otonari asobi เล่ม 2 ch10-5 ช่วยเหลือสาวงามนักเรียนแลกเปลี่ยน
ผมเดินมาหาเอม่า ตบไหล่เอมม่าเป็นเชิงให้กำลังใจ ให้ทำตามแผนการ
“อืม”
เอมม่าหยิบเทะดามะออกมาจากระเป๋าสามอัน ก่อนจะโยนขึั้นฟ้าและใช้หลังมือรับได้อย่างสวยงาม
“อ๊ะ คุณแม่คะ เอมม่าเขาเล่นอะไรอยู่คะ”
เป็นไปตามที่คิด เด็กคนที่ผมเล็งไว้เริ่มเกิดความสนใจ เขย่ามือคุณแม่ ให้ดูสิ่งที่เอมม่าทำอยู่ ก่อนจะจูงมือแม่เดินมาที่เอมม่ายืนอยู่
“โอนี่จัง เอมม่าเล่นอะไรอยู่คะ”
“เจ้านี่เรียกว่าเทะดามะครับ
เด็กสาวที่เป็นเป้าหมายผมไม่ได้คุยกับเอมม่า แต่เดินมากระตุกแขนเสื้อแล้วถามผม ผมส่งยิ้มอ่อนโยนตอบน้องไป
น้องละสายตาจากผมไปมองที่เอมม่าที่กำลังโยนเทะดามะแทนอย่างตั้งอกตั้งใจ
หลังจากเอมม่าเล่นโอเทะดามะไปได้ประมาณหลายสิบวินาที ทุกครั้งที่เอมม่ารับได้ก็จะมีเสียงตบมือเปาะแปะจากเด็กผู้หญิงคนนั้น
“ว้าว เอมม่าจังเก่งจังเลย”
เด็กผู้หญิงคนนั้นกล่าวชมเอมม่าเป็นภาษาญี่ปุ่น ส่งยิ้มให้น้อง ส่วนเอมม่าก็ยิ้มก่อนตอบกลับ
“ขอบ..คุณค่ะ”
“ว้าว เอมม่าจังพูดภาษาญี่ปุ่นได้แล้วเหรอ”
พอเห็นเอมม่าพูดญี่ปุ่นชมชอบคุณกลับปุ๊บ น้องเลยรัวญี่ปุ่นใส่กลับเลย
ทว่า พอเจอเป็นคำพูดชมยาวๆ น้องเอมม่ามีสีหน้าเดือดร้อนใจ เงยหน้ามองผม
“ขอโทษนะครับ น้องพูดได้นิดหน่อยครับ”
ผมกล่าวแทนเอมม่า
เอมม่าเองถึงตอนนี้จำได้แค่คำทักทาย คำขอบคุณ และก็คำชมแค่นั้น
คำทักทายเป็นการสอนของชาร์ล็อต ส่วนคำขอบคุณและคำชม เป็นการสอนชองผม
อย่างคำชม ผมคิดว่าต้องรีบสอนรีบจำเพราะว่าเป็นคำที่กะไว้ว่า ถ้าเอมม่าได้ยินใครพูดเมื่อไร คือต้องรู้ว่าเขากำลังชมน้องอยู่ เพราะตามหลักการแล้วไม่ค่อยมีใครหรอกที่ไม่ชอบถูกชม
ยิ่งเอมม่าด้วยแล้ว น้องเป็นเด็กที่ชอบถูกคนชมเชยมากๆด้วย
เพราะฉะนั้นผมเลยสอนให้น้องรู้จักคำศัพท์เรื่องโดนชมก่อน และพอโดนชมก็ต้องพูดขอบคุณตอบกลับด้วย
“อย่างนั้นเองเหรอคะ”
เด็กสาวที่เป็นเป้าหมาย อยากจะคุยกับเอมม่า แต่พอรู้ว่าเอมม่าพูดญี่ปุ่นไม่ได้เลยเกิดอาการห่อเหี่ยว
แต่นั่นก็ยังอยู่ในแผนการผม
ผมหยิบการ์ดปึกหนึ่งส่งให้เด็กสาวที่เป็นเป้าหมาย
“นี่อะไรเหรอคะ”
“นี่เป็นการ์ดภาษาญี่ปุ่นกับภาษาอังกฤษกำกับไว้ครับ คือถ้าอยากจะสื่อสารกับเอมม่าเรื่องไหน ให้น้องพูดภาษาญี่ปุ่นตามที่เขียบนในการ์ด จากนั้นก็ส่งการ์ดในนี้ให้เอมม่าครับผม”
การ์ดที่ผมทำขึ้นมาเป็นการ์ดภาษาญี่ปุ่นกำกับเป็นฮิรางานะด้านหนึ่ง ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นภาษาอังกฤษ ถ้าอธิบายง่ายๆมันคือการ์ดที่เขียนภาษาญี่ปุ่น แล้วกำกับความหมายด้วยภาษาอังกฤษประโยคสั้นๆนั่นเอง
ผมทำศัพท์และการ์ดมาเอง ออกแบบให้หยิบใช้ง่าย เป็นประโยคที่น่าจะใช้ในชีวิตประจำวัน พกพาง่าย
แน่นอนว่า การ์ดนี้ผมทำมาเผื่อแจกเด็กในห้องเรียนทั้งหมด และก็ทำให้เอมม่าด้วยอีกชุด
“ใช้การ์ดนี้ก็จะสื่อสารกับเอมม่าได้ใช่มั้ยคะ”
“ใช่แล้วครับ”
“ว้าววว”
น้องผุดรอยยิ้มดีใจ เริ่มไล่หาการ์ดทีละใบ
การ์ดผมทำมามีห้าสิบใบ ช่วงแรกที่จะใช้การสื่อสารคงตะกุกตะกักบ้าง แต่ว่าถ้าใช้กันจนชิน ตอนหลังก็น่าจะหาเจอคำที่ต้องการได้เร็วขึ้น
“เอมม่าจัง อันนี้”
พอน้องเจอการ์ดที่ต้องการปุ๊บ ก็ยื่นการ์ดให้เอม่าเลยโดยที่ไม่ได้พูดอะไร
แผนจริงของผมคืออยากให้น้องได้ฝึกฟังภาษาญี่ปุ่นจากปากเด็กคนอื่นด้วย แต่ว่าน้องที่เป็นเป้าหมายของผมยังเป็นเด็กเล็ก จะคาดหวังให้ทำอะไร100%ก็ยาก เรื่องน้องไม่พูด พอเจอการ์ดที่ต้องการปุ๊บก็ส่งการ์ดให้เอมม่าเลย มันก็ต้องทำใจไว้ระดับหนึ่งแหละ เพราะเด็กเล็กก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว และถ้าไปเจ้ากี้เจ้าการบังคับให้เด็กเขาพูดมันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่
“..ชั้นอยากเป็นเพื่อนกับเธอ”
เอมม่าอ่านความหมายการ์ดที่ส่งมาเป็นภาษาอังกฤษ ก่อนจะเงยหน้ามองน้องที่ส่งการ์ดให้
พอน้องเห็นเอมม่ามองปุ๊บ น้องส่งยิ้มหวานให้ก่อนจะพยักหน้า
เอมม่าเองก็มีสีหน้าปิติยินดีรีบควานหาการ์ดดู และพอเจอการ์ดที่ต้องการ ก็ส่งให้น้องคนนั้นดู
“ฝากตัวด้วยนะคะ ว้าววววว”
น้องเอ่ยปากเป็นภาษาญี่ปุ่นตอบกลับด้วยความดีใจ
ดูเหมือนว่าเอม่าจะหยิบการ์ดภาษาญี่ปุ่นคำว่า ฝากตัวด้วยนะ ส่งให้น้องเขาสินะ
ตอนนี้เริ่มมีเด็กคนอื่นๆในห้อง มุงดูเอมม่ากับน้องอีกคนละ
เป็นไปตามเป้าหมาย
เมื่อเด็กที่เป็นคนที่นิยมที่สุดในห้อง และเอมม่าสามารถคุยกับเด็กคนอื่นที่ไม่ใช่แคลร์ได้ กลับเหมือนจะสื่อสารกับน้องคนนั้นได้ก็ทำให้เป็นจุดสนใจขึ้นมาละ
เริ่มแผนขั้นต่อไปเลย
“เอมม่าครับ ต่อไปลองโชว์สเต็ปเทพเคนดามะเลย”
“อื้ม”
เอมม่าตอบกลับด้วยน้ำเสียงมีพลัง พยักหน้ากลับ ตอนนี้ใจน้องมาเต็มละ
จะว่าไป ขนาดมีคนอื่นมารุมล้อม แต่ดูน้องจะไม่มีทีท่าหวั่นกลัวที่จะโชว์เมื่อเผชิญกับคนหมู่มากเลย ถือว่ามีหัวจิตหัวใจแข็งแกร่งเอาเรื่อง
ผมหันไปสบตากับคุณชาร์ล็อตและครูพี่เลี้ยงว่าให้ดำเนินการแผนที่ผมบอกเลย
คุณชาร์ล็อตกับครูพี่เลี้ยงพยักหน้าก่อนจะเริ่มร้องเพลง
“โมชิโมชิ โมชิคาเมะซัง โมชิคาเมะซัง”
ครูกับชาร์ล็อตร้องเพลงประสานเสียงกัน ในขณะที่เอมม่าโชว์ความสามารถเคนดามะให้เด็กในห้องดู เด็กที่มารุมล้อมดูเอมม่าแสดงก็ร้องเพลงไปด้วย ดูเอมม่าแสดงไปด้วย
ด้วยความที่คุณชาร์ล็อตก็ร้องเพลงร่วมด้วย น้ำเสียงบวกท่าทางที่ใจดีของเธอไม่แพ้ครูพี่เลี้ยงทำให้เด็กมารุมล้อม และก็ร้องเพลงไปพร้อมกัน
ตอนนี้ถือว่าทุกอย่างยังคงเป็นไปตามแผน
ต่อจากนั้นสิ่งที่ผมจะทำก็คือ…
“เธอน่ะ ไม่สนใจมาร้องเพลงด้วยกันเหรอ”
ผมแหวกฝ่าวงล้อมเด็ก เดินไปหาเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังแอบหลบมุมอยู่หลังโซฟา ก่อนกล่าวเป็นภาษาอังกฤษ
“แคลร์..ร้องเพลงไม่เป็นค่ะ”
เด็กคนนั้นคือแคลร์ เธอตอบกลับมาเป็นภาษาอังกฤษด้วย า ก้มหน้าหลบตาปิดบังความเหงา
เพราะว่าเพลงที่ร้องกันตอนนี้เป็นเพลงญี่ปุ่น น้องเองก็พูดได้แต่อังกฤษ ฉะนั้นก็ไม่น่าแปลกที่น้องจะร้องไม่เป้น
“จำเนื้อเพลงได้มั้ยครับ”
“….?”
“จำได้รึเปล่าเอ่ย”
“จำได้ค่ะ”
“ถ้างั้นมาร้องเพลงร่วมกับพี่ชายคนที่นี่ด้วยกันนะ ร้องไม่ได้ไม่เป็นไร เพราะความสนุกคือการได้ออกเสียงทำกิจกรรมด้วยกันครับ”
ผมพูดด้วยรอยยิ้ม สื่อในสิ่งที่ต้องการออกไป และดุน่าจะทัชใจน้องระดับหนึ่ง เพราะน้องพยักหน้าตอบรับ
หลังจากนั้นผมกับน้องแคลร์ก็เริ่มร้องเพลงด้วยกัน
“เอมม่าจังเก่งมากๆเลย เล่นให้ดูอีกรอบได้มั้ย”
หลังจากร้องเพลงจบ เด็กที่เป้าหมายผม กล่าวกับเอมม่าเป็นภาษาญี่ปุ่น ทว่า เอมม่าน่าจะจับใจความได้แค่เรียกชื่อเธอ ส่วนประโยคหลังที่เหลือ เธอไม่เข้าใจ เลยเอียงคอทำหน้าสงสัย
พอน้องเห็นท่าทีเอมม่า เลยเริ่มหาการ์ดที่อยากจะสื่อสาร พอเจอปุ๊บก็ส่งให้เอมม่าดู
เมื่อเอมม่าเห็น ทีนี้ก็เข้าใจสิ่งที่น้องอยากจะสื่อสารละเลยยิ้มแป้น โชว์ฺเล่นเคนดามะให้ดูอีก
พอมาถึงจุดนี้ เด็กคนอื่นๆเริ่มเข้าใจละว่า ทำไมเเด็กยอดนิยมในห้องถึงสามารถสื่อสารกับเอมม่าได้ทั้งที่พูดอังกฤษไม่ได้ เป็นเพราะว่าใช้วิธีการแลกเปลียนการ์ดนี่เอง
ทีนี้เอมม่าส่งการ์ดให้ครูพี่เลี้ยงบ้าง ครูก็เลยส่งเสียงเรียกนักเรียนในห้องให้มารวมตัวกัน
“ทุกคนคะ เอมม่าเขาอยากร้องเพลงอุชิคาโมเมะอีกรอบ ทุกคนในห้องมาร้องเพลงด้วยกันอีกทีนะคะ”
เด็กในห้องก็มารุมล้อมและร้องเพลงด้วยกัน
ผมเอง ระหว่างที่ร้องเพลงก็สบตากับน้องแคลร์ ถามน้องว่า
“ร้องได้ไม่มีปัญหาเนอะ”
แคลร์พยักหน้ารับ
ถึงแม้ว่าน้องจะดูเป็นเด็กขี้อาย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นเด็กที่ร้องเพลงไม่เป็นซะหน่อย
***
ทีนี้ หลังจากร้องเพลงจบ ก็มีเด็กทุกคนที่มารุมล้อมผมจะเอาการ์ดสื่อสารที่ผมทำขึ้น เพื่อที่จะได้สื่อสารกับแคลร์และเอมม่าได้
ดูเหมือนว่าทุกคนเขาอยากจะลองคุยกับเอมม่าและแคลร์
แล้วเด็กเล็กที่มารุมล้อม ตอนแรกก็เหมือนสงครามย่อมๆ ต่างคนต่างก็อยากได้การ์ด ดีว่าที่มีครูพี่เลี้ยงช้วยจัดระเบียบ ถึงเข้าแถวรับการ์ดไปได้ทีละคน
ทว่า การ์ดที่ผมทำมาคือกะจะแจกให้เด็กในห้องเรียน แต่คาดไม่ถึงว่า เด็กนักเรียนห้องอื่นก็อยากได้การ์ดด้วย การ์ดเลยไม่พอซะงั้น
แล้วก็ผมก็มีการ์ดพิเศษเป็นสัญลักษณ์รูปภาพ ไว้สำหรับให้เด็กเล็กที่อ่านภาษาญี่ปุ่นยังไม่คล่อง แต่ก็อยากสื่อสารกับเอมม่าด้วย
ผมพกการ์ดชนิดนี้จำนวนหนึ่งส่งให้ครูพีี่เลี้ยง เล่นเอาครูเขาทึ่งกล่าวกลับมาว่า
“ได้ยินมาจากอาจารย์ฮานาซาว่ามาบ้างเกี่ยวกับเรื่องของเธอ แต่นึกไม่ถึงว่าจะวางแผนและทำการ์ดขนาดนี้เลย เข้าใจที่ครูเขาเอ่ยถึงเธอละ เล่นเอาอยากให้เธอมาทำงานที่นี่เลยล่ะ”
“ฮะฮะฮะ ขอบคุณครับผม แต่ว่าที่ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดีเป็นเพราะเอมม่า กับน้องที่พร้อมจะคุยกับเอมม่า ครูพี่เลี้ยง และคุณชาร์ล็อตที่ช่วยกันนะครับ ผมก็แค่ลูกมือที่ทำอะไรเวอร์เกินกว่าเหตุไปนิดหนึ่งเท่านั้นเอง”
ถ้าไม่มีครูที่ใส่ใจดูแล เอมม่าก็คงไม่อยากมาโรงเรียน อาจจะเกิดเหตุการณ์แย่ยิ่งกว่านี้ก็ได้ ตัวผมเองคนเดียวก็ไม่มีทางแก้ไขสถานการณ์ได้อยู่แล้ว
แถมเรื่องในครั้งนี้เท่ากับยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว เพราะไม่ใช่แค่แก้ปัญหาเอมม่า แต่น้องแคลร์ก็ได้อานิสงค์แก้ไขปัญหาเรื่องสื่อสารไม่ได้ด้วยเช่นกัน
ตอนนี้ทั้งเอมม่าและแคลร์ ต่างก็หัวเราะร่วนอย่างมีความสุขที่ได้สื่อสาร แค่เห็นรอยยิ้มน้องๆ ผมว่ามันก็คุ้มค่าเหนื่อยแล้วล่ะ
“เอ่อคือว่า มีเรื่องจะปรึกษาครับ”
“อะไรรึคะ”
“คือว่า งานของพวกครูคงต้องเพิ่มขึ้นมาอีกมากแน่ แต่ว่า การ์ดที่ผมทำขึ้นมา ผมว่ามันคงไม่พอสำหรับใช้ในการสื่อสารที่มันซับซ้อนมากกว่านี้ นอกจากนี้ เด็กบางคนก็ไม่ใช่ว่าจะเข้าใจอะไรง่ายๆ อาจจะมีการมาถามครูเกี่ยวกับการการ์ดว่าสื่อสารถูกมั้ย ผมอยากให้เหล่าครูทุกท่านช่วยกันติดตามปัญหาในจุดนี้ด้วยจะได้มั้ยครับ”
เอาจริงๆ ผมสามารถอยู่ที่สถานรับเลี้ยงเด็กได้แค่ครึ่งวันเช้าเท่านั้น
หลังจากนี้ ก็ต้องฝากความหวังไว้กับครูพี่เลี้ยง
ซึ่งอยู่ดีๆก็ไปเพิ่มงานเขาดื้อๆ มันคงไม่มีใครพอใจหรอก
แต่กระนั้น มันก็เป็นทางเลือกเดียวที่ผมพอจะทำได้แล้วในตอนนี้ ผมก้มหัวขอร้องพวกเธอ หวังว่าจะตอบรับคำขอผม
และคำตอบทีไ่ด้คือ
“ได้ค่ะ ไว้เป็นหน้าที่พวกชั้นเอง งานของพวกชั้นคือทำให้เด็กนักเรียนทุกคนมีรอยยิ้ม และพร้อมเฝ้าดูการเจริญเติบโตของพวกเด็กๆในห้อง ฉะนั้นอะไรที่ทำให้เด็กๆเขามีรอยยิ้ม จะเป็นงานเพิ่มเข้ามาก็ไม่เป็นไร พวกชั้นพร้อมสู้ค่ะ”
ครูพี่เลี้ยงตอบผมกลับด้วยรอยยิ้ม กล่าวอย่างมีชีวิตชีวา
ดีจริงที่โรงเรียนยังมีครูที่คิดแบบนี้ พอเห็นครูตอบ ผมก็เบาใจเรื่องเอมม่าได้ละ
“ขอบคุณมากครับ”
“ทางนี้ต่างหากที่ต้องขอบคุณ วันไหนอยากหางานทำ มาสมัครงานที่นี่ได้เสมอนะคะ”
“ฮะฮะ ไว้จะพิจารณาดูนะครับ”
ไอ้ดูเด็กเฉยๆบางวันก็สนุกดี แต่ให้อยู่ยาวๆเลย ผมคิดว่า ตัวผมเองไม่น่าเป็นที่ชื่นชอบของเด็กนะ กลับกัน คุณชาร์ล็อตต่างหากน่าจะเหมาะสมกับงานนี้มากกว่า
“โอนี่จัง มาเล่นกันเถอะ”
ระหว่างที่ผมกำลังคุยกับครูอยู่ เด็กที่เป็นเป้าหมายผม ก็ส่งเสียงเรียกหาผม เดินเข้ามาดึงขากางเกง
ดูเหมือนว่าเอมม่าจะโดนนักเรียนคนอื่นรุมล้อมอยากคุยหมดละ เธอเลยมาเรียกผมแทน
“ถึงจะบอกว่าเป็นอาสาสมัครร้องเพลงในช่วงเช้า แต่ว่าถ้าขอให้ช่วยเล่นเป็นเพื่อนเด็ก พอจะทำได้มั้ยคะ”
“แน่นอนครับ มาๆ น้องมาเล่นกับพี่กันเนอะ”
“เย้”
พอน้องได้ยินคำตอบผม น้องก็ชูมือส่งเสียงร้องด้วยความดีใจ แล้วพอเอมม่ากับแคลร์ และเด็กคนอื่นเห็นเข้า คราวนี้คนเริ่มแห่กันมาหาผมละ
“เง้ยยยย เดี๋ยวก่อน”
“ฮะฮะ ดูเหมือนว่าจะเป็นที่ชื่นชอบของพวกเด็กๆนะคะ คิดอยู่แล้วค่ะว่าคนที่เด็กชอบ ต้องเป็นคนที่ดีมากๆด้วยค่ะ”
“เอิ่มครูพี่เลี้ยงครับ ระหว่างที่ครูกำลังพูดชมพร้อมกับหัวเราะคิกคัก เปลี่ยนเป็นมาช่วยผมได้มั้ยครับ”
หลังจากนั้นผมโดนแก๊งเด็กดึงตัวแห่ไปเล่นกับเต็มพลังเลย
******
จบ CH 10-5