< < 148 > >
บนท้องฟ้ายามค่ำคืน ยูจินอนอยู่บนหลังของเทียนหลง เขานอนและส่งสายตาไปยังเส้นขอบฟ้าที่ไร้ซึ่งจุดสิ้นสุด เสมือนว่ากำลังมองดูชีวิตของตัวเองอยู่
“..”
‘สับสนนั้นเหรอ?’
อีกตัวตน ไม่สิ ตัวตนที่แท้จริง ‘ออร่า’ พึมพำขึ้นข้างๆตัวของยูจิ ยูจิชำเลืองมองออร่าและตอบกลับ
“ครับ ผมไม่สามารถฆ่าคนๆนั้นได้จริงๆ”
‘นั้นเหรอ ถ้านั้นก็ช่วยไม่ได้ ..เรื่องลงมือฆ่าเรเซอร์ ดราแคล์ ไว้ถึงเวลาให้ทางนี้จัดการเอง’
“…”
ยูจิเงียบไปขณะหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าตอบกลับ
****
อย่างที่คิดไว้เลย อานิม่าเป็นตัวอันตรายขั้นสุด หลังจากนั้นสักพัก ผมกับหนิงก็ทะเลาะกันยกใหญ่ เนื่องจากว่าอานิม่าจู่ๆก็แปลงร่างเป็นหนิงในความคิดของผม และก็ ..อืม ..นั่นแหละ ไปๆมาๆก็ทะเลาะเถียงกันยกใหญ่ แต่ก็แค่การทะเลาะแบบเด็กๆน่ะนะ
พอด่ากันเสร็จหนิงก็นอนหลับปุ๋ยไปเลย ส่วนผมนั้น ..เครียดกับหลายๆเรื่อง จนนอนไม่หลับ
บอกก่อนว่าไม่ใช่เรื่องที่ทะเลาะกันหรอกนะ แต่เป็นเรื่องอื่นมากกว่า
ตามที่เดาเอาไว้ โลกใบนี้ถูกเริ่มต้นใหม่มาแล้วหลายต่อหลายครั้ง โดยน้ำมือของยูจิ ด้วยเหตุผลที่ว่าตอนจบนั้นมีแต่ความเลวร้ายเต็มไปหมด ยูจิตอนนี้ก็กำลังทุกข์ทรมานกับความทรงจำนับล้านครั้งที่ตัวเองได้รับมา รวมถึงความรู้สึกที่ต้องการจะรับผิดชอบกับความผิดพลาดของตัวเองทั้งหมด ส่งผลให้ยูจิ-กลายเป็นอย่างที่เห็นตอนนี้
นอกจากเรื่องของยูจิแล้วก็มี ..เรื่องของเวฟที่ผมลงมือฆ่าไป ความรู้สึกผิดมันยังแล่นอยู่ในใจของผมจนถึงตอนนี้ และได้แต่คาดหวังว่าอานิม่าจะหันมาเกลียดและด่าทอผมยกใหญ่
ถ้าหากหล่อนทำอย่างนั้น ผมอาจจะรู้สึกว่าตัวเองได้รับโทษแล้วก็แล้วไปก็เป็นได้ แต่ก็อย่างที่เห็น เธอไม่มีทีท่าว่าไม่ชอบหน้าผมเลย ให้บอก เธอดูจะกลัวผมมากกว่า แต่ก็เฉพาะในร่างจริงนะ ถ้าเป็นร่างของคนอื่นดูเป็นคนพูดมากพิลึก
“นี่แหละนะ การเจอกันครั้งแรกของฉันแล้วก็เวฟน่ะค่ะ”
ตอนนี้ อานิม่าอยู่ในร่างของ ‘โซล่า เลนน่อน’ ไม่รู้ว่าจงใจรึเปล่า แต่เลือกแปลงร่างได้แย่บัดซบเลย
อานิม่าในร่างโซล่าเล่าเรื่องการพบกันครั้งแรกของเธอกับเวฟในมุมของตัวเองให้ฟัง ผมไม่ได้อยากฟังเท่าไหร่ ..แต่ก็พยักหน้ารับฟังไปทั้งอย่างนั้นนั่นแหละ
ไม่นาน อานิม่าก็จับสังเกตุได้ถึงท่าทีของผม เลยเงียบไป
“ไม่อยากฟังขนาดนั้นเลยเหรอคะ?”
“..ให้ฟังเรื่องของคนที่ตัวเองฆ่าไปเนี่ย ออกจะอัมหิตไปหน่อยนะ”
ผมไม่ใช่เรเซอร์ผู้ชั่วร้ายคนนั้นด้วยสิ ให้ทนฟังอะไรแบบนี้มันไม่ดีต่อสุขภาพจิตใจเท่าไหร่
“ดีแล้วนี่”
“ดีแล้ว?”
“เห็นคุณเรเซอร์รู้ทรมาน ฉันก็ดีใจมากเลยค่ะ”
วิธีพูดที่เหมือนกับโซล่า หน้าตา รูปลักษณ์ภายนอกทั้งหมด เหมือนโซล่า จะมีก็แค่รอยยิ้มนี่แหละที่ไร้ซึ่งความจริงใจต่างกับโซล่า
เสแสร้ง?
“ช่วยทรมานมากกว่านี้ด้วยนะคะ”
“อย่าบอกนะว่าที่เลือกร่างนี้เป็นเพราะ ..”
“ค่ะ คนๆนี้ที่ฉันแปลงร่างอยู่คือตราบาปของคุณเรเซอร์ไม่ใช่หรือคะ? เป็นความผิดพลาด เป็นสิ่งที่คุณไม่อาจคว้าไว้ได้ ต้องมานั่งคุยกับคนๆนี้ไปโดยพลางฟังเรื่องของเด็กที่ตัวเองฆ่าอย่างโหดร้ายไปด้วย ..ในฐานะมนุษย์ย่อมไม่ชอบใช่มั้ยละคะ?”
…
“ฉันเกลียดคุณค่ะ”
โซล่าที่มักจะบอกชอบผมเสมอๆ กลับบอกว่าเกลียดผม แน่นอนว่าหล่อนคือของปลอม แต่มันเหมือนภาพหลอนที่น่ากลัวอย่างไรไม่รู้
ใจดี เป็นมิตรอะไรกัน หล่อนเกลียดผมจริงๆด้วย ก็ แหงอยู่แล้วแหละนะ คิดว่าตัวเองทำอะไรลงไปกัน จะไม่ให้โดนรังเกียจได้ยังไง บนโลกนี้ไม่มีหรอก คนที่ใจดียิ้มแย้มให้กับคนที่พรากสิ่งสำคัญไปจากตัวเอง
แต่ว่า ..โดนว่าแบบนี้ ทำเอาโล่งอกขึ้นเยอะเลย
หรือว่าผมจะเป็น M กัน? ไม่หรอกมั้ง
“พอใจหรือยังคะ? โดนด่า โดนว่าตามที่ต้องการแล้ว”
ได้ยินอานิม่าพูดอย่างนั้น ผมก็ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆตอบ
“ถ้ำมองไม่ดีนะครับ ท่านเทพ”
“ช่วยไม่ได้นี่ค่ะ ถึงไม่อยาก แต่ฉันก็สามารถเข้าใจจิตวิญญาณของทุกคนได้ ..เพราะอย่างนั้น ฉันเลยเกลียดใครไม่เป็นหรอกค่ะ แม้แต่คุณเรเซอร์ที่พรากสิ่งสำคัญของฉันไป ฉันก็ไม่อาจเกลียดขี้หน้าได้ ที่พูดมาก็เพื่อให้คุณเรเซอร์สบายใจขึ้นก็เท่านั้น”
ความสามารถที่ทำความเข้าใจกับทุกคนได้ ต่อให้คนๆนั้นจะเลวยังไง แต่ก็คงมีด้านที่ดี มีเบื้องลึกเบื้องหลังในตัวเองอยู่ ถ้าสามารถเข้าใจอีกฝ่ายได้เพียงแค่ชายตามอง ต่อให้ไม่ได้ชอบ ก็ไม่มีทางเกลียดหรอก
เพราะสิ่งที่ทำให้มนุษย์ยกโทษกันได้ก็คือความเข้าใจกันเองนั่นแหละนะ
สรุปคืออานิม่าไม่ได้เกลียดผม แต่ต่อว่าเพื่อความสบายใจของผมเอง
“ฉันพูดกับคุณในร่างของ โซล่า เลนน่อน ที่คุณไม่อาจปกป้องได้ แล้วก็เล่าเรื่องของเวฟที่คุณพรากไปจากฉันให้ฟัง คิดว่านี่เป็นบทลงโทษที่คุณตามหาก็ได้นะคะ คุณเรเซอร์”
เป็นบทลงโทษที่เจ็บใช่เล่นเลย
“เข้าใจแล้วละ”
อานิม่าเห็นว่าผ่อนคลายลงแล้วก็ยิ้มอย่างพึงพอใจในร่างของโซล่า
เทพแห่งจิตวิญญาณก่อนที่จะแปดเปื้อนจากความชั่วร้ายของโลก เธอเป็นคนที่อ่อนโยนยิ่งกว่าใครๆ เพราะสามารถเข้าใจความรู้สึกของทุกคนได้
ทำเอาผมเริ่มสงสัยขึ้นมาเลย ว่า—ทวยเทพที่จอมมารสังหารทิ้งนั้น ความผิดของพวกเขาคืออะไรกันแน่ เพื่ออิสระภาพ? แล้วทวยเทพไปเกี่ยวอะไรกับอิสภาพกัน กฏของโลก? เพื่ออิสรภาพที่ว่า จำเป็นถึงกับต้องทำลายกฏของโลกอย่างเทพทิ้งเลยหรือ
ด้วยความสงสัยผมจึงเอ่ยถามออกไปตรงๆ ..อานิม่าเมื่อได้ฟังคำถามนี้ เธอก็เงียบไปสักพัก ก่อนจะเล่าเรื่องราวของโลกใบนี้ให้ฟัง จุดเริ่มต้นของทุกอย่าง จุดเริ่มต้นที่ไกลยิ่งกว่าทวยเทพทั้งสิบ
จุดเริ่มต้นแห่งโลก EG4YAup2hySgcimq8MkLuB6e34rNB2SF9h94LL1ryzzq …รวมถึง เรื่องราวแห่งจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง เรื่องราวที่แท้จริงของ ‘จอมมาร’ หรืออีกชื่อก็คือ ‘โซโลม่อน’ ‘ดิลุค’ บุตรที่แท้จริงแห่งพระเจ้าผู้ฝ่าฝืนกฏแห่งโลก และหันดาบเข้าใส่พระเจ้าสูงสุด