เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! – ตอนที่ 268

< < 172 SEC1 > >

ซากศพของชายในชุดนักบวชกว่าสิบคนได้กองไปตามพื้น บ้างก็เป็นนักดาบ บ้างก็เป็นนักเวทย์ ทุกคนถูกฆ่าอย่างเท่าเทียม ท่ามกลางซากศพทั้งใกล้และไกลจากปากซอยตามตรอกในอาณาจักรเนลยอนนั้น—มีคนสองคนกำลังวิ่งไล่ล่ากันด้วยเสียงหัวเราะแสนสุขอยู่

“ไรเดน อาคาสะ มีน้ำยาแค่นี้เองเหรอครับ!!? สภาพไม่เหมือนกับตอนที่ไล่ล่าพวกผมในงานประชุมโลกเลยนะครับ!!”

“–[ดาบประกายแสง]”

“เปล่าประโยชน์!”

ดาบประกายแสงถูกตอบโต้ด้วยวิชาไสยศาสตร์ประหลาดๆ ไรเดน กระเด็นไปด้วยแรงดีดประหลาดๆ แต่เขาก็รับแรงดีดนั้นได้โดยไม่ถึงกับล้ม

วิชาแปลกประหลาดที่ไม่อาจตัดด้วย ‘ดาบมาร’ ได้ กล่าวคือวิชาตรงหน้าคือแขนงวิชาที่ ไรเดน อาคาสะ ไม่เคยรู้เคยเห็นมาก่อน

ดาบมาร ของ ไรเดน อาคาสะ มีความสามารถในการสะบั้นสิ่งที่ตัวเองรู้จัก ตราบใดที่สิ่งที่ตัดมันไม่เกินกว่าภูมิปัญญาของไรเดน เขาก็สามารถสะบั้นทุกสิ่งได้ราวกับตัดใบไม้ กลับกัน ถ้าหากไม่รู้อะไรเลย ดาบเล่มนี้มันก็ไม่อาจตัดสิ่งไรได้เลย และสภาพน่าอัพยศเช่นนั้นก็ปรากฏให้เห็นเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเรน

“อ้าว อ้าว เป็นอะไรไปพ่อยอดนักรบ มีดีแค่นี้เองเหรอ!?”

ถูกหยามเกียรติอย่างรุนแรง การที่นักรบผู้ถูกขนานนามว่าแข็งแกร่งที่สุดไม่อาจทำอะไรคู่ต่อสู้ได้เลยนั้น–ช่างน่าอับอาย ในฐานะนักรบแห่งอาณาจักรเนลยอน

แม้ว่าจะพยายามเล่นงานในจุดที่ได้เปรียบ หรือมุมอับสายตามากแค่ไหน ผลลัพธ์ก็เหมือนเดิม ทุกการโจมตีถูกดีดจนกระเจิงอย่างไม่น่าดู

“ภัยพิบัติของโลก”

ภูมิปัญญาที่เหนือชั้นถึงขนาดสร้างมหามังกรเทียมได้ และยังสามารถใช้สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆที่เป็นอันตรายต่อโลกขึ้นมาได้เรื่อยๆ อาทิเช่น วิชาประหลาดที่กำลังใช้อยู่ตรงหน้านั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่เคยเห็นมาก่อนในหน้าประวัติศาสตร์

ความแข็งแกร่งของเรนไม่ใช่พลัง อาจดูย้อนแย้งไปหน่อยกับเรนที่ทำพลาดหลายอย่าง แต่สิ่งที่ทรงพลังที่สุดคือ ‘ปัญญา’ ในฐานะผู้สร้าง

ไรเดน อาคาสะ เข้าแลกดาบกับเรน เป็นอีกครั้งที่โดนดีดออก และได้รับบาดเจ็บในระดับหนึ่ง ไม่รู้กี่ครั้งแล้วที่ไรเดนจะต้องเอาร่างกายเข้าแลกในการต่อสู้ครั้งนี้ โดยที่ไม่ได้อะไรกลับมาเลย–นอกเสียจากการทดลอง

ทดลองล้านครั้ง เพื่อจังหวะสะบั้นคอเพียงครั้งเดียว นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ ไรเดน อาคาสะ คือนักรบที่แข็งแกร่งที่สุด เขาจงใจเข้าสู้อย่างไม่เท่าเทียม และจบลงด้วยผลลัพธ์กึ่งๆผู้แพ้เสมอ

“โต้กลับโดยอัตโนมัติ ..ไม่จำเป็นต้องมองหรือมีเงื่อนไขใดๆ ..แต่ว่า” ไรเดน อาคาสะ หรี่ตามองขณะที่ปลิวไปชนกับกำแพงตามเมือง “ยังไม่ใช่ตอนนี้”

ดวงตาของ ไรเดน อาคาสะ กำลังเข้ากลืนกินเรนอย่างช้าๆ ..

 

****

การต่อสู้เกิดขึ้นหลายพื้นที่ เพียงแค่ตำรวจหรือทหารเรือพบหน้าผู้ก่อการร้าย พวกเขาก็พร้อมจะพุ่งเข้าไปฆ่าอีกฝ่ายอย่างไม่คิดชีวิต หรือกระทั่งผู้แข็งแกร่งเองก็เลือกจะสู้กันโดยไม่หันหลังหนี แต่ก็มีอยู่คู่หนึ่งที่เลือกจะเดินหาที่ที่ดีต่อการต่อสู้ต่อจากนี้ และพูดคุยกันอย่างเป็นมิตร เสมือนว่าเป็นคนที่สนิทกันมากกว่าศัตรูที่จ้องจะเอาชีวิตอีกฝ่าย

เด็กหนุ่มผู้ถือครองดวงตาเทพแห่งปัญญา และสาวน้อยเผ่าเอลฟ์ผู้ถูกชะตาเล่นตลกให้เป็นมหามังกรเทียม ทั้งสองเดินตามเมืองที่เต็มไปด้วยซากศพ สิ่งก่อสร้าง และอารยธรรมมากมายที่พังทลายลงมา

“ไม่ได้เจอกันนาน ตัวไม่ได้โตขึ้นเลยนะ”

“เพราะร่างกายหยุดเจริญเติบโตตั้งแต่ที่คุณพ่อทำการดัดแปลงร่างกายให้ค่ะ ทำให้หนูแล้วก็พี่สโนว์กับพี่ปีเตอร์จะต้องมีร่างกายแบบนี้ไปตลอด”

นอกจากร่างกายก็คงเป็นเรื่องของจิตใจด้วยที่ยังมีความเป็นเด็กอยู่ตลอด ไม่รู้ว่าเป็นที่ตัวเมอันเอง หรือเป็นผลจากการดัดแปลงร่างกายของเรน

“หลังจากตอนนั้นเป็นยังไงบ้างล่ะ?”

หลังจากตอนนั้นที่ว่า หมายถึงหลังจากเหตุการณ์บนเกาะวาเรอร์ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ทั้งเคียวยะ และเมอันได้เปิดใจคุยกัน และชักชวนให้เมอันยอมทรยศ ถึงแม้ผลลัพธ์จะน่าเจ็บใจที่เมอันเลือกจะฟังเรนมากกว่าตัวเอง แต่เคียวยะก็ไม่ได้ถือโกรธอะไร ..คงจะไม่ใช่อย่างนั้น

ใบหน้าของเคียวยะตึงอย่างยากจะเห็นได้ ปกติชอบขมวดคิ้วอยู่แล้ว แต่คราวนี้หนักเป็นพิเศษ ทำเอาเมอันแอบกลัวหน่อยๆเลย

“..เพราะเชื่อฟังดี คุณพ่อเลยไม่ได้ทำอะไร ..แล้วก็ชมด้วยว่าทำได้ดีมาก”

“ไอบ้านั่นคงดีใจยกใหญ่ที่หักหน้าฉันได้อย่างนั้น”

ดูจากสีหน้าของเมอันแล้วก็อนุมานได้ว่าเคียวยะโดนเรนเยาะเย้ยลับหลังซะยกใหญ่เลย …

“ขอโทษนะคะ”

“สำนึกผิดให้มันจริงละกัน”

“..ค่ะ”

เจอที่ที่ดีแล้ว มันคือที่โล่งขนาดใหญ่ เป็นลางกว้างของเขตุคนมีตังค์ ของตกแต่ง อาทิเช่น น้ำพุ รึ เสาไฟราคาแพงทั้งหมดพังจากการบุกถล่มของผู้ก่อการร้าย

“ที่นี่แหละ”

“ค่ะ”

เมอันมองทิวทัศน์รอบๆด้วยสีหน้าที่ดูหดหู่ เคียวยะไม่รู้นึกอะไรถึงเอามือมาวางไว้บนหัว ทั้งยังทิ้งน้ำหนักเล็กน้อย ทำให้เมอันเสียศูนย์หน่อยๆ

“พี่ชาย?”

“ตั้งสมาธิไว้ เมอัน ต่อจากนี้คือการต่อสู้ของพวกเรา ถ้าเธอไม่เอาจริง หรือไม่พร้อม มันก็ไม่มีความหมาย ที่ฉันต้องการต่อจากนี้ คือชัยชนะที่เด็ดขาด ชัยชนะที่ใช้บอกว่าฉันเหนือกว่าเธอ และอาจเหนือกว่าหลายๆคนอย่างแท้จริง”

คนๆนี้พูดอวดเก่งออกมาโดยไม่มีตะขิดตะขวงใจ กับคนที่แพ้มาตลอด ดันพูดออกมาเช่นนี้มันดูแปลกๆไปหน่อย

“ชัยชนะที่สมบูรณ์แบบ?”

“ใช่ ชัยชนะที่ใช้พิสูจน์ว่าฉันแข็งแกร่งพอแล้ว” เคียวยะกอดอกและพิงกับเสาที่ขาดครึ่ง “ถ้าฉันมีสิ่งนี้ละก็ ..”

….

“เรนน่ะอ่อนแอกว่าแก แกแข็งแกร่งกว่าเรน ถ้าชนะแกได้ก็เท่ากับฉันเหนือกว่าทั้งแกและเรน ถ้าตอนนั้นฉันเก่งกว่าแก ฉันคงจะอุดปากเรน แล้วก็อุดปากแกต่อได้ง่ายๆ แต่น่าเสียดายที่มันไม่ใช่อย่างนั้น ..เพราะอ่อนแอเกินไปใช่มั้ยล่ะ? อ่อนแอถึงขนาดที่เด็กน้องอย่างแกยังไม่กล้าจะมอบความไว้วางใจมาให้ แกคงไม่ปฏิเสธคำชวนของฉันในตอนนั้นสินะ”

“ไม่ใช่นะ ไม่ใช่เลย มันไม่ใช่อย่างนั้น หนูผิดเอง หนูมัน ..ขี้ขลาด”

“ใช่ โคตรจะขี้ขลาดเลย ไม่กล้าที่จะลุกขึ้นสู้เพื่อชีวิตของตัวเอง ปล่อยให้ใครที่ไหนไม่รู้มาย่ำยีจนจิตใจกลายเป็นเพียงหุ่นเชิดโง่ๆตัวหนึ่ง ..กับคนพรรค์นั้นน่ะ ถ้าไม่สามารถทำให้เชื่อใจได้ก็ไม่มีทางช่วยได้ เพราะอย่างนั้นต่อจากนี้ อย่างที่บอกไป”

เคียวยะโค้งตัวเล็กน้อย ทำท่าคล้ายว่าจะทะเลาะวิวาทกับใครสักคน

“จะพิสูจน์ให้เห็นเอง ไอ้เด็กเปรต”

ต่างกับครั้งก่อน เคียวยะไม่ยื่นมือไปให้ แต่จะโค่นเมอันแล้วก็–ยื่นมือไปให้

“..ขอโทษ .. [เมอันคามิ]”

อาภรณ์เทพมังกรประทับสู่ร่างของเด็กสาว—แสงสีขาวและสีดำ ธาตุแสงและความมืดผสมกันเป็นเกลียว และระเบิดออก ความรุนแรงนี้มากพอจะทำให้มนุษย์ทั่วๆไปกลายเป็นเนื้อบดได้เพียงแค่สะกิด

กล่าวคือ จังหวะแรกก็มากพอจะฆ่าเคียวยะแล้ว

ฟู่ว!!!!!!!!!!! ลมกระโชกเป่าเกลียวแสงและความมืดจนหมด

เคียวยะยกมือขึ้นฟ้าพร้อมกับการร่ายเวทมนตร์ที่รวดเร็วพอจะตอบโต้การระเบิดของเมอันได้

“..”

เมอันแปลกใจกับความเปลี่ยนไปนี้

ใช่แล้ว อย่างที่ควรจะเป็น–เคียวยะแข็งแกร่งขึ้น

กระนั้นระดับระหว่าง มหามังกรเทียม กับเด็กหัดเดินได้ก้าวใหญ่ๆอย่างเคียวยะก็ยังมาก มหามังกรเทียมแข็งแกร่งระดับเดียวกับท็อปโลก สามารถรับมือกับ ‘ราชาอัศวินคาลอส’ ได้อย่างสูสี กำแพงความต่างกับตัวตนระดับนี้มันมากโข ประหนึ่ง มด กับ ช้าง

เมอันจับจ้องไปที่เคียวยะ และผุดสีหน้าที่ไม่สู้ดีออกมา เธอไม่อยากจะทำร้ายผู้มีพระคุณอย่างเคียวยะ ไม่อยากเป็นศัตรูกับคนไม่กี่คนที่ใจดีกับเธอบนโลกใบนี้ ..

“เต็มที่เลย—ยังไงฉันก็ไม่มีทางแพ้”

เคียวยะแสยะยิ้ม และพึมพำ “ใช่” เคียวยะปลดกระดุมเสื้อออกหนึ่งเม็ด และยกมืออีกข้างขึ้นฟ้า

“ฉันน่ะมีค่าเกินกว่าจะมาแพ้ของปลอมอย่างแก เพราะอย่างนั้น ..วางใจได้เลย”

แสงสีม่วงพุ่งลงมาจากฟ้า ก้อนเมฆถูกแยกออกด้วยแสงสีม่วง—และเผยให้เห็นก้อนเหล็กสีดำขนาดยักษ์ ซึ่งถูกหิ้วโดยโดรนขนาดเล็ก 

“..นั่นมัน ..อย่าบอกนะว่า” 

เมอันหันกลับมามองเคียวยะ–ก้อนเหล็กสี่เหลี่ยมสีดำพุ่งลงมาจากแสงสีฟ้า มันทับร่างของเคียวยะ จนน่าจะแบนหากเชื่อในสิ่งที่เห็นละก็

“เหมือนกับที่เคยเห็นเมื่อสิบปีก่อน”

ก้อนเหล็กสีดำเกิดแสงสีม่วงขึ้นเป็นขีดๆ ก่อนที่ก้อนเหล็กจะถูกบีบ และโดนบด

1 วิ

จากก้อนเหล็กได้เปลี่ยนเป็น ‘เกราะสีดำ’

“เคยเห็นมาก่อนนั้นเหรอ?” เคียวยะอ้าแขนออก พร้อมกับแสงสีฟ้าตามร่างกายที่ส่องประกายประหนึ่งเป็นตัวแทนของวงจรเวทย์ของมนุษย์ “สิ่งนี้คือ ‘เกราะมนตรา KY HOPE’ ‘ตัวแทนแห่งการพัฒนาที่ไร้จุดสิ้นสุดของมนุษย์’ !!”

ไอความร้อนปะทุขึ้นตามพื้น แรงลมระเบิดออกจากร่างของชุดเกราะสีดำรูปทรงแปลกประหลาด

เกราะมนตรา KY HOPE มีลักษณะที่เรียวบาง แต่ก็ดูแข็งแกร่งด้วยพื้นผิวที่เป็นโลหะสีดำอย่างดี ทั่วทั้งเกราะมีวงจรเวทย์ผุดขึ้นและเลืองแสงสีม่วงอย่างสวยงาม และสิ่งที่เด่นที่สุดของตัวเกราะก็คือแกนกลางของการพัฒนาที่ไร้ซึ่งจุดสิ้นสุดตรงหน้าอก มันคือต้นกำเนิดของชุดเกราะ และเป็นสิ่งพิเศษเพียงหนึ่งเดียวบนโลก

เคียวยะในเกราะมนตรา KY HOPE จ้องไปที่เมอัน

“ไม่สามารถคาดเดาขอบเขตุของพลังได้”

โดยปกติ การปะทะกันบนโลกใบนี้ จะเริ่มจากการวิเคราะห์อีกฝ่ายด้วยทักษะมากมายของตัวเอง แต่ภายใต้ชุดเกราะโลหะทมิฬนี้ ตัวตนที่แท้จริงของเคียวยะจะถูกปิดบัง ขีดจำกัดความสามารถ ณ ปัจจุบัน สภาพร่างกาย หรือว่าอะไรต่างๆที่เกี่ยวกับผู้ใช้นั้นจะถูกปกป้องข้อมูลโดยเกราะมนตรา นี่คือความสามารถติดตัวที่เกราะนี้มีแตกต่างจากเกราะอื่น

คาดเดาไม่ได้ แล้วก็ ..เคียวยะออกวิ่ง พริบตาเดียวร่างก็มาอยู่ทางขวามือของเมอัน

ทรงพลังอย่างคาดเดาไม่ได้

เคียวยะเตะใส่หน้าท้องของเมอัน–ร่างของเมอันปลิวไปกับแรงกระทบที่มหาศาลระดับสะเทือนปฐพีได้ ไม่ทันที่จะได้ตั้งตัว การโจมตีด้วยก้อนพลังงานสีม่วงก็ตามมาติดๆ

เมอันดีดตัวลุกขึ้นอีกครั้ง ดูดกลืนทุกการโจมตีด้วยความมืด เปลี่ยนความมืดเป็นแสงสว่าง และโต้กลับด้วยแสงนับร้อยในพริบตาเดียว มนุษย์ในเกราะมนตราทำเพียงแค่วิ่งหลบห่ากระสุนแห่งแสงของมหามังกร จากนั้นก็กระโดดขึ้นที่สูงและพุ่งเข้าใส่เมอันด้วยออปชั่นเสริมจากตัวชุดเกราะ–ไอพ่นที่ติดอยู่ข้างหลัง

หมัดซ้าย–อาบด้วยก้อนพลังงานสีม่วงของตัวเกราะ เมอันตอบโต้ด้วยความมืด ทว่า ก่อนที่หมัดจะไปถึงเคียวยะก็ใช้แรงเหวี่ยงเปลี่ยนเป็นลูกเตะที่อาบด้วยพลังงานสีม่วงแทน

“อึก!!”

ร่างเล็กๆของเมอันโดนซัดปลิวผ่านสวนสาธารณะที่ยืนอยู่ และชนเข้ากับบ้านหลังหนึ่งอย่างจัง

พลังกายที่มหาศาล แล้วก็ก้อนพลังงานสีม่วง เพียงแค่สองอย่างนี้ก็สามารถยกระดับเคียวยะให้มากพอจะ–ซัดพวกท็อปโลกจนคว่ำได้

“อั้ก!” เมอันกระอักเลือดออกมา แล้วก็ไออย่างเจ็บปวด เธอหรี่ตามอง KY HOPE ที่กำลังตรงมา เธอลุกขึ้นยืนพร้อมกับแสงที่ช่วยรักษาร่างกายให้เธอ “พี่ชาย ..คือว่านะ ..แต่เดิมชุดเกราะนี้มันชื่อ JK HOPE นะ”

เมอันลุกขึ้นยืน และสยายปีกบินขึ้นไปบนฟ้าที่เหนือกว่า KY HOPE

“ไมเกี่ยวกับอดีต ตอนนี้มันมีชื่อว่า KY HOPE !!!”

เคียวยะตอบกลับอย่างเย่อหยิ่ง ก่อนยกมือขึ้นฟ้า พร้อมกับรังแสงสีม่วงบนฝ่ามือที่พวยพุ่งออกมา

 

****

เกราะมนตรา JK HOPE คือเกราะที่มีแกนกลางเป็น ‘วัตถุสีดำ’ ที่ส่องแสงสีม่วงออกมา และมันถูกเรียกขานว่า ‘การพัฒนาที่ไร้จุดสิ้นสุดของมนุษย์’ 

เหตุผลคือ—แกนกลางของเกราะมนตรา JK HOPE มีก้อนพลังนับอนันต์สิงสถิตอยู่ และนั่นก็เป็นแหล่งกำเนิดทั้งหมดของเกราะมนตรา แล้วแต่จะรังสรรค์ แล้วแต่จะปารถนา สิ่งที่มีให้มีเพียงความเป็นไปได้นับอนันต์ที่อยู่ในน้ำมือของมนุษย์ผู้โลภมากและโง่เขลา

ที่กล่าวมาคือ ..ที่มาของ JK HOPE

เคียวยะนั่งฟังคุณป้าอดีตเจ็ดคาปสมุทร ผู้เป็นภรรยาของเจ้าของเกราะมนตรา JK HOPE และนี่ก็คือเรื่องเมื่อไม่กี่วันก่อนนี้เอง

“JK เคยเล่าให้ดิฉันฟังว่าสิ่งนี้มีอยู่มาตั้งแต่พัน หรือหมื่นปีก่อนแล้ว ต่างคนก็ต่างเลือกจะรังสรรค์สิ่งต่างๆขึ้นมาตามแรงปารถนาของตนเอง จนมาถึงคราวนี้ JK ได้เป็นผู้ถือครองสิ่งนี้” หญิงชราอมยิ้มเล็กน้อย “อาจเชื่อยากไปหน่อย แต่ JK เป็นนักวิจัยเกี่ยวกับการสร้างเครื่องจักรน่ะ ..ในประเทศที่มีชื่อว่า ‘ญี่ปุ่น’”

“ญี่ปุ่น? คุ้นๆแฮะ ไอ้เรเซอร์มันเคยเล่าให้ฟังว่าที่แห่งนั้นเป็นสวรรค์ของมัน”

“ดิฉันเองก็ไม่ได้รู้อะไรมาก แต่เท่าที่ทราบ ญี่ปุ่นคือแดนที่อยู่คนละโลกกับโลกใบนี้ และ JK ก็เป็นคนของโลกทางนั้น แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างเขาได้หลุดมาที่โลกใบนี้ และเผอิญได้เป็นผู้ถือครองวัตถุสีดำที่เต็มไปด้วยปริศนานั่น เขาได้ทำการวิจัยมัน สร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ก่อนที่จะมอบน้ำให้สิ่งนี้ว่า ‘HOPE’” 

“ที่มาของชื่อเกราะมนตรา JK HOPE ก็คือ–”

“คือความใฝ่ฝันของเขาค่ะ คือความฝันของ JK ทั้งการได้วิจัย HOPE และการได้สร้างเกราะมนตราขึ้นมา ถึงจะน่าเสียดายที่เขาได้เสียชีวิตก่อนวัยอันควร ยังมีความกระหายหลายอย่างในจิตใจของเขา กระทั่งวินาทีสุดท้ายก่อนที่จะตาย เขาก็ขอร้องให้ดิฉันช่วยซ่อน HOPE เอาไว้ ..เขาโลภมาก เขาไม่อยากให้คนที่ไม่คู่ควรเป็นผู้ถือครอง HOPE เขาไม่อยากให้ HOPE เป็นสิ่งของของอาณาจักร รึ ประเทศๆหนึ่ง เขาอยากให้มันเป็นเพียง ..ความกระหายของมนุษย์คนหนึ่ง และการตอบสนองอันไร้ขีดจำกัดของ HOPE เขาอยากจะเห็นสิ่งมหัศจรรย์ ต่อให้ต้องก้มหน้ามองจากสวรรค์ หรือเงยหน้ามองจากนรก เขาก็ปราถนาจะเฝ้ามองการพัฒนาที่ไร้จุดสิ้นสุด”

หญิงชรามองหน้าของเคียวยะ ก่อนจะยิ้มอย่างพึงพอใจ

“ดิฉันคิดว่าตัวเองก็คงดูคนไม่ผิด”

..

“ทั้งกระหาย ทั้งเย่อหยิ่ง ทั้งริษยา คุณมีทุกสิ่งอยู่ในตัว ถ้าเป็นคุณคงจะสามารถพัฒนาไปพร้อมกับ HOPE ได้อย่างน่ามหัศจรรย์ และคง–สามารถตายไปพร้อมกับ HOPE ได้อย่างน่าอดสู่ ใช่แล้ว อย่างที่ JK เคยเป็น ..ขึ้นสู่จุดสูงสุด ตอนตายก็ตกลงสู่จุดต่ำสุด ถ้าไม่เป็นที่สุดก็ขอต่ำที่สุดดีกว่า ความแข็งแกร่งที่แฝงด้วยความน่าสมเพซ ความน่าสมเพซที่แสนทรงพลัง นี่คือแก่นแท้ของ HOPE และของ JK HOPE ค่ะ”

…….

…….

เคียวยะลุกขึ้นยืน เขาเดินไปสัมผัส JK HOPE ที่ตั้งโชว์อย่างสวยงาม และหันหลังกลับมา

“จากนี้ไปเกราะนี่มีชื่อว่า ‘KY HOPE’ เป็น KY ที่มาจาก เคียว-ยะ” เคียวยะหรี่ตามองเกราะด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยประกายฝัน “ฉันไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาตีตราแก่นแท้ของฉัน ..ฉันจะเป็นกำหนดแก่นแท้ของฉันขึ้นมาเอง จะไม่ยอมเป็น ความแข็งแกร่งที่แฝงด้วยน่าสมเพซ แต่ฉันจะเป็นความแข็งในแบบของตัวฉันเอง—จะไม่ขอโทษหรอกนะ แต่มันหมดยุคของ JK แล้ว ต่อจากนี้ฉันจะเป็นคนพัฒนามันเอง และ..”

เคียวยะยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ และนั่นก็ดูเป็นรอยยิ้มที่ชั่วร้ายอย่างบอกไม่ถูก

“ปลายทางของ KY HOPE ก็คือ—ความแข็งแกร่งอันเป็นที่สุดบนโลก!!”

 

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!
Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! << 0 >> รู้สึกว่าโลกเราช่วงนี้จะฮิตต่างโลกกันสินะ? ถ้าจำไม่ผิดนวนิยายประเภทไลทโนเวลของญี่ปุ่นในยุค 2020 จะฮิตกันเอาเรื่องเลย ขนาดผมก็เคยอ่าน หรือเคยดูอนิเมที่ดัดแปลงจากนิยายมาอีกทีไม่น้อยเลย ใช่ มันค่อนข้างสนุกเลย อาจจะเป็นเพราะมันช่วยสนองนีทให้ผมก็ได้ เพราะปกติผมมักจะเป็นผู้แพ้เป็นประจำทั้งๆที่พยายามากแล้ว พอได้เห็นคนๆหนึ่งประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม ซึ่งนั่นก็คือพระเอกมันก็ชวนให้รู้สึกภาคภูมิใจในตัวเขาด้วย พร้อมไปกับสาวๆในฮาเร็มของแกด้วยอะนะ แต่ด้วยความที่เป็นตลาดที่ใหญ่ ทำให้มีหลายความเห็นตามไปด้วย หลายครั้งที่นิยายแนวนี้จะถูกวิจารย์ในเชิงไม่ดี อาทิเช่น ส้ำซากจำเจ เดาทางง่าย ตัวละครผู้หญิงง่าย ทุกอย่างง่ายไปหมด บางเม้นต์ก็ร้ายแรงขนาดบอกว่า ‘นี่ไม่ใช่นิยายแต่เป็นสินค้า’ อืม ถ้าในมุมผมก็ไม่ได้รังเกียจอะไรหรอก ออกไปในทางชอบด้วยซ้ำ แต่ขอติหน่อยเถอะ ตัวร้ายส่วนใหญ่ในเรื่องแนวนี้โคตรจะไม่น่าให้อภัย คนอะไรมันจะเลวได้ขนาดนั้น เลวถึงแก่นแท้เลยพวกตัวร้ายในนิยายต่างโลกเนี่ย ไม่น่าให้อภัยที่สุด โง่ก็โง่ กระจอกก็กระจอกชิบหายเลย ไร้ความคิดความอ่าน กลับตัวก็ไม่เป็น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset