เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! – ตอนที่ 228

< < 144 > >

ตู้ม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

ตู้ม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

ตู้ม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

ตู้ม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

เพียงแค่พริบตาเดียว แค่กระพริบตาครั้งเดียว ป่าอาถรรพ์ก็ได้หายไปจากแผนที่บนโลกแล้ว ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก บางที ทั่วทั้งป่าอาจจะหายไปตั้งแต่การระเบิดคราวแรกแล้วก็เป็นได้ 

ณ ที่แห่งนี้ เวลานี้ ไม่มีป่าอาถรรพ์อีกต่อไปแล้ว จะมีก็แต่พื้นสีดำที่มีไอร้อนละอุอยู่โดยไม่มีทีท่าว่าจะเย็นลงเลย รวมถึงมีควันกรุ่นตลอดเวลาจนยากจะมองเห็นได้ชัด ประหนึ่งว่ามันคือการเปลี่ยนแปลงทางภูมิศาสตร์ก็ไม่ปาน

ผมมองดูพื้นสีดำนั่นจากที่สูงที่แต่ก่อนคือภูเขาของป่าอาถรรพ์ เพียงไม่นานก็พบสิ่งแปลกประหลาดอย่างเปลวเพลิงประหลาด สิ่งนั้นค่อยๆปกคลุมทั่วทั้งป่าอาถรรพ์ สลายควันทั้งหมดเผยให้เห็นภาพลักษณ์ที่แท้จริงของที่แห่งนี้

“เวฟ ..ยังอยู่แฮะ แต่ว่า”

 

“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”

 

ที่เห็นใช่เวฟตัวจริงรึเปล่าก็ไม่อาจทราบได้ละนะ

ผมกระโดดลงจากภูเขา และเดินผ่านไอร้อนที่ละอุตามพื้นทั้งหมดไปโดยใช้เพลิงวิหคอมตะปกคลุมร่างเอาไว้ ผมเดินไปช้าๆ เปลวเพลิงประหลาดที่บินไปมาก็ลอยมาทางผมก่อนที่มันจะเผยร่างตัวเองออกมา ซึ่งก็คือหนิงในร่างเปลือยเปล่า

จากการระเบิดตัวเอง ทำให้เสื้อผ้าขาดกระจุยแหละนะ นอกจากนั้นก็ ..แผนการณ์สำเร็จ

หนิงในร่างเปลือยเปล่าอุ้มเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเอาไว้อยู่ เด็กผู้หญิงคนนั้นนอนสลบโดยที่กอดดาบโลหิตไว้แน่น ไม่มีทีท่าว่าจะผ่อนแรงกอดเลย คล้ายกำลังหวงแหนสิ่งนี้เอามากๆ

“เด็กคนนั้น?”

“อานิม่า ..ตอนนี้ยังหลับอยู่ แล้วก็เหมือนจะชำระล้างความชั่วร้ายออกจากตัวจนหมดแล้วด้วย”

“นั้นเหรอ”

แทนที่จะบอกว่าชำระล้าง เรียกว่าย้ายความชั่วร้ายทั้งหมดไปให้เวฟแทนน่าจะถูกกว่า

ผมหันไปมองเวฟที่ดิ้นไปมากับพื้นอย่างไม่น่าดูนัก ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีดำทั้งหมด ทั้งตัวเปื้อนไปด้วยเลือดที่เกิดจากการใช้เล็บมือของตัวเองสร้าง ข้างๆเวฟนั้น–มีผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่

เธอคือ ‘วาราลี่’ วิญญาณระดับเทพ หรือพี่สาวของเวฟนั่นเอง

เมื่อพบเห็นวาราลี่ ยูนาก็ถือวิสาสะปรากฏตัวออกมาเช่นเดียวกัน

วาราลี่กับยูนาจ้องหน้ากันอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเริ่มบทสนทนา

“ไม่ได้พบกันนานนะ”

“ค่ะ ตั้งแต่ศึกสุดท้ายระหว่างอาจารย์กับท่านวาราลี่”

ยูนาให้การยกย่องแก่วาราลี่ แม้สถานะจะเป็นศัตรูต่างสำนักกันก็ตาม วาราลี่จ้องมองยูนาตาเป็นวาว

“หืม? เหมือนจะเติบโตมาได้ดีเลยนะ ลูกศิษย์ของแรกซ์ที่มีพลังในการสะบั้นมิติ เจอกันคราวก่อนยังเป็นแค่เด็กน้อยอยู่แท้ๆ ดูตอนนี้สิ เติบโตขึ้นเป็นยอดนักรบเสียแล้ว แถมยังได้ขึ้นเป็นวิญญาณระดับเทพอย่างเดียวกับฉันอีก ..แล้ว ยัยหนูเซเนียไปไหนแล้วซะละ”

“เป็นมหาภูตปกครองอยู่ที่ป่ามหาภูตค่ะ”

“ไม่อยากจะเชื่อเลยนะ เด็กคนนั้นเนี่ยนะ”

เพราะวาราลี่อาศัยอยู่แต่ภายในป่าอาถรรพ์ทำให้เธอไม่รู้เรื่องโลกภายนอกสักเท่าไหร่ แต่เห็นได้ชัดว่าเธอแปลกใจกับตัวตนของยูนารวมถึงเรื่องของเซเนียพอสมควร

วาราลี่พยักหน้าพึมพำให้กับเรื่องของยูนาและเซเนีย ก่อนที่จะหันมามองทางผม

“ถึงเวฟจะฝากฝังอานิม่าไว้กับเธอก็เถอะ แต่ฉันไม่คิดจะไปทำพันธสัญญาหรือให้ความร่วมมืออะไรกับเธอหรอกนะ บอกตามตรง ฉันเกลียดเธอ ต่อให้เรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นความปารถนาของเวฟเองก็ตาม ..”

วาราลี่ลดความสนใจทางผม และชำเลืองมองเวฟที่กำลังถูกกัดกินด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดี

“นี่ ..ช่วยจบทุกอย่างทีเถอะนะ ขอร้องละ”

“เข้าใจแล้ว”

ผมเดินเข้าไปหาเวฟ หมอนั่นพุ่งตัวเข้าใส่ผมทันทีที่เห็น-ผมเอียงตัวหลบการโจมตีที่ไร้ประสิทธิภาพ และหยิบมีดจากกระเป๋าคาดเอวออกมา ก่อนจะทำการแทงเข้าที่หน้าอกของเวฟอย่างสวยงาม

…ร่างของเวฟนิ่งอย่างนั้นไปอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เรี่ยวแรงจะค่อยๆหมดไป ในวินาทีสุดท้ายก่อนที่เวฟจะตายจริงๆ

“ขอบ..คุณ”

หมอนั่นกล่าวขอบคุณผมผู้ที่ช่วงชิงชีวิตของตัวเอง เป็นการขอบคุณที่พิลึกจริงๆ

“ทางนี้ต่างหาก”

ผมประคองร่างที่ไร้การควบคุมของเวฟ และเอาลงพื้นอย่างช้าๆโดยที่ให้เกียรติเจ้าตัวมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ 

“….”

“วาราลี่ ทางนี้จะไม่แก้ตัวอะไรทั้งนั้น แต่เดิม เวฟก็มีชะตากรรมจะต้องตายอยู่แล้ว ต่อให้เจ้าตัวไม่ได้ปารถนาจะสละชีวิตตัวเองเพื่อช่วยอานิม่าก็ตามที”

ใช่แล้ว เพราะผม–ตั้งใจฆ่าเวฟตั้งแต่แรกแล้วยังไงละ 

หากมองให้ดี การกระทำของผมคราวนี้นั้นไม่ต่างกับที่เรนจะทำกับเวฟเลย แค่ผมชิงลงมือทำก่อนก็เท่านั้น เวฟน่ะไม่ต่างกับผู้บริสุทธิ์ที่กลายเป็นจุดกลางการทะเลาะเบาะแว้งระหว่างผมกับเรน เป็นเพียงผู้เคราะห์ร้ายที่แต่เดิมควรจะได้มีชีวิตอยู่ต่อไป

สุดท้าย ผมก็ได้รับความชอบธรรมในการฆ่าเวฟมาจากเจ้าตัว คิดว่ามันเป็นเรื่องที่ขี้ขลาดที่สุดเลย เพราะคนบาปอย่างผมไม่สมควรได้รับความชอบธรรมใดๆทั้งนั้น ฉะนั้นแล้ว

“ฉันขอยอมรับการกระทำทุกอย่าง”

แน่นอนว่าผมไม่ได้ใจดีพอให้วาราลี่เล่นงานผมคืน ถ้าอีกฝ่ายคิดจะเอาคืน ผมก็จะเล่นกลับให้ยับ

“ไม่คิดจะสู้หรอก ..แค่ตัวเธอตอนนี้ กับผู้หญิงข้างตัว ฉันก็ไม่เห็นหนทางชนะแล้วละ แล้วก็ไม่มีเหตุผลที่จะไปขัดแย้งกับความตั้งใจของเวฟด้วย เธอต่อจากนี้เองก็ต้องดูแลอานิม่าต่อนี่–ถ้าจะมีเหตุผลให้ฉันตัดสินใจสู้กับเธออย่างไม่สนใจอะไร ขอเพียงแค่ได้ทำให้เธอลำบากที่สุดแล้วก็คงมีแค่การที่เธออาจจะไม่รักษาสัญญาของเวฟต่อจากนี้ก็เท่านั้น ..ใช่ อย่าได้ผิดสัญญาของเด็กคนนั้นเด็ดขาด”

แม้จะเป็นร่างวิญญาณที่ไร้อันตรายใดๆแต่ผมก็สัมผัสได้ถึงจิตสังหารจำนวนมากของวาราลี่ ระดับที่หากอยู่ในสถานการณ์ปกติ หากเจอจิตสังหารระดับนี้ผมจะรีบใช้ตัดมิติถลายขีดจำกัด ตามด้วยบัพทั้งหมดใส่ร่างกายทันที

บ่งบอกได้ว่า–ผมห้ามผิดสัญญาเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นผมจะได้ศัตรูเป็นผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยแข็งแกร่งที่สุดไปโดยปริยาย

“แน่นอนอยู่แล้วสิ” ผมถอนหายใจเอือกโตโล่งอก “ว่าแต่คุณจะทำอะไรต่อ แล้วก็ดาบโลหิตนี่ด้วย”

“อืม เอาดาบโลหิตไปเถอะ ส่วนฉันก็..คงจะนั่งรออยู่ที่นี่นั่นแหละนะ ไว้อานิม่าตื่นแล้วก็บอกด้วยละว่าว่างๆก็มาเยี่ยมกันได้”

“เข้าใจแล้ว ถ้านั้นก็ขอตัว”

“รีบจริงนะ”

“อ่า ..ถ้าไม่รีบกลับ อาจจะโดนคนไม่ดีดักเล่นงานเอาได้”

วาราลี่ที่ได้ยินอย่างนั้นก็หัวเราะขึ้นจมูก

“ศัตรูเยอะเหลือเกินนะ”

“นั่นสินะ”

รอบทิศเลยละ

ผมตัดสินใจโบกมือลาวาราลี่ เรื่องศพของเวฟให้เธอเป็นคนจัดการ พวกผมรวมอานิม่าที่สลบอยู่กับดาบโลหิตได้ออกเดินทางออกจากป่าอาถรรพ์–ไม่สิ ไม่มีอีกแล้วนี่เนอะ สถานที่ที่ชื่อว่าป่าอาถรรพ์นั่นน่ะ ไม่มีแล้ว เพราะถูกทำลายไปแล้ว โดยเจตจำนงศ์ของเวฟ

ที่แห่งนี้–ในอนาคตอันใกล้นี่ จะเติบใหญ่เป็นป่าที่งดงามที่รายล้อมไปด้วยสิ่งมีชีวิตและธรรมชาติที่สวยงาม จะเป็นสถานที่ในฝันเหมือนกับที่เวฟคนนั้นเคยอาศัยอยู่กับครอบครัวของเขา

 

****

เดินออกจากป่าอาถรรพ์ได้พักหนึ่งแล้ว ตอนนี้ก็ ..พระอาทิตย์ใกล้จะตกดินแล้วด้วย ควรพักก่อนรึเปล่านะ หรือว่ารีบกลับให้เร็วที่สุดจะได้เอาอานิม่าไปพักผ่อนด้วยดี

ไม่มียูนาคอยพูดถามตอบด้วยสิตอนนี้ ..

ผมครุ่นคิดก่อนพักหนึ่ง ก่อนสังเกตุเห็นว่าหนิงตอนนี้ใส่แค่ผ้าคลุมสีน้ำตาลเปล่าๆ เนื่องจากก่อนหน้านี้เล่นระเบิดเสื้อผ้าไปจนหมด

“มองอะไรไม่ทราบ”

“เปล่า ..แอบคล้ายฟัฟนิร์อยู่เหมือนกันนะเนี่ย”

ฟัฟนิร์เองก็มักจะคลุมตัวเองด้วยผ้าคลุมสีน้ำตาลเช่นกัน ทำเอาคิดถึงเลยแฮะ

“นี่หนิง พักสักหน่อยดีรึเปล่า”

สำหรับผมยังไงก็ได้แหละนะ

“คิดว่า ….ไม่ดีกว่า”

ปฏิกิริยาหนิงดูแปลกไป ทีแรกเธอน่าจะตอบว่าพักหน่อยก็ดี ทว่าจู่ๆสีหน้าก็เปลี่ยนไปพร้อมกับคำตอบ

“ทำไมล่ะ?”

“..ได้กลิ่นยูจิ”

แบบนี้นี่เอง หนิงสามารถรับรู้กลิ่นของยูจิได้ในระยะห่างเป็นกิโลเมตรเลยนี่นะ จะว่าเป็นความสามารถที่วิตถารก็ได้ แต่บางทีก็มีประโยชน์เหมือนกัน

“กลิ่นมาจากไหน”

“ข้างหลังพวกเรา แล้วก็ตรงพื้นดินมีการเคลื่อนไหวที่เร็วมากอยู่”

ขีดจำกัดสายเลือดของมหามังกรทำให้หนิงสามารถรับรู้เกี่ยวกับธรรมชาติได้ดีกว่ามนุษย์อย่างผมไม่รู้กี่ร้อยเท่า การที่มีหนิงมาคอยช่วยจิปาถะ บอกตามตรงว่าสะดวกเอามากๆ

“จะหนี หรือว่าสู้”

หนิงถามขึ้นด้วยสีหน้าที่ตึงเครียด ผมถอนายใจเฮือกโต

“หนี”

ตอนนี้ไม่ไหว

ยูจิแข็งแกร่งเกินไป ผมตัวเปล่าๆที่ไร้อาวุธ กับหนิง ต้องเผชิญหน้ากับยูจิที่แข็งแกร่งเกินไปกับเทียนหลงซึ่งๆหน้า โอกาสชนะกับโอกาสแพ้ ย่อมปรากฏมาเห็นชัดๆอยู่แล้ว

“เข้าใจแล้—”

 

ทว่า

 

พวกผมช้าเกินไป

ตึ้งงงงงงงงงงงงงงงง!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

บอลเพลิงขนาดใหญ่กว่าสิบเมตรพุ่งผ่านต้นไม้และพื้นดินมาด้วยความเร็วสูง

การผสมกันของเวทย์เพลิงกับเวทย์ลมสินะ แถมยังใช้การควบคุมมมานาในระดับสูงมากด้วย

หนิงแบกร่างของอานิม่าไว้บนหลัง และกระโดดหนีขึ้นไปบนต้นไม้ ผมทำเช่นเดียวกันในต้นไม้ที่ห่างกับหนิงราวสามเมตร บอลเพลิงที่พุ่งมาแทนที่จะถไลกับพื้นเลยพวกผมไป มันกลับ–กำลังจะระเบิดออก

ผมรู้สึกตัวได้จากกระแสมานาแทรกซ้อนภายในบอลเพลิงนี่จึงทำการตัดมิติทำลายบอลเพลิงทิ้งในทันที

..เพลิง ลม แล้วก็ลมภายในอีก การควบคุมมานาในระดับสูง ไม่สิ นี่คือระดับเดียวกับราชาจอมเวทย์ จุดสูงสุดของศาสตร์ควบคุมมานาเลยละ

ผมหันไปมองข้างหลังที่ไกลออกไป มองไปยันเจ้าของบอลเพลิงนี่

คนคุ้นหน้า ‘ยูจิ’ กำลังเดินมาทางนี้ ในชุดเสื้อยืดสีขาว กางเกงขายาว แล้วก็เสื้อคลุมที่ทำจากหนังสัตว์หายาก

“คนไม่ดีที่ว่ามาจนได้แฮะ”

ใครจะคิดละว่าคนๆนั้นดันเป็น–ยูจิน่ะ

แน่นอนว่าข้างๆของยูจิก็คือเทียนหลงในชุดสูทสีขาวดังเดิม 

“..เรเซอร์”

“หนีไม่ไหวแฮะ–หนิงแยกกันสู้ ฉันจะสู้กับยูจิ เธอรับมือเทียนหลง ส่วนอานิม่า..”

ผมเปิดกระเป๋าเวทมนตร์ พยายามอัดมานาให้มันกางรูให้ใหญ่ที่สุด จนได้ขนาดที่พอเหมาะกับตัวอานิม่า

“โยนเข้ามาเลย!”

“หา!!? ถามจริงเถอะย่ะ!”

“เออสิ ไม่มีทางเลือกแล้ว ไม่รู้หรอกว่าในนี้จะมีออกซิเจนให้หายใจรึเปล่า แต่เป็นเทพนี่ ไม่น่าขาดอากาศหายใจตายหรอกเนอะ! ถึงตายก็เป็นอมตะด้วย”

“ไอ้บ้าเอ้ย!! ไม่สนแล้วนะถ้าโดนวิญญาณเวฟตามหลอกเข้าน่ะ”

“เออน่า!!”

หนิงทำตามที่ผมว่า โยนร่างของอานิม่าเข้ามาในกระเป๋าเวทมนตร์ จากนั้นผมก็ทำการปิดตายกระเป๋าทันที 

“ยังคงวุ่นวายกันเหมือนเดิมเลยนะครับ”

ยูจิเอ่ยขึ้นจากระยะห่างที่เหลือเพียงไม่กี่เมตร-เร็วมาก

“ทางนั้นเองก็เถอะ คิดยังไงถึงมาดักรอคนอื่นอย่างนี้ล่ะ ถ้าอยากเจอหน้ากันไม่ลองนัดเจอกันดีๆ”

“ธุระของผมมันดูไม่ดีเท่าไหร่น่ะครับ”

“อ๋อเหรอ ไหนว่ามาสิ”

ยูจิเปล่งจิตสังหารออกมา—ผมกับหนิงเบิกตาโพลงกว้างและเหงื่อไหลออกมา

ก็จริงที่ผู้ถือครองวิญญาณระดับเทพจะไม่ได้รับผลกระทบของจิตสังหาร แต่ก็ยังสัมผัสได้ถึงปริมาณชัดเจน กว่าคือผมตกใจกับปริมาณจิตสังหารที่ยูจิเรียกออกมาได้ เพียงแค่ได้พบเห็นเปล่าๆในจิตใจก็เกิดความหวาดกลัวขึ้นมา

ในเวลาเพียงสั้นๆ ยูจิพัฒนาได้ขนาดนี้เลยสินะ

“ช่วยส่งเทพแห่งจิตวิญญาณ แล้วก็วิญญาณของยูนาในตัวคุณเรเซอร์มาด้วยครับ”

…เห้ย ..เห้ย ถามจริงเถอะวะ

“..ว่าไงนะ?”

“ช่วยส่ง–ทุกอย่างมาด้วยครับ”

ยูนา? คิดจะชิงยูนาไปนั้นเหรอ? หา? นี่แก คนสำคัญของฉัน ครอบครัวของฉัน คิดจะชิงไปต่อหน้าต่อตากันเนี่ยนะ คิดว่าแค่ขอแล้วจะให้นั้นเหรอ นี่คิดว่าทางนี้เป็นใครกัน คิดว่ายูนามีค่าแค่นั้นรึไง ยูนาต้องอยู่กับฉันสิถึงจะถูก

ราวกับโดนจี้จุดเดือด ผมในเวลานี้–โกรธยูจิมากระดับที่อาจจะพลั้งมือฆ่าไปจริงๆก็ได้

“ฝันไปเถอะ”

“ระวังตายเอานะครับ คุณเรเซอร์”

“ที่ต้องพูดมันทางนี้ต่างหากโว้ย!!! ยูจิ!!!!” ผมปลดกระดุมเสื้อตัวเองออกและโพล่งขึ้นดังสนั่นทั่วทั้งป่า “[ถลายขีดจำกัด] !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”

….

เอ๊ะ

ร่างกายทั่วทั้งร่างกระดูกหัก รู้สึกเจ็บตรงปอด ทั้งปากและจมูกมีเลือดไหลออกมาอย่างกับน้ำรั่ว ยิ่งกว่านั้นคือ–ผมลอยอยู่บนฟ้าที่กำลังบินออกจากจุดๆเดิม

เหมือนจะโดนยูจิซัดจนปลิวเข้า–ช่างมัน ก่อนอื่น

“[เสริมพลังกาย] [เสริมโชค] [เสริมสติปัญญา] [เสริมประสาทสัมผัส] [เสริมระยะมองเห็น] [เสริมความเร็ว] [เสริมความเร็วการร่ายเวทย์] [เสริมการลงดาบ] [เสริมการวิ่งหนี] [เสริมการวิ่งเข้าใส่] [เสริมกล้ามเนื้อ] [เสริมการทรงตัว]”

ร่างของผมกำลังดิ่งลงที่แม่น้ำขนาดยักษ์ 

“[เสริมยืนบนน้ำ]”

ผมดิ่งลงน้ำ กลิ้งอยู่สามตลบ ก่อนจะทรงตัวยืนบนน้ำได้อย่างสมบูรณ์แบบ—พร้อมกันนั้น อะไรบางอย่างกำลังตามมาติดๆ

ผมใช้แขนสองข้างบล็อคการโจมตีล่วงหน้า—-ตึ้ง!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! แรงกระแทกมหาศาลอัดเข้าแขนทั้งสองข้างของผม พร้อมกับเผยให้เห็นแขนของยูจิที่อัดเข้ามาที่การบล็อคของผม

แม่น้ำเกิดการสั่นไหวมหาศาลจากแรงกระแทกของหมัด

ผมกับยูจิยืนจ้องหน้ากันในระยะเผาขน

“ยอมแพ้เถอะครับ คุณในตอนนี้ชนะผมไม่ได้”

“ถ้าตอบว่าไม่ล่ะ?”

ผมถีบยูจิ เจ้าตัวถีบกลับ เท้าของพวกเราชนเข้าหากัน และดีดพวกเราสองคนออกจากกัน ในระยะห่างราวๆหกเมตรได้

ผมกับยูจิที่ยืนอยู่บนน้ำ ยืนจ้องอีกฝ่าย

“จะฆ่าครับ”

กล่าวจบ–ผมกับยูจิก็วิ่งเข้าใส่กัน และทำการแลกหมัดกัน น้ำในแม่น้ำกระเพื่อมขึ้นอีกคราเมื่อเกิดการปะทะ

“เอาสิ ถ้าทำได้ก็ลองดู”

 

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!
Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! << 0 >> รู้สึกว่าโลกเราช่วงนี้จะฮิตต่างโลกกันสินะ? ถ้าจำไม่ผิดนวนิยายประเภทไลทโนเวลของญี่ปุ่นในยุค 2020 จะฮิตกันเอาเรื่องเลย ขนาดผมก็เคยอ่าน หรือเคยดูอนิเมที่ดัดแปลงจากนิยายมาอีกทีไม่น้อยเลย ใช่ มันค่อนข้างสนุกเลย อาจจะเป็นเพราะมันช่วยสนองนีทให้ผมก็ได้ เพราะปกติผมมักจะเป็นผู้แพ้เป็นประจำทั้งๆที่พยายามากแล้ว พอได้เห็นคนๆหนึ่งประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม ซึ่งนั่นก็คือพระเอกมันก็ชวนให้รู้สึกภาคภูมิใจในตัวเขาด้วย พร้อมไปกับสาวๆในฮาเร็มของแกด้วยอะนะ แต่ด้วยความที่เป็นตลาดที่ใหญ่ ทำให้มีหลายความเห็นตามไปด้วย หลายครั้งที่นิยายแนวนี้จะถูกวิจารย์ในเชิงไม่ดี อาทิเช่น ส้ำซากจำเจ เดาทางง่าย ตัวละครผู้หญิงง่าย ทุกอย่างง่ายไปหมด บางเม้นต์ก็ร้ายแรงขนาดบอกว่า ‘นี่ไม่ใช่นิยายแต่เป็นสินค้า’ อืม ถ้าในมุมผมก็ไม่ได้รังเกียจอะไรหรอก ออกไปในทางชอบด้วยซ้ำ แต่ขอติหน่อยเถอะ ตัวร้ายส่วนใหญ่ในเรื่องแนวนี้โคตรจะไม่น่าให้อภัย คนอะไรมันจะเลวได้ขนาดนั้น เลวถึงแก่นแท้เลยพวกตัวร้ายในนิยายต่างโลกเนี่ย ไม่น่าให้อภัยที่สุด โง่ก็โง่ กระจอกก็กระจอกชิบหายเลย ไร้ความคิดความอ่าน กลับตัวก็ไม่เป็น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset