เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! – ตอนที่ 189

< < 132 Sec1 > >

วันที่ 27 เดือน ## ยุคปัจจุบัน ปี #####

งานประชุมโลกได้จัดขึ้นอีกครั้งในรอบสิบปี เมื่อคราวที่สองอาณาจักรมหาอำนาจอย่างฟัฟนิร์และเนลยอนได้ตกลงทำพันธสัญญาสงบศึกกัน นับตั้งแต่นั้นโลกก็ไม่ได้มีเหตุการณ์ใหญ่อะไรอีกเลย จนกระทั่งผ่านมาเป็นเวลาสิบปี

อาชญากรรมของโลกตหนึ่งกำลังจะกลายเป็นภัยพิบัติที่ทั้งโลกจะต้องกำจัด—อันตรายระดับ ‘ภัยพิบัติ’ ที่เกิดขึ้นล่าสุดตั้งแต่ยุคมหามังกร อย่างการที่สี่มหามังกรออกอาละวาดไปทั่วทั้งโลก

กล่าวคืออาชญากรของโลกคนนั้นมีความอันตรายทัดเทียมกับสี่มหามังกรทั้งสี่ก็ว่าได้

ทุกอาณาจักร ทุกๆประเทศต่างเชื่อเช่นนั้น

ที่แห่งแรกที่ตื่นตัวกับเรื่องของเรนก็คือ ‘จักรวรรดิราชามังกร’ ที่ถูกปกครองโดย ‘ราชันย์มังกร กิโดร่า’ มังกรเพียงไม่กี่ตนที่ทรงพลังยิ่งกว่าเหล่ามหามังกรทั้งสี่ และราชาหนึ่งเดียวของจักรวรรดิตลอดสองพันปีที่ผ่านมา

หลังจากที่กิโดร่าได้เริ่ม เหล่าอาณาจักรเล็กๆก็พากันเห็นด้วย จนสุดท้ายสี่มหาอำนาจก็ต้องมาร่วมประชุมอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะพันธสัญญาที่เคยตกลงกันไว้–หากมีอาณาจักรที่อยู่ในเครือเห็นด้วยเกินกว่าเจ็ดในสิบ งานประชุมโลกก็จะถูกจัดขึ้น และทุกๆที่จะต้องเข้าร่วม

ด้วยเหตุนี้เอง—ตัวผม ‘เรเซอร์ ดราแคล์’ ก็ต้องเข้าร่วมด้วย

ขณะนี้ผม ยูจิ และหนิงกำลังยืนอยู่ในแท่นประหลาดที่มีลูกแก้วหลากสีรายล้อม

นักเวทย์ของจักรวรรดิราชามังกรกว่าสามสิบคนได้ร่ายเวทย์บทใหญ่ และเมื่อร่ายจบ

พวกผมก็ถูกส่งมาที่งานประชุมโลก

ขึ้นชื่อว่างานประชุมโลก มันย่อมถูกจัดอย่างระมัดระวังเป็นธรรมดา มีแค่บุคคลภายในเท่านั้นที่สามารถเข้าออกได้ นั่นละคือกฏ

ความรู้สึกแรกที่เห็น คือ–งานประชุมโลกนี่อลังการณ์สุดๆ

ทางเดินใช้วัสดุอย่างดี อีกทั้งยังได้รับการตกแต่งราวกับเป็นงานศิลปะโบราณโรมัน ..ตัวงานประชุมถูกคลุมด้วยโดมขนาดยักษ์ และมีทางเดินที่ดูออกได้ง่าย มีสถานที่สำหรับพักผ่อนอยู่ด้วย และตรงจุดกลางของที่ประชุมนั้นก็แอบคล้ายกับโคลอสเซียมเล็กน้อย เพียงแค่บริเวณกลางของโคลอสเซียมไม่ได้มีไว้ให้สู้ แต่มีไว้ให้เจ้าภาพออกมาพูดหัวข้อของงานประชุม ด้วยเหตุนั้นเลยมีจอยักษ์ที่ทำงานด้วยเทคโนโลยีเวทมนตร์เพื่อให้ทุกคนเข้าใจทุกอย่างตรงกัน

“ว่าแต่สุดยอดเลยนะ เล่นสร้างของขนาดนี้ได้ในสองเดือนเนี่ย”

จักรวรรดิราชามังกรไม่เคยคิดจะเป็นเจ้าภาพงานประชุมโลก จึงไม่ได้ก่อสร้างสถานที่สำหรับประชุมรวมไว้เลย แต่ครั้งนี้เป็นกรณีพิเศษ จู่ๆก็ตื่นตัวอาสาเป็นเจ้าภาพและสร้างสถานที่สำหรับงานประชุมยักษ์ได้ภายในสองเดือน

แค่นั้นไม่พอ ยังทำออกมาได้ยอดเยี่ยมอีก

ผมมองอย่างชื่นชม ระหว่างนั้นก็ชำเลืองมองท่าทางของอีกสองคน

“…”

“สุดยอดเลยเนอะ ว่าไงดี ..รสนิยมแก่ชะมัด”

เอาเป็นว่าอย่าสนใจความเห็นของใครบางคนเลย

“ก่อนอื่นจะมีอัศวินสามคนจับคู่กับพวกเราแล้วคอยแนะนำหน้าที่ให้ ..อ๊ะ”

“ไม่เจอกันนานนะจ๊ะ”

คนที่คุ้นเคยเดินมาทักทายผมเป็นคนแรก แทนที่จะเป็นอัศวินที่อัลเบโด้วานไว้ให้ช่วยดูแลผม

“เป็นไงบ้างล่ะ น้องรัก”

คนที่มาทักผมคือ ‘แองเจลิน่า’ พี่สาวของผมเอง วันนี้แต่งตัวได้สุดจัดเลย และข้างๆเธอก็มีเซบาสเตียนในชุดหัวหน้าพ่อบ้านตามเดิมอยู่ด้วย

“ได้ข่าวจากเอเธอร์น่ะว่าจะมาทางนี้ พี่เลยมารอต้อนรับเพราะอยากเห็นหน้าน้องน่ะนะ”

“..นี่เป็นอะไรกับเอเธอร์รึเปล่าเนี่ย ถามจริง”

“เป็นอะไร? ไม่นี่”

เชื่อได้เรอะ

“ไม่ได้พบกันนานนะขอรับ”

เซบาสเตียนโค้งศรีษะให้ผม

“อ่า ..ว่าแต่ยังไม่พบวิธีรักษาแขนอีกเหรอ”

“คาดว่าเป็นไปได้ยากครับ”

เมื่อตอนงานเทศกาลโลหิตมังกร เซบาสเตียนได้เข้าต่อสู้กับอลิซาเบธ ถึงจะไม่ได้ตายแต่ก็พลาดท่าเสียแขนไปหนึ่งข้าง และจนถึงทุกวันนี้ก็ไม่มีวิธีนับแขนของเซบาสเตียนกลับมาเลย

ทั้งๆที่หากใช้รูปแบบพลังพิสดารบนโลกนี้หน่อยก็ควรจะรักษาได้แล้วแท้ๆ ทั้งหมดเป็นเพราะเคียว ‘บาคุนาว่า(เทพแห่งการสูญสิ้น)’ ที่อลิซาเบธเป็นผู้ถือครองนั่นแหละนะ

ถ้าอยากจะฟื้นฟูแขนกลับมา จำเป็นจะต้องจัดการอลิซาเบธก่อน

“ช่างเถอะ เห็นว่ายังมีชีวิตอยู่ก็พอใจแล้ว”

“อย่าพูดเป็นลางสิ ..เอาเถอะ เห็นหน้าเรเซอร์พี่ก็ชื่นใจละ เดี่ยวพี่ขอตัวไปคุยธุระกับเอเธอร์เขาก่อนนะ”

“..มีอะไรให้ช่วยบอกได้นะ”

“ไม่เป็นไรจ้า ผ่อนคลายเต็มที่เลยนะจ๊ะ”

แองเจลิน่าโบกมือให้ผมและเดินไปหาเอเธอร์ตามที่เธอบอก แน่นอนเธอไม่มีอะไรแอบแฝงผมเลย แค่คุยกับเอเธอร์อย่างบริสุทธิ์ใจ เอเธอร์เองก็ด้วย ผมไม่เชื่อว่าหมอนั่นมีสัญชาตญาณผู้ชายอยู่ แต่ว่าก็อดรู้สึกลำไยไม่ได้เลยแฮะ

เย็นไว้ เรเซอร์ ดราแคล์ สิ่งสำคัญที่สุดคือการส่งแองเจลิน่าไปสู่ปลายทางความสุข อย่างการได้มีสามีในฝันเป็นตัวเป็นตน ในฐานะน้องชายที่ได้รับหลายสิ่งหลายอย่างจากเธอ ผมควรสนับสนุนเต็มที่

ตามนั้น ตอนรู้สึกลำไยผมจะคิดอย่างนี้กับตัวเองเพื่อเก็บอากาศไว้ตลอด ผมรู้ตัวเองดี

หลังจากแองเจลิน่าเดินไปแล้ว หนิงก็เดินมาแทงศอกใส่ผม

“แหนะๆ พ่อซิสค่อน อาการออกใหญ่เลยน้า”

“ถ้าพูดไม่เข้าหู แกโดนฉันสั่งสอนแน่”

“…”

หนิงรูดซิปปาก ไม่คิดตอบโต้อะไร เห็นแล้วก็ชื่นใจ ส่วนยูจิก็ไม่คิดจะคุยไม่คิดจะแซวอะไรอยู่แล้ว

ในสถานการณ์ที่ผมพร้อมเก็บหนิงทุกเมื่อนี้ทำให้ไม่มีใครกล้าพูดอะไร จนกระทั่งมีอัศวินราวสามคนเดินมาทางผม ทั้งสามแต่งตัวเต็มยศและมีใบหน้าที่งดงาม จนแอบสงสัยเลยว่าอัศวินนอกจากฝีมือและมารยาทแล้วยังต้องมีเรื่องหน้าตาเกี่ยวด้วยรึเปล่านะ?

อย่างไรก็ช่าง

“ยินดีที่ได้รู้จักพวกท่านทั้งสามครับ พวกกระผมอัศวินที่ท่านราชาอัลเบโด้ได้หมอบหมายให้มาช่วยแนะนำการทำงาน” 

อัศวินทั้งสามแนะนำตัวให้ฟัง สองคนเป็นผู้หญิงและคนที่เหมือนจะเป็นหัวหน้าเป็นผู้ชาย

คนแรก ‘ซูลิ’ เป็นอัศวินรูปหล่อจากตระกูลอัศวินชั้นยอด

คนสอง ‘จินนี่’ อัศวินสาวสวยจากตระกูลอัศวินชั้นล่าง แต่เพราะพรสวรรค์ที่เธอมีทำให้ไต่ระดับมาอยู่ในระดับสูบได้

คนสาม ‘รินเทีย’ อัศวินวัยรุ่นหญิงจากตระกูลอัศวินชั้นยอดที่เด่นด้านการใช้ดาบเป็นพิเศษ แต่เจ้าหล่อนดันใช้หอกเป็นอาวุธซะอย่างนั้น

อืม ไม่มีปัญหา แต่…รู้สึกว่า..อ่า รินเทีย? ใช่ๆ รินเทีย รู้สึกว่าหล่อนจะมองมาทางผมด้วยสายตาแปลกๆแฮะ

“ไม่ได้พบกันนานนะคะ ท่านเรเซอร์”

เธอกล่าวเช่นนั้น

ไม่ได้พบกันนาน ต้องบอกว่ายินดีที่ได้รู้จักสิถึงจะถูก

“จำดิฉันได้หรือเปล่าคะ?”

“..ไม่ได้พบกันนานนะครับ อ่า ตั้งแต่เมื่อสมัยเด็กเลยนะ”

“ตั้งแต่สมัยเด็ก?”

อ่าว ไม่ใช่หรอกเหรอ คิดว่าตัวผมตอนเด็กถึงจะเป็นพวกเก็บตัว แต่ก็มีออกงานเยอะกว่าตัวผมในปัจจุบันมากเลยนะ ..ถ้าไม่ใช่ตอนเด็กแล้วจะเป็นตอนไหนหว่า

ผมตั้งใจวิเคราะห์รินเทียดีๆ และพึ่งสังเกตุได้

ผู้ใช้หอกสินะ ..จะว่าไป

ตั้งแต่เกิดมาผมก็ไม่ได้เจอคู่ต่อสู้ที่ใช้หอกบ่อยนัก แถมดูๆแล้วเธอก็มีฝีมือใช้ได้อีก—ฝีมือผมให้ประมาณเดียวกับนักดาบขั้นบรรลุทั่วไปเลย 

“..อ๊ะ”

จะว่าไปก็เคยเจอไม่ใช่หรือไง ..ผู้ใช้หอกมีฝีมือรุ่นเดียวกันเนี่ย แต่–พวกเราเจอกันบนประสาทเทล่าเทลในฐานะผู้บุกรุกและผู้รักษาความปลอดภัย

เอาแล้วไง ดันไปลืมเจ้าตัวที่อุตส่าห์แสดงท่าทางเป็นมิตรต่อผู้บุกรุกเช่นผมซะได้ เสียมารยาทสุดๆไปเลยไม่ใช่หรือไงนั่นน่ะ

ทว่า

“..นั้นเองเหรอ ท่านเรเซอร์จับตาดูดิฉันตั้งแต่เด็กแล้วสินะ ท่านเห็นแววมาตั้งแต่ฉันเป็นเด็กแล้วนี่เอง แต่ฉันกลับลืมท่านทั้งๆที่ท่านจำได้ ..อา ตัวฉันนี่มัน..เลวร้ายอะไรขนาดนี้”

ไม่ใช่โว้ยยยยยยย–โอะ โอ้ย ไม่ไหว เก็บแรงไว้ทำอย่างอื่นดีกว่า

“โปรดให้อภัยด้วย!!”

ที่ต้องขอความเมตตามันทางนี้ต่างหาก! แต่ก็เอาเถอะ

“ให้อภัยอยู่แล้วน่า”

“เอ๊ะ ให้อภัยง่ายๆแบบนี้ อย่าบอกนะว่ารู้อยู่แล้วว่าดิฉันจะลืมไป!”

“..ตามนั้น”

“สมกับเป็นท่านเรเซอร์ คนๆเดียวที่ดิฉันเคราพนับถือ การถ่อมตัวเป็นเรื่องที่ดีก็จริง แต่การยืดอกยอมรับคำชมก็คือคุณสมบัติที่ควรจะมีเหมือนกัน”

หล่อนนี่ไหลไปง่ายดีแฮะ

“กองอวยนายเยอะดีเนอะ”

“ไม่ต้องออกความเห็นเลยหล่อน”

ผมชี้นิ้วสั่งหนิงอย่างเสียมารยาท ไม่รู้ทำไมยัยรินเทียยังทำหน้าตาชื่นชมผมอยู่ต่างกับอัศวินอีกสองคน

อา ไม่ไหว เปลี่ยนอัศวินตอนนี้ยังทันไหมเนี่ย–ในจังหวะนั้นเองก็มีชายคนหนึ่งเดินผ่านผมไป

และผมก็ไม่อาจเมินชายที่เดินผ่านไปได้ ทั้งผมและยูจิรวมถึงทุกคนต่างหันหน้าไปทางชายที่เดินผ่านไป

เกราะสีเงินชั้นยอดที่ทำมาจากแร่ Aเทียร์ ตัวชุดที่ถูกตกแต่งด้วยลายสีเขียวอ่อนๆอันเป็นเอกลักษณ์ของอาณาจักรแซร์อิซ และเหนือสิ่งอื่นใดคือดาบที่มีรูปทรงโดดเด่นเป็นที่สุด

ดาบสีมรกต ปลอกดาบสีทองคำขาว ภาพลักษณ์นี่เป็นที่รู้จักกันดีทั่วทั้งโลกว่ามันเป็น ‘ดาบแห่งความยุติธรรม’ หรือที่เรียกกันติดหูกว่าว่า ‘ดาบแห่งผู้กล้า จัสติสเทีย’

โดยไม่รู้ตัว ผมได้เผลอปล่อยมานาออกจากร่างกายเป็นมหาศาล และนั่นก็ทำให้ชายผู้ถือครองดาบแห่งผู้กล้า—อย่าง ‘ผู้กล้า’ หันหน้ามาทางผมพร้อมกับมือที่กุมด้ามดาบไว้

ผู้กล้าแอสทอเรียส ชื่อเก่า ผู้กล้าชุน ด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครทราบทำให้เขาเปลี่ยนนามมาเป็นแอสทอเรียส นามเดียวกับผู้กล้ารุ่นแรก เขามีเลือนผมสีขาวดูสดใส ดวงตาสีเหลืองที่สง่างาม และร่างกายที่สูงกว่าร้อยแปดซิบเซนติเมตรและเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อมหาศาล

ในฐานะนักดาบเขาคือนักดาบระดับต้นๆของโลก และในฐานะผู้กล้า เขาถูกขนานนามว่าเป็นผู้กล้าที่อาจจะแข็งแกร่งทัดเทียมกับผู้กล้ารุ่นแรกก็เป็นได้

ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด ..เขาเป็นคนที่ทำให้ชินเกือบตาย เพราะอย่างนั้นเลยเผลอส่งจิตไม่ดีใส่เจ้าตัว จนตกอยู่ในสถานการณ์ยืนวิเคราะห์อีกฝ่าย

“…”

“..”

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!
Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! << 0 >> รู้สึกว่าโลกเราช่วงนี้จะฮิตต่างโลกกันสินะ? ถ้าจำไม่ผิดนวนิยายประเภทไลทโนเวลของญี่ปุ่นในยุค 2020 จะฮิตกันเอาเรื่องเลย ขนาดผมก็เคยอ่าน หรือเคยดูอนิเมที่ดัดแปลงจากนิยายมาอีกทีไม่น้อยเลย ใช่ มันค่อนข้างสนุกเลย อาจจะเป็นเพราะมันช่วยสนองนีทให้ผมก็ได้ เพราะปกติผมมักจะเป็นผู้แพ้เป็นประจำทั้งๆที่พยายามากแล้ว พอได้เห็นคนๆหนึ่งประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม ซึ่งนั่นก็คือพระเอกมันก็ชวนให้รู้สึกภาคภูมิใจในตัวเขาด้วย พร้อมไปกับสาวๆในฮาเร็มของแกด้วยอะนะ แต่ด้วยความที่เป็นตลาดที่ใหญ่ ทำให้มีหลายความเห็นตามไปด้วย หลายครั้งที่นิยายแนวนี้จะถูกวิจารย์ในเชิงไม่ดี อาทิเช่น ส้ำซากจำเจ เดาทางง่าย ตัวละครผู้หญิงง่าย ทุกอย่างง่ายไปหมด บางเม้นต์ก็ร้ายแรงขนาดบอกว่า ‘นี่ไม่ใช่นิยายแต่เป็นสินค้า’ อืม ถ้าในมุมผมก็ไม่ได้รังเกียจอะไรหรอก ออกไปในทางชอบด้วยซ้ำ แต่ขอติหน่อยเถอะ ตัวร้ายส่วนใหญ่ในเรื่องแนวนี้โคตรจะไม่น่าให้อภัย คนอะไรมันจะเลวได้ขนาดนั้น เลวถึงแก่นแท้เลยพวกตัวร้ายในนิยายต่างโลกเนี่ย ไม่น่าให้อภัยที่สุด โง่ก็โง่ กระจอกก็กระจอกชิบหายเลย ไร้ความคิดความอ่าน กลับตัวก็ไม่เป็น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset