เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! – ตอนที่ 150: บทแรกของการลืมตาตื่น (1)

< < 114 Sec1 > >

“..ไม่..ไม่ใช่นะ..คุณพ่อ”

เมอันพูดเสียงสั่นทั้งน้ำตา ทุกครั้งที่พูดเธอจะก้าวถอยหลังทีละก้าว แต่เธอก็ต้องหยุดเดินทันทีที่เรนก้าวขาเข้ามา

“อย่าคิดว่าจะหนีจากผมได้เชียว”

“…อึก..!”

“แกจำไม่ผิดเรนสินะ ไอ้กากที่ทำกร่างไปทั่ว”

เรนกระพริบตาปริบๆก่อนจะมองแรงใส่เคียวยะ

รู้กันดีว่าเรนเกลียดการที่ตัวเองโดนต่อว่าเป็นที่สุด

“เคียวยะ ผมไม่ได้เกลียดนายหรอกนะ กลับกันชอบใจนายด้วยซ้ำ แต่มาว่ากันแบบนี้มันน่าหงุดหงิดชะมัด ..อยากตายมากนักรึไง ตัวนายตอนนี้ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย จะตายซะตอนนี้ผมก็ไม่เสียหายอะไรหรอก”

ได้ยินอย่างนั้นเคียวยะก็เลือดขึ้นหน้า ทำอย่างกับว่าตัวเองเป็นผู้กุมชะตาชีวิตคนอื่น ได้ยินล่ะก็หงุดหงิดยิ่งกว่าอะไร เหมือนกับเรน เคียวยะคือคนที่โดนจี้จุดแล้วโมโหได้ง่ายมาก เป็นคนประเภทใกล้เคียงกัน

กล่าวแบบไม่เกรงใจคือนิสัยไม่ค่อยจะดีเหมือนกัน

ทางเรนคือคนขี้ขลาดที่ทำเป็นเก่งและเห็นแก่ตัวเป็นที่สุด

ทางเคียวยะคือคนอวดดีอีโก้สูงไม่พอยังปากหมา เป็นพวกที่ไม่สนว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แต่ขอด่าไว้ก่อน

ถ้าหากวัดที่ความกล้าล่ะก็เคียวยะมีมากกว่าแน่นอน เรนรู้ข้อนี้ดี ทำให้เรนณู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่า เพราะตัวเรนกล้าปากดีแค่กับคนที่ตัวเองมั่นใจว่าชนะได้แล้วเท่านั้น แต่เคียวยะไม่ใช่ เคียวยะปากหมาเสมอต้นเสมอปลาย ไม่ว่าจะเก่งมาจากไหนปากนี้ก็ไม่ปราณี ซึ่งนี่คือข้อเสียอย่างแน่นอน ..เพราะชีวิตของเคียวยะสามารถดับได้เพราะปาก ดั่งสถานการณ์ตรงหน้านี้

“หา?? เก่งมาจากไหนช่วยบอกทีสิว่ะ”

เคียวยะยังคงไม่หยุดพูด เคียวยะเดินไปยืนขวางเมอันจากสายตาของเรนไว้

“มองอะไร? เก่งจริงก็พูดสิไอ้ขี้ขลาด”

เรนไม่ชอบโดนบอกว่าขี้ขลาดเป็นที่สุด ..ตบะเรนแตกได้ทุกเมื่อขึ้นอยู่กับเวลา

“ไม่อยากจะเชื่อเลยแฮะ ว่าสหายผู้มีอุดมการณ์ร่วมกันมาตลอดจะมาหันดาบเข้าใส่กันเนี่ย ..ให้ตายสิ แค่คิดก็หงุดหงิดแล้ว นายนี่มันน่ารำคาญจริงๆ นายในตอนนี้น่ารำคาญที่สุดเลย แค่เชื่อฟังผมอย่างที่ผ่านมาไม่ได้หรือไงกัน เกลียดมันมากไม่ใช่รึไงหะ ไอ้พวกที่ชีวิตมีความสุขน่ะ รังเกียจโลกใบนี้ไม่ใช่หรือไง เกลียดโชคชะตาและพรสวรรค์ของตัวเองนี่นายน่ะ อยากจะทำลายโลกใบนี้สุดๆเลยนี่! ถ้าอย่างนั้น—ทำไมถึงไปร่วมมือกับไอ้พวกนั้นได้กันล่ะ นายควรจะเป็นคนที่เกลียดเจ้าพวกนั้นมากที่สุดแท้ๆ”

“เออสิ เกลียดสุดๆเลยล่ะ”

หูของเรนกระตุก เขาหรี่ตามองแต่ก็ต้องผิดหวัง

“ใบหน้าแบบนั้นมันอะไรน่ะ ..นั่นน่ะเหรอที่เรียกว่าเกลียด นายเปลี่ยนไปจนน่าตกใจเลยนะ”

“..แกนี่มันน่าขยะแขยงชะมัด”

‘..หะ’ จิตใต้สำนึกของเรนส่งเสียงเช่นนั้นพร้อมกับเส้นเลือดที่ผุดขึ้นบนหัว ลูซิเฟอร์มองภาพการณ์ทั้งหมดแล้วก็ถอนหายใจออกมา เมอันตัวสั่นกว่าเก่าเพราะเรนได้..ตบะแตกจริงๆแล้ว

“พูดอย่างกับรู้จักกันดี ทางนี้ไม่เคยเสวนาด้วยแท้ๆ ..” เคียวยะถอนยิ้มมุมปากอย่างชั่วร้าย “ไม่สิ ก็เคยอยู่ครั้งหนึ่งตอนงานเทศกาล แต่ลืมแล้วล่ะ เพราะการคุยกับแกมันไม่มีค่าอะไรเลย—ไร้ค่า!”

เรนกุมขมับตัวเองพลางหัวเราะแห้งๆไปด้วย

“ ช่วยหยุดกวนประสาทผมจะได้รึเปล่าครับ ..เคียวยะนี่คือคำเตือนนะ”

ดวงตาของเรนเริ่มดำมืดขึ้นไปเรื่อยๆ ความแค้นสะสมตั้งแต่ตอนที่โดนเอเธอร์ลูบคมกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว ทางเคียวยะหาได้สนไม่

“ส่งเมอันมาซะ! แล้วก็ตายซะตรงนี้แหละ!!”

เคียวยะถุยน้ำลายลงพื้นหนึ่งครั้งเหมือนจะตัดอารมณ์เรนทิ้ง และหันไปคุยกับเมอัน

“ได้เวลาเลือกแล้ว”

เมอันจับปลายเสื้อเคียวยะและตัวสั่นไม่หยุด เวลานี้ ..เธอไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้แล้ว

“..ไม่ไหว ..หนู..หนูไม่ไหวหรอก..”

“ไม่ไหวเรอะ? ทางนี้ต่างหากที่อยากบ่นว่าไม่ไหวน่ะ คิดว่าฉันเก่งพอจะสู้กับไอ้พวกนั้นได้หรือไงหะ?”

ได้ยินอย่างนั้นเมอันก็น้ำตาซึม เธอรู้สึกกลัวยิ่งกว่าเก่า

เอลฟ์ที่มีอายุหลายร้อยปี? ไม่มีหรอก ตรงนี้มีแค่เด็กที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างเลวร้ายเท่านั้น

เคียวยะหรี่ตามองเมอันที่ตัวสั่นไม่หยุด

“เลือกซะ ..ถ้าไม่เลือกก็จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงนะ”

“..ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง”

เมอันฝืนมองหน้าเรน—พลันใดนั้นเธอก็หน้ามืด

 

‘ฆ่าซะ’

..ไม่ไหว

‘รีบฆ่าได้แล้ว’

ทำไม่ไหว

‘ไม่ไหวเหรอ? เรื่องไหวไม่ไหวคนกำหนดไม่ใช่เธอสักหน่อย’

 

ความทรงจำในอดีตย้อนกลับเข้ามาในหัว 

กลัว ..เธอกลัวอดีต กลัวการเปลี่ยนแปลงที่อาจนำพาไปสู่จุดจบ กลัวการต่อสู้เพื่อตัวเอง

เธอกลัวทุกอย่าง เป็นเด็กที่ไม่กล้าทำอะไรด้วยตัวเอง

เป็น ‘ทาส’ ทั้งทางกายและทางใจ

ไม่ว่ายังไงก็ไม่ไหว ไม่สามารถฝ่าฝืนเรนได้ เมอันข่มตาหลับและขาอ่อนจะล้มลงนอนกับพื้นเพื่อหนีความจริง เพื่อปกป้องจิตใจตัวเอง ทว่า—ก่อนที่ร่างของเธอจะล้มลงไป แขนของเธอก็ถูกเคียวยะจับเอาไว้ก่อน

“..พี่ชาย?”

“ไหวมั้ย?”

..เมอันส่ายหัวให้ทั้งน้ำตา

“หนู ..ทำไม่ไหว”

“ไม่ไหวก็อยู่เฉยๆซะ”

เมอันล้มลงกับพื้นตามใจอยาก เธอไม่ถูกบังคับให้ลุกขึ้น ..แต่ถูกบอกให้หนีตามใจตัวเอง

แผ่นหลังของเคียวยะ ..ใหญ่มาก ใหญ่เกินกว่าที่เห็นจริงๆ

ทั้งอย่างนั้น ..

“มาทางนี้ซะ”

เสียงของเรนกลับใหญ่กว่า

เมอันค่อยๆลุกขึ้น เธอเดินไปหาเล่นอย่างช้าๆ ..สุดท้ายก็มายืนอยู่ตรงหน้าเรนตามคำสั่ง เมอันไม่มีความกล้าพอจะหันไปมองเคียวยะแม้แต่น้อย ..ตอนนี้เธอเอาแต่ก้มหน้าหนีทุกอย่าง

เคียวยะเห็นก็หัวเราะขึ้นจมูก

“ก้มหัวอย่างนั้นต่อไปเถอะ ..”

คำพูดของเคียวยะแสนจะเย็นยะเยือก ไม่มีกลิ่นอายความอ่อนโยนที่ปกจะมีให้เลยแม้แต่น้อย นั่นทำให้เมอันรู้สึกเจ็บปวดหัวใจ

เรนยิ้มเย้ยเคียวยะที่ตอนนี้มีสีหน้าหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด

“เมอัน ..เธอน่ะเป็นคนทรยศนะ ถึงจะกลับตัวได้แต่ก็ได้ทรยศผมไปแล้วครั้งหนึ่ง คิดว่าผมจะให้อภัยง่ายๆเหรอ”

“…”

“เวลาแบบนี้ต้องพูดอะไร ..ไหนช่วยพูดออกมาทีสิ เหมือนกับทุกครั้ง”

“..โปรดมอบคำสั่งให้หนูด้วยค่ะ คุณพ่อ”

เรนฉีกยิ้มอย่างน่าสยดสยอง แต่ก่อนที่จะได้พูดอะไร

“ข้าจัดการเอง”

ลูซิเฟอร์เอาตัวมาขวางเคียวยะไว้ก่อนที่เรนจะได้สั่งเมอัน

“ข้าอยากสู้กับเด็กนี่เป็นการส่วนตัว”

“ลูซิเฟอร์ ..ไม่ใช่ว่าจะปล่อยไปหรอกนะ คนไร้ค่าอย่างเคียวยะน่ะต้องฆ่าทิ้งเท่านั้น ปล่อยไว้ไม่ได้เด็ดขาด”

“รู้แล้วน่ะท่าน ปล่อยให้ข้าจัดการเอง”

เรนถอนหายใจเฮือกโต

“เห็นแก่ที่ให้ความร่วมมือหรอกนะ ..เมอัน ไปสมทบกับพวกสโนว์ที่พักรักษาตัวอยู่ซะ ระหว่างนั้นหลีกเลี่ยงการปะทะจนกว่าจะได้รับคำสั่ง”

“..เข้าใจแล้วค่ะ”

เมอันหันหลังให้เคียวยะตามที่เรนสั่ง แต่จังหวะนั้นเสียงเรียกของเคียวยะก็ดังขึ้น

“ไอ้เด็กเปรต”

เมอันจะยกมือขึ้นมาปิดหูตัวเอง เธอไม่อยากถูกด่า แต่ก็ไม่ทันแล้ว

“อยากกลับมาเมื่อไหร่ก็บอกได้ จะเปิดประตูรอ”

คำพูดของเคียวยะสวนทางกลับที่คิดไว้..เมอันหันไปมองหน้าเคียวยะด้วยแววตาที่มืดมน ..ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เมอันยังคงเป็นเมอันคนเดิมอยู่

“รีบไปได้แล้ว”

“..ค่ะ”

สุดท้ายก็เลือกจะหันหลังให้เคียวยะจนจบ

เคียวยะมองส่งเมอันจนกระทั่งลับสายตา เขาถึงกลับมาให้ความสนใจลูซิเฟอร์

“ไม่เข้ามาสักทีล่ะ?”

“ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน”

“แต่ว่าผมรีบนะ ลูซิเฟอร์รีบจบให้เร็วซะ ก่อนที่เอเธอร์มันจะโผล่หัวมา ..”

ลูซิเฟอร์ได้ยินเรนพูดถึงเอเธอร์เสียงสั่นก็หัวเราะขึ้นจมูกใส่

“อะไรกันท่านเรน ก่อนหน้านี้ท่านยังบอกว่าจะฆ่าเอเธอร์ในคราวนี้ให้ได้อยู่เลยแท้ๆ เหตุใดถึงได้เปลี่ยนใจกัน?”

“หนวกหูน่า ไอ้สัตว์ประหลาดอย่างมันต่อให้เตรียมตัวมาดีแค่ไหนก็ไม่พอหรอก รีบๆจัดการแล้วไปกันต่อได้แล้ว”

ลูซิเฟอร์ถอนหายใจเฮือกโตและเดินเข้าหาเคียวยะ—-เคียวยะเปิดใช้งานดวงตามหาปราชญ์เต็มพิกัดและร่ายเวทย์ที่แรงที่สุดออกมา

“[เกลียวปีศา—-] เอ๊ะ?”

ทว่า

สิ่งน่าเหลือเชื่อก็เกิดขึ้นก่อน

ลูซิเฟอร์พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง ระดับที่ตัวเองไม่มีทางตามได้ทัน ถึงแม้ว่าดวงตามหาปราชญ์จะมองเห็นทุกจังหวะก้าวเท้า จังหวะเหวี่ยงแขน จังหวะหายใจ แต่ว่าร่างกายของเคียวยะไม่สามารถตอบสนองได้–สิ่งที่เกิดขึ้นบ่งบอกถึงความพ่ายแพ้ที่สมบูรณ์แบบ

ความเย่อหยิ่งง้างแขนขึ้นฟ้าและแทงลงมา

ไม่ทันที่เคียวยะจะร่ายเวทย์จบหรือขยับตัวหนี ร่างของเคียวยะก็ถูกแทงทะลุด้วยมือเปล่าๆ บริเวณหน้าท้องมีรูโบ๋ที่น่าสยองอยู่ ..และไม่รู้ว่าทำได้อย่างไร แต่ลูซิเฟอร์สามารถดึงมือออกจากหน้าท้องได้โดยที่ไม่เปื้อนเลือด

“ครั้งนี้ไม่มีเวลาเล่นเท่าไหร่ น่าเสียดาย”

กล่าวจบเคียวยะก็หมดเรี่ยวแรง ลงไปกองกับพื้นในสภาพที่น่าสังเวช

เรียกว่าการต่อสู้ไม่ได้ด้วยซ้ำ มันเหมือนการบี้มดซะมากกว่า เคียวยะกระอักเลือดพร้อมกันนั้นเลือดจากหน้าท้างก็ไหลออกมาอย่างน่าสยอง

“..อีกแล้วเหรอ..ไม่ไหว..นั้นเหรอ”

เคียวยะแหงนมองลูซิเฟอร์ด้วยสีหน้าที่เจ็บปวด

“บัดซบเอ้ย ..”

“อุ๊บ..” เรนกลั้นขำสุดตัว “ทะ ทะ ทำได้ดีมากลูซิเฟอร์ ปิดปากไอ้ปากหมานี่ได้สวยงามสุดๆ ท่าทางแสนยโสโอหังเมื่อสักครู่หายไปหมดซะแล้ว ทำเป็นวางฟอร์มทำปากดีซะตั้งนาน แต่มีน้ำยาแค่นี้เองเหรอเคียวยะ นายนี่มันเป็นแบบนี้ตลอดเลยนะ ถ้าไม่มีดวงตามหาปราชญ์แกมันก็แค่หมาหัวเน่าเท่านั้นแหละ ไอ้เศษสวะ”

“คนล้มทีปากดีเลยนะ ..ไอ้เวรเอ้ย ..”

“ล้มแล้วยังปากดีได้อีกต่างหากที่น่าชื่นชม เชิญตายไปพร้อมกับปากเน่าๆนั่นเถอะ”

เรนหยักไหล่ให้อย่างไม่รู้ร้อน เพราะตอนนี้–ชนะแล้ว

“..ลูซิเฟอร์”

“?”

“สักวันจะชนะแกให้ได้ ..”

“รอดให้ได้ก่อนเถอะ”

เรนตอบแทนลูซิเฟอร์และมุ่งหน้าไปแทนอื่น ตอนนี้หมดความสนใจในตัวเคียวยะแล้วนั่นเอง เรนไม่สนใจคนตายอยู่แล้ว

ลูซิเฟอร์ชำเลืองมองเคียวยะ และเปิดปากพูดด้วย

“จะรออยู่ที่ปลายทางของโลกใบนี้ ..มาโค่นข้าให้ได้ล่ะกัน”

กล่าวจบลูซิเฟอร์ก็เดินตามเรนไป

“…ให้ตายสิ”

ทั้งเมอันก็ดี ทั้งความพ่านแพ้ก็ดี ..เคียวยะรู้สึกเจ็บใจยิ่งกว่าอะไร

(..สักวัน ..สักวันจะต้อง—)

เคียวยะวูบหมดสติไปอย่างไร้พลัง แต่ก่อนที่จะหมดสติก็สัมผัสได้ว่ามีคนราวสามคนกำลังเดินมาทางนี้ ไม่ทราบหน้าเห็นแต่เท้าแต่ก็พอเดาได้ว่าสองในสามเป็นผู้หญิง

“เพื่อนของท่านจอมมารเนี่ยสร้างปัญหาเก่งจังเลยนะคะ”

“โทษทีนะ ..แต่ถ้าช่วยรักษาเขาให้ เราจะไปด้วยโดยดี”

“รับทราบแล้วค่ะ ตามบัญชาของท่าน”

“ว่าแต่ ..ลูซิเฟอร์นี่เล่นแรงจังนะ นึกว่าจะเป็นพวกที่เล่นไม่ถึงตายซะอีกครับ”

(..ใครกัน? แต่ว่าเสียงเมื่อกี้ ..เสียงเบลลามีไม่ใช่รึไง?)

“เหวอ อาการหนักสุดๆเลย แบบนี้คงต้องให้หลับยาวเพื่อรักษาตัว”

“ฝากทีนะ”

“รับทราบค่ะ”

(อ๊ะ)

เคียวยะผลอยหลับไปทั้งอย่างนั้น

 

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!
Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! << 0 >> รู้สึกว่าโลกเราช่วงนี้จะฮิตต่างโลกกันสินะ? ถ้าจำไม่ผิดนวนิยายประเภทไลทโนเวลของญี่ปุ่นในยุค 2020 จะฮิตกันเอาเรื่องเลย ขนาดผมก็เคยอ่าน หรือเคยดูอนิเมที่ดัดแปลงจากนิยายมาอีกทีไม่น้อยเลย ใช่ มันค่อนข้างสนุกเลย อาจจะเป็นเพราะมันช่วยสนองนีทให้ผมก็ได้ เพราะปกติผมมักจะเป็นผู้แพ้เป็นประจำทั้งๆที่พยายามากแล้ว พอได้เห็นคนๆหนึ่งประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม ซึ่งนั่นก็คือพระเอกมันก็ชวนให้รู้สึกภาคภูมิใจในตัวเขาด้วย พร้อมไปกับสาวๆในฮาเร็มของแกด้วยอะนะ แต่ด้วยความที่เป็นตลาดที่ใหญ่ ทำให้มีหลายความเห็นตามไปด้วย หลายครั้งที่นิยายแนวนี้จะถูกวิจารย์ในเชิงไม่ดี อาทิเช่น ส้ำซากจำเจ เดาทางง่าย ตัวละครผู้หญิงง่าย ทุกอย่างง่ายไปหมด บางเม้นต์ก็ร้ายแรงขนาดบอกว่า ‘นี่ไม่ใช่นิยายแต่เป็นสินค้า’ อืม ถ้าในมุมผมก็ไม่ได้รังเกียจอะไรหรอก ออกไปในทางชอบด้วยซ้ำ แต่ขอติหน่อยเถอะ ตัวร้ายส่วนใหญ่ในเรื่องแนวนี้โคตรจะไม่น่าให้อภัย คนอะไรมันจะเลวได้ขนาดนั้น เลวถึงแก่นแท้เลยพวกตัวร้ายในนิยายต่างโลกเนี่ย ไม่น่าให้อภัยที่สุด โง่ก็โง่ กระจอกก็กระจอกชิบหายเลย ไร้ความคิดความอ่าน กลับตัวก็ไม่เป็น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset