่ชอบของอาโอยางิก็ต้องนึกถึงฟุตบอล… ไม่ได้สิ …
ขืนพูดในตอนนี้น่าจะกลับกันมากกว่า กลายเป็นนึกถึงความทรงจำแย่ๆแทนแน่…”
อาจารย์ฮานาซาว่าบ่นพึมพำกับตัวเองขณะใช้ความคิด เสียงของเธอพูดเบาจนคนทั่วไปไม่ได้ยิน แต่ชั้นเป็นคนที่หูดีระดับหนึ่งเลยฟังออกทุกคำ
หมายความว่าไงกันนะ อาโอยางิชอบฟุตบอลใช่มั้ย แต่ว่า ถ้าพูดตอนนี้คือเขาเกลียดฟุตบอลแทนแล้วเหรอ
ใจจริงชั้นอยากจะถามเรื่องนี้กับอาจารย์แต่ว่าอาจารย์บ่นพึมพำไม่ได้กะให้ชั้นได้ยินแน่ หากถามไปก็แปลว่าชั้นได้ยิน เลยเลือกจะไม่ถาม
หลังจากคิดสักพัก อาจารย์ฮานาซาว่าเงยหน้ามองชั้น
“เอาเป็นว่า ถ้าจะแนะนำการ์ตูน ลองแนะนำการ์ตูนสายเรียลริตี้น่าจะดีที่สุด ยิ่งเป็นการ์ตูนแนวผลลัพธ์สำเร็จได้ด้วยความพยายามน่าจะชอบนะ”
อาจารย์ฮานาซาว่าส่งยิ้มอ่อนโยน ตอบคำถามชั้น
จากคำแนะนำของอาจารย์ ชั้นมีการ์ตูนในใจหลายเรื่องที่มีเนื้อหาแนวที่ว่า แต่ว่าจากที่อาโอยางิดูจะเกลียดฟุตบอลตอนนี้ หากแนะนำการ์ตูนสายกีฬา เนื้อหาอาจจะไปสะกิดความทรงจำแย่ๆโดยที่ชั้นไม่รู้ตัวก็ได้ ฉะนั้น ชั้นควรตัดตัวเลือกการ์ตูนสายกีฬาออกน่าจะดีกว่า
“และที่สำคัญ หลีกเลี่ยงการ์ตูนที่มีเนื้อหาหรือภาพครอบครัวอบอุ่นได้จะดีมาก ไม่งั้นเจ้านั่นอาจจะหนีห่างจากเธอมากกว่าเดิมนะ”
“เอ๋…?”
จู่ๆเจอคำแนะนำจากอาจารย์ที่คาดไม่ถึง ชั้นสบตามองหน้า อาจารย์ฮานาซาว่าในตอนนี้มีท่าทีเศร้าหมอง แสดงว่าคำพูดของอาจารย์มีนัยยะเบื้องหลังดำมืดซ่อนอยู่
“อาจารย์ฮานาซาว่าคะ ตะกี้ที่พูดหมายความว่าไงคะ”
“ช่างมันเถอะ ก็แนะนำว่าเลือกการ์ตูนสายเรียลลิตี้เน้นความพยายามแล้วประสบความสำเร็จละกัน”
คำพูดของอาจารย์ตัดรอนอย่างชัดเจร บ่งชัดว่าเธอไม่อยากจะกล่าวรายละเอียดที่คุยก่อนหน้าเพิ่ม
แต่ว่าเรื่อตะกี้มันติดใจจนชั้นทำตัวเป็นเด็กดีไม่สอดรู้สอดเห็นไม่ไหวจริงๆ
“อาจารย์อย่าหลอกหนูนะคะ ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นกับอาโอยางิคุงรึคะ”
หากเขามีเรื่องเดือดร้อนจริง ชั้นอยากจะเป็นพลังคอยช่วยเหลือเขา
“เรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องที่อาจารย์ควรพูดน่ะสิ”
“อาจารย์ฮานาซาว่าคะ!”
“อย่าเสียงดังสิ ที่นี่มันห้องพักครูนะ”
ชั้นเผลอทำเสียงดังโดยไม่รู้ตัวจนอาจารย์ฺในห้องหันามองพวกชั้นด้วยความกังวล
“ถ้าเธออยากจะรู้เรื่องนี้จริงควรไปฟังจากปากเจ้าตัวดีกว่า”
“อาจารย์เล่าให้ฟังสักนิดไม่ได้เลยเหรอคะ”
“หมดสิทธิ์”
**
จบ ch4-9
หมายเหตุ อยากอ่านไวกว่าใครนิดหนึ่ง คลิกติดตามเพจผู้แปลได้ตรงนี้เลยจ้า kurakon