< < 136 Sec1 > >
ขณะนี้มีบุคคลระดับสูงกำลังนั่งรอบกองไฟอย่างใจจดใจจ่ออยู่ ใครจะคิดละว่าจะมีวันที่คนใหญ่คนโตของสี่อาณาจักรมหาอำนาจและจักรวรรดิที่เลื่องชื่อจะมีโอกาสได้มานั่งรอบกองไฟประหนึ่งงานลูกเสือเช่นนี้
ผม เรเซอร์ ดราแคล์ กำลังนั่งอยู่กับ ‘ราเมียร์’ บุตรเพียงหนึ่งเดียวของราชันมังกร ทั้งร่างที่ใหญ่ยักษ์ทั้งเอกลักษณ์ของมังกรผู้ยิ่งใหญ่ที่ส่งออกมาจากตัวเธอ ทำให้ทุกคนต่างเข้าใจกันดีว่าเธอคือลูกสาวของคนๆนั้นจริงๆ
‘มิร่า’ เจ้าหญิงลำดับที่สองแห่งอาณาจักรฟัฟนิร์ อย่างที่รู้กันดีว่าหล่อนเป็นเจ้าหญิงติดพ่อปากไม่ค่อยจะดี
‘โทมิเรีย’ เจ้าหญิงตระกูลอามาเทราสึแห่งเนลยอน ไม่ทราบอะไรเกี่ยวกับเธอเลยนอกจากที่ราชาจอมเวทย์บอก และในนิยายต้นฉบับบทก็แสนจะน้อยนิด รู้เพียงแค่ว่าเธอเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดบนโลกเหมือนกับหนิงและเจ้าหญิงอาเบลแห่งแซร์อิซ
แล้วสุดท้าย ราชาจอมเวทย์ ‘วินดาฟ’ เครื่องยืนยันที่บอกว่าเขาคือราชาจอมเวทย์ก็คือคทาเวทย์ในตำนาน ‘เซปเตอร์เดธ’ แล้วก็ ‘มณีอัคคี’ ที่ติดอยู่ในเครื่องแต่งกายทางการของเขา
อย่างที่ว่าไว้ ทุกคนคือตัวตนที่มีอิทธิพลต่อขั้นอำนาจโลกเป็นอย่างมาก ..ปัญหาของคนๆเดียวอาจก่อให้เกิดสงครามขนาดย่อมได้ เพราะฉะนั้นผมในฐานะคนไร้ชื่อเสียงจึงต้องพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาใดๆขึ้นได้
ถ้ามีสงครามขึ้นมา พวกลีน่าจะลำบากเอาน่ะนะ
“มาทวนปัญหาที่เจอกันก่อนดีกว่านะ”
วินดาฟเอ่ยขึ้นอย่างเป็นกันเอง
“นั่นสินะครับ–เหมือนว่าพวกเราจะโดนวาร์ปไปที่ไหนสักแห่ง แต่ไม่ได้โดนส่งไปไหนไกล พวกเรายังอยู่แค่ภายในงานประชุมโลกที่มีรูปทรงแปลกไป แล้วก็พวกรากไม้ประหลาดก็เกาะเต็มไปหมดด้วย”
ทุกคนหันไปมองพื้นที่โดยรอบเมื่อผมอธิบาย
“ทางฝั่งของผมที่อยู่นอกงานประชุม ขณะที่กำลังเดินตรวจตาเพราะสัมผัสได้ถึงอะไรแปลกๆบางอย่าง จู่ๆรู้สึกตัวอีกทีก็มาโผล่ที่นี่แล้วครับ”
“เรื่องนั้นข้ายืนยันได้ เพราะจนถึงเมื่อครู่ข้าก็เดินตามเรเซอร์คนนี้มาตลอดด้วย”
เมื่อราเมียร์เสริมแล้วทุกคนก็เชื่อตามที่ผมบอก
“ทางด้านของงานประชุมนั้น ..อืม เจ้าคนที่กำลังเป็นหัวข้อใหญ่โตในตอนนี้—วินจะบุกมาภายในงานน่ะนะ”
..อีกแล้วเหรอเนี่ย
แทนที่จะตกใจ ผมกลับรู้สึกเอือมระอาแทน เจ้าหมอนี่มันต้องป่วนชาวบ้านเขาอีกแค่ไหนกันนะถึงจะพอใจ ไม่ไหว แค่นึกถึงหน้าของมันก็อยากจะบีบคอให้มันตายๆไปซะให้จบเลย
พอดีเลย ในเมื่อกล้าพอจะบุกมางานแล้วทางนี้ก็จะตามไปเก็บให้ได้เลยคอยดูเถอะ ทางนี้เองตลอดสองเดือนก็ไม่ได้อยู่เฉยๆด้วย กะอีแค่เรนกับเลขามันรวมแล้วสองตัวไม่ใช่ปัญหาอะไร …
เพราะจู่ๆผมก็อารมณ์เสียกระมัง ทำให้วินดาฟแปลกใจเล็กน้อย
“เป็นอะไรไป”
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกครับ ว่าแต่ช่วยอธิบายเพิ่มหน่อยได้รึเปล่า”
“ได้สิ ตั้งใจอย่างนั้นอยู่แล้ว”
กล่าวจบวินดาฟก็เล่าทุกอย่างภายในงานประชุมให้ผมฟังโดยละเอียด
สรุปคือหลังจากที่สรุปเรื่องของเรนจบแล้ว เจ้าตัวก็บุกเข้ามาในงานและใช้ของประหลาดบางอย่างเปลี่ยนให้สถานการณ์กลายเป็นดังตอนนี้
ฟังดูแล้วสถานการณ์ค่อนข้างวุ่นวายทีเดียว ต่างคนต่างไม่รู้อะไรเลย ชีวิตนับร้อยในงานประชุมโลกถูกส่งกระจายกันไปหมด
ถึงจะเป็นแค่ไอ้กระจอก แต่ก็พยายามมาตลอดเป็นพันปีสินะ ถึงได้มีของเล่นให้ใช้เยอะขนาดนี้
“พอจะเข้าใจสถานการณ์แล้วครับ..”
มันไม่ใช่แค่ว่าเรนบุกเข้ามาอาละวาดได้ แต่ว่าที่สำคัญกว่านั้นคือ ..ทำไมเรนถึงเข้ามาภายในงานได้กันล่ะ?
คำตอบนั้นง่ายนิดเดียว ทางเข้าออกในงาน มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ทราบ และจะต้องเป็นตัวตนระดับผู้นำของโลกเท่านั้นด้วย
“..มีคนทรยศในหมู่อาณาจักรมหาอำนาจสินะครับ”
แถมยังเป็นระดับผู้นำอีก ถ้าถามว่าระดับผู้นำต้องมียศประมาณไหนก็ต้องประมาณราชาหรือว่าแม่ทัพสูงสุด ไม่ก็ตำแหน่งที่สำคัญมากๆต่ออาณาจักรถึงขนาดที่ราชาไว้วางใจเรื่องข้อมูลให้เลยนั่นแหละ อย่างฟัฟนิร์ก็ราชาจอมเวทย์ อย่างเนลยอนก็เจ้าหญิงอามาเทราสึ ประมาณนี้เลย
ถ้าหากมีคนระดับสูงขนาดนั้นเข้าฝ่ายเรนก็มีแนวโน้มที่อาณาจักรมหาอำนาจจะไม่ได้ร่วมมือกันทุกอาณาจักรก็เป็นได้ เลวร้ายที่สุด อาจเกิดสงครามระหว่างมหาอำนาจด้วยกันอีกครั้งก็ได้ หลังจากที่ห่างหายไปเป็นสิบปี
ทุกคนในที่นี้เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น จึงพากันนั่งเงียบส่งบรรยากาศมาคุออกมา …แหงละ
โทมิเรียจากเนลยอน ราเมียร์จากจักรวรรดิราชามังกร ทั้งสองคนไว้ใจไม่ได้ หรือไม่ก็คนทรยศอาจจะเป็นคนจากฟัฟนิร์ของผมเองก็เป็นได้
เรื่องคนทรยศสำคัญก็จริง ..แต่ตอนนี้ควรคิดเรื่องอื่นมากกว่า
“เป็นไปได้ก็อยากรีบไปรวมตัวกับราชาอัลเบโด้ก่อน แต่ว่า” วินดาฟมองไปทางกำแพงที่มีรากไม้เกาะอยู่ “สิ่งนี้เป็นปัญหาทีเดียว”
ปัญหาเหรอ?
วินดาฟลองยื่นมือออกไป
“[ไฟเยอร์บอล]”
บอลเพลิวพุ่งเข้าชนใส่กำแพง ตามปกติกำแพงจะต้องพังจากแรงทำลายของเวทมนตร์นี้แล้ว ทว่ารากไม้กับพุ่งตัวมาดูดกลืนเปลวเพลิงทั้งหมดไป
“ดูๆแล้วรากไม้นี่น่าจะดูดกลืนเวทมนตร์ได้ในปริมาณมหาศาลทีเดียว ลำพังมานาที่ฉันมีไม่พอจะทำลายกำแพงทะลุผ่านไปได้”
มานาของผมกับวินดาฟมีพอๆกัน ถือว่าอยู่ในสถานการณ์เดียวกันเลย
ว่าก็ว่าเถอะ สมกับเป็นราชาจอมเวทย์ สามารถรับรู้คุณสมบัติของรากไม้ปริศนานี่ได้เพียงแค่ชายตามองแค่นั้น ในแง่ของนักเวทย์ผมยังห่างไกลกับเขาเล็กน้อย เพราะถ้าไม่ได้ลองทดสอบกับตัวรากไม้ก่อน ไม่มีทางที่ผมจะเข้าใจสถานการณ์ส่วนนี้ได้
ราเมียร์ลุกขึ้นยืนและหักนิ้วตัวเองดังแกร๊กๆ
“ถ้าเวทมนตร์ไม่ได้ผลก็ลองด้วยพลังกายหน่อยละ—-กัน!!!!!!”
แรวเหวี่ยงหมัดสุดจะมหาศาล ระดับที่ซัดคนให้ตายพร้อมกันได้ในคราเดียวพุ่งเข้าใส่กำแพง แรงลมของหมัดทำให้มิร่ากับโทมิเรียแทบจะปลิว โชคดีที่ผมกับวินดาฟช่วยกันจับแขนทั้งสองไว้ไม่ให้กระเด็นไปตามแรงหมัดสุดบ้าพลังนี่ได้ก่อน
เมื่อลมกระโชกหมดไปก็พบว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
ไม่สิ
“..อะไรเนี่ย”
รากไม้กำลังเกาะปลายนิ้วของราเมียร์
“เอาจริงเหรอเนี่ย..พลังกายของข้ากำลังถูกดูดเนี่ยนะ”
“ถอยออกมาก่อน ราเมียร์”
ราเมียร์ดึงนิ้วตัวเองหลุดจากรากไม้ได้ไม่ยาก แต่เจ้าตัวดูจะเหวอๆนิดหน่อย
“รู้สึกเพลียร์นิดหน่อยแล้วสิ”
“แปลว่าดูดได้ในปริมาณที่มหาศาลเลยสินะ”
ระดับที่มังกรสายเลือดชั้นยอดอย่างราเมียร์ยังได้รับผลกระทบภายในไม่กี่วินาที ถ้ามนุษย์อย่างผมรึวินดาฟโดนดูดเข้าสักพัก อาจจะเสียศูนย์ไปเลยก็เป็นได้
อันตรายแฮะ
ผมหันไปหามิร่า
“ลองโดนดูดหน่อยดีมั้ย?”
“ไม่ย่ะ! อยากรู้ก็ลองเองสิ”
นั่นสิเนอะ
ผมหรี่ตามองโทมิเรียที่เงียบมาตลอด เจ้าตัวส่ายหัวให้ผมรัวๆ
“ถ้านั้นฉันเอง”
วินดาฟเสนอตัวซะแล้ว แต่ไม่ดีมั้ง
“อย่าเลยครับ ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ด้วย พวกเราจำเป็นต้องพึ่งพลังของคุณนะ”
อย่างที่ว่า วินดาฟแข็งแกร่ง อย่างน้อยก็เป็นคนที่ใช้เวทมนตร์ได้ชำนาญที่สุดคนหนึ่งบนโลก ในด้านการต่อสู้ วินดาฟถือว่าเป็นกำลังสำคัญกับสถานการณ์ที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ตอนนี้ ผมควรจะพึ่งวินดาฟให้มากที่สุด
พูดง่ายๆ ผมอยากออมแรงตัวเองให้มากที่สุดนั่นแหละนะ
“ได้ยินแบบนี้แล้วลุงรู้สึกดีใจเลยนะ”
“เป็นเกียรติครับ”
ผมกับวินดาฟยิ้มให้กัน ต่างคนต่างให้ความเคราพแก่กัน ..ไม่รู้เหตุใด มิร่าถึงมองแรงใส่ผม
“ทีกับฉันไม่เห็นคุยดีๆแบบนี้เลย”
เรื่องแค่นั้นเองเรอะ
“..อ่า เอาเป็นว่า ลำดับแรกเราควรจะเดินสำรวจก่อนรึเปล่าครับ”
ผมพูดถามความเห็นจากวินดาฟ
“เอาแบบนั้นน่าจะดีที่สุด ตอนนี้ควรรีบไปรวมตัวให้เร็วที่สุดด้วย ..อืม เดี่ยวลุงนำทางเอง ตามมาเลยนะ”
จากนั้นปาร์ตี้กองไฟก็ได้ถูกยุบ พวกเรารีบเดินตามวินดาฟไปโดยที่ระวังตัวตลอดทาง
****
นอกจากเรเซอร์แล้ว รอบๆงานประชุมโลกที่ถูกบิดเบือนนั้นก็กำลังเกิดเหตุการณ์สุดโกลาหลอยู่ เพราะไม่ใช่แค่ฝั่งเรเซอร์ที่สรุปได้ว่ามีคนทรยศอยู่ในหมู่พวกเรา
‘จูเลียส’ ราชาแห่งเกรล
‘ลีออน’ เจ้าชายแห่งเกรล
‘อัลเบโด้’ ราชาแห่งฟัฟนิร์
‘ฮิโรชิ’ รัฐมนตรีของเนลยอน
‘เรลันต้า’ ราชาแห่งแซร์อิซ
‘เอเธอร์’ ผู้แข็งแกร่งที่สุด
ผู้ใช้วิญญาณระดับเทพ นักดาบอมตะ ‘เวฟ’ และสุดท้าย เด็กในชุดผ้าคลุมปริศนาที่มากับลีออน
ทั้งหมดกำลืงยืนดูเชิงกันอยู่โดยที่แบ่งออกเป็นสี่ฝ่าย เพราะทุกคนล้วนเป็นคนแต่ละอาณาจักรมหาอำนาจ
“แล้วใครกันล่ะ ที่เป็นคนทรยศ”
เรลันต้าเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง—เรนลันต้าส่งสายตาใส่จูเลียส เพียงแค่นั้นจูเลียสก็แทบจะฉี่ราด
“มะ ไม่ใช่ฉันนะ!”
“แหงอยู่แล้ว อย่างแกไม่กล้าพอหันดาบเข้าใส่ข้าหรอก ..”
เรลันต้ามองไปทางลีออน จังหวะเดียวกันเด็กในชุดคลุมก็พุ่งมาบังลีออนไว้
“..อัลเบโด้”
“ไม่ใช่ฉัน”
“มีหลักฐานหรือไง”
“ทางนายต่างหาก มีหลักฐานอะไรถึงมากล่าวหากันได้”
ทั้งสองจ้องเขม็งใส่กัน แม้ความแข็งแกร่งจะต่างกัน แต่ความสามารถของราชานั้นทัดเทียมกัน ทั้งสองสามารถประฝีปากกันได้โดยไม่มีใครด้อยกว่าใคร ต่างกับจูเลียส
ฮิโรชิมองการทะเลาะของสองราชาอย่างหน่ายใจ
“ต่อให้ถามไปก็คงไม่มีใครตอบหรอกครับ ยังไงเสียผู้ทรยศก็คงไม่เปิดเผยตัวอย่างโง่เขลาหรอกครับ”
“คงจะอย่างนั้น บอกตามตรง ข้าเกลียดวิธีสกปรกที่สุด การทรยศเช่นนี้หากรู้ว่าใครเป็นคนทำข้าไม่เอาไว้แน่–จะฆ่าทิ้งในทันทีเลย”
จิตสังหารของเรลันต้าทำให้อัลเบโด้และฮิโรชิถึงกับเหงื่อตก
“..ให้ตายสิ”
อัลเบโด้ถอนหายใจเฮือกโต—ทางด้านเอเธอร์กำลังมองไปทางรากไม้อย่างสนอกสนใจ
“..น่าสนใจทีเดียว”
****
อีกฝากหนึ่งของงานประชุมโลก
‘กลอเลียส’ ราชันมังกร กำลังยืนเผชิญหน้ากับ ‘มาเจล ปัญญาพระเจ้า’ ผู้ใช้วิญญาณระดับเทพของเกรลในห้องขนาดเล็กที่ถูกปกคลุมด้วยรากไม้
“..ราชันมังกรผู้ยิ่งใหญ่ ตำนานเล่าว่าปากต่อปากว่าเป็นมังกรสามหัวผู้ทรงพลัง พ่อเองก็เคยเล่าให้ฉันฟังบ่อยๆเหมือนกันว่าราชันมังกรมีความแข็งแกร่งที่เหนือซะยิ่งกว่ามหามังกร” มาเจลแสยะยิ้มใส่ “เรื่องนั้นฉันอยากพิสูจน์เหลือเกิน”
กลอเลียสหรี่ตามองมาเจลแบบเอือมระอา
“หมายความว่าอยากจะประลองกับข้าสินะ”
“เข้าใจง่ายดีนี่ นึกว่าพวกมังกรจะมีแต่พวกไร้สติปัญญาเสียอีก”
“..ชื่อมาเจลสินะ ก่อนหน้านี้ข้าเห็นว่าวิเคราะห์สถานการณ์ได้ดีทีเดียว เผลอนึกไปว่าเป็นเด็กที่น่าสนใจไม่น้อย แต่ดูเหมือนจะคิดผิด”
“ไม่ได้คิดผิดหรอก ฉันเป็นคนที่น่าสนใจเสมอ อย่างไรซะ ฉันก็เป็นถึง มาเจลปัญญาพระเจ้า”
มาเจลยืนกอดอกโดยไร้ซึ่งความหวาดกลัว ต่อหน้าราชันมังกร มาเจลก็ยังอวดดีได้เสมอต้นเสมอปลาย ..หรือว่ามาเจลมีฝีมือจริงๆกัน
“ก็ได้”
“หืม?”
“ถ้าอยากวัดฝีมือนักก็เข้ามาซะสิ ข้าจะเป็นคู่มือให้เอง”
กลอเลียสตั้งท่าต่อสู้ มาเจลเห็นก็—พุ่งเข้าใส่ทันที
มาเจลกวาดมือแหวกอากาศ—-หมายจะขยี้หน้าของกลอเลียสให้แหลก ทว่ามือนั้นก็ไม่มีโอกาสมาถึง
“ตายซ—-อร้วกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!”
เพียงพริบตาเดียว มาเจลก็ถูกหมัดของกลอเลียสอัดเข้าที่กลางเบ้าหน้า—-ตู้ม!!!!!!!!!! ร่างของมาเจลกระแทกลงพื้นจนเกิดแรงสะเทือนมหาศาล
“เป็นไปไม่ได้ ..หมัดนั่นไม่มีทางมาถึงสิ..แกไม่ได้ขยับตัวเลยสักนิดนี่”
“มาท้าดวลกับข้าโดยไม่ได้ศึกษาวิชาของข้ามาก่อน นับว่าโง่ใช่เล่น”
“..บัด..ซบ”
มาเจลนอนนิ่งติดพื้นภายในฉากๆเดียว ..กลอเลียสยืนมองอยู่สักพัก แต่สุดท้ายก็ไม่พบการเคลื่อนไหวใดๆอีกเลย
“เฮ้อ”
กลอเลียสถอนหายใจเฮือกโตจบแล้วก็แบกร่างไร้สติของมาเจลไว้บนบ่า และเริ่มเดินสำรวจพื้นที่โดยรอบ