เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน – ตอนที่ 49 พี่สวีอย่าได้เกรงใจ !

ตอนที่ 49 พี่สวีอย่าได้เกรงใจ !

‘ดูท่าสิบปีมานี้ฝีมือด้านหมากล้อมของตาเฒ่าผู้นี้คงจะก้าวหน้าขึ้นมิน้อย’

‘สิบปีก่อนที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิง เขาให้ข้าเดินก่อน 3 ตัวทำให้ครานั้นข้าสามารถเอาชนะเขามาได้ มาวันนี้ถึงขนาดกล้าให้ข้าเดินนำก่อน 5 ตัวเชียวหรือ ? ’

นักพรตฉางเสวียนมีสีหน้าประหลาดใจทันที เมื่อได้ยินสวีฉิงเทียนกล่าวว่า จะยอมให้เขาเดินหมากก่อน 5 ตัว แต่แท้จริงแล้วภายในใจกลับกำลังดูแคลนสวีฉิงเทียนอยู่

เพราะเวลานี้ตัวเขานั้นแตกฉานจนมีปัญญาล้ำเลิศกว่าแต่ก่อนมากโข

หลังจากได้รับคำชี้แนะจากท่านบรรพจารย์เย่ในคืนนั้น เขาคิดว่าหากเดินหมากกับคนแซ่สวีตอนนี้ จะสามารถเหยียบอีกฝ่ายให้จมดินได้อย่างแน่นอน

นักพรตฉางเสวียนคิดถึงตรงนี้ก็ฉีกยิ้มประจบขึ้น มองไปยังสวีฉิงเทียนที่มีท่าทางสงบนิ่ง พร้อมเอ่ยถามว่า “พี่สวี ท่านมั่นใจหรือว่าจะให้ข้าเดินก่อนถึง 5 ตัว ? ”

สวีฉิงเทียนเอ่ยอย่างสบาย ๆ ว่า “พี่เหออย่าว่าแต่ 5 ตัวเลย หากมิเห็นแก่หน้าท่าน ข้าจะให้ท่านเดินก่อน 10 ตัวเลย เป็นเยี่ยงไร ? ”

“10 ตัวงั้นหรือ ? ”

นักพรตฉางเสวียนได้ยินก็แสร้งตกใจจนผงะไปครู่หนึ่ง สีหน้าดูประหลาดใจมากกว่าเดิม

‘ดูท่าก่อนหน้านี้ข้าคงจะประเมินตาเฒ่าผู้นี้ต่ำเกินไป นึกมิถึงว่าจะหยิ่งผยองถึงเพียงนี้เชียว ! ’

นักพรตฉางเสวียนโบกมือไปมา ก่อนจะเอ่ยอย่างมิเกรงใจว่า “พี่สวี ท่านมิต้องเห็นแก่หน้าข้าหรอก หากท่านตกลงงั้นก็ยอมให้ข้าเดินก่อน 10 ตัวก็แล้วกัน”

สวีฉิงเทียนยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ประกายดูถูกพาดผ่านดวงตา และแอบคิดในใจว่า ‘ดูท่าตาเฒ่าคงจะกลัวแพ้จริง ๆ แต่เพื่อข่าวของผู้อาวุโสลึกลับท่านนั้น จะยอมให้ตาเฒ่าได้ใจไปก่อนก็แล้วกัน’

“พี่เหอในเมื่อท่านเอ่ยออกมาถึงเพียงนี้แล้ว เช่นนั้นตาแรกข้าให้ท่านเดินก่อน 10 ตัวก็แล้วกัน”

สวีฉิงเทียนมองนักพรตฉางเสวียน พร้อมส่งยิ้มหยันให้อีกฝ่ายขณะตอบกลับไป

นักพรตฉางเสวียนพยักหน้ารับ และเอ่ยขึ้นทันทีว่า “พี่สวี ในเมื่อท่านกล่าวเช่นนี้ ข้าก็มิขอเอาเปรียบท่าน รอบแรกพวกเราเดินพันด้วยสมบัติวิญญาณชั้นยอด 2 ชิ้นเป็นเยี่ยงไร ? ”

“ได้ เอาตามที่ท่านว่าเดิมพันด้วยสมบัติวิญญาณชั้นยอด 2 ชิ้น”

สวีฉิงเทียนเอ่ยจบ นักพรตฉางเสวียนก็เริ่มวางหมากดำบนจุดดาว1ทั้งสี่มุม รวมทั้งจุดดาวทั้งสี่ด้าน

“พี่สวี เชิญ ! ”

หลังจากวางหมากดำครบสิบตัวแล้ว นักพรตฉางเสวียนจึงเอ่ยเชิญสวีฉิงเทียนด้วยรอยยิ้มเยือกเย็น

สวีฉิงเทียนพยักหน้ารับก่อนกวาดสายตามองหมากที่วางบนกระดานทั้งสิบตำแหน่ง ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะคีบหมากขาวตัวหนึ่งวางลงอย่างรวดเร็ว

นักพรตฉางเสวียนยิ้มออกมา สมองนึกถึงหนึ่งในวิธีทำลายกลหมากสี่มังกรพ่นวารีที่ท่านบรรพจารย์เย่บอกไว้ในคืนนั้น

แม้สวีฉิงเทียนจะต่อให้สิบตัว เขาก็มิได้แสดงออกถึงการโจมตีที่ดุดันแต่อย่างใด แต่เขาจะค่อย ๆ บีบให้สวีฉิงเทียนพ่ายแพ้ในที่สุด

สองคนผลัดกันเดินหมากไปมา จนเมื่อนักพรตฉางเสวียนวางหมากตาที่ห้าสิบสี่ลง ในสุดก็สามารถเอาชนะไปได้

สวีฉิงเทียนกวาดตามองหมากบนกระดาน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นพูดกับนักพรตฉางเสวียน “พี่เหอ ดูท่ามิพบกันสิบปี เหมือนท่านจะก้าวหน้าขึ้นมากทีเดียว”

นักพรตฉางเสวียนเอ่ยอย่างถ่อมตนว่า “พี่สวี ท่านพูดอะไรกัน หากมิใช่เพราะท่านต่อให้ข้า 10 ตัว ข้าจะชนะท่านได้เยี่ยงไรกัน ? ”

นักพรตฉางเสวียนเอ่ยจบก็หัวเราะออกมาเสียงดัง

สวีฉิงเทียนขมวดคิ้วเล็กน้อยกับท่าทางราวกับคางคกขึ้นวอของนักพรตฉางเสวียน พลันมีแววเย้ยหยันและดูถูกดูแคลนแวบผ่านดวงตาของเขา

“พี่เหอ กระดานต่อไปข้าต่อให้ท่าน 5 ตัวก็แล้วกัน” สวีฉิงเทียนเอ่ยขึ้น

‘ยังต่อให้อีก 5 ตัวงั้นหรือ ? ’

นักพรตฉางเสวียนนิ่งอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดกลั้วหัวเราะออกมา “พี่สวีในเมื่อท่านต่อให้ข้า 5 ตัว เช่นนั้นเราเดิมพันน้อยลงหน่อยก็แล้วกัน เอาเป็นว่าเดิมพันด้วยสมบัติวิญญาณชั้นยอด 1 ชิ้นก็แล้วกัน”

สวีฉิงเทียนยกมือขึ้นขัด “ครานี้ขอเดิมพันด้วยสมบัติวิญญาณชั้นยอด 5 ชิ้น”

“พี่สวีท่านมั่นใจหรือว่าจะเดิมพันถึง 5 ชิ้น ? ” นักพรตฉางเสวียนเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง

สวีฉิงเทียนแค่นเสียงออกมา “มีอะไรรึ ท่านกลัวข้าแพ้มิเป็นหรือเยี่ยงไร ? ”

“แพ้เป็น ย่อมแพ้เป็นอยู่แล้ว ! ”

แม้ปากจะเอ่ยเช่นนั้น แต่นักพรตฉางเสวียนกลับเริ่มวางหมากดำไปแล้วห้าตัว

มินาน ทั้งคู่ก็เริ่มวางหมากต่อกันไปมาอีกครา

ครานี้นักพรตฉางเสวียนยังคงมิได้โจมตีในทันที เพียงแค่บีบทีละก้าวทีละก้าวจนสวีฉิงเทียนพ่ายแพ้ในที่สุด

เวลาผ่านไปมิถึงหนึ่งก้านธูป นักพรตฉางเสวียนก็สามารถเอาชนะไปได้อย่างเฉียดฉิว

แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้สวีฉิงเทียนมิกล้าที่จะประมาทอีก

ความแตกฉานในหมากล้อมของนักพรตฉางเสวียน ทำให้เขาอดสงสัยมิได้ว่าอีกฝ่ายแสร้งทำเป็นไร้น้ำยา เพื่อหลอกให้เขาตายใจหรือไม่ ?

หรือว่าก่อนหน้านี้พวกตาเฒ่าของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนต่างก็แสดงละครเยี่ยงนั้นหรือ ?

หรือว่า… เป็นเช่นนี้จริง ๆ !

“พี่สวีพวกเราต่อกันเลยหรือไม่ ? ” นักพรตฉางเสวียนเอ่ยถามสวีฉิงเทียนพร้อมรอยยิ้ม

สวีฉิงเทียนได้สติอีกครา ใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยปรากฏรอยยิ้มแห้งและพยักหน้ารับ “เล่นต่อ”

นักพรตฉางเสวียนเอ่ยถามขึ้นอีกครา “พี่สวี กระดานนี้จะต่อให้ข้าอีกกี่ตัวหรือ ? ”

 “……” สวีฉิงเทียนพูดมิออก

‘ยังให้ต่อให้อีกงั้นหรือ ? ’

‘สองกระดานที่ผ่านมาข้าเสียสมบัติวิญญาณชั้นยอดไปแล้วถึง 7 ชิ้น นี่เป็นสมบัติวิญญาณชั้นยอดนะ หาใช่เศษเหล็กของพวกมนุษย์ไม่ ! ’

‘อีกอย่าง เป็นไปได้ว่าตาเฒ่านี่ต้องได้รับการชี้แนะจากผู้ใดมาเป็นแน่ มิเช่นนั้นมิมีทางที่จะก้าวหน้าได้รวดเร็วถึงเพียงนี้’

‘ใช่แล้ว ! ’

‘ต้องเป็นเช่นนี้แน่ ! ’

สวีฉิงเทียนมุมปากกระตุกเล็กน้อยหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “พี่เหอ ความแตกฉานในการเดินหมากของท่านตอนนี้ เกรงว่าคงมิได้ด้อยไปกว่าข้าแต่อย่างใด ก่อนหน้านี้ท่านตั้งใจจะโกงข้าใช่หรือไม่ ? ”

นักพรตฉางเสวียนโบกมือไปมาพร้อมรอยยิ้ม “พี่สวี ท่านพูดอะไรกัน ความแตกฉานด้านหมากล้อมของข้าเกรงว่าคงมิถึงครึ่งหนึ่งของท่านกระมัง ท่านถึงขนาดได้รับการชี้แนะจากเทพแห่งหมากล้อมผู้นั้นมาเชียวนะ”

สวีฉิงเทียนเอ่ยอย่างสบาย ๆ ว่า “มิว่าเยี่ยงไร ต่อไปข้าจะมิต่อให้ท่านแล้ว”

นักพรตฉางเสวียนเอ่ยทีเล่นทีจริง “พี่สวี นี่ดูมิเหมือนนิสัยของท่านเลยนะ”

“มิต้องพูดมาก ต่อจากนี้ข้าจะมิต่อให้เจ้าอีกแล้ว ! ” สวีฉิงเทียนเอ่ยออกมาตามตรง

นักพรตฉางเสวียนหัวเราะออกมา ก่อนจะคีบหมากดำตัวหนึ่งค่อย ๆ วางลงบนกระดาน

ในเมื่อสามารถข่มความยโสของสวีฉิงเทียนได้แล้ว ต่อจากนี้เขาเองก็จะมิออมมืออีกแล้ว

หลังวางหมากตัวแรกแล้ว นักพรตฉางเสวียนจึงเงยหน้าขึ้นก่อนจะเอ่ยว่า “พี่สวี ตานี้เราจะเดิมพันด้วยอะไรดี ? ”

สวีฉิงเทียนเอ่ยเสียงเรียบ “กติกาเดิม 1 ตา สมบัติวิญญาณ 5 ชิ้น”

นักพรตฉางเสวียนยิ้มในหน้า “พี่สวี หรือว่าครานี้เราจะแก้ไขกติกา เป็น 1 ตา สมบัติวิญญาณชั้นยอด 10 ชิ้นเป็นเยี่ยงไร ? ”

‘เหอฉางเสวียน เมื่อครู่เจ้าแกล้งทำเป็นเล่นมิเก่งต่อหน้าข้าเยี่ยงนั้นหรือ ? ! ’

สวีฉิงเทียนโมโหขึ้นมาทันที “เดิมพัน 1 ตา สมบัติวิญญาณชั้นยอด 10 ชิ้น นี่เจ้าคิดที่จะเอาสมบัติวิญญาณทั้งหมดที่เคยแพ้กลับคืนไปหมดเลยเยี่ยงนั้นหรือ ? เจ้านี่มันตาเฒ่าเจ้าเล่ห์จริง ๆ ! ”

นักพรตฉางเสวียนมิได้มีทีท่าหงุดหงิดแต่อย่างใด เพียงตอบกลับไปพร้อมรอยยิ้มว่า “พี่สวี ท่านอย่าลืมว่าผู้ที่ชี้แนะท่านเป็นถึงเทพแห่งหมากล้อมคนปัจจุบันเชียวนะ”

 “……” สวีฉิงเทียนพูดมิออกอีกครา

นักพรตฉางเสวียนยิ้มร่า “อีกอย่างดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงของพวกท่านจะมาเสียดายสมบัติวิญญาณแค่มิกี่ชิ้นได้เยี่ยงไรกัน ? ”

ขณะเดียวกันเหล่าผู้อาวุโสทั้งสองดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่จัดการเรื่องการประลองของเหล่าศิษย์ทั้งสองสำนักเรียบร้อยแล้ว ต่างก็พากันทยอยมาที่ภูเขาด้านหลัง

สิ่งที่สำคัญที่สุดในงานประลองฝีมือของศิษย์ทั้งสองดินแดนนั้น ก็คือการประลองฝีมือของนักพรตฉางเสวียนและสวีฉิงเทียน ฉะนั้นพวกเขาจะต้องมิพลาดอยู่แล้ว

เมื่อมีคนมาดูเยอะขึ้น สีหน้าของสวีฉิงเทียนก็เข้มขึ้นตามไปด้วย พลางแค่นเสียงออกมา “ในเมื่อเจ้าพูดจาข่มกันถึงเพียงนี้ เช่นนั้นก็อย่าหาว่าข้ามิเกรงใจก็แล้วกัน”

“พี่สวี ท่านอย่าได้เกรงใจข้าเป็นอันขาด ! ”

1 จุดดาว หมายถึงจุดดำที่เด่นอยู่บนกระดานทั้ง 9 จุด เป็นตำแหน่งที่ใช้ในการต่อหมาก

Related

เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน
Score 7.1
Status: Ongoing Released: N/A Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียนเทพแห่งกระบี่ : หากผู้อาวุโสเย่มอบภาพอักษรพู่กันให้ข้าอีกสักภาพ พรุ่งนี้ข้าคงสามารถเปิดประตูสวรรค์ได้แล้ว …… …… เย่ฉางชิงรู้สึกเอือมระอายิ่งนัก ทั้งๆ ที่เขาเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง เหตุใดถึงได้มีผู้คนแวะเวียนมาหาไม่แต่ละเว้นวันเช่นนี้นะ? Related

Comment

Options

not work with dark mode
Reset