เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล – ตอนที่ 48.2

“ถึงแม้ตราประทับในเอกสารจะเป็นตราบาราพอร์ท แต่มันก็ชัดเจนอยู่แล้วไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะว่าใครกันที่เป็นเจ้าของเหมืองแร่ที่แท้จริง”

แน่นอนว่าตระกูลที่ได้รับสัมปทานในการขุดเจาะเหมืองนั่นคือตระกูลชูลส์ของเวสติน แต่รูลลักกลับตั้งใจไม่พูดถึงประเด็นดังกล่าว

“ตระกูลอังเกนัสย่อมไม่มีทางรู้ได้ว่าเหมืองนั่นเป็นเหมืองที่มีไว้เพื่อการใด แต่มันเป็นหลักฐานบ่งชี้ว่าพวกนั้นใจกล้าขนาดกล้ายื่นมือเข้ามายุ่งกับเหมืองเหล็กพ่ะย่ะค่ะ”

เหมืองเหล็กเป็นเสบียงทางการทหารที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก

แร่เหล็กซึ่งเป็นวัตถุดิบในการสร้างอาวุธ ในอาณาจักรมีเพียงแค่ราชวงศ์และตระกูลจำนวนน้อยมากรวมถึงลอมบาร์เดียเท่านั้นที่มีมันไว้ในครอบครองและพวกเขาเหล่านั้นต่างก็เป็นตระกูลที่จงรักภักดีต่อราชวงศ์มาหลายยุคหลายสมัยอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้อังเกนัสจะเป็นตระกูลของจักรพรรดินี หากแต่รากเหง้าของพวกเขานั้นเป็นตระกูลฝั่งที่จงรักภักดีกับฝ่ายขุนนางมากกว่าราชวงศ์

แร่เหล็กจึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่จะอนุญาตให้พวกเขามีไว้ในครอบครอง

“และคนที่ทำให้พวกนั้นฝันสูงเกินตัวก็คือฝ่าบาทเองพ่ะย่ะค่ะ”

“ความผิดของข้างั้นเหรอ! พูดอันใดไร้สาระถึงเพียงนั้นครับ! ข้าก็แค่!”

“ฝ่าบาทเป็นคนให้อำนาจแก่อังเกนัสเองไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะไม่เพียงแค่มอบโอรสองค์โตให้จักรพรรดินี แต่ขนาดโอรสองค์ที่สองก็ยังโยนให้จักรพรรดินีด้วย ไม่เคยใส่พระทัยว่าราวีนี่ อังเกนัสจะสังหารบุตรที่เกิดจากข้ารับใช้นางนั้น หรือจะปล่อยให้รอดชีวิต…”

“จะสังหารหรือจะปล่อยให้รอดรึ”

โยบาเนสไม่ใช่จักรพรรดิที่โง่เขลา

อย่างน้อยจากการประเมินของรูลลักพระองค์ก็เป็นเช่นนั้น

พระองค์เป็นคนที่หูตาว่องไวมาก ยิ่งถ้าเรื่องนั้นเป็นเรื่องผลประโยชน์ของตัวเอง อ่านออกกระทั่งความคิดในใจและคำพูดที่ออกจากปากของผู้คน

เหมือนอย่างตอนนี้

“ถ้าอย่างนั้นหมายความว่าจักรพรรดินีทำร้ายเฟเร…เจ้าชายลำดับที่สองหรือครับ”

“โล่งอกที่ยังมีชีวิตอยู่พ่ะย่ะค่ะ ถึงแม้ดูเหมือนว่าจะถูกวางยาพิษก็เถอะ”

“เหอะ!”

โยบาเนสพูดอะไรไม่ออก ได้แต่หัวเราะเย้ยหยัน

มันไม่ใช่ความรักใคร่ในตัวโอรสที่เกิดจากข้ารับใช้ที่แม้แต่ชื่อก็ยังจำไม่ได้อย่างแน่นอน

พระองค์เพียงแค่รู้สึกโกรธแค้นและรังเกียจจักรพรรดินีที่กล้าลงมือกับสายเลือดของตัวเองเท่านั้น

รูลลักเลื่อนแก้วน้ำไปตรงหน้าจักรพรรดิพลางเอ่ยพูด

“แน่นอนว่าการมอบอำนาจให้พวกอังเกนัสโดยการขัดแย้งกับกระหม่อมตลอดเวลาที่ผ่านมา ถือว่าเป็นวิธีการที่ดีมากพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”

โยบาเนสผวาเฮือกเมื่อถูกอีกฝ่ายล่วงรู้ความคิดภายในใจ แต่รูลลักเพียงแค่ยิ้มจางยามมองภาพนั้น

แววตาคู่นั้นคล้ายกับอาจารย์ที่มองดูศิษย์เติบโตขึ้นมาจนได้ดิบได้ดี

“เพียงแต่มอบให้มากเกินไปเสียหน่อยพ่ะย่ะค่ะ นั่นคือปัญหา พวกนั้นโลภมากเสียจนไม่รู้แม้กระทั่งว่าท้องของพวกมันกำลังจะแตก…และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่จะแย่งชิงอำนาจนั่นกลับคืนมาได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“แต่…”

“ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องลงมือทำอะไรทั้งสิ้นพ่ะย่ะค่ะ”

มือของโยบาเนสที่กำลังนวดหน้าผากด้วยรู้สึกปวดราวกับศีรษะจะระเบิดหยุดชะงักทันที

รูลลักมองจักรพรรดิที่ทำท่าเช่นนั้นในขณะที่ฉีกยิ้มกว้าง

และเสนอในสิ่งที่จักรพรรดิไม่มีทางปฏิเสธได้อย่างเด็ดขาด

“เพราะกระหม่อมจะรับบทตัวร้ายให้เองยังไงล่ะพ่ะย่ะค่ะ”

ฟีเรนเทียกับเฟเรสนั่งจ้องตากันอยู่บนเตียง

โซฟาที่มีอยู่ตัวเดียวในห้องก็จับฝุ่นหนาเตอะ ส่วนพื้นก็เย็นเฉียบราวกับน้ำแข็ง จึงมีทางให้เลือกแค่ทางนี้ทางเดียว

เด็กหนุ่มผิวขาวผมสีดำสนิทระต้นคอ นัยน์ตาสีแดงเหมือนริมฝีปากสดนั่นกำลังมองสบตาเธออยู่

“เฟเรส เจ้า…”

แพขนตายาวของเด็กหนุ่มสั่นระริกเล็กน้อยยามกะพริบตา

“เจ้าสูงขึ้นนิดหน่อยนะ”

“รู้สึกว่าสูงขึ้นอยู่เหมือนกัน”

เฟเรสพยักหน้าตอบด้วยใบหน้านิ่ง

“ก็นะ…ตอนนั้นก็ตัวสูงกว่าคนอื่นตั้งหนึ่งช่วงศีรษะนี่นา”

เธอนึกถึงภาพลักษณ์ของเด็กคนนี้ในชาติก่อนพลางเอ่ยพึมพำ

สมัยนั้นเธอยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนที่ออกมายืนมุงกันเพราะได้ยินคนอื่นๆ พูดกันให้ทั่วว่า รัชทายาทองค์ใหม่ปรากฏตัว แต่ก็เคยเห็นเขาจากไกลๆ แค่ครั้งเดียวเท่านั้น

ร่างกายแข็งแกร่งตึงแน่นยิ่งกว่าอัศวินที่ยืนอยู่รอบกาย ผ้าคลุมโบกสะบัดพลิ้วไหว นัยน์ตาเย็นชายามมองเหยียดทุกสิ่ง ภาพของเฟเรสในตอนนั้นจับสายตาของฝูงชนได้เสียอยู่หมัด

“ใคร”

“หืม? ปะ…เปล่า”

แต่เด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเธอนี่ จะให้จินตนาการว่าต่อไปเขาจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่แบบนั้น มันช่างยากมากจริงๆ

องค์รัชทายาทผู้ยิ่งใหญ่ราวกับหมาป่าตัวใหญ่ยักษ์ที่มีขนสีดำวาวพลิ้วคนนั้น เทียบกับเด็กนี่แล้วมันช่าง

“กำลังคิดถึงใครน่ะ”

ถึงแม้สีหน้าท่าทางจะเหมือนกัน แต่เฟเรสในตอนนี้มัน…

“ลูกสุนัข?”

คำพูดไม่มีปี่มีขลุ่ยของเธอทำให้เด็กน้อยเอียงคอมองด้วยความงุนงง

ดูสิ เหมือนจริงๆ …ไม่สิ เหมือนลูกสุนัขเลยไม่ใช่เหรอ

“มีลูกสุนัขที่เลี้ยงไว้เหรอ”

“อ่า เปล่า กำลังคิดอยู่ว่าจะเลี้ยงสักตัวดีมั้ยน่ะ”

“ชอบสุนัขนี่เอง ข้าก็ชอบนะ ถึงจะไม่เคยเห็นของจริงก็เถอะ แต่ถ้าเจ้าชอบข้าก็ต้องชอบแน่อยู่แล้วละ”

เฟเรสพึมพำอะไรบางอย่างที่เธอไม่อาจรู้ความหมาย

“ที่ผ่านมาทำการบ้านที่ข้าสั่งดีหรือเปล่า”

“ที่สั่งให้กินข้าว กินยา ตอนนางกำนัลมาก็นอน ฝึกฟันดาบ”

เด็กหนุ่มนับนิ้วทีละนิ้วพลางเอ่ยตอบทันที

“อืม นั่นแหละ”

“ทำหมดแล้ว ข้าทำตามที่เจ้าสั่งทุกอย่างเลย”

รู้สึกเหมือนเห็นหางแกว่งอยู่ข้างหลังใบหน้ากระจ่างใสนั่นเลยแฮะ หรือเธอจะเข้าใจผิดไปเอง

“แสดงให้ดูเอามั้ย”

เฟเรสเอ่ยถาม ทำท่าราวกับพร้อมที่จะจับดาบฟาดฟันให้ดูมันเสียตอนนี้

“ไม่ต้อง ตอนนี้เรื่องนั้นมันไม่สำคัญหรอก ในเมื่อทำการบ้านได้ดีก็ต้องรับรางวัลสิ ไม่ใช่เหรอ”

“รางวัลเหรอ”

เธอลากกระเป๋าที่วางอยู่ด้านหนึ่งเข้ามาหาตัวพลางแสยะยิ้ม

สายตาของเฟเรสไม่อาจละไปจากมือของเธอที่กำลังคลายเชือกผูกกระเป๋าออกได้เลย

“เอาละ งั้นจะให้ของขวัญแก่เด็กดีนะ”

นายรู้จักซานต้ามั้ย

เธอเปิดกระเป๋าออกพรวดในขณะที่เอ่ยพูด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล

Status: Ongoing Native Language: Korean
อ่านเรื่อง เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูลเมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ฟีเรนเทียพบว่าเธอได้ย้อนกลับมายังอดีตในสมัยที่เธอเพิ่งจะอายุได้แค่ 7 ขวบ เพื่อช่วยตระกูลลอมบาร์เดียและชีวิตของพ่อ เธอจึงตั้งใจว่าจะขึ้นเป็นเจ้าตระกูลคนถัดไปให้ได้

Comment

Options

not work with dark mode
Reset