(อ่าน แปลไทย LN) Otonari asobi The Story Of How A Beautiful Foreign Student Who Lives Next Door Started To Visit My House After I Helped A Lost Little Girl – ตอนที่ 10.1

otonari asobi เล่ม 2 ch10-1 ช่วยเหลือสาวงามนักเรียนแลกเปลี่ยน

หลังจากเคลียใจกับอากิระ ชีวิตผมในทุกวันนี้เต็มไปด้วยความสุข เอมม่าก็มาเล่นที่บ้านทุกวัน เป็นเด็กขี้อ้อนน่ารักเหมือนที่ผ่านมา ส่วนคุณชาร์ล็อตตอนนี้ก็กล้าที่จะคุยและสบตาผมแล้ว เธอกับผมอ่านมังงะด้วยกัน เธอนั่งตักผม และให้ผมเป็นคนถือการ์ตูน มิตรภาพเราพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ

สีหน้าเธอแดง แต่เธอก็ยังชอบที่จะอ่านแบบนี้ และเอนหลังพิงผมตลอดด้วย

แล้วก็ตั้งแต่คุยกับอากิระ ผมก็รู้สึกว่าข้างในตัวเองมีอะไรบางอย่างที่เปลี่ยนแปลง

อย่างหมู่นี้ ถ้าผมรู้สึกว่า คุณชาร์ล็อตเธอน่ารักมาก ผมเริ่มไม่ลังเลที่จะลูบหัวเธออย่างอ่อนโยนแล้ว

ตอนแรกๆที่ผมทำ เธอตกใจจนตัวแข็งปั็กเป็นหินเลย แต่ตอนหลังๆสงสัยจะเริ่มชินละ เวลาลูบหัวแล้ว ท่าทีเธอดีใจราวกับเป็นเอมม่าคนที่สองเลยล่ะ ดูจากสีหน้ายิ้มแป้นเล้นก็รู้ละ

เท่ากับว่าชีวิตผมในช่วงนี้เหมือนมีเด็กขี้อ้อนสุดน่ารักอยู่ในบ้านถึงสองคนเลย

ความสุขที่เกิดขึ้น อยากจะให้คงอยู่นานเท่านาน

ทว่า..สุดท้าย ก็มีอุปสรรคข้ดขวางความสุขผมเกิดขึ้นจนได้

ล่าสุด สองพี่น้องเพิ่งกลับจากสถานรับเลี้ยงเด็ก น้องกำลังร้องไห้น้ำตาคลอเบ้า ส่วนคุณชาร์ล็อตก็ดูจะโมโหน้องกับเรื่องอะไรสักอย่างตอนเธอเปิดประตู้ห้องผม

“เอมม่าจัง เป็นอะไรรึเปล่าครับ”

ผมส่งเสียงเรียกเธอด้วยความห่วงใย พอน้องเจอเสียงผม เอมม่าที่กำลังอยู่ในอ้อมกอด ดิ้นยุกยิกอาละวาดพยายามจะหลุด กางมือสองข้างหมายจะโผเข้าหาผม

“ระวังด้วยนะเอมม่า”

ตอนแรกคุณชาร์ล็อตจะกอดน้องไม่ปล่อย แต่ดูจากการดิ้นอาละวาดของน้อง เกรงว่าเอมม่าจะได้รับบาดเจ็บเลยปล่อยเธอ ผมกางมือรอรับเอมม่าที่เข้ามาหาผม

“โอ๋ โอ๋”

ผมลูบหัวเธอพลางส่งเสียงปลอบไปด้วย ให้น้องใจเย็นลง

เอมม่าจังเอาหน้าซุกกับเสื้อผม นอนซุกบนตัก อยู่นิ่งๆปล่อยให้ผมลูบหัว

“มีเรื่องอะไรเหรอครับ”

ระหว่างผมกำลังลูบหัวเอมม่า ผมเปลี่ยนไปพูดเป็นภาษาญี่ปุ่นกับคุณชาร์ล็อตแทน

พอเจอคำถามผม คุณชาร์ล็อตมองเอมม่าแวบหนึ่ง ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงกังวล

“น้องบอกว่า ไม่อยากไปสถานรับเลี้ยงเด็กค่ะ”

“เอ๋ เกิดอะไรขึ้นกัน”

ที่ผ่านมาทุกวัน เอมม่าไปสถานรับเลี้ยงเด็กก็ดูสนุก มีความสุขดี แต่ครั้งนี้จู่ๆบอกไม่อยากไป มันต้องมีอะไรบางอย่างแล้วล่ะ

“วันนี้น้องบอกว่า แคลร์จังไม่มาสถานรับเลี้ยงเด็กน่ะ”

“เอ๋ อย่าบอกนะว่านั่นเป็นสาเหตุ”

“ไม่รู้ค่ะ น้องไม่บอกอะไรเพิ่มเติมเลย”

แค่น้องแคลร์ไม่มา เอม่าก็ไม่อยากไปโรงเรียน ผมว่ามันมีอะไรทะแม่งแล้วล่ะ

ผมเบนสายตาไปมองเอมม่าที่ยังซุกอยู่ในตักผม น้องยังเอาหน้าซูกเสื้อผมแน่น ไถหน้าไปมากับเสื้อแต่ ไม่โผล่หน้าตาให้ใครเห็น บ่งบอกชัดเจนว่าน้องกลัวและกังวลกับอะไรบางอย่างเอามากๆเลย ขนาดว่าผมลูบหัวน้อง น้องยังไม่เลิกซบโผล่มายิ้มแบบปกติ มันไม่ใช่แล้วล่ะ

“ขอโทษนะครับคุณชาร์ล็อต ผมว่ามันต้องมีเรื่องอะไรสักอย่างแล้วล่ะ”

“นั่นสินะคะ”

“อืม แคลร์ไม่สบาย แต่ถ้าเธอหายเมื่อไรก็ต้องมาสถานรับเลี้ยงเด็กเหมือนเดิม เอมม่าเองเป็นเด็กฉลาดก็น่าจะเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี แต่ว่า ถ้าสาเหตุเกิดจากแคลร์ไม่มา ทำให้น้องไม่อยากไป ผมคิดว่ามันต้องมีเหตุผลอื่นซ่อนอยู่ครับ”

“ชั้นก็คิดแบบนั้น แต่ว่าเอมม่าไม่บอกอะไรเพิ่มน่ะสิคะ หรือว่า…น้องโดนรังแกเลยไม่อยากไปรึเปล่าคะ”

สิ่งที่ชาร์ล็อตพูด มันก้สมเหตุสมผล เพราะเอมม่าไม่บอกอะไรเลย

ผมเองก็รู้ดีว่าในสังคมโรงเรียนก็มีการกลั่นแกล้งเป็นจำนวนมาก

เอมม่าเป็นเด็กที่ค่อนข้างจะเอาแต่ใจตัวเองเป็นที่ตั้งด้วย เด็กประเภทนี้มักจะตกเป็นเป้าโดนรังแกซะด้วยสิ

ใครบอกว่าเด็กเล็กไม่มีการรังแกกันในนั้น ผมบอกเลยว่าประมาทมากๆ ถือเป็นเรื่องอันตรายซะด้วย

“ถ้างั้นก่อนอื่น ผมว่าเราไปสถานรับเลี้ยงเด็ก ไปสอบถามเหตุการณ์จากคุณครูในนั้นก่อน ผมเชื่อว่าคุณครูอาจจะรู้เรื่องอะไรบางอย่างก็ได้ ผมเข้าใจความกังวลคุณชาร์ล็อตดี แต่ถ้าเรายังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุที่แน่ชัด ก็ยังไม่ควรจะทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้านะครับ”

“อาโอยางิคุง..นั่นสินะคะ..พรุ่งนี้ชั้นจะลองไปถามที่สถานรับเลี้ยงเด็กดูค่ะ”

ชาร์ล็อตพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดผม แต่ว่าแววตาที่มองดูเอมม่ายังซ่อนความกังวลไว้ไม่มิด จู่ๆเอมม่ามีท่าทีเปลี่ยนไป ใครไม่กังวลก็แปลกแล้วล่ะ

“คุณชาร์ล็อต พรุ่งนี้ผมไปสถานรับเลี้ยงเด็กเป็นเพื่อนได้มั้ยครับ”

การปล่อยให้เรื่องนี้เธอรับผิดชอบคนเดียว ดุจะเป็นภาระที่หนักหนาเกินไป ผมเองก็รู้นะว่านี่มันเรื่องคนในครอบครัว ไม่ควรจะยุ่มย่ามมาก แต่ผมเห็นแล้วก็อดไม่ได้จริงๆที่ลองขอร้องเธอดู

“จะดีเหรอคะ…”

“ถ้าคุณชาร์ล็อคไม่รังเกียจ ผมก็พร้อมไปได้นะครับ”

“ขอบคุณค่ะอาโอยางิคุง ชั้นไม่รังเกียจหรอกค่ะ รบกวนไปด้วยกันด้วยนะคะ”

“ได้ครับ ขอบคุณครับ”

คุณชาร์ล้อตก้มหัวลง ส่วนผมก็ตอบขอบคุณเธอไป

***ตัดเลยนะครับ หลังจากนี้ก็จะคุยกันอีกเล็กน้อย ลองสอบถามเอม่า น้องก็ยังไม่บอกอะไรอยู่ดี สุดท้าย วันรุ่งขึั้นทั้งคู่ก็มาที่สถานรับเลี้ยงเด็ก โดยอาโอยางิจะเป็นคนเริ่มคุยกับคุณครูก่อนเลย

“ขอโทษนะครับ คือว่าน้องบอกว่า เป็นเพราะแคลร์จังไม่มา เลยไม่อยากมาที่นี่ พอจะทราบมั้ยครับว่าเกิดอะไรขึ้น”

คุณครูกล่าวกลับมาว่า

“นั่นสินะคะ ครูก็ไม่คิดว่า เรื่องนั้นจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กไม่อยากมา ครูคิดว่าต้องมีสาเหตุอื่นด้วยค่ะ”

ครูใช้มือหนึ่งแตะปากในท่าใช้ความคิด ทว่าเธอมองผมก่อนด้วยท่าทางสงสัย ก่อนจะถามมาว่า

“เอ่อ..ต้องขอโทษคุณแฟนด้วยนะคะ ไม่ทราบว่าคุณรู้รายละเอียดของสถานรับเลี้ยงเด็กที่นี่มากขนาดไหนคะ”

“ค..คุณแฟน?”

คุณชาร์ล็อตฟังคำพูดจากคุณครู เธอหน้าแดงแป๊ด ตอบด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก

ผมหัวเราะก่อนจะตอบกลับไปว่า

“ขอโทษด้วยนะครับ ความสัมพันธ์ของผมกับคุณเบนเนตเป็นเพื่อนสนิทกันครับ ขอโทษที่ผมแนะนำตัวช้าไป ผมชื่ออาโอยางิ อากิฮิโตะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ”

“เอ๋ เป็นอย่างนั้นเหรอคะ ทั้งคู่ดูเหมาะสมกันดีมากเลยเข้าใจผิดค่ะ

“ห..เหมาะสม..กันมาก”

“ขอโทษนะ คุณชาร์ล็อตครับ อย่าเพิ่งขัดนะครับ ไม่งั้นบทสนทนามันไปต่อไม่ได้ครับ”

คราวนี้คุณชาร์ล็อตตะโกนด้วยความตกใจเลย ผมเลยหัวเราะแห้งๆกล่าวปรามเธอ

“สิ่งที่ผมพอจะทราบคือ สถานรับเลี้ยงเด็กแห่งนี้เป็นที่ๆพร้อมให้บริการแก่ลูกของชาวต่างชาติที่พักอาศัยแถวนี้ครับ”

ผมตอบกลับเท่าที่รู้มา

ส่วนคุณครูมีสีหน้าอึดอัดใจกับคำตอบผม

“อืม ใช่ค่ะ เป็นอย่างที่คุณว่ามาเลย แต่ว่าถึงจะบอกว่า ลูกของชาวต่างชาติ แต่ว่าเราพร้อมบริการเฉพาะเด็กที่พูดภาษาญี่ปุ่นได้นะคะ”

ทันทีที่เจอคำอธิบายคุณครู ผมหันหน้าไปสบตาชาร์ล็อตทัที

ส่วนเธอก็หน้าซีดเผือดขณะสบตาผมกลับ ส่ายศีรษะเป็นเชิงว่าเธอก็เพิ่งรู้เรื่่องนี้เป็นครั้งแรกด้วย

“ขอโทษนะครับ เพื่อความแน่ใจ ขอถามให้ชัวร์ว่า ที่นี่ไม่มีเด็กที่พูดภาษาอังกฤษได้ใช่มั้ยครับ”

“ไม่ค่ะ ถึงจะเกือบทั้งหมดก็ตามที่พูดไม่ได้ แต่ว่าที่นี่ก็ยังมีเด็กอยู่หนึ่งคนที่พูดอังกฤษได้คือน้องแคลร์ที่สนิทกับเอมม่าค่ะ เท่ากับที่นี่มีเด็กพูดอังกฤษได้แค่สองคนค่ะ”

โป๊ะเชะ ผมเริ่มเห็นสาเหตุแล้วว่า พอแคลร์ไม่มาเรียน เอมม่าถึงไม่อยากมาละ

แต่ว่ากันพลาด ขอถามอีกอันนึงแล้วกัน

“แล้วในใบสมัครเข้าเรียนมันไม่ได้บอกรายละเอียดเรื่องพวกนี้เหรอครับ เพราะคุณเบนเนตเพิ่งจะได้ยินเรือ่งนี้เป็นครั้งแรกครับ”

“ไม่นะคะ เขียนบอกหมดชัดเจนค่ะ แต่ว่า ใบสมัครเราไม่ได้ส่งให้คุณเบนเนตดู แต่เป็นคุณแม่ของเธอที่ได้รับค่ะ”

โกหกใช่มั้ยเนี่ย

ถ้าเป็นตามครูว่า ก็ไม่แปลกที่ชาร์ล็อตจะไม่รู้เรื่องนี้

แต่ว่า ถ้าเป็นตามที่ครูพูดจริง เท่ากับว่า…

“คุณแม่..รู้ทั้งรู้ว่าสถานรับเลี้ยงเด็กเป็นแบบนี้ แต่ยังฝากเอมม่าให้เข้าที่นี่งั้นเหรอ”

ชาร์ล็อตกล่าวเสียงแข็ง ราวกับจะปฏิเสธเรื่องที่ครูพูดให้ฟัง ดวงตาเธอเบิกกว้าง

ผมเดินมาอยู่ข้างหน้าคุณชาร์ล็อตแทน เป็นภาษากายว่าให้เธออย่าเพิ่งพูดอะไร ปล่อนให้ผมจัดการเองก่อน

“อย่างน้อย ผมก็รู้ข้อมุลที่จำเป็นละครับ จะว่าไป อาการของน้องแคลร์เป็นไงบ้างครับ”

“เห็นว่าไข้ยังไม่ลดนะคะ วันนี้คงไม่มาค่ะ”

***ตัดเลยละกัน ง่ายๆว่า หลังจากนี้ชาร์ล็อคกับอาโอยางิต้องไปโรงเรียนอยู่ดี พาเอมม่ากลับไม่ได้ เลยไหว้วานให้คุณครูวันนี้ช่วยดูแลเอมม่าเป็นพิเศษหน่อย เพราะเธอคงจะเหงามาก

ด้านครูก็รับปากว่าจะดูแลให้เป็นอย่างดี

ระหว่างทั้งคู่เดินไปโรงเรียน ก็จะคุยกับเรื่องของแม่ชาร์ล็อตเพิ่มเติม

 

****

จบ CH 10-1

นี่ไง เอมม่าออกมาก็จริง แต่มาถึงก็มีงานพร้อมเปิดปมดราม่าใหม่เลย อ่านแล้วง่วงมาก 55 แต่ในเมื่อยังมีคนอ่านหลักร้อย ก้ต้องแปลให้อ่านต่ออะนะ

 

 

(อ่าน แปลไทย LN) Otonari asobi The Story Of How A Beautiful Foreign Student Who Lives Next Door Started To Visit My House After I Helped A Lost Little Girl

(อ่าน แปลไทย LN) Otonari asobi The Story Of How A Beautiful Foreign Student Who Lives Next Door Started To Visit My House After I Helped A Lost Little Girl

Status: Ongoing
อ่านนิยาย (อ่าน แปลไทย LN) Otonari asobi The Story Of How A Beautiful Foreign Student Who Lives Next Door Started To Visit My House After I Helped A Lost Little Girl มื่อผมช่วยเหลือน้องเธอ พี่สาวสุดสวยนักเรียนชาวต่างชาติกับน้องเธอที่อาศัยอยู่ห้องข้างๆจึงแวะเวียนมาเยี่ยมห้องผม นี่คือไลท์โนเวลที่กำลังขายดีสุดๆในญี่ปุ่นตอนนี้ อยากรู้ว่าเรื่องเป็นไงต้องลองอ่านครับ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset