“เดี๋ยวครอบครัวของเธอกลับมาแมนชั่นกี่โมงคะ”
เวลาตอนนี้เริ่มดึกแล้ว ชาร์ล็อตเลยถามผมเกี่ยวกับครอบครัว แม้ว่าจะเป็นแค่คำถามธรรมดา แต่สำหรับผมแล้วมันมีปมในเรื่องนี้ที่ยังบอกไม่ได้ เลยเกิดอาการตึงใส่
“ไม่มีใครกลับมาหรอกครับ”
“เอ๋..”
ชาร์ล็อตแสดงความแปลกใจในการตอบกลับห้วนๆของผม ผมจึงเสริมเพิ่ม
“ความหมายผมคือ ผมอาศัยที่นี่คนเดียวเลยไม่มีใครกลับมาครับ”
“อาศัยที่นี่คนเดียวทั้งที่เป็นเด็กม.ปลาย?”
“ตามนั้นครับ”
ผมตอบสั้นๆ แสดงชัดว่าไม่อยากจะสนทนาในหัวข้อนี้
ชาร์ล็อตเองก็ไม่ใช่คนโง่ แม้ว่าเธอจะติดใจในเรื่องนี้ แต่เมื่อรู้ว่าอีกฝั่งไม่อยากคุย เธอก็เงียบ
สุดท้ายผมกับเธอต่างคนต่างไม่รู้จะพูดอะไร บรรยากาศอึดอัดจนกระทั่งมีเสียง
“จ๊อกกกก””
เสียงนั้นคือ เสียงท้องร้องของผมเอง เล่นเอาผมเขินเลย ถึงหิวแต่ท้องมันก้ส่งเสียงดังไปนะ
“โทษทีนะครับ”
“ไม่หรอกค่ะ เป็นเพราะทางฉันต่างหากที่ไปกวนเธอจนไม่มีเวลาทานข้าวสินะ”
“ไม่ใช่หรอกครับ อย่าคิดเยอะ ส่วนเรื่องทานข้าว เดี๋ยวผมแวะร้านสะดวกซื้อแถวนี้เอา”
“แต่ว่าดึกป่านนี้แล้วออกไปข้างนอกมันอันตรายนะ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศปลอดภัยครับ”
“…..ถ้าอย่างนั้นเปลี่ยนแผน ให้ชั้นเป็นคนทำกับข้าวให้ทานดีมั้ยคะ”
จู่ๆก็เจอข้อเสนอโดยไม่ทันตั้งตัว ไม่นึกว่าชาร์ล็อตจะพูด เลยทำให้ผมสตันไปชั่วขณะ
“ไม่ได้..เหรอ…”
“คือ….”
เห็นสภาพชาร์ล็อตที่หงอย ดูแล้วเหมือนสัตว์ตัวน้อย พอเห็นท่าทางแบบนี้ คำตอบของผมมีทางเดียว
“งั้นก็รบกวนด้วยครับ”
“ค่ะ”
ชาร์ล็อตฟังคำตอบผม เผยรอยยิ้มแสดงความดีใจ เดินออกจากห้องผมไป
*****
สาวงามที่ใครเห็นก็ตกหลุมรักง่ายๆ กำลังจะทำกับข้าวให้ผม
ถ้าใครมาบอกผมว่า วันนี้จะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ผมคงคิดว่ามันบ้า แต่นี่มันคือเรื่องจริง
หลังเธอออกจากห้องผม ก็ไปที่ตู้เย็นเพื่อหาวัตถุดิบทำกับข้าว เธอสวมผ้ากันเปื้อน สภาพแม่ศรีเรือนพร้อมเข้าครัวเต็มที่
“อาโอยางิคุงมีของที่ไม่ชอบทานรึเปล่า”
“ม..ไม่มีครับ ถ้าอาหารทั่วไปผมทานได้หมดครับ”
“เป็นอะไรรึเปล่า เห็นพูดตะกุกตะกัก”
“เปล่าครับ ไม่มีอะไรครับ”
จริงๆก็มีแหละ คือสาวงามมาทำกับข้าวให้ผม มันรู้สึกมีความสุขจนน่ากลัวเลยว่ากำลังฝันไป แต่ผมจะบอกเธอได้ไงล่ะ ต้องเงียบสิ
ชาร์ล็อตหัวเราะหยอกผมก่อนหันกลับไปโฟกัสเรื่องทำกับข้าว
ผมก็คิดว่า เธอคงไม่รู้ความในใจผมนะเพราะมันเขินจริงๆ ว่าแล้วก็หันไปมองเอมม่าที่กำลังนอนหลับสนิท หน้าตาน้องตอนนอนด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มนี่ช่างน่ารักเหลือเกิน ปากขยับพึมพำโดยไม่มีอยากเสียง อยากรู้ว่าเธอกำลังฝันเรื่องอะไร
เอาจริงๆ มีน้องน่ารักขนาดนี้ผมรู้สึกอิจฉาชาร์ล็อตเลย
“ห้ามทำอะไรซุกซนนะคะ”
“เฮือก”
เสียงชาร์ล็อตที่จู่ๆมากระซิบข้างหู เล่นเอาสะดุ้ง พอหันไปดู ชาร์ล็อตกำลังหัวเราะอยู่ข้างๆผมนี่เอง
“ตกใจหมดเลยครับ”
“ฮะฮะ ขอโทษที่ให้ตกใจนะ เห็นเธอแล้วอดใจไม่ไหวเลยอยากแกล้งนิดหน่อย”
ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มและเสียงหัวเราะชองชาร์ล็อต น่ารักมาก เห็นแล้วเล่นเอาโกรธไม่ลง
“คุณชาร์ล็อตมีนิสัยชอบหยอกคนอื่นแบบนี้ด้วยเหรอครับ”
“ไม่หรอก เพราะเป็นอาโอยางิคุงนี่แหละ ชั้นเลยมีฟีลอยากลองแกล้งดู”
“เอ๋”
“ม..ไม่มีอะไรค่ะ อาหารชั้นทำเสร็จแล้วนะ เชิญรับประทานได้เลย”
อาหารทั้งหมด ทำเสร็จวางบนโต๊ะเรียบร้อย แสดงว่าช่วงที่ผมดูเอมม่า เธอจัดการทุกอย่างไปแล้ว
ทั้งที่จริงๆ ผมกะว่าเธอทำอาหารเสร็จ คนที่เสิร์ฟและวางบนโต๊ะจะเป็นหน้าที่ของผมเอง สุดท้ายก็มัวแต่เหม่อดูแต่เอมม่า ปล่อยผู้หญิงเป็นคนจัดการทั้งหมด น่าสมเพชตัวเองมาก
จะว่าไป เมื่อกี้ที่ชาร์ล็อตบอกว่า เพราะเป็นอาโอยางิเลยอยากแกล้ง มันหมายความว่ายังไงกันนะ…
***
“..อร่อยจัง”..”
เพียงแค่อาหารแตะลิ้น ผมก็บอกได้ทันทีว่าเธอมีฝีมือทำอาหารได้เยี่ยมมาก
อาหารที่เธอทำผัดผักกับไข่ม้วน ทุกอย่างทำออกมาได้ดีหมด
คุณชาร์ล็อตมีเสน่ปลายจวัก ยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่าเธอน่ารักและเก่งมาก
“ดีใจที่ถูกปากนะ”
ชาร์ล็อตยิ้มพลางมองหน้าผม เล่นเอาผมเขินถึงขั้นกลืนอาหารไม่ลงเลย
“คุณชาร์ล็อตทำอาหารญี่ปุ่นบ่อยเหรอครับ”
แทนที่จะทนเขินจนกินข้าวไม่ลง สู้ถามคำถามที่แอบติดใจดีกว่า
“ชั้นชอบประเทศญี่ปุ่นมาก ถ้ามีเวลาว่างก็จะลองทำ จริงๆชั้นกะจะทำเนื้อตุ๋นมันฝรั่งแต่ว่าในบ้านไม่มีวัตถุดิบเลยต้องทำอย่างอื่นแทน”
“ทำไมถึงอยากทำเนื้อตุ๋นมันฝรั่งรึครับ”
“มันเป็นเมนูที่เด็กผู้ชายชอบทาน ชั้นคิดว่าอาโอยางิคุงน่าจะชอบด้วยก็เลยอยากทำค่ะ”
เด็กผู้ชายชอบทานเนื้อตุ๋นมันฝรั่งเนี่ยนะ? เพิ่งเคยได้ยินครั้งแรก ตัวผมเองก็เคยทานมาก่อน แต่จะบอกว่าเป็นเมนูโปรดมั้ยก็ไม่ถึงขนาดนั้น
พอพูดถึงเนื้อตุ๋นมันฝรั่ง นัยตาชาร์ล็อตเป็นประกาย ไม่รู้ทำไม ผมรู้สึกว่าตัวเองคิดว่าเข้าใจคุณชาร์ล็อตเป็นอย่างดี แต่จริงๆแล้วก็ยังมีเรื่องที่ไม่เข้าใจในตัวเธอซะงั้น
ผมสบตาเธอไปพลาง กินอาหารสุดอร่อยทื่เธอทำให้ไปด้วย
**
“วันนี้ขอบคุณจริงๆนะคะ”
ชาร์ล็อตอุ้มเอมม่าด้วยท่าทางทนุถนอม ยิ้มกล่าวตอบ
ผมเดินมาส่งชาร์ล็อตหน้าประตูห้อง
“ทางนี้ต่างหากครับที่ต้องขอบคุณ อุตส่าทำอาหารอร่อยๆให้ผมทาน ผมดีใจมากครับ”
ผมขอบคุณเธอจากก้นบึ้งหัวใจ เพราะนอกจากทำอาหาร เธอเก็บกวาดยันล้างจานด้วยเลยแม้ว่าผมจะบอกว่าขอเป็นคนเองก็ตาม
ลองคิดดูว่าต่อให้คุณจะรวยล้นฟ้าขนาดไหน แต่เชื่อเหอะว่าจะมีสักกี่คนที่เจอประสบการณ์นักเรียนต่างชาติสุดสวยเข้ามาทำอาหารให้ถึงในห้อง แถมรสชาติอาหารสูสีกับภัตตาคารดังด้วย
นี่เป็นความสุขที่ผมไม่สามารถอธิบายได้ด้วยคำพูดเลย
“ชอบขนาดนั้นชั้นก็ดีใจ ชั้นซาบซึ้งเธอมากๆ”
“เรื่องที่ผมทำมันก็ไม่ยิ่งใหญ่ถึงขนาดใช้คำว่าซาบซึ้งหรอกครับ “
“ไม่หรอก มันยิ่งใหญ่จริงๆ สมมติว่าวันนี้เอมม่าหายตัวไป อาโอยางิคิดว่าจะเป็นยังไงล่ะ”
ชาร์ล็อตกล่าวพลางลูบหัวเอมม่าอย่างอ่อนโยน แต่สายตากับคำพูดของเธอจริงจังสวนทางมากจนผมหยุดหัวเราะ ยอมรับในเรื่องนี้
“ก็ถูกครับ ผมมองง่ายเกิน ถึงจะบอกว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศปลอดภัยแต่ก็ไม่ใช่ทุกคนจะดีหมด ถ้าโชคร้ายไปเจอคนแบบนั้นคงเรื่องยาว และตำรวจก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้”
“ฮะฮะ อาโอยางิคุงอ่อนโยนจังเลยนะคะ”
“ไม่ได้อ่อนโยนหรอกครับ”
“ไม่หรอกค่ะ เธออ่อนโยนจริง เพราะเธอเข้าใจความรู้สึกชั้น เธอถึงหยุดหัวเราะและกล่าวให้ความเห็นอย่างจริงจังไง”
“เอาจริงใครก็ทำแบบผมแหละครับ”
ก็นะ การถูกคนอื่นชมมันก็เป็นเรื่องที่น่าดีใจอยู่ดี
“แล้วก็ถึงชมผมมากแค่ไหนผมก็ไม่มีของตอบแทนให้นะครับ”
“ฮะฮะไม่จำเป็นหรอก แต่ว่า.. ชั้นมีเรื่องอยากจะคุยและสนิทกับเธอให้มากกว่านี้ ถ้าทำได้ชั้นคงดีใจมาก”
“..ทางผมเอง..หากเป็นแบบนั้นก็ดีใจเช่นกันครับ”
“ค่ะ ฝากตัวด้วยคะ”
ชาร์ล็อตกล่าวด้วยรอยยิ้ม เล่นเอาผมเขินหน้าแดงมองไปทางอื่น
เธอเดินกลับไปถึงหน้าห้องตัวเอง หันมากล่าว
“ถ้างั้นก็ ขอตัวก่อนนะ พรุ่งนี้ก็ฝากตัวด้วยเช่นกัน”
ทว่าก่อนเธอจะเข้าห้อง ผมมีบางอย่างต้องรีบบอก
“เอ่อ มีเรื่องจะขอนิดหน่อยครับ”
“มีอะไรรึ”
“ตั้งแต่พรุ่งนี้ ผมไม่อยากให้คุณชาร์ล็อตคุยกับผมที่โรงเรียนครับ”
“เอ๋?”
แน่นอนว่า นี่เป็นคำขอที่แปลกมากจนเธอสงสัย
“ถ้าคุณชาร์ล็อตคุยกับผมที่โรงเรียน เพื่อนในห้องก็จะสงสัยและมันจะมีพวกชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน ผมอยากจะหลีกเลี่ยงครับ”
“มีเรื่องอะไรรึเปล่า บอกตามตรงว่าชั้นนึกว่าจะได้คุยที่โรงเรียนซะอีก”
“ก็ไม่มีหรอกครับ แต่เชื่อผมเถอะครับว่าแก๊งพวกสาระแนมันมีและไม่สนุกแน่ครับ”
“งั้นเหรอ ชั้นเหงานิดหน่อยทั้งที่อุตส่าสนิทกันมากขึ้นแล้วแท้ๆ แต่ถ้าอาโอยางิคุงพูดถึงขนาดนี้ชั้นจะทำตาม ถ้างั้นก็ ราตรีสวัสดิ์นะคะ”
“อืม ราตรีสวัสดิ์ครับ”