otonari asobi เล่ม 2 ch10-2 ช่วยเหลือสาวงามนักเรียนแลกเปลี่ยน
ระหว่างเดินทางไปโรงเรียน คุณชาร์ล็อตกล่าวพึมพำ
“ทำไมคุณแม่ถึงได้ทำอย่างนี้กัน”
นั่นสินะ ผมก็แปลกใจ เพราะถ้าเป็นพ่อแม่ทั่วไป ไม่น่าจะทำแบบนี้ แถมไม่บอกคุณชาร์ล็อตด้วยไม่รู้ตั้งใจเก็บความลับรึเปล่า
“บางทีนะครับ ท่านอาจจะอยากให้น้องจำภาษาญี่ปุ่นได้เร็วๆมั้งครับ”
“แต่ว่านี่มันฝืนใจมากเกินนะคะ”
“ก็นะ..”
เป็นเด็กโตก็ว่าไปอย่าง แต่ว่าเอมม่ายังเป็นเด็กเล็กอยู่เลย ไอ้การบีบบังคับให้มาอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เข้มงวดขนาดนี้ ไม่น่าจะใช่เรื่องดีเลย น้องน่าจะกลัวมากกว่าจะจำภาษาญี่ปุ่นแทนน่ะสิ ยิ่งคิดก็แปลก เพราะตรรกะคนทั่วไปไม่น่าจะทำแบบนี้
“ปกติคุณแม่ของคุณชาร์ล็อตเป็นพวกสายเผด็จการรึเปล่าครับ”
ผมไม่เคยรู้ข้อมูลแม่ของเธอเลย ฉะนั้นถ้ายังไม่รู้นิสัยส่วนตัว จะรีบตัดสินใคร ผมว่ามันเร็วเกินไป
“ไม่ค่ะ ปกติเป็นคนใจดีมากค่ะ อย่างน้อยก็ไม่ใช่คนที่บีบบังคับใครนะคะ”
นั่นสิ เพราะผมเดาว่าแม่คุณชาร์ล็อตน่าจะใจดี และอ่อนโยนแบบเดียวกับคุณชาร์ล็อตนั่นแหละ
แต่พอเธอบอกแบบนี้ก็มึนติ้บเลย แล้วสาเหตุที่แท้จริงมันคืออะไรล่ะ
“เป็นไปได้มั้ยว่าเหตุผลคือ ที่ๆเรียนได้ มีแค่สถานรับเลี้ยงเด็กที่นี่ที่เดียวเท่านั้น”
ตัดเรื่องเข้มงวดออก ก็เหลือทางเป็นไปได้คือเรื่องนี้
พอผมบอกแบบนี้ ท่าทางคุณชาร์ล็อตตัวสั่นชอบกล
“คือว่า ชั้นก็ไม่อยากว่าร้ายแม่ตัวเองนะคะ แต่ว่าก่อนจะมาญี่ปุ่น ท่านเปลี่ยนไปนิดหน่อยค่ะ”
“เปลี่ยนไปเหรอ?”
“อย่างเรื่องที่มาญี่ปุ่น ทั้งเรื่องที่พักอาศัยและโรงเรียนที่ชั้นต้องย้ายมา ท่านไม่ได้ปรึกษาชั้นสักคำ พอชั้นรู้เรื่องนี้ปุ๊บ ชั้นแย้งคุณแม่ไป แต่ท่านก็สวนกลับมาว่า ยังไงชั้นก็ต้องย้ายไปเรียนที่ญี่ปุ่นค่ะ”
“เฮ้ย เดี๋ยวนะ ไอ้นี่ล่ะครับ ที่เรียกว่าเผด็จการ และอย่าบอกนะครับว่า ที่ต้องทิ้งให้เด็กตัวน้อยอย่างเอมม่าอยู่คนเดียวในระหว่างที่คุณชาร์ล็อตไปโรงเรียน ท่านก็รู้อยู่แล้วแต่ยังทำงั้นเหรอ”
“ชั้นก็ไม่รู้ว่าเอกสารคุ่มืออาจจะไปถึงมือท่านช้ารึเปล่า แต่ก็ไม่คิดว่าคนระดับท่านจะพลาดเรื่องเอกสารได้ค่ะ”
แปลกดีแฮะ คือถ้าฟังแล้วจะรู้สึกว่า คุณชาร์ล็อตบอกว่าแม่อ่อนโยน ก็ไม่ได้รู้สึกว่าตอนเธอพูด มันโกหก แต่การกระทำที่สวนทางกัน มันก็ฟังดูแปลกดี
“แล้วเรื่องนี้ไม่สามารถปรึกษาคุณพ่อได้เหรอครับ”
ถ้าคุณแม่แปลกไป งั้นก็เปลี่ยนไปปรึกษาคุณพ่อก็ได้สิ คิดตามหลักตรรกะแล้วผมจึงถามคุณชาร์ล็อตไป ปรากฏว่าเธอตัวแข็งทื่อไปในทันที
“เอ่อ คุณชาร์ล็อตครับ”
“คุณพ่อชั้นเสียแล้วค่ะ ท่านจากไปเมื่อหลายปีก่อนเพราะอุบัติเหตุค่ะ”
“อ๊ะ..ขอโทษครับ”
ชิบหายละกุ ไปสะกิดอดีตน่าเศร้าแทนละไง
ผมรู้สึกผิดจนต้องรีบก้มศีรษะให้ ส่วนคุณชาร์ล็อตหัวเราะเล็กน้อยตอบกลับมา
“ไม่เป็นไรค่ะ มันเป็นเรื่องที่ผ่านมานานแล้วค่ะ”
ถึงคุณชาร์ล็อตจะยิ้มตอบกลับมา แต่รอยยิ้มของเธอดูหมดเรี่ยวแรงมากเลย
“ผมขอโทษจริงๆครับ คุณจะโกรธ ผมก็ไม่ว่าอะไรครับ”
“ไม่โกรธหรอกค่ะ ถึงตอนนี้ ชั้นได้รับความช่วยเหลือจากอาโอยางิคุงมามากเลยนะคะ ความรู้สึกในใจชั้นมีแต่ความซาบซึ้งจนบรรยายมาเป็นคำพูดไม่ได้ค่ะ ฉะนั้นชั้นไม่โกรธคุณแน่นอนค่ะ”
“แต่ว่า…”
“อาโอยางิคุงได้โปรดอย่าโทษตัวเองนะคะ การที่ชั้นเห็นคุณเสียใจ มันทำให้ชั้นรู้สึกแย่กว่าค่ะ ชั้นอยากให้คุณยิ้มตลอดไปนะคะ”
คุณชาร์ล็อตผุดรอยยิ้มขณะตอบผมกลับมา
ทั้งที่คนได้รับแผลทางใจก็คือเธอ
ทั้งที่คนที่ต้องแบกรับภาระความยากลำบากก็คือเธอ
ทั้งที่คนที่ควรจะต้องได้รับความช่วยเหลือ และชื่นชมในสิ่งที่ทำ ก็คือเธอแท้ๆ
ผม..ทำบ้าอะไรลงไปวะ
“ขอบคุณนะครับ”
สิ่งที่พอจะพูดได้ คงมีแค่นี้
ในเมื่อสิ่งที่เธอคาดหวังคือรอยยิ้ม ผมก็ต้องยิ้มตอบเธอไป
“ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าคุณแม่ของคุณชาร์ล็อตท่านคิดอะไรอยู่ ถ้างั้นคุณชาร์ล็อตช่วยบอกผมได้มั้ยว่าตอนนี้คุณคิดว่าจะทำไงต่อไปดี”
“ความคิดของชั้นเหรอคะ”
“คุณรู้สถานการณ์ของเอมม่าแล้ว สิ่งที่ผมอยากจะรู้คือคุณจะทำอะไรต่อจากนี้ดีครับ”
“ชั้นอยากจะ…”
คุณชาร์ล้อตกล่าวไม่ทันจบก็ปิดปาก หลับตา
“อยากจะย้ายเอมม่าไปอยุ่สถานรับเลี้ยงเด็กอื่น แต่ว่าถ้าย้ายไปที่อื่น ชั้นก็ต้องย้ายจากที่นี่ด้วย”
ไม่แปลกหรอก เพราะว่าสถานรับเลี้ยงเด็กที่รับเด็กที่พูดได้แค่อังกฤษล้วนๆ ยังไงก็มีน้อยมาก เผลอๆในจังหวัดที่เราอยู่ อาจจะไม่มีด้วยซ้ำ ถ้าย้ายไปเรียนที่ใหม่ ยังไงก็ต้องย้ายที่อยู่ปัจจุบันตามไปด้วย
“คุณชาร์ล็อตคิดว่าไอเดียนี้มันดีแล้วเหรอครับ”
“…..ไม่รู้ค่ะ พูดตามตรง ชั้นไม่รู้อะไรทั้งนั้นเลยค่ะ”
เพียงแค่ผมถามย้ำไป สีหน้าท่างเธอก็เต็มไปด้วยความเศร้าใจ หลบตาผม
“คุณชาร์ล็อตครับ..”
“ทั้งที่ตอนนี้ชั้นคิดว่าเริ่มชินกับการใช้ชีวิตที่นี่แล้ว แถมได้สนิทกับอาโอยางิคุงด้วย เอมม่าเองก็คงไม่อยากจะจากอาโอยางิคุงด้วย ตัวชั้นเองก็ไม่อยากย้ายที่อยู่ค่ะ อาโอยางิคุงคะ….. ช่วยบอกชั้นทีว่าชั้นควรทำไงต่อคะ”
คุณชาร์ล็อตหันมาสบตาผมด้วยสีหน้าพร้อมจะร้องไห้ได้ทุกเวลา เธอกล่าวความในใจให้ผมฟังหมดเปลือก
“ผมเองก็กำลังคิดหาวิธีการอยู่ครับ คุณชาร์ล็อตอย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้นะครับ ผมคิดว่าลองปรึกษาเรื่องนี้กับคุณแม่ดูก่อน บางทีมันอาจจะเกิดจากความเข้าใจผิดก็ได้นะครับ”
ผมคิดวว่าวิธีนี้น่าจะดีที่สุดแล้วล่ะ ปรึกษาคุณแม่ก่อน แล้วผลลัพธ์เป้นไงค่อยว่าใหม่อีกที
“เข้าใจแล้วค่ะ..วันนี้ชั้นจะลองโทรคุยกับคุณแม่ดูนะคะ”
“อืม ดีละครับ ว่าไปตอนนี้เราก็เอ้อระเหยนานละครับ เร่งฝีเท้ากันสักหน่อยดีมั้ยครับไม่งั้นเดี๋ยวไปโรงเรียนสาย”
“ค่ะ”
คุณชาร์ล็อตพยักหน้า พอผมเห็น เตรียมจะออกวิ่งละ ทว่า
“อาโอยางิคุง”
“หือ?”
“ขออยู่ในสภาพนี้สักพักนะคะ”
ผมกำลังแปลกใจ ปรากฏว่าคุณชาร์ล็อตเข้ามากอดผม ก่อนจะเอาหน้าตัวเองซบกับไหล่ผม
“ค..คุณชาร์ล็อต”
“ขอสักพักนะคะ ได้โปรดเถอะค่ะ”
ผมไม่นึกว่าเธอจะขอร้องผม ด้วยสภาพอ่อนแอจนน่าสงสารได้ขนาดนี้
บางทีเหตุการณ์ในครั้งน้คงกระทบกระเทือนจิตใจเธอมากจริง
“อืมได้สิครับ ตามสบายครับ”
ก็นะ อยู่ในสภาพนี้สักแปบก็น่าจะไปโรงเรียนทันน่า
คุณชาร์ล็อตเขาอุตส่าพึ่งพาผมนะ ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาที่ไม่น่าจะเหมาะนักหรอก แต่ว่าผมก็รู้สึกดีใจนะที่เธอเห็นว่าผมไว้ใจได้ถึงกล้าซบผม
เราสองคนอยู่ในสภาพนี้กันพักหนึ่ง ก่อนที่จะเร่งฝีเท้าไปโรงเรียนด้วยกัน
****
จบ CH 10-2
เปิดประเด็น แก้ดราม่าก่อนว่าจะทำไง พร้อมกับเปิดเรื่องใหม่เรื่องพ่อเธออีก ชีวิตเล่มนี่เครียดดีแท้