< < 130 Sec2 > >
“คุณรินสินะครับ ..หืม”
ชินหยอกล้อเล็กน้อยด้วยการทำเสียงประหลาดใส่ นั่นทำให้หนิงหรี่ตามองแบบเป็นกังวัล
“ขออภัยที่เสียมารยาทเมื่อสักครู่นะครับ แค่แปลกใจนิดหน่อย เพราะคุณรินดูไม่เหมือนคนที่อาศัยอยู่ที่นี่เลย ไม่ทราบว่ามาจากที่ไหนหรือ?”
“อาณาจักรฟัฟนิร์ค่ะ”
“ได้ยินว่าช่วงนี้กษัตริย์แห่งอาณาจักรฟัฟนิร์ได้เสด็จมา ณ ที่แห่งนี้เมื่อเร็วๆนี้เอง ไม่ทราบว่าเกี่ยวข้องอะไรกันรึเปล่าขอรับ”
“..คุณชินสินะคะ?”
“ครับผม”
หนิงมองตรงใส่ชินด้วยสีหน้าที่ตึงเครียด
“ฉันคิดว่าคุณไม่ถามอะไรที่เสี่ยงเป็นอะไรต่อตัวเองไปหน่อยหรือคะ? ถ้าฉันเป็นอย่างที่คุณพูดจริงๆ มีโอกาสที่คุณจะโดนปิดปากเอาได้นะคะ”
แค่เอาข้อมูลคนสำคัญของอาณาจักรฟัฟนิร์เดินเที่ยวเล่นสักที่ไปขายก็เป็นความเสียหายมหาศาลต่อตัวอาณาจักรแล้ว ระดับที่ชีวิตคนราวๆสองสามคนไม่สามารถเทียบได้
“จะบอกว่า ‘ถ้า’ ตัวเองเกี่ยวข้องจริงๆกระผมคงตายแล้วสินะครับ”
“ค่ะ ประมาณนั้นเลย”
ได้ยินอย่างนั้นชินก็หัวเราะออกมาเบาหวิวด้วยท่าทางดูน่ารักขัดกับใบหน้ารูปหล่อของเธอ
“อะไรคะ? ไม่ตลกนะคะ”
อารมณ์หนิงตอนนี้ไม่ดีอยู่ด้วย ถ้าตอนนี้บังเอิญเรย์ผ่านมากวนตีนเธอ เธอจะหักขาเรย์สักข้างและปล่อยให้เจ็บสิบนาทีก่อนจะรักษาให้ทีหลัง นั่นคือสิ่งที่เธอจะทำ
ชินเองก็ไม่ใช่คนโง่ เขารู้อยู่แล้วว่าหนิงอารมณ์เสียอยู่จึงหยุดหัวเราะ
“ใจดีจังเลยนะครับ–ถ้าเป็นคุณคงจะหักหลังท่านผู้นั้นไม่ได้”
“..ท่านผู้นั้น?”
“ตอนแรกก็กังวลว่าที่หักหลังไม่ได้อาจเป็นเรื่องสติปัญญา แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่ ..กระผมคงกังวลไม่เข้าเรื่อง ไปดูถูกสายเลือดของมหามังกรมากเกินไปสินะขอรับ(ชินพูดเสียงเบาแบบไม่กะให้ใครได้ยิน) โปรดให้อภัยด้วย”
“ตะกี้ไม่รู้พูดอะไรนะ แต่เซ็นต์สาวน้อยมันบอกว่าโดนนินทาแหงๆ มีอะไรก็พูดมาตรงๆไม่ดีกว่าเหรอคะ?”
“โปรดให้อภัยด้วยขอรับ”
เมื่อชินขอโทษซ้ำอีกครั้ง หนิงก็ผ่อนคลายอารมณ์ลงเล็กน้อยพลางหันหน้าไปข้างนอกที่ฝนยังตกอยู่ และค่อยๆหย่อนตัวนั่งพิงกับกำแพงช้าๆ
“ขอโทษนะคะ”
จู่ๆหนิงก็เอ่ยขอโทษออกมา–ชินถึงกับเอียงคอฉงน
“พึ่งรู้จักกันแท้ๆแต่ฉันดันไปปากเสียใส่ ..ขอโทษนะคะ มันเป็นข้อเสียที่แก้ยังไงก็ไม่หายสักที ..เพราะอย่างนี้ด้วยละมั้ง เลยโดนเขาเกลียดเอา”
“…”
“ฉันมันไม่ได้เรื่องของจริงเลย ว่าไงดี เป็นคนประเภทที่หน้าตาดีแต่เสียของได้รึเปล่านะ? ต่อให้หน้าตาจะดีเข้าขั้นสวรรค์ประทานก็เถอะ—แต่ข้อเสียก็เยอะจนกลบหน้าตาไปมากเลย ..รู้ตัวอีกทีพวกเพื่อนผู้ชายก็เดินมาตบบ่าแบบไม่คิดอะไรแล้ว อดรู้สึกว่าสเน่ห์ในฐานะผู้หญิงของตัวเองมันได้ปลิวหายไปแล้วเลย ..รวมกับที่ชอบปากเสียไปเรื่อยอีก พูดอะไรไม่รู้เรื่องอีก อ่านบรรยากาศไม่เป็น ทั้งหมดทำให้คนรอบตัวเดือดร้อนมานับไม่ถ้วนเลย ..”
หนิงหันมามองชินที่ต้องรับฟังทั้งหมด และพ่นล่มหายใจออกจมูกแบบเซ็งๆ
“นี่ไงเอาอีกแล้ว ไปบ่นให้คนที่พึ่งเจอฟังแบบจัดเต็มเฉยเลย ..แบบนี้ต่อให้หน้าตาดียังไงก็ไม่ไหว”
ชินยิ้มบางๆตอบ พลางคิดในใจว่าเธอคือ ‘ผู้หญิงหลงตัวเอง’ ขั้นเริ่มต้น ยังไม่ได้หนักอะไรมากหากเทียบกับฟัฟนิร์ที่อยู่ด้วยกันประจำ
“อะไรที่มากไปย่อมไม่ดีเสมอ ผมไม่อาจบอกได้ว่าคุณรินที่เป็นอยู่ดีแล้ว แต่การที่กระตุกคิดว่าตนเองมีข้อเสียถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีครับ”
“…จู่ๆก็ชมตรงๆแบบนี้ ..แต๊ะอั๋งเหรอคะ?”
“ไม่ใช่ครับ อัศวินจะไม่ทำเรื่องชั้นต่ำเช่นนั้นหรอกครับ”
ชินเชิดหน้าใส่ แต่หนิงกลับสนใจเรื่องอื่นแทน
“คุณชินเป็นอัศวินเหรอ”
“อ๊ะ อา” ชินยิ้มเจื่อนๆ “แค่อดีตน่ะครับ ตอนนี้ผมเป็นแค่นักผจญภัย”
“เห๋ สุดยอดเลยนะคะ อัศวินสาวรูปหล่อเนี่ย คงจะรายล้อมไปด้วยหนุ่มๆสาวๆสินะคะ ไม่เหมือนกับฉันที่ต้องหมกตัวอยู่แต่ในป่าแล้วโดนพวกผู้ชายกระทำเหมือนเพศเดียวกัน ผู้หญิงที่อยู่ด้วยประจำก็แสนฮอตโดนเอาอกเอาใจตลอด ดูฉันสิ? อยู่เฉยๆก็โดนบ่นแล้ว” หนิงทำแก้มป่อง “ให้เดา คุณชินคงไม่เคยโดนคนที่ชอบเหวี่ยงใส่ด้วยสินะคะ ดีจังเลยนะคะ”
..นิสัยเสียจริงๆด้วย จุดที่ชอบเหวี่ยงไปทั่วนี่ของหนิงน่ะ–-ชินเห็นพ้องกับที่หนิงบ่นตัวเอง
“ไม่เคยหรอกครับ”
“เป็นผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบต่างกับฉันลิบลับเลยนะคะ คุณชินเนี่ย”
“ทางผมไม่เคยมองว่าตัวเองเป็นผู้หญิงหรอกนะครับ ตั้งแต่ที่ได้เป็นอัศวินน่ะ แม้แต่ตอนนี้ก็ด้วย”
เพราะคำตอบที่แสนจริงจังของชินทำให้หนิงอดถอนหายใจเฮือกโตไม่ได้
“คุณรินโดนปฏิเสธมาหรือครับ ไม่น่าเชื่อเลยนะขอรับ”
“ค่าๆ อย่างน้อยๆรอบตัวฉันก็พร้อมเขกหัวฉันทุกคนค่า”
ตอนแรกก็คิดว่ายูจิคงไม่ทำหรอก แต่พอเกิดเรื่องขึ้นในวันนี้หนิงก็ชักไม่แน่ใจแล้ว …
“..นี่คุณชิน พวกเราสนิทกันรึยังคะ?”
“ภายในใจรู้สึกว่าพวกเราสนิทกันแล้วนะครับ เพราะโชคชะตากระมังจึงทำให้รู้สึกคุ้นเคยกันไวเช่นนี้”
“ฉันก็รู้สึกเหมือนกัน แปลกจริงๆ”
“ว่าแต่มีอะไรเหรอครับ?”
หนิงกอดเข่าและโพล่งขึ้น
“ขอปรึกษาเรื่องความรักหน่อยได้รึเปล่าคะ?”
ชินเงียบกริบ ..เธอหัวหมุนติ้วราวสองสามตลบก่อนกลับมาปั้นยิ้มให้ได้
“ยินดีขอรับ ขอทราบรายละเอีย–”
“กะ ก็ไม่เชิงความรักหรอกนะคะ อารมณ์ประมาณวิธีขอคืนดี ของ้อมากกว่า คือก็พูดยาก”
“ถ้ายังไงก็–”
“มันอธิยากเนอะ ..เรื่องพวกนี้”
…
….
เวลานั้น ชินแอบคิดในใจว่า—
‘สมกับที่มีสายเลือดของฟัฟนิร์’
‘เด็กคนนี้น่ารำคาญกว่าที่คิด’
..ชินมองใบหน้าของหนิงและเห็นมันซ้อนทับกับเรเซอร์ ถึงนิสัยจะต่างกัน แต่อายุทั้งสองก็เท่ากันจึงอดคิดไม่ได้ว่า–เรย์และท่านเรเซอร์ในวัยเดียวกันจะเป็นยังไงบ้างนะ ..
เรย์ค่อนข้างน่าเป็นห่วง เพราะดูเป็นเด็กที่ใหลไปกับคนอื่นได้ง่ายสุดๆ ส่วนเรเซอร์นั้น..คงจะเติบโตมาได้งดงามไม่ผิดแน่
พอเห็นอย่างนั้น ความรำคาญก็ผล๊อยหายไป ชินหันไปให้คำแนะนำกับหนิงอย่างตรงไปตรงมาจากใจจริง
****
หลังจากที่ชินนั่งให้คำปรึกษาหนิงเสร็จจนฝนหยุดตก ทั้งสองก็แยกจากกันทั้งรอยยิ้ม(ฝ่ายหนิงฝ่ายเดียว)
“ไว้เจอกันในสักวันนะคะ คิดว่าต้องได้เจอกันอีกแน่ๆ!”
“เช่นกันครับ”
กล่าวจบหนิงก็วิ่งไปด้วยท่าทางร่าเริง เป็นเด็กที่เศร้ายากแต่ร่าเริงง่าย นั่นแหละหนิง
ชินมองส่งหนิงสักพัก
“ยังไงก็มีศักดิ์เป็นพี่น้องกลายๆ ..ได้เจอกันแน่นอนครับ”
ดวงตาของชินกระตุกหนึ่งครั้ง–ชินหันหลังไปและพบกับ ‘ฟัฟนิร์’ ในสภาพสวมแค่เสื้อคลุมและเปิดบริเวณหน้าเล็กน้อย ในมือของฟัฟนิร์เต็มไปด้วยขนมเดินกินที่เปียกฝน
“นัดกันไว้ตรงนี้นี่ครับ ทำไมถึงมาช้าหรือครับ”
ฟัฟนิร์ได้ยินก็นิ่งไปสองสามวิก่อนจะหัวเราะร่าออกมา
“จักรวรรดิราชามังกรนี่ใหญ่สุดๆเลยเนอะ ช่วงที่โดนไอ้อวดดีกิโดร่าไล่กระทืบเนี่ยยังเป็นแค่พื้นที่เล็กๆของพวกไม่มีจะกินกันอยู่เลย แต่ดูตอนนี้สิ อุดมห์ไปด้วยของกินและเทคโนโลยีเวทมนตร์มากมาย รู้ได้เลยละว่านี่แหละคือตัวตนที่สามารถตบข้าได้ ไม่เลวเลย กิโดร่า ไม่เลวเลย”
“สรุปแล้ว?”
“ข้าหลงทาง” ฟัฟนิร์โยนขนมทั้งหมดทิ้งลงพื้น และอุดหูตัวเอง “เอาเลยสิต้าวชิน บ่นข้าเลย ถ้ากล้าพอ ข้าจะไม่เรียกเจ้าว่าไอต้าวสามวันเลยคอยดู ถ้าแค่ปิดปากตัวเองยังไม่ได้ก็จงรับผลลัพธ์สุดเลวร้ายไปเสีย”
“..สมกับเป็นท่านฟัฟนิร์นะครับ”
“หึ แน่นอนอยู่แล้ว ตัวข้าย่อมสมกับเป็นตัวข้า
ชินพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มราวกับพี่เลี้ยงเด็ก
“แต่ช่วยปรับปรุงนิสัยหน่อยนะ จะโยนของกินไว้บนถนนไม่ได้นะขอรับ”
ชินยื่นมือออกไปและเผาขนมทั้งหมดทิ้ง
“น่าเสียดาย แต่กินของเปียกมันไม่ค่อยจะดีครับ”
“นั่นสินะ ..ว่าแต่–สาวน้อยที่วิ่งไปเมื่อตะกี้”
“ผู้สืบทอดพลังของท่านฟัฟนิร์น่ะครับ รู้สึกจะชื่อว่าหนิง มีชื่อปลอมว่ารินครับ”
แน่นอนว่าชินต้องสืบข้อมูลมาบางส่วนมาก่อนอยู่แล้ว มีหลอกถามเรื่องที่ไม่รู้บ้างก็ตอนคุยนี่แหละ
“ผู้สืบทอดคราวนี้ไม่เลวเลยแฮะ น่าจะเข้ากับข้าได้ไม่น้อยเลย ต้าวชินว่าไง”
“คิดว่าถูกคอแน่ๆครับ ดูจะเป็นคนที่ได้อิทธิพลจากสายเลือดท่านฟันฟิร์ที่สุดเลย”
“ไว้ว่างๆไปคุยด้วยดีมั้ย ทางต้าวชินก็ใช้จังหวะนี้คุยกับน้องสาวแล้วก็ต้าวเรเซอร์ไป”
ชินครุ่นคิดแปปนึงก่อนตอบ
“น่าเสียดายแต่ยังไม่ถึงเวลาครับ”
“..นั่นสินะ” ฟัฟนิร์แสยะยิ้ม “เป้าหมายคราวนี้คือปฏิบัติการณ์ลากหัวเนลยอนนี่นะ”
ไม่ใช่แค่มหามังกรเพลิงเท่านั้นที่มีชะตาพัวพันกับงานประชุมโลก–มหามังกรวารีเองก็มาด้วยในนามของอาณาจักรเนลยอน
“ทั้งหมดจะต้องทำให้เร็วที่สุดในระหว่างงานประชุม ไม่มีเวลาไปคุยกับท่านเรเซอร์หรอกครับ ทางท่านเรเซอร์เองก็น่าจะยุ่งอยู่กับภาระหลายๆอย่างอยู่ด้วย น่าเสียดายแต่ต้องไว้ครั้งหน้าแล้ว”
“ตามนั้น มีต้าวชินแล้วอะไรๆก็สะดวกขึ้นเยอะเลยนะ ข้าคิดถูกจริงๆที่เลือกต้าวชิน”
“ทางผมก็ด้วยครับ ถ้าไม่ได้ท่านฟัฟนิร์ ..ผมคงไม่มีโอกาสได้กลับไปรับใช้ท่านเรเซอร์แน่นอน” ชินถอนหายใจ “เรื่องกระผมกับท่านเรเซอร์ก็ไว้ก่อน พวกเรากลับไปวางแผนกันเถอะครับ”
กล่าวจบทั้งสองก็เดินไปคนละทางกับหนิง