เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! – ตอนที่ 185

< < 130 Sec2 > >

“คุณรินสินะครับ ..หืม”

ชินหยอกล้อเล็กน้อยด้วยการทำเสียงประหลาดใส่ นั่นทำให้หนิงหรี่ตามองแบบเป็นกังวัล

“ขออภัยที่เสียมารยาทเมื่อสักครู่นะครับ แค่แปลกใจนิดหน่อย เพราะคุณรินดูไม่เหมือนคนที่อาศัยอยู่ที่นี่เลย ไม่ทราบว่ามาจากที่ไหนหรือ?”

“อาณาจักรฟัฟนิร์ค่ะ”

“ได้ยินว่าช่วงนี้กษัตริย์แห่งอาณาจักรฟัฟนิร์ได้เสด็จมา ณ ที่แห่งนี้เมื่อเร็วๆนี้เอง ไม่ทราบว่าเกี่ยวข้องอะไรกันรึเปล่าขอรับ”

“..คุณชินสินะคะ?”

“ครับผม”

หนิงมองตรงใส่ชินด้วยสีหน้าที่ตึงเครียด

“ฉันคิดว่าคุณไม่ถามอะไรที่เสี่ยงเป็นอะไรต่อตัวเองไปหน่อยหรือคะ? ถ้าฉันเป็นอย่างที่คุณพูดจริงๆ มีโอกาสที่คุณจะโดนปิดปากเอาได้นะคะ”

แค่เอาข้อมูลคนสำคัญของอาณาจักรฟัฟนิร์เดินเที่ยวเล่นสักที่ไปขายก็เป็นความเสียหายมหาศาลต่อตัวอาณาจักรแล้ว ระดับที่ชีวิตคนราวๆสองสามคนไม่สามารถเทียบได้

“จะบอกว่า ‘ถ้า’ ตัวเองเกี่ยวข้องจริงๆกระผมคงตายแล้วสินะครับ”

“ค่ะ ประมาณนั้นเลย”

ได้ยินอย่างนั้นชินก็หัวเราะออกมาเบาหวิวด้วยท่าทางดูน่ารักขัดกับใบหน้ารูปหล่อของเธอ 

“อะไรคะ? ไม่ตลกนะคะ”

อารมณ์หนิงตอนนี้ไม่ดีอยู่ด้วย ถ้าตอนนี้บังเอิญเรย์ผ่านมากวนตีนเธอ เธอจะหักขาเรย์สักข้างและปล่อยให้เจ็บสิบนาทีก่อนจะรักษาให้ทีหลัง นั่นคือสิ่งที่เธอจะทำ

ชินเองก็ไม่ใช่คนโง่ เขารู้อยู่แล้วว่าหนิงอารมณ์เสียอยู่จึงหยุดหัวเราะ

“ใจดีจังเลยนะครับ–ถ้าเป็นคุณคงจะหักหลังท่านผู้นั้นไม่ได้”

“..ท่านผู้นั้น?”

“ตอนแรกก็กังวลว่าที่หักหลังไม่ได้อาจเป็นเรื่องสติปัญญา แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่ ..กระผมคงกังวลไม่เข้าเรื่อง ไปดูถูกสายเลือดของมหามังกรมากเกินไปสินะขอรับ(ชินพูดเสียงเบาแบบไม่กะให้ใครได้ยิน) โปรดให้อภัยด้วย” 

“ตะกี้ไม่รู้พูดอะไรนะ แต่เซ็นต์สาวน้อยมันบอกว่าโดนนินทาแหงๆ มีอะไรก็พูดมาตรงๆไม่ดีกว่าเหรอคะ?”

“โปรดให้อภัยด้วยขอรับ”

เมื่อชินขอโทษซ้ำอีกครั้ง หนิงก็ผ่อนคลายอารมณ์ลงเล็กน้อยพลางหันหน้าไปข้างนอกที่ฝนยังตกอยู่ และค่อยๆหย่อนตัวนั่งพิงกับกำแพงช้าๆ

“ขอโทษนะคะ”

จู่ๆหนิงก็เอ่ยขอโทษออกมา–ชินถึงกับเอียงคอฉงน

“พึ่งรู้จักกันแท้ๆแต่ฉันดันไปปากเสียใส่ ..ขอโทษนะคะ มันเป็นข้อเสียที่แก้ยังไงก็ไม่หายสักที ..เพราะอย่างนี้ด้วยละมั้ง เลยโดนเขาเกลียดเอา”

“…”

“ฉันมันไม่ได้เรื่องของจริงเลย ว่าไงดี เป็นคนประเภทที่หน้าตาดีแต่เสียของได้รึเปล่านะ? ต่อให้หน้าตาจะดีเข้าขั้นสวรรค์ประทานก็เถอะ—แต่ข้อเสียก็เยอะจนกลบหน้าตาไปมากเลย ..รู้ตัวอีกทีพวกเพื่อนผู้ชายก็เดินมาตบบ่าแบบไม่คิดอะไรแล้ว อดรู้สึกว่าสเน่ห์ในฐานะผู้หญิงของตัวเองมันได้ปลิวหายไปแล้วเลย ..รวมกับที่ชอบปากเสียไปเรื่อยอีก พูดอะไรไม่รู้เรื่องอีก อ่านบรรยากาศไม่เป็น ทั้งหมดทำให้คนรอบตัวเดือดร้อนมานับไม่ถ้วนเลย ..”

หนิงหันมามองชินที่ต้องรับฟังทั้งหมด และพ่นล่มหายใจออกจมูกแบบเซ็งๆ

“นี่ไงเอาอีกแล้ว ไปบ่นให้คนที่พึ่งเจอฟังแบบจัดเต็มเฉยเลย ..แบบนี้ต่อให้หน้าตาดียังไงก็ไม่ไหว”

ชินยิ้มบางๆตอบ พลางคิดในใจว่าเธอคือ ‘ผู้หญิงหลงตัวเอง’ ขั้นเริ่มต้น ยังไม่ได้หนักอะไรมากหากเทียบกับฟัฟนิร์ที่อยู่ด้วยกันประจำ

“อะไรที่มากไปย่อมไม่ดีเสมอ ผมไม่อาจบอกได้ว่าคุณรินที่เป็นอยู่ดีแล้ว แต่การที่กระตุกคิดว่าตนเองมีข้อเสียถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีครับ”

“…จู่ๆก็ชมตรงๆแบบนี้ ..แต๊ะอั๋งเหรอคะ?”

“ไม่ใช่ครับ อัศวินจะไม่ทำเรื่องชั้นต่ำเช่นนั้นหรอกครับ”

ชินเชิดหน้าใส่ แต่หนิงกลับสนใจเรื่องอื่นแทน

“คุณชินเป็นอัศวินเหรอ”

“อ๊ะ อา” ชินยิ้มเจื่อนๆ “แค่อดีตน่ะครับ ตอนนี้ผมเป็นแค่นักผจญภัย”

“เห๋ สุดยอดเลยนะคะ อัศวินสาวรูปหล่อเนี่ย คงจะรายล้อมไปด้วยหนุ่มๆสาวๆสินะคะ ไม่เหมือนกับฉันที่ต้องหมกตัวอยู่แต่ในป่าแล้วโดนพวกผู้ชายกระทำเหมือนเพศเดียวกัน ผู้หญิงที่อยู่ด้วยประจำก็แสนฮอตโดนเอาอกเอาใจตลอด ดูฉันสิ? อยู่เฉยๆก็โดนบ่นแล้ว” หนิงทำแก้มป่อง “ให้เดา คุณชินคงไม่เคยโดนคนที่ชอบเหวี่ยงใส่ด้วยสินะคะ ดีจังเลยนะคะ”

..นิสัยเสียจริงๆด้วย จุดที่ชอบเหวี่ยงไปทั่วนี่ของหนิงน่ะ–-ชินเห็นพ้องกับที่หนิงบ่นตัวเอง

“ไม่เคยหรอกครับ”

“เป็นผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบต่างกับฉันลิบลับเลยนะคะ คุณชินเนี่ย”

“ทางผมไม่เคยมองว่าตัวเองเป็นผู้หญิงหรอกนะครับ ตั้งแต่ที่ได้เป็นอัศวินน่ะ แม้แต่ตอนนี้ก็ด้วย”

เพราะคำตอบที่แสนจริงจังของชินทำให้หนิงอดถอนหายใจเฮือกโตไม่ได้

“คุณรินโดนปฏิเสธมาหรือครับ ไม่น่าเชื่อเลยนะขอรับ”

“ค่าๆ อย่างน้อยๆรอบตัวฉันก็พร้อมเขกหัวฉันทุกคนค่า”

ตอนแรกก็คิดว่ายูจิคงไม่ทำหรอก แต่พอเกิดเรื่องขึ้นในวันนี้หนิงก็ชักไม่แน่ใจแล้ว …

“..นี่คุณชิน พวกเราสนิทกันรึยังคะ?”

“ภายในใจรู้สึกว่าพวกเราสนิทกันแล้วนะครับ เพราะโชคชะตากระมังจึงทำให้รู้สึกคุ้นเคยกันไวเช่นนี้”

“ฉันก็รู้สึกเหมือนกัน แปลกจริงๆ”

“ว่าแต่มีอะไรเหรอครับ?”

หนิงกอดเข่าและโพล่งขึ้น

“ขอปรึกษาเรื่องความรักหน่อยได้รึเปล่าคะ?”

ชินเงียบกริบ ..เธอหัวหมุนติ้วราวสองสามตลบก่อนกลับมาปั้นยิ้มให้ได้

“ยินดีขอรับ ขอทราบรายละเอีย–”

“กะ ก็ไม่เชิงความรักหรอกนะคะ อารมณ์ประมาณวิธีขอคืนดี ของ้อมากกว่า คือก็พูดยาก”

“ถ้ายังไงก็–”

“มันอธิยากเนอะ ..เรื่องพวกนี้”

….

เวลานั้น ชินแอบคิดในใจว่า— 

‘สมกับที่มีสายเลือดของฟัฟนิร์’ 

‘เด็กคนนี้น่ารำคาญกว่าที่คิด’ 

..ชินมองใบหน้าของหนิงและเห็นมันซ้อนทับกับเรเซอร์ ถึงนิสัยจะต่างกัน แต่อายุทั้งสองก็เท่ากันจึงอดคิดไม่ได้ว่า–เรย์และท่านเรเซอร์ในวัยเดียวกันจะเป็นยังไงบ้างนะ ..

เรย์ค่อนข้างน่าเป็นห่วง เพราะดูเป็นเด็กที่ใหลไปกับคนอื่นได้ง่ายสุดๆ ส่วนเรเซอร์นั้น..คงจะเติบโตมาได้งดงามไม่ผิดแน่

พอเห็นอย่างนั้น ความรำคาญก็ผล๊อยหายไป ชินหันไปให้คำแนะนำกับหนิงอย่างตรงไปตรงมาจากใจจริง

 

****

หลังจากที่ชินนั่งให้คำปรึกษาหนิงเสร็จจนฝนหยุดตก ทั้งสองก็แยกจากกันทั้งรอยยิ้ม(ฝ่ายหนิงฝ่ายเดียว) 

“ไว้เจอกันในสักวันนะคะ คิดว่าต้องได้เจอกันอีกแน่ๆ!”

“เช่นกันครับ”

กล่าวจบหนิงก็วิ่งไปด้วยท่าทางร่าเริง เป็นเด็กที่เศร้ายากแต่ร่าเริงง่าย นั่นแหละหนิง

ชินมองส่งหนิงสักพัก

“ยังไงก็มีศักดิ์เป็นพี่น้องกลายๆ ..ได้เจอกันแน่นอนครับ”

ดวงตาของชินกระตุกหนึ่งครั้ง–ชินหันหลังไปและพบกับ ‘ฟัฟนิร์’ ในสภาพสวมแค่เสื้อคลุมและเปิดบริเวณหน้าเล็กน้อย ในมือของฟัฟนิร์เต็มไปด้วยขนมเดินกินที่เปียกฝน

“นัดกันไว้ตรงนี้นี่ครับ ทำไมถึงมาช้าหรือครับ”

ฟัฟนิร์ได้ยินก็นิ่งไปสองสามวิก่อนจะหัวเราะร่าออกมา

“จักรวรรดิราชามังกรนี่ใหญ่สุดๆเลยเนอะ ช่วงที่โดนไอ้อวดดีกิโดร่าไล่กระทืบเนี่ยยังเป็นแค่พื้นที่เล็กๆของพวกไม่มีจะกินกันอยู่เลย แต่ดูตอนนี้สิ อุดมห์ไปด้วยของกินและเทคโนโลยีเวทมนตร์มากมาย รู้ได้เลยละว่านี่แหละคือตัวตนที่สามารถตบข้าได้ ไม่เลวเลย กิโดร่า ไม่เลวเลย”

“สรุปแล้ว?”

“ข้าหลงทาง” ฟัฟนิร์โยนขนมทั้งหมดทิ้งลงพื้น และอุดหูตัวเอง “เอาเลยสิต้าวชิน บ่นข้าเลย ถ้ากล้าพอ ข้าจะไม่เรียกเจ้าว่าไอต้าวสามวันเลยคอยดู ถ้าแค่ปิดปากตัวเองยังไม่ได้ก็จงรับผลลัพธ์สุดเลวร้ายไปเสีย”

“..สมกับเป็นท่านฟัฟนิร์นะครับ”

“หึ แน่นอนอยู่แล้ว ตัวข้าย่อมสมกับเป็นตัวข้า 

ชินพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มราวกับพี่เลี้ยงเด็ก

“แต่ช่วยปรับปรุงนิสัยหน่อยนะ จะโยนของกินไว้บนถนนไม่ได้นะขอรับ”

ชินยื่นมือออกไปและเผาขนมทั้งหมดทิ้ง

“น่าเสียดาย แต่กินของเปียกมันไม่ค่อยจะดีครับ”

“นั่นสินะ ..ว่าแต่–สาวน้อยที่วิ่งไปเมื่อตะกี้”

“ผู้สืบทอดพลังของท่านฟัฟนิร์น่ะครับ รู้สึกจะชื่อว่าหนิง มีชื่อปลอมว่ารินครับ”

แน่นอนว่าชินต้องสืบข้อมูลมาบางส่วนมาก่อนอยู่แล้ว มีหลอกถามเรื่องที่ไม่รู้บ้างก็ตอนคุยนี่แหละ 

“ผู้สืบทอดคราวนี้ไม่เลวเลยแฮะ น่าจะเข้ากับข้าได้ไม่น้อยเลย ต้าวชินว่าไง”

“คิดว่าถูกคอแน่ๆครับ ดูจะเป็นคนที่ได้อิทธิพลจากสายเลือดท่านฟันฟิร์ที่สุดเลย”

“ไว้ว่างๆไปคุยด้วยดีมั้ย ทางต้าวชินก็ใช้จังหวะนี้คุยกับน้องสาวแล้วก็ต้าวเรเซอร์ไป”

ชินครุ่นคิดแปปนึงก่อนตอบ

“น่าเสียดายแต่ยังไม่ถึงเวลาครับ”

“..นั่นสินะ” ฟัฟนิร์แสยะยิ้ม “เป้าหมายคราวนี้คือปฏิบัติการณ์ลากหัวเนลยอนนี่นะ”

ไม่ใช่แค่มหามังกรเพลิงเท่านั้นที่มีชะตาพัวพันกับงานประชุมโลก–มหามังกรวารีเองก็มาด้วยในนามของอาณาจักรเนลยอน

“ทั้งหมดจะต้องทำให้เร็วที่สุดในระหว่างงานประชุม ไม่มีเวลาไปคุยกับท่านเรเซอร์หรอกครับ ทางท่านเรเซอร์เองก็น่าจะยุ่งอยู่กับภาระหลายๆอย่างอยู่ด้วย น่าเสียดายแต่ต้องไว้ครั้งหน้าแล้ว”

“ตามนั้น มีต้าวชินแล้วอะไรๆก็สะดวกขึ้นเยอะเลยนะ ข้าคิดถูกจริงๆที่เลือกต้าวชิน”

“ทางผมก็ด้วยครับ ถ้าไม่ได้ท่านฟัฟนิร์ ..ผมคงไม่มีโอกาสได้กลับไปรับใช้ท่านเรเซอร์แน่นอน” ชินถอนหายใจ “เรื่องกระผมกับท่านเรเซอร์ก็ไว้ก่อน พวกเรากลับไปวางแผนกันเถอะครับ”

กล่าวจบทั้งสองก็เดินไปคนละทางกับหนิง

 

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!
Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! << 0 >> รู้สึกว่าโลกเราช่วงนี้จะฮิตต่างโลกกันสินะ? ถ้าจำไม่ผิดนวนิยายประเภทไลทโนเวลของญี่ปุ่นในยุค 2020 จะฮิตกันเอาเรื่องเลย ขนาดผมก็เคยอ่าน หรือเคยดูอนิเมที่ดัดแปลงจากนิยายมาอีกทีไม่น้อยเลย ใช่ มันค่อนข้างสนุกเลย อาจจะเป็นเพราะมันช่วยสนองนีทให้ผมก็ได้ เพราะปกติผมมักจะเป็นผู้แพ้เป็นประจำทั้งๆที่พยายามากแล้ว พอได้เห็นคนๆหนึ่งประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม ซึ่งนั่นก็คือพระเอกมันก็ชวนให้รู้สึกภาคภูมิใจในตัวเขาด้วย พร้อมไปกับสาวๆในฮาเร็มของแกด้วยอะนะ แต่ด้วยความที่เป็นตลาดที่ใหญ่ ทำให้มีหลายความเห็นตามไปด้วย หลายครั้งที่นิยายแนวนี้จะถูกวิจารย์ในเชิงไม่ดี อาทิเช่น ส้ำซากจำเจ เดาทางง่าย ตัวละครผู้หญิงง่าย ทุกอย่างง่ายไปหมด บางเม้นต์ก็ร้ายแรงขนาดบอกว่า ‘นี่ไม่ใช่นิยายแต่เป็นสินค้า’ อืม ถ้าในมุมผมก็ไม่ได้รังเกียจอะไรหรอก ออกไปในทางชอบด้วยซ้ำ แต่ขอติหน่อยเถอะ ตัวร้ายส่วนใหญ่ในเรื่องแนวนี้โคตรจะไม่น่าให้อภัย คนอะไรมันจะเลวได้ขนาดนั้น เลวถึงแก่นแท้เลยพวกตัวร้ายในนิยายต่างโลกเนี่ย ไม่น่าให้อภัยที่สุด โง่ก็โง่ กระจอกก็กระจอกชิบหายเลย ไร้ความคิดความอ่าน กลับตัวก็ไม่เป็น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset