เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! – ตอนที่ 229

< < 145 > >

“ไปซะแล้วนะทั้งสองคน”

“…”

หนิงหรี่ตามองเทียนหลงผู้ยืนอยู่เบื้องหน้าด้วยสายตาที่มีความอาฆาตแฝงอยู่อย่างไม่ปิดบัง

“โกรธหรือคะ?”

“ใช่สิ ก่อนหน้านี้ทำกันได้แสบมากจริงๆนะเธอน่ะ แล้วก็” หนิงก้าวไปข้างหน้าอย่างดุดัน “อุตส่าห์ได้เจอยัยแมวขโมยยูจิไปสักทีนี่นะ!!”

เปลวเพลิงระอุขึ้นรอบตัวหนิง เพลิงจำนวนมหาศาลปกคลุมทั่วทั้งผืนป่า เทียนหลงเปล่งแสงแห่งสวรรค์คลุมตัวเองจากเพลิงทำลายล้างของหนิง

“แมวขโมย? คำพูดของทางนี้ต่างหาก คืนพลังของท่านเทียแมทมาได้แล้ว ของปลอม”

“ลองดูสิ!!!!!”

เปลวเพลิงแห่งมหามังกร และเปลวเพลิงแห่งสวรรค์ได้พุ่งไปผสมกันจนเกิดการระเบิดขนาดใหญ่ สองมหามังกรได้เผยร่างที่แท้จริงออกมา และบินขึ้นไปบนฟ้าในจุดที่สูงที่สุด ณ จุดๆที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดขึ้นมาสูงได้เท่านี้

สองมังกรผู้ยิ่งใหญ่ได้เข้าห่ำหั่นกันอีกครา—-

 

****

พระเอกของไลท์โนเวลยอดฮิตแห่งยุค ‘ยูจิ’ เขาคือตัวละครที่เป็นศูนย์กลางของเรื่องราวทั้งหมด ตามเอกลักษณ์ที่ตัวเอกทุกคนต้องมีมัน ไม่ว่าจะพรสวรรค์หรือภูมิหลัง ทั้งหมดคือความเป็นพระเอกของยูจิ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเรื่องพรสวรรค์ ยูจิเป็นคนที่เหมือนกับมีค่า EXP คูณ 10 ตลอดเวลา เขาเรียนรู้ได้เร็วกว่าทุกๆคน แล้วยังมีอำนาจแห่งเทพที่แสนจะขี้โกงกับวิญญาณระดับเทพติดตัวมาตั้งแต่เริ่มเรื่อง แล้วก็พื้นฐานร่างกายที่ทำให้ยูจิสามารถพัฒนาความสามารถตัวเองให้เด่นได้ในทุกๆสายโดยไร้ขีดจำกัด ประหนึ่งว่าร่างกายของยูจินั้นไร้ก้นบึ้งของขีดจำกัด หมอนี่สามารถแข็งแกร่งกว่าราชาจอมเวทย์ แข็งแกร่งกว่าเทพดาบ แข็งแกร่งกว่าไรเดน อาคาสะได้พร้อมๆกัน ทั้งที่แต่ละคนก็ต่างล้วนมีจุดเด่นต่างออกไป

เพราะเป็นพระเอก ทำให้ในเรื่องราวสร้างข้อจำกัด สร้างเงื่อนไขที่ทำให้ยูจิสู้ลำบากมากมาย แต่หากมองดูดีๆแล้ว ยูจิ–แข็งแกร่งเกินไปอยู่ดีนั่นแหละ

“อึก!!!”

แรงหมัดของยูจิ ก่อนหน้านี้ยังมีแรงน้อยกว่าหมัดของผมมากนัก แต่ตอนนี้กลับเหนือกว่าแล้ว

ผมถูกหมัดของยูจิซัดจนกระปลิว ได้แต่กลิ้งไปตามพื้นอย่างดูไม่ได้

ก่อนหน้านี้แลกหมัดหนึ่งครั้ง จากนั้นก็แลกหมัดอีกครั้ง แต่ความเร็วของยูจิมากกว่า หมอนั่นส่งผมปลิวไปเพียงจังหวะปะทะที่สอง ทั้งๆที่เทคนิคการออกหมัดของผมดีกว่าแท้ๆ แต่พื้นฐานร่างกายมันต่างกัน ต่อให้ผมใช้บัพทั้งหมดที่มีก็ไม่มีทางที่จะตามร่างกายของยูจิไหว

เพราะเป็นมนุษย์ ต่างกับยูจิที่สถานะไม่ต่างกับยอดมนุษย์

เพียงหมัดๆเดียว ร่างกายที่อัดไปด้วยถลายขีดจำกัดและบัพเสริมพิเศษก็ถึงกับเลือดกลบปาก รู้สึกปวดบริเวณกรามอย่างหนักด้วย

ความแข็งแกร่งที่ปรากฏนี้เป็นเพียงด้านพลังกายเท่านั้น ศาสตร์อื่นๆที่ยูจิมีก็คงอยู่ในระดับที่พอๆกันหรือไม่ก็เหนือกว่าแน่นอน และแค่นี้ไม่จบ ยูจิยังพัฒณาไปไกลได้มากกว่านี้

“ก็คิดอยู่หรอกนะว่าเก่ง แต่ไม่คิดเลยแฮะว่าจะขนาดนี้”

เป็นเพราะสายเลือดผู้กล้าในตัวรึเปล่านะ?

“ถึงได้บอกไงครับว่าจะตายเอา”

“จู่ๆก็ทำเอาตัวเป็นตัวร้ายซะอย่างนั้น ฮะ ฮะ ไม่เหมาะกับนายเลยนะท่าทางอย่างนั้น”

“…”

ยูจิยื่นมือมาข้างหน้า รวบรวมมานาด้วยความเร็วสูง

“[เฟรมบาส–]”

“[เฟรมบาสเตอร์]!!!!”

ผมปล่อยเวทย์เพลิงขั้นบรรลุใส่ยูจิ เจ้าตัวกระโดดหลบเฟรมบาสเตอร์ไปทางซ้าย และทิ้งระยะห่างออกจากผมด้วยไปในตัว

“ถึงจะพัฒนาได้เร็ว แต่อย่างน้อยก็เวทมนตร์ประเภทเพลิงแหละนะ ที่นายยังไม่สามารถก้าวข้ามฉันได้ อย่างน้อยก็ความเร็วในการปลดปล่อยแล้วอย่างหนึ่ง”

แน่นอน ถ้าเปิดใช้งานอำนาจของเทพ ตัวผมเปล่าๆที่ไร้มณีอัคคีก็คงจะพ่ายแพ้ยูจิในสิ่งที่ตัวเองถนัดที่สุดอีก ซึ่งแบบนั้นมันน่าขายหน้าเอามากๆ

ไม่อยากจะแพ้ ต่อให้อีกฝ่ายจะถือครองสายเลือดที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่ ผมก็ไม่อยากแพ้อยู่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับฐานะจอมเวทย์ที่ครั้งหนึ่งเคยโค่นราชาจอมเวทย์มาแล้ว ผมอยากจะเป็นจอมเวทย์ที่ไม่มีทางแพ้ใครอื่น เพื่อพิสูจน์ว่าราชาจอมเวทย์คนนั้นแข็งแกร่ง

มันคือหน้าที่ในฐานะลูกศิษย์

“แล้วมันทำไมครับ คุณที่เหนือกว่าแค่อย่างเดียวจะเอาอะไรมาชนะ”

ยูจิวิ่งเข้าใส่ผมพร้อมกับ-เวทมนตร์ขั้นสูง [ดาบแห่งแสง] ในมือ ผมใช้เวทย์ลมดีดตัวเองหนี ทว่ายูจิกลับใช้ [จังหวะแตะสายลม] อย่างชำนาญจนตามผมได้ทันในพริบตาเดียว

จังหวะแตะสายลม เหนือกว่าผม ไม่สิ เหนือกว่าเรย์ไปแล้วด้วยซ้ำ อาจจะระดับเดียวกับคาลอสเลย

“[ดาบประกายแสง]”

“[เฮลเฟรม]”

เปลวเพลิงทะลักออกจากมือผมอย่างมั่วชั่ว สาเหตุเป็นเพราะร่างของผมถูกผ่าด้วยดาบแห่งแสงของยูจิ

เลือดทะลักออกมาอย่างน่าสยอง รวมถึงวงจรเวทย์ที่ถูกสะบั้นจนเละ–ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับวิหคอมตะ เปลวเพลิงสีทองเข้าโอบอุ้มตัวผมไว้อย่างรวดเร็ว มันคือเวทมนตร์วิเศษที่ไม่จำเป็นต้องเล็.หรือมีวงจรเวทย์ที่ดี ขอแค่มีมานาจ่ายให้ก็พอ

“[ไอซ์เอดจ์]!!!”

น้ำแข็งแพร่ออกจากร่างของผม แม่น้ำทั้งหมดถูกแช่แข็งด้วยไอซ์เอดจ์ ยูจิตรงหน้าเองก็ถูกแช่แข็งไปด้วย ผมยื่นมือออกไปทางยูจิ และร่ายเวทย์บทต่อไป

“[เฟรมบาสเตอร์]”

ยูจิกะเทาะเปลือกน้ำแข็งออกมาด้วยหักล้างของอลัน จากนั้นก็ใช้อลันจับเฟรมบาสเตอร์เหวี่ยงขึ้นฟ้าอย่างง่ายดาย ก่อนที่จะใช้ขากระแทกพื้นหนึ่งที

“[โนว่าแม็กม่า]”

เวทมนตร์เพลิงขั้นบรรลุ ตระกูลโนว่า แล้วก็ลักษณะพิเศษแม็กม่า—น้ำแข็งระเหยจนหมดเพียงการกระแทกพื้นหนึ่งทีของยูจิ ไอของร้อยพุ่งเข้ามาแผดเผาร่างของผมจนเละและต้องใช้วิหคอมตะปกคลุมร่าง

ยูจิในตอนนี้สามารถแก้ทางทุกอย่างที่ผมใช้ได้โดยที่ไม่ได้รับบาดแผลอะไรเลย

เวลาสั้นๆเก่งได้ขนาดนี้เลยเหรอ? บ้าบอจริงๆ ทีตอนอยู่กับผมไม่เห็นจะแผลงฤทธิ์ได้ขนาดนี้เลยแท้ๆ ใช่ไอนั่นรึเปล่านะ ตามวิดิโอเกมน่ะที่บอสจะโหดโคตรๆแต่พอปลดล็อคมาเป็นพวกเดียวกันแล้วดันไม่ได้เก่งเหมือนที่เคยเจอ

น่าตลกจริงๆ

ยูจิยื่นมือมาข้างหน้าอีกครั้ง มานามารวมตัวกันจำนวนมหาศาล–สายลมกรรโชกพุ่งออกจากฝ่ามือของยูจิ ผมสวนกลับด้วยเปลวเพลิงจำนวนมหาศาลที่ปล่อยออกมาโดยไร้ซึ่งหลักการณ์ใดๆ เน้นจำนวนเข้าว่าอย่างเดียว เหมือนกับลมกระโชกของยูจิ

ประหนึ่งว่าเป็นการประชันพลังกัน สายลมและเปลวเพลิงพุ่งเข้าใส่กัน—ตื้ออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! 

ผมปล่อยเพลิงออกมาอย่างบ้าคลั่ง ยูจิใช้เวทมนตร์โดยที่ไม่ได้แม้แต่รู้สึกระแคะระคายผิวตัวเลย เพราะมานาจำนวนมหาศาลในร่างกาย

ทั้งผมและยูจิใช้งานวิญญาณระดับเทพออกมาพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ตั้งใจจะตัดมิติให้ยูจิพลาดท่าและโดนเปลวเพลิงอัดเข้าให้ ทว่ายูจิเองก็ตั้งใจจะทำอย่างเดียวกัน ตัดมิติและหักล้างพุ่งเข้าใส่กันและเกิดการสลายตัวของมานาขึ้น เกิดเป็นเสียงดังสนั่นทั่วทั้งแม่น้ำ

“ย๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!!!!!!”

“ฮึย!!!!”

สายฟ้าพุ่งผ่านสายลมและเปลวเพลิง–ตรงดิ่งใส่ครึ่งหน้าไปถึงลำตัวของผม

“อะ! อ๊ากกกกกกกก!!!!!!”

ผมลงไปนอนกับพื้นในสภาพที่ดูไม่ได้ ใบหน้าครึ่งฉีกถูกเผาด้วยสายฟ้าจนเละ ลำตัวเองก็เละจนเห็นเป็นเนื้อติดกระดูก

“อึก …วิหคอมตะ!!!”

เปลวเพลิงสีทองคลุมร่างกายของผมอีกครา ความเสียหายทั้งหมดรวมถึงมานาที่เสียไปได้กลับคืนมาภายในอึดใจเดียว ทว่าจังหวะนั้นสายลมกระโชกก็พุ่งอัดใส่ร่างของผม

ทั่วทั้งร่างแหลกทันทีที่ถูกสายลมนี่เข้าโทมใส่ ถึงกระนั้นวิหคอมตะก็โอบอุ้มร่างของผมเอาไว้ทำให้ผมยืนหยัดไปได้ ผมรวบรวมมานาที่ฝ่ามือและทำลายทิ้งด้วยเปลวเพลิง

ตู้ม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

สายลมทั้งหมดถูกทำลาย ร่างกายของผมที่เต็มไปด้วยบาดแผลจากเพลิงของตัวเองได้รับการเยียวยาโดยวิหคอมตะ แน่นอนยูจิเองก็ไม่ปล่อยให้ผมได้พัก เจ้าตัววิ่งเข้าใส่ผมและเริ่มออกหมัด

ซ้าย ขวา ผมหลบสองหมัด ก่อนจะสวนหนึ่งหมัดเข้าที่ปลายคางของยูจิ

ตึ้ง!!! เสียงกระแทกเสียงดังฟังชัด ร่างของยูจิถึงกับลงไปนั่งทรุดลงกับพื้น

ผมพุ่งตัวจับหัวของยูจิกดลงพื้น ก่อนจะอัดเปลวเพลิงเข้าใส่อย่างสุดแรงเกิด

ตู้ม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ร่างของยูจิจมลงไปในน้ำ ทว่าจังเดียวกันแขนของผมที่ใช้กดหัวยูจิก็ถูกดึง ยูจิพุ่งออกมาจากน้ำด้วยแรงดึงนั่น–แขนของผมขาดทันทีที่ถูกดึง ยูจิพุ่งตัวมา และเอาหัวกระแทกเข้าที่หัวของผม

จู่ๆภาพก็ดับ และกลับมาใหม่ด้วยวิหคอมตะ

ผมเดินเสไปมา ยูจิเห็นอย่างนั้นจึงวิ่งเข้าใส่และออกหมัดใส่อีกครา 

“ฝันไปเถอะ!”

หน้าของยูจิยุบด้วยหมัดของผม จากแต่เดิมที่มีรอยไหม้จากเพลิงอยู่แล้ว หมอนั่นเสไปทางขวา ผมเตะอัดเข้าที่ลำตัว ยูจิกันไว้ด้วยศอก กระดูกของผมหักเอาง่ายๆ

แต่ผมมีวิหคอมตะอยู่

เปลวเพลิงสีทองปกคลุมทั่วทั้งร่าง ตัวผมที่ร่างเต็มไปด้วยเพลิงอมตะพุ่งเข้าใส่ยูจิด้วยสเต็ปเท้าอันแสนคุ้นเคย ยูจิที่พยายามจะทำตามก็โดนหมัดแย็ปอัดเข้าหน้าทันทีสามจังหวะ ดวงตาของยูจิลอยขึ้นฟ้าและกลับมาในพริบตาเดียว ยูจิสวนกลับ ผมเค้าเตอร์กลับจนยูจิหน้าหงาย

ยูจิตั้งสติกลับมาอีกครั้ง พุ่งเข้าใส่อย่างบ้าคลั่ง ผมอัดศอกใส่หน้ายูจิ แต่ก็ไม่สามารถหยุดยูจิที่มีร่างกายเหนือมนุษย์ได้ หมอนั่นโหมเข้าโจมตีผม แต่ทุกการโจมตีก็ส่งมาไม่ถึง 1 2 3 4 5 คือจำนวนครั้งที่ยูจิออกหมัดและพลาดเป้า ก่อนจะโดนผมสวนกลับจนสติหลุดไปแวบหนึ่งทุกๆครั้ง

แม้พลังกายจะต่างกัน แต่ร่างกายคนเราก็มีจุดอ่อนอยู่ แค่เล่นงานให้ตรงจุดแบบสุดแรง แม้แต่ยูจิคนนั้นก็ไม่ไหว

หมอนั่นคงคิดอยากจะเอาชนะผมด้วยสิ่งที่ผมถนัดที่สุดเลยเข้าสู้ต่อ ถึงตรงนี้ผมก็ได้มุมเตะเข้าที่ปลายคาง ร่างของยูจิลงไปทรุดกับพื้น เลือดไหลออกจากใบหน้าที่มีแผลไหม้เต็มไปหมด น้ำลายไหลออกจากปากของยูจิอย่างไม่น่าดู ขาของยูจิถึงกับสั่นจากการแลกหมัด

“ยังเร็วไปที่จะมาแลกหมัดกับฉันนะ ยูจิ”

นอกจากเวทย์เพลิงก็วิชาหมัดนั่นแหละนะที่ผมยังเหนือกว่า

ยูจิเช็ดน้ำลายตัวเอง ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง รักษาบาดแผลทั้งหมดด้วยหักล้าง ใบหน้าที่ไหม้ไปครึ่งหนึ่งกลับมาดูดีเหมือนเดิม

“มาเอาดีท้างด้านศิลปะป้องกันตัวไม่ดีกว่าเหรอครับ คุณเรเซอร์”

“โครงสร้างร่างกายมันไม่ได้น่ะนะ นี่ขนาดใส่บัพทั้งหมดที่มีให้ตัวเองแล้วยังได้แค่นี้เลย”

ถ้าต้องสู้กับกลอเลียสที่เด่นด้านศิลปะป้องกันตัวเหมือนกัน ผมไม่มีทางชนะหรอก ต่อให้ทักษะจะดีกว่ายังไง เพราะการเอาดีทางด้านนี้ได้นั้นจำเป็นต้องมีร่างกายที่ดีพอ อย่างผมถ้าต้องใช้แค่หมัดดวลกับยูจิที่อัดเวทมนตร์และวิชาอื่นๆเต็มที่คงได้กลายเป็นปุ๋ยเอาง่ายๆ

น่าเสียดายที่ต้องทิ้งสิ่งที่ตัวเองถนัดสุดไป แน่นอนว่าบางเวลาก็ได้ใช้มันอยู่แล้ว

“ทางนายก็เถอะ คิดยังไงถึงได้มาดวลหมัดกับฉันกันล่ะ? จู่ๆก็อยากจะกดฉันให้จมดินด้วยสิ่งที่ทางนี้ถนัดรึ?”

“….”

“ทำไปทำไม? ฆ่าทิ้งเอาไม่ง่ายกว่ารึไง?”

อย่างยูจิตอนนี้

“นายมีพลังมากพอจะฆ่าฉันได้ อาจลำบากหน่อย แต่ถ้าใส่เต็ม ตัวฉันเปล่าๆที่มียูนาคอยช่วยอยู่ก็ไม่ไหวอยู่ดี ยังไม่ได้ใช้เลยไม่ใช่หรือไง อำนาจของเทพน่ะ แล้วพวกวิชาอื่นๆที่ใช้ได้เองก็ไม่คิดจะใช้เลย พวกเวทมนตร์ก็ใช้เหมือนตั้งใจจะออมมือให้ทางนี้มากกว่าด้วย”

ทำเอานึกถึงตอนที่เคยสู้กับเอเธอร์เมื่อนานมาแล้วเลย

“เอาแต่สู้แบบนี้ อย่าว่าแต่ฆ่าเลย แค่ชนะยังไม่ได้ด้วยซ้ำ ทางนี้มีวิหคอมตะอยู่นะ สิ่งพิเศษที่ทำให้ฉันเข้าสู่เขตุแดนของความเป็นอมตะ พลังการรักษาเหนือยิ่งกว่ามหามังกร เหนือยิ่งกว่าสิ่งมีชีวิตทุกอย่างบนโลกใบนี้ ฉันในตอนนี้คือผู้พิเศษที่ฆ่าได้ยากที่สุดบนโลก วิธีที่ใช้ต่อสู้อยู่ตอนนี้ของนายน่ะ–ใช้ฆ่าฉันไม่ได้หรอกนะ ยูจิ” ผมแสยะยิ้ม “น่าจะรู้อยู่แล้วไม่ใช่รึ?”

ก็จริงที่ผมตัวเปล่าๆอ่อนแอกว่ายูจิ แต่ยูจิก็ไม่มีทางฆ่าผมได้ง่ายๆหรอก ต่อให้แข็งแกร่งกว่า มีแต่ต้องทุ่มสุดตัว ทำทุกอย่างให้เร็วที่สุดในการกำจัดผม

กระนั้นยูจิกลับไม่ทำ เอาแต่สู้ไปเรื่อยๆเหมือนวอร์มมืออย่างไรอย่างนั้น

ทำไปทำไม แม้จะเอ่ยถามเช่นนั้นออกไป แต่ผมก็รู้ดี บางทีอาจรู้ดีกว่าตัวยูจิเองด้วยซ้ำ ถามว่าทำไมน่ะเหรอ มันก็เพราะ ..

….

….

“สุดท้ายก็ไม่กล้าฆ่าสินะ”

“ยอมแพ้เถอะครับ”

“ไม่”

“..จะฆ่านะครับ จะตายเอานะครับ จะเอาจริงแล้วนะครับ”

ถ้าเอาจริง? อาจจะลำบากหน่อย แต่ผมน่าจะตายคามือยูจิได้แน่นอน แต่ว่าเหตุการณ์นั้นคงไม่มีทางมาถึงแล้ว

“เชิญเลย”

“…”

“รู้อยู่แล้วละว่ายังไงก็ไม่กล้าทำ การต่อสู้เมื่อครู่นี้บอกทุกอย่างฉันหมดแล้ว”

ผมชี้นิ้วโป้งเข้าใส่ตัวเอง และโพล่งออกมาด้วยรอยยิ้ม

“เพราะอย่างนั้นฉันเลยเป็นผู้ชนะยังไงละ”

เปลวเพลิง–สีฟ้าพุ่งผ่านอากาศไป มันทะลุผ่านร่างของยูจิไปอย่างง่ายดายด้วยความเร็วที่เหนือยิ่งกว่าสายฟ้า ..ยูจิยืนนิ่งอยู่พักหนึ่งก่อนจะล้มลงกับผิวน้ำ ดวงตาของยูจิจับจ้องมาที่ผมก่อนที่เปลือกตาจะค่อยๆปิดลง

ผมยืนมองร่างของยูจิด้วยแววตาที่ว่างเปล่า ..

 

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!
Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! << 0 >> รู้สึกว่าโลกเราช่วงนี้จะฮิตต่างโลกกันสินะ? ถ้าจำไม่ผิดนวนิยายประเภทไลทโนเวลของญี่ปุ่นในยุค 2020 จะฮิตกันเอาเรื่องเลย ขนาดผมก็เคยอ่าน หรือเคยดูอนิเมที่ดัดแปลงจากนิยายมาอีกทีไม่น้อยเลย ใช่ มันค่อนข้างสนุกเลย อาจจะเป็นเพราะมันช่วยสนองนีทให้ผมก็ได้ เพราะปกติผมมักจะเป็นผู้แพ้เป็นประจำทั้งๆที่พยายามากแล้ว พอได้เห็นคนๆหนึ่งประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม ซึ่งนั่นก็คือพระเอกมันก็ชวนให้รู้สึกภาคภูมิใจในตัวเขาด้วย พร้อมไปกับสาวๆในฮาเร็มของแกด้วยอะนะ แต่ด้วยความที่เป็นตลาดที่ใหญ่ ทำให้มีหลายความเห็นตามไปด้วย หลายครั้งที่นิยายแนวนี้จะถูกวิจารย์ในเชิงไม่ดี อาทิเช่น ส้ำซากจำเจ เดาทางง่าย ตัวละครผู้หญิงง่าย ทุกอย่างง่ายไปหมด บางเม้นต์ก็ร้ายแรงขนาดบอกว่า ‘นี่ไม่ใช่นิยายแต่เป็นสินค้า’ อืม ถ้าในมุมผมก็ไม่ได้รังเกียจอะไรหรอก ออกไปในทางชอบด้วยซ้ำ แต่ขอติหน่อยเถอะ ตัวร้ายส่วนใหญ่ในเรื่องแนวนี้โคตรจะไม่น่าให้อภัย คนอะไรมันจะเลวได้ขนาดนั้น เลวถึงแก่นแท้เลยพวกตัวร้ายในนิยายต่างโลกเนี่ย ไม่น่าให้อภัยที่สุด โง่ก็โง่ กระจอกก็กระจอกชิบหายเลย ไร้ความคิดความอ่าน กลับตัวก็ไม่เป็น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset