เกิดใหม่พร้อมกับระบบไร้พ่าย – ตอนที่ 143

ชายที่ดูกํายําคนนี้เรียกว่า ลี่เล่ยตาน.

 

เขาเป็นหนึ่งในสี่ผู้พิทักษ์ที่สุดยอดที่สุดภายใต้ราชาทมิฬและยังอยู่ในขอบเขตปราณสุดยอดเชี่ยวชาญ ขั้น 5.

 

สิ่งที่น่าสนใจ..

 

เมื่อตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่ เขายอมให้หยินซางบ่มเพาะแมลงกู่ในร่างกายของเขาเพราะเขาต้องการที่จะเป็นอมตะ ลี่เล่ยตานนั้นทํางานหนักมากในการบ่มเพาะและยกระดับขึ้นจากปราณเชียวชาญมาเป็นปราณสุดยอดเชียวชาญ นอกจากนี้เขายังสามารถที่จะเป็นหนึ่งในสี่สุดยอดผู้พิทักษ์ภายใต้ราชาทมิฬเนื่องจากความขยันของเขา

 

“บัดซบ ไอ้จิ้งจอกเฒ่าน่าตาย เจ้าซ่อนเขาไว้ที่ไหน?” ลี่เลยตานเตะเข้าไปที่ท้องของไป่เม่ย.

 

ไป่เม่ยลอยออกไปหลายเมตรก่อนที่จะกระอักเลือดเต็มปากเต็มคํา ไป่เม่ยจากนั้นก็เริ่มหัวเราะอย่างดุเดือด “555 เจ้าเป็นทรยศต่อเผ่าหลักของโลก วันที่เจ้าจะตายจะมาถึงในไม่ช้า 555…”

 

“ฮึ่ม!”

 

“ไอ้แก่บัดซบ คนฉลาดมักจะไหลไปตามกาลเวลา มันเป็นเพราะไอ้แก่บัดซบที่ดื้อรั้นอย่างเจ้า ต้องทําให้เผ่าหลักของโลกต้องมาหลบอยู่ในหลุมลึกที่ไม่อาจมองเห็นกลางวันกลางคืน หากไม่ใช่เพราะราชาทมิฬไม่ยอมให้ข้าฆ่าเจ้า เจ้าคงตายไปเมื่อสองสามร้อนปีก่อนแล้ว”ลี่เล่ยตานแค่นเสียงอย่างรังเกียจ

 

เมื่อเห็นใบหน้าที่เจ็บปวดของไป่เม่ย ลี่เล่ยตานก็ยิ้มอย่างมีความสุข.

 

จากนั้นเขาก็ยิ้มและตะโกน “ไอ้เฒ่าบัดซบ ข้าขอแนะนําว่าให้ใช้สมองมากๆและไม่ต้องทรมาณตัวเอง! เจ้าควรบอกข้าตรงๆว่าเด็กคนนั้นไปที่ไหนหรืออย่างอื่น…เจ้าควรจะรู้ว่าข้าจะทําสิ่งอะไรบ้างได้บ้าง”

 

ลี่เล่ยตานเป็นคนที่มีชื่อเสียงในเมืองภูเขาทมิฬในเรื่องความหัวแข็ง

 

เขาเป็นคนที่ถูกเรียกว่า เพรชฆาตของเมืองภูเขาศพทมิฬ นอกจากนี้เขายังเป็นคนที่ฆ่าเผ่าหลักของโลกมากที่สุดจากทุก

คน.

 

เขาฆ่าไปมากมาย…

 

แม้กระทั่งพ่อแม่ของเขาก็ถูกเขาฆ่าด้วยมือของเขาเอง! ลี่เล่ยตานโหดร้ายและไร้เมตตาอย่างมาก!

 

คราวนี้…

 

ได้ยินเสียงที่เย็นชาซึ่งเต็มไปด้วยจิตสังหารอย่างท่วมถ้นจากด้านหลังลี่เล่ยตาน “ไม่อย่างนั้นจะเกิดอะไรขึ้น?” 

 

ลี่เล่นตานไม่ได้สนใจในสถานการณ์นี้และตอบอย่างคึกคะนอง “ข้าก็จะบิดหัวของเจ้าออก!”

 

“หืม?”

 

“มันเป็นใคร?”

 

ดวงตาของลี่เล่ยตานเปลี่ยนเป็นจริงจังก่อนที่เขาจะหันหลับมาและมองออกไปยังความมืดด้านนอก

 

มีเงาร่างที่เต็มไปด้วยจิตสังหารและกลิ่นอายแห่งความตายที่เริ่มเด่นชัดขึ้น ร่างให้งามือเริ่มเข้าใกล้ทีละก้าวๆเหมือนกับว่าเขาเพิ่งโผล่ขึ้นมาจากนรก พร้อมกับร้อยยิ้มน้อยๆราวกับเขาเป็นผู้ส่งสารจากนรก!

 

“คนที่เจ้าต้องการมาถึงแล้ว”ไป่เม่ยพูดด้วยความตื่นเต้น

 

ตาของลี่เลยตานมองเหยียด เมื่อเห็นคนที่เดินออกมาจากความมืด และการแสดงออกของเขาก็กลายเป็นความรังเกียจที่เพิ่มขึ้นมา “แค่เขาคนเดียว?”

 

“ขยะอย่างเจ้า”

 

“หืม?”

 

“เป็นเจ้า! ไม่ใช่ว่าเจ้าควรจะถูกบ่มเพาะแมลงกู่เขียวศักดิ์สิทธิ์? เป็นไปได้อย่างไร…”การแสดงออกของลี่เล่ยตานเปลี่ยนไปอย่างมาก ตามที่หยินซางพูด แมลงกู่เขียวศักดิ์สิทธิ์ไม่อาจถูกเหยื่อกําจัดออกไปได้และผลลัพธ์มีเพียงอย่างเดียวก็คือพวกเขาจะถูกทําลายโดยไม่อาจกําจัดมันได้ตลอดชีวิต ยกเว้นเพียงอย่างเดียวคือคนที่เป็นคนทําแมลงกู่จะกําจัดมันออกไปเอง ไม่อย่างนั้นแมลงกู่เขียวจะคงอยู่ตลอดไป.

 

แล้เมื่อกําจัดแมงกู่ออกไปแล้ว เหยื่อมักจะตายทันที. 

 

แต่ไม่เพียงแค่นั้น ชายคนนี้จะยังไม่ตาย เขายังมีชีวิตอยู่ และจุดสีเขียวที่สําคัญที่สุดที่หน้าผากของเขาก็หายไปแล้ว ซึ่งหมายความว่าแมลงกู่ได้ถูกกําจัดไปอย่างสมบูรณ์

 

ในโลกนี้คนเดียวที่กําจัดแมลงกู่ได้คือไป่เม่ย.

 

ลี่เล่ยตานโกรธอย่างหนัก เขาจ้องมองไปที่ไป่เม่ยและตะโกน “ไอ้เฒ่าบัดซบสารเลวเอ้ย เจ้ากล้าที่จะถ่ายทอดเทคนิคของเผ่าหลักของโลกไปให้คนนอกได้อย่างไร? เจ้ายอดเยี่ยมมากและกล้าที่จะฝ่าฝืนกฏของเผ่าหลักของโลกของเรา! เจ้าเต็มใจที่จะทําผิดกฏเพื่อที่จะถ่ายทอดให้กับเผ่าหลักของโลกแทนที่จะเป็นราชาทมิฬ คนอย่างเจ้าไม่ควรที่จะอยู่ในโลกนี้ต่อไป ดังนั้นเจ้าควรจะตายซะ!”

 

ลี่เล่ยตานเริ่มเคลื่อนไหวขณะที่กลายเป็นแสงสีดํา

 

ร่างของเขาเคลื่อนพร้อมกับกลิ่นอายแห่งความตายที่เข้นข้นที่สุดและใช้พลังทั้งหมดไปยังไป่เม่ย.

 

ในเวลานั้น

 

ลัวเทียนพูดอย่างแผ่วเบาะ “นี่ ข้ายังอยู่นี้นะ”

 

“เศษขยะอย่างเจ้าต้องการที่จะขัดขวางบิดางั้นรึ! บิดาจะเล่นเจ้าให้ตายในภายหลัง” ลี่เลยตานไม่ได้สนใจที่จะมองไปทางลั่วเทียน ในสายตาของเขาลั่วเทียนเป็นเพียงเศษขยะที่ราชาทมิฬต้องตาและเขาโชคดีที่ถูกเลือก

 

เขาค่อนข้างพอใจที่เขาได้รับหน้าที่ให้มาดูแลลั่วเทียน

 

เนื่องจากเขารู้สึกว่าตั๋วเทียนไม่มีคุณสมบัติพอที่จะได้รับแมลงกู่เขียวและไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะได้รับการเอาใจใส่ของราชาทมิฬ

 

เขาเป็นคนเดียวที่สามารถบ่มเพาะแมลงกู่และยกระดับขอบเขตของเขาให้สูงขึ้นได้

 

ลี่เล่ยตานหยิบก้อนหนักของเขาและทุบลงมาดั่งสายฟ้า

 

“เฒ่าบัดซบ ไปนรกซะ!”

 

ลี่เล่ยตานแผดเสียงพร้อมกับทุบค้อนของเขาลงมา

 

หากการโจมตีนี้ลงไปที่หัวไม่ว่าใครก็ตาม มันจะต้องแหลกเหลวเป็นแน่

 

แต่ไป่เม่ยไม่ได้เคลื่อนไหว

 

เขาได้รับบาดเจ็บจากการทุบตีของลี่เล่ยตาน ดังนั้นเขาจึงไม่อาจหลบหนีไปได้

 

ในขณะที่เขาสังเกตเห็นร่างของลั่วเทียนหายไป ไป่เม่ยก็ ไม่มีความตั้งใจที่จะเคลื่อนไหวใดๆ

 

“ตูม!”

 

เกิดเสียงดังก่อนที่ฝุ่นสีดําจะลอยฟังทําให้ไม่อาจเห็นอะไรใดๆได้และไม่อาจเห็นได้ว่าไป่เม่ยเสียชีวิตไปแล้วหรือยัง 

 

แต่…

 

ใจของลี่เล่นตานก็ดิ่งหวิวเพราะเขาสามารถบอกได้เลยว่าค้อนของเขาไม่ถูกเป้าหมาย มันถูกป้องกันจากอะไรบางอย่างที่แข็งแกร่งตรงๆ ความตกใจทําให้แขนของเขาสะท้าน เขาเกือบจะหมดแรงที่จะถือค้อน ซึ่งมันทําให้เขาโกรธเป็นอย่างมาก.

 

เมื่อฝุ่นจางลงก็มีดาบขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาของลี่เลยตาน.

 

ดาบใหญ่ที่ดูเหมือนกับว่าพึ่งดึงมันขึ้นมาจากสระโลหิต ตัวดาบเผล่งแสงสีแดงที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร มันส้รางภาพลวงตาว่าถูกสังหารให้กับทุกคนที่ได้มองมัน

 

ใต้ใบดาบก็มีคนอยู่หนึ่งคน

 

ร่างกายของเขาดูอ่อนแอและบางเบา แต่ใครๆก็สามารถบอกได้ว่ามันแข็งเหมือนกับเหล็กจริงๆ ริมฝีปากของเขาก่อนให้เกิดรอยยิ้มจางๆที่ดูเหมือนว่ากริมริปเปอร์ที่มาเก็บเกี่ยวดวงวิญญาณ

 

มันคือลั่วเทียน!

 

ดวงตาของลี่เล่ยตานเปลี่ยนไปเป็นโกรธเกรี้ยวขณะที่เขาหัวเราะอย่างเย็นชา “ไอ้ขยะบัดซบ เจ้ากล้าที่จะแสดงความโอหังต่อหน้าข้าและปัดป้องค้อนหนักของข้า? ถ้าไม่ใช่เพราะว่าราชาทมศรั้งไม่ให้ข้าเคลื่อนไหว เจ้าได้ตายไปแล้ว เจ้ากล้าที่จะป้องกันค้อนของข้า? ดี งั้นก็แสดงให้ข้าเห็นถึงความโอหังของเจ้าหน่อยว่าเจ้าจะป้องกันมันได้กี่ครั้ง!”

 

สิ้นเสียง

 

เขาก็กระท้อนของเขาเข้าด้วยกัน จากนั้นเขาก็ตะโกน “ค้อนหนักสายฟ้า!”

 

“ตูม !”

 

ประกายไฟแล่บออกมาและกลิ่นอายแห่งความตายก็ดูเหมือนจะระเบิดกระจายออกมารอบๆ

 

ลั่วเทียนไม่ได้ขยับและไม่ได้ถือดาบดื่มโลหิตไว้ในมือ. 

 

ลี่เล่ยตานสับสน วันห่อน ลั่วเทียนอยู่ในขอบเขตปราณเชียวชาญ ขั้น 9 เพียงเท่านั้น คลื่นที่เกิดจากค้อนก็มากพอที่จะทุบให้เขาเป็นหมูแผ่นได้ง่ายๆในวันนี้?

 

“ฮี่ๆๆ”

 

“เจ้าทําถูกแล้วหรอ? ตอนนี้มันควรจะเป็นตาข้าแล้ว!”

 

ลั่วเทียนเริ่มยิ้มอย่างตื่นเต้น เมื่อเขาเห็นร่องรอยของความตกใจในแววตาของลีเลยตาน เขาก็เริ่มดูถูกและเหยียดหยาม “ปราณสุดยอดเชี่ยวชาญ ขั้น 5 กล้าที่จะพูดมากต่อหน้าบิดา? บิดาจะแสดงให้เจ้าเป็นว่าพลังปราณสุดยอดเชียวชาญขั้น 5 เป็นอย่างไร!”

 

หลังจากที่พูดอย่างนั้น พลังภายในของลั่วเทียนกระเบิดออกมา

 

ใต้ค้อนหนักทัเงสอง ลั่วเทียนก็หายไป!

 

ดวงตาของลี่เล่ยตานกวาดหาไปรอบๆและยังใช้ความรู้สึกของเขาค้นหาไปไกลขึ้นเรื่อยๆ ตั๋วเทียนตระหนักได้ว่าความรู้สึกของเขาไม่อาจที่จะตามความเร็วของลัวเทียนได้ทัน! จากนั้นเขาก็พูดกับตัวเอง “ขยะอย่างเจ้าทําอย่างไรถึงได้แข็งแกร่งในเวลาเพียงวันเดียว?”

 

ไป่เม่ยสะดุ้งขณะที่ยังนอนอยู่ที่พื้นดิน

 

หลังจากลิ้งค้างอยู่พักหนึ่ง ไป่เม่ยก็เริ่มพูดพึมพําด้วยสีหน้าตกใจ “ปราณสุดยอดเชี่ยวชาญ ขั้น 5? เด็กคนนี้คือการคงอยู่ของความผิดแปลกที่สุด! เขาทะลวงระดับถึง 4 ขั้นในวันครึ่ง? เขาไม่ใช่มนุษย์แล้วมั้ง เขาเป็นคนที่มีความแปลกประหลาดที่ผิดที่ผิดทางที่สุด!”

 

ในอากาศ…

 

ดาบดื่มโลหิตเริ่มเปล่งประกายสีเลือดออกมา

 

ลั่วเทียนแค่นเสียงเย็นและพูดว่า “ข้าจะให้เจ้าได้สัมผัสทักษะการต่อสู้แบบใหม่ที่ข้าได้รับเมื่อไม่นานมานี้!”

 

“ฟาดฟันดุจภูติผี -โจมตีดั่งอสุรา!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset