< < 168> >
บริเวณทุ่งล้างที่ห่างจากจุดศูนย์กลางโลกไม่มาก แต่เดิมพื้นที่แห่งนี้รายล้อมไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม ทว่า ตอนนี้กลับถูกย้อมด้วยเปลวเพลิงทำลายล้าง
สองมังกรในตำนานได้เข้าต่อสู้กัน และก่อให้เกิดสภาพดังที่เห็น
“เมื่อไหร่จะตายสักทีกันย่ะ!!!”
หนิงในร่างมังกรแหกปากโวยวาย และใช้หางฟาดหน้าของมังกรสวรรค์
“คึก!”
ร่างมังกรสวรรค์ยักษ์ล้มกองกับพื้น มันพยายามจะลุกขึ้นมาอีกครั้งแต่ก็ถูกกระทืบด้วยเท้า ใบหน้าถูกเท้าของมังกรเพลิงถีบเอาไว้
กรรรรรรรรรรรรรร!!!!!!!!!
เปลวเพลิงพุ่งอัดใส่ร่างของมังกรสวรรค์
“อ๊ากกกกก!!!!!!”
“ตายๆไปซะ นังแมวขโมย!–”
แสงพุ่งอัดใส่ร่างของมังกรเพลิง ร่างนั้นปลิวไปกับแสงขนาดยักษ์ และล้มลงกับพื้น มังกรสวรรค์จึงลุกขึ้นมาตั้งหลักได้ ก่อนที่เธอจะเอียงคอกลับมามองข้างหลัง
“ท่านยูจิ!!”
ยูจิเดินผ่านทุ่งร้างมาโดยไม่ได้รับผลกระทบใดๆจากไอร้อน
“เสร็จสิ้นภารกิจแล้ว เทียนหลง กลับมาได้แล้ว”
“..เดี่ยวสิ”
หนิงลุกขึ้นมาอีกครั้ง แต่คราวนี้เธอได้ทำการสลายร่างมังกรของตัวเอง และกลับไปเป็นร่างมนุษย์ที่เปลือยเปล่า แต่เธอในเวลานี้ไร้ซึ่งความเขินอาย เทียนหลงเห็นก็รีบกลับคืนร่างเดิมพร้อมกับชุดที่ไม่ได้สลายไปด้วย
“มีเรื่องอยากคุยด้วย”
“ผมไม่มี”
“แต่ฉันมี”
หนิงจ้องดวงตาของยูจิด้วยแววตาที่จริงจัง ช่างต่างกับทุกๆทีที่พบเห็นได้จากเธอคนนี้ ..ที่แห่งนี้ปราศจากลมเย็น ที่แห้งแล้งแห่งนี้มีเพียงแค่ลมร้อน
“ยังไงก็คงไม่พ้นขอให้เชื่อ ขอให้ผมกลับไปร่วมมือกับคุณเรเซอร์อยู่แล้วนี่ครับ”
“ก็จริงอย่างที่ว่านะ แต่ไม่ใช่แค่นั้นหรอก ..ที่อยากจะพูดคุยด้วยมีมากกว่านี้” หนิงกัดริมฝีปากตัวเอง และโพล่งขึ้น “มากกว่าที่ฉันหรือว่ายูจิคิดได้ซะอีก เรื่องที่อยากคุยด้วยน่ะ มันมากมายขนาดนั้นเลย”
ไม่อยากจะปล่อยคนๆนี้ไปอีกแล้ว อยากจะอยู่ด้วยตลอดไป อยากจะยืนเคียงข้าง อยากจะปลอบใจ อยากจะ–มากมาย สิ่งที่หนิงอยากจะมอบให้ยูจินั้นมีอยู่มากมาย เพราะว่าเธอรักชายคนนี้ เธอถึงอยากจะมอบทุกสิ่งที่มอบให้ได้
แต่เดิม ยูจิไม่มีทางเข้าใจความรู้สึกที่ซับซ้อนของหนิงได้ แต่ว่า ..ความทรงจำนับล้านที่เคยผ่านมา ทำให้รับรู้ได้ เรื่องที่เธอพยายามเอาเป็นเอาตายเพื่อบางอย่าง เรื่องที่อยากจะพูดคุยด้วยเองก็ด้วย ทำไมถึงรู้ได้น่ะเหรอ ..ก็เพราะว่ายูจิเคยผ่านทั้งหมดมาแล้วยังไงละ
ยูจิถอนหายใจเฮือกโต เขาหยิบผ้าคลุมสีน้ำตาลออกมาจากกระเป๋าเวทมนตร์ จากนั้นก็เดินเข้าไปใกล้หนิงและโอบร่างเปลือยเปล่าหนิงด้วยผ้าคลุม ไออุ่นจากแขนที่กระทบไหล่ ทำให้หนิงแก้มแดงขึ้นมา ราวกับพึ่งนึกได้ว่าตัวเองกำลังเปลือยกายต่อหน้าคนที่ชอบ-ยูจิจัดผ้าคลุมสีน้ำตาลให้เข้าที่ ก่อนจะจ้องหนิงในระดับสายตาเดียวกัน
ใบหน้าที่อ่อนโยนกลับมาอีกครั้ง ทว่าก็ได้เลือนหายไปในพริบตาเดียว
“เกินเยียวยา พูดได้แค่นี้ครับ”
ยูจิผละตัวออกจากหนิง และหันหลังให้ หนิงไม่ได้พยายามจะคว้าไหล่เอาไว้ เธอทำเพียงแค่มองแผ่นหลังของคนรักที่กำลังจะหายไปอีกครั้ง
“ถ้าไม่รีบไปช่วย เรย์ แล้วก็คนแปลกหน้าสองคน จะแย่เอานะครับ”
“รู้อยู่แล้วละ ถึงได้ไม่ตามยูจิไปด้วยไง”
ถึงใจจะอยากตามติดยูจิไปด้วยจนกว่าจะตื้อสำเร็จ แต่ก็คงทำใจทิ้งเรย์ให้ตายไม่ได้ อีกสองคนที่ว่าใครไม่รู้ แต่ถ้าปล่อยให้ตายโดยที่ช่วยได้ก็คงรู้สึกแย่อีก จึงช่วยไม่ได้ แม้จะเสียดายมากๆก็ตาม
หนิงอมยิ้มเล็กน้อย เธอก้มหน้าลงเล็กน้อย โอบกอดผ้าคลุมของยูจิเอาไว้
“ยังไงก็ขอบคุณสำหรับผ้าคลุมนะ” หนิงเงยหน้ากลับมาอีกครั้ง และพบว่า .. “หายไปอีกแล้ว”
****
“..ไม่ไหว ..สติมัน..”
เรย์นอนกองกับพื้น ทั่วทั้งตัวเปื้อนไปด้วยเลือดของตัวเอง สภาพร่างกายบาดเจ็บสาหัสชนิดที่ว่าตามสามัญสำนึกไม่น่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้แล้ว หรือต่อให้รอด ก็คงจบที่พิการขั้นรุนแรง
“..ไม่น–”
“รีบตายไปแล้วไอ้เบื้อก”
เปลวเพลิงพุ่งเข้าใส่ร่างของเรย์ หนิงได้ทำการรักษาบาดแผลถึงตายทั้งหมดตามร่างกายให้ เธอเดินมาโดยที่ใช้มืออีกข้างจับผ้าคลุมสีน้ำตาลไว้ไม่ให้ปลิวไปไหน ไม่นั้นจะโป๋เอา ถึงจะไม่คิดมากถ้าเรย์เห็น หรือใครเห็น แต่ก็คิดมากในฐานะผู้หญิงหลงตัวเองที่ชอบคิดว่าถ้าให้คนอื่นเห็นตัวเองตอนโป๋ ‘ว่าที่’ คนรักในจินตนาการหล่อนจะน่าสงสารแย่
“..รอดไปสินะ”
“ยินดีด้วย อย่าลืมกราบไหว้ฉันทีหลังด้วยละกัน”
หนิงเดินผ่านเรย์ ตรงไปที่คนบาดเจ็บปริศนาอีกสองคน เรย์เห็นจึงรีบลุกขึ้น และเดินตามมาด้วย
****
“บันไดสวรรค์ แล้วก็–โซ่สวรรค์ สมบัติสวรรค์สองชิ้นจากทั้งหมดห้าชิ้น”
….
ยูจิยืนอยู่ในห้องสีขาว ตรงหน้าของเขามีตัวเขาเองที่มีดวงตาสีทองยืนอยู่ ‘ออโรโบรอส’ หรือ ‘ออร่า’ เทพแห่งวัฐจักร
“ต่อไป?”
“โชคชะตาจะนำพาไปเอง”
“หมายความว่ายังไงกันครับ”
“ตามอย่างที่พูดไปเลย ทุกอย่างจะเป็นไปตามโชคชะตา”
ออโรโบรอสหรี่ตาลงเล็กน้อย
“ที่น่าสงสัยคือทำไมถึงไม่ฆ่า เอโด-เวโด้ ..หนิง หรือว่าคนอื่นๆเองก็ด้วย ทำไมถึงปล่อยพวกนั้นให้รอดไปได้ ทั้งที่พลังที่มีอยู่ตอนนี้มากพอจะกำจัดได้โดยไม่ยากเย็นแท้ๆ”
“ไม่มีเหตุผลที่ต้องฆ่าครับ”
“เหตุผลน่ะมีแน่นอน แล้วสักวันจะได้รับรู้เอง ถึงตอนนั้นก็อย่ามาร้องไห้เสียใจให้เห็นละกัน”
……
โลกสีขาวค่อยๆสลายไป ยูจิลืมตาตื่นสู่โลกแห่งความจริง เขาและเทียนหลงกำลังออกเดินทางสู่สถานที่ต่อไปตามแผนของออโรโบรอส
สุดท้าย ชะตาชีวิตก็ถูกกำหนดไว้โดยออโรโบรอสแล้ว ..ยูจิรู้สึกเศร้าเล็กน้อย แต่ถ้าเพื่อทุกคนเขาก็คงต้องทนต่อไป ถึงตอนนี้ ไม่มีอะไรที่จะทำอะไรยูจิได้อีกแล้ว เพราะยูจิได้ผ่านความทรงจำแห่งการสูญเสียนับล้านมาแล้ว
ยูจิสังเกตุเห็นมือข้างขวาที่สั่นของตัวเอง เขาใช้มือข้างซ้ายกุมมันไว้อยู่พักหนึ่งก่อนจะหายสั่น
“วันนี้มีเรื่องได้ทั้งวันเลยนะครับ”
“…”
ทั้งสองหยุดเดินกระทันหัน ตรงหน้ามีเด็กสาวคนหนึ่งเดินออกจากโคกหินโดยไม่คิดจะปิดบังอะไร
เทพดาบแกนน่อนปรากฏตัวตรงหน้า
“ทางคุณมีธุระอะไรหรือครับ?”
“แค่งานทั่วๆไปที่เกิดจากสัญญาจ้างนับสิบปี”
“แบบนี้นี่เอง คนที่มีอำนาจพอจะจ้างงานคุณได้คือใครกันครับ? เรน? ไม่น่าใช หรือว่าคนใหญ่คนโตจากอาณาจักรมหาอำนาจกันครั–”
ตึง ตึง ตึง ..ท่อนบนของยูจิกลิ้งไปตามพื้น ท่อนล่างค่อยๆล้มลงกับพื้นตาม
ทำไมถึงตอบโต้ไม่ทันกัน? ตัวเราในตอนนี้ไม่ไหว ต้องรีบใช้พลังของเทพดึงศักยภาพทั้งหมดออกมา แต่ว่า–ใช้ไม่ได้ ราวกับถูกขัดขาจากอะไรบางอย่าง ออโรโบรอสหักหลัง? ไม่ใช่ ปฏิกิริยาสิ่งนั้นอยู่ไม่ไกลจากนี้ อยู่บนมือของแกนน่อน
มันคือดาบของเทพดาบที่ไม่ใช่ดาบสั้น แต่เป็น–ดาบไร้ร่าง ไร้สี ไร้เอกลักษณ์ นั่นคือ ‘ดาบที่แท้จริง’ ของแกนน่อน
ความสามารถไม่ทราบ แต่สิ่งนี้ทำให้ยูจิตัดขาดการเชื่อมต่อกับออโรโบรอสได้ชั่วขณะหนึ่ง
เทียนหลงตอบโต้อย่างรวดเร็ว
“ท่านยู—”
หัวหลุดออกจากบ่าเทียนหลง ด้วยดาบที่แท้จริง ร่างของเทียนหลงต่อจากนี้ก็ได้ถูกฟาดฟันจน–หายไปจากโลก จะเหลือก็เพียงเถ้าธุรี
ท่อนบนของยูจิ หัวของยูจิจ้องภาพที่เกิดขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
เพียงแค่เรียกดาบที่แท้จริงออกมา ทั้งสองก็พ่ายแพ้อย่างรวดเร็ว เป็นเรื่องที่ยากจะเชื่อ
แกนน่อนเดินมาหายูจิ และใช้ดาบไร้ร่างแทงเข้าไปที่กลางหัวโดยไม่ลังเล ในห้วงวินาทีสุดท้ายก่อนที่ทุกอย่างจะดับไป—หากว่านี่คือโชคชะตาที่ออโรโบรอสบอกแล้วละก็ ..ก็คงช่วยไม่ได้สินะ?
****
ร่างกายของเด็กหนุ่มถูกเฉือนทั้งหมด 72 ส่วน ทั้ง 72 ส่วนถูดยัดไว้ในกระเป๋าสีดำ แกนน่อนทำการรูดซิปกระเป๋าทันทีที่เสร็จภารกิจ แกนน่อนมองชิ้นส่วนที่ไม่น่ามองทั้ง 72 ที่ถูกคลุมไว้ด้วยกระเป๋า ด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย
เสียงเรียกเข้าจากอุปกรณ์เวทมนตร์สื่อสารระยะไกลดังขึ้น แกนน่อนตัดสินใจรับสายนั้น
“..อืม..เรียบร้อยแล้ว ภารกิจสำเร็จแล้ว จะนำตัวไปให้ แล้วก็มังกรสวรรค์ น่าเสียดาย แต่ถ้าเลือกจับเป็น ทางนี้อาจจะพลาดท่าแล้วตายเอาได้ ช่วยเข้าใจด้วยละกันว่าภารกิจที่ให้มามันอันตราย” แกนน่อนพยักหน้ารับ “แล้วก็ตามข้อตกลงต่อจากนี้ ข้าจะเข้าร่วมฝ่ายเจ้าใน ‘สงคราม’ แน่นอน”
อุปกรณ์เวทมนตร์ได้ถูกตัดสายทันทีเมื่อหมดธุระ ด้วยขีดจำกัดการใช้งาน อุปกรณ์ก็ค่อยๆละลายกลับไปเป็นก้อนมานา อย่างไรก็ตาม การสนทนาเสร็จสิ้นแล้ว เมื่อพูดคุยจบก็ต้องทำงานสกปรกของตัวเองต่อ แกนน่อนยกกระเป๋าสีดำขึ้นมาสะพาย และออกเดิน