เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! – ตอนที่ 269

< < 172 Sec 2 > >

“นายดูจะเข้าได้กับความสามารถจำพวกคำสาปนะ เคียวยะ”

“คำสาป? ไอ้พวกโง่ที่ชอบเอาตัวรับคำสาป แลกกับพลังเรอะ? วิธีเก่งทางลัดแบบโง่ๆ”

“ไม่ใช่เซ่ๆ ถึงจะดูเป็นทักษะสำหรับพวกสิ้นหวังรึพวกสันหลังยาว แต่ในแก่นแท้แล้วมันมีศาสตร์ของการใช้โดยเฉพาะอยู่ มีความลึกและความยากที่มากกว่าหลายๆศาสตร์ เพราะแต่ละคนก็ต่างวิธีใช้งาน เพราะคุณค่าของร่างกายแต่กำเนิดไม่เท่ากัน ทำให้การใช้ต่างกันไปตามโครงสร้างร่างและจิตใจ ..ฉันคิดว่าถ้าเป็นนาย คงจะคุมทักษะพวกนี้อยู่แน่ๆ”

เรเซอร์ ไอ้จอมอวดเก่งพูดกับฉันขณะที่พวกเรากำลังนั่งฝึกเวทมนตร์กันในป่ามหาภูต หมอนั่นคิดจะให้คำแนะนำ แถมยังเป็นคำแนะนำที่ใหญ่ระดับตัดสินอนาคตของฉันต่อจากนี้ได้เลย

ไม่ได้คิดไปเอง หมอนี่รู้บางอย่างมากกว่าทุกๆคน คล้ายว่ามันสามารถมองทะลุคนบางคนได้ไม่ยาก อย่างฉันเองก็เป็นหนึ่งในเหยื่อกับความแปลกประหลาดของมัน พอพยายามไล่ตามความคิดมันมากๆเข้าในทุกๆวันก็เริ่มจับจุดความคิดได้

มันกำลังแนะนำให้ฉันใช้ทักษะสาปตัวเองแลกกับพลังอยู่ ด้วยความรู้ของมัน ทำให้รู้ว่าฉันเข้ากับศาสตร์นี้ได้ดีจึงแนะนำ

ถ้าหากแนะนำก็จะขอรับไว้ด้วยความยินดี ..

“แต่ถึงจะบอกว่าเข้ากัน แต่ก็ไม่ค่อยอยากให้ใช้เลยแฮะ”

ไอคนแนะนำจู่ๆก็ทำท่าจะถอนตัว ท่าทางดูน่าหงุดหงิดมากถึงมากที่สุด ทำเอาคุมอารมณ์ตัวเองเกือบไม่อยู่ แต่ก่อนที่จะได้บ่นอะไรไป

“เห็นด้วย”

เบลลามีที่นั่งเงียบมาตลอดเสริมขึ้นข้างๆ เธอจ้องที่ดวงตาของฉันตรงๆโดยไม่ได้หวาดกลัวการอ่านใจอะไรเลย แน่นอนว่าไม่คิดจะใช้หรอก แต่..ก็ไว้ใจกันมากเกินไป

“ไม่อยากเห็นเคียวยะทำร้ายตัวเองน่ะ ต่อให้จะเป็นการทำเพื่อแลกกับพลัง”

….

….

“คิดหรือไงว่าคนอย่างฉันจะยอมลดตัวไปใช้ทักษะชั้นต่ำพรรค์นั้นน่ะ ของอย่างนั้นมันไม่ได้ช่วยพิสูจน์ความแข็งแกร่งในตัวฉันได้เลยด้วยซ้ำ”

โกหก ตั้งใจจะทำตามอย่างที่พูดมาต่างหาก แต่ว่า ..ไม่อยากให้เจ้าพวกนี้มันเศร้า

การที่คนอย่างฉันถูกเป็นห่วง นั่นน่าเหลือเชื่อ แอบคิดมาตั้งนานแล้วว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ว่าก็เกิดขึ้นแล้ว เพราะอย่างนั้นจะตอบสนองความต้องการนั้นสักหน่อยก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร ฉันไม่ใช่พวกที่ไหลไปกับกระแสคำพูดของคนอื่น ไม่ใช่พวกที่ดีใจกับการถูกเป็นห่วง ไม่ใช่ไอ้คนโลกสวยอย่างยูจิ ไม่ใช่พวกไหลง่ายอย่างเรย์ ฉัน ..ฉันถือทิฐิประหลาดมาโดยตลอด

มันคือ ‘อีโก้’ ที่มากจนเกินไป ฉันรู้ดี แต่เพียงแค่สองคนตรงหน้าช่วยพูดอะไรมานิดหน่อย อีโก้ของฉันมันก็มักจะละลายหายไปทุกที

รู้ตัวอีกที ฉันก็อยู่ในสถานะที่ต้องถูกปกป้อง ไม่ต่างกับวันนั้นที่สองคนนี้ช่วยฉันบนดาดฟ้าของวิทยาลัยเวทมนตร์ วันที่ฉันทำเรื่องโง่ๆและน่าอับอาย ก็ไม่ใช่ใครเลยที่มาช่วยปกป้องฉัน ตั้งแต่วันนั้นมา ฉันก็คิดเสมอๆว่าปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปมันดีแล้วเหรอ?

เอาแต่หลบอยู่หลังของไอ้คู่รักบ้าบอสองตัวนี้มันดีแล้วเหรอ? ใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไปดีแล้วเหรอ?

และในที่สุดวันที่เรเซอร์พ่ายแพ้ก็มาถึง ฉันถึงได้สติ ว่า ‘ไม่ได้’

ตอนที่หมอนั่นแพ้ ตอนที่ยัยนั่นทำอะไรไม่ได้ คนที่จะต้องลากไอ้หมอนั่นลุกขึ้นมาใหม่ และคนที่จะไปพร้อมกับหมอนั่นเพื่อช่วยยัยนั่น มันคือฉัน ‘เคียวยะ’ คือฉันนั่นแหละ คือฉันที่อยากจะเติบโต ปารถนาจะแข็งแกร่ง ไม่ให้น้อยหน้าหมอนั่น ..อยากจะเป็นคนที่สุดยอด และคู่ควรแก่การไว้วางใจ อยากจะให้สองคนนั้นฝากหลังไว้ให้ฉันได้ อยากให้รู้ว่าต่อให้แพ้ก็ไม่เป็นไร ฉันคนนี้จะช่วยพยุงขึ้นมาเอง

การโค่น เมอัน ไม่ใช่แค่เพื่อช่วยหล่อน แต่ยังเป็นการสนองนีทตัวเอง เพื่อการนั้นแล้วฉันจะ—เป็นความแข็งแกร่งอันเป็นที่สุด

HOPE วัตถุที่เปี่ยมด้วยเจตจำนงศ์แห่งการพัฒนาเอ๋ย ..จงตอบรับเสียงแรกของฉัน และ—มุ่งสู่เส้นขอบฟ้าไปพร้อมกับฉันซะ

 

****

HOPE กู่ร้อง แสงสีม่วงพวยพุ่งออกจากเกราะทมิฬ คล้ายกับออร่าของตัวร้าย ความชั่วร้ายของมนุษย์ ความปารถนาอันแรงกล้ากำลังพุ่งออกจากแกนกลางของเกราะมนตรา

“อึก!!!”

เคียวยะเข้าต่อสู้กับเมอัน ด้วยพลังกายที่ทัดเทียม ด้วยพลังทำลายล้างที่สูสี เป็นการต่อสู้ที่ไม่มีใครน้อยหน้าใคร ความปารถนามากมายช่วยขับเคลื่อนเคียวยะไปให้ไกลกว่าเดิม ในทุกๆด้าน 

“โอย”

เคียวยะกระโดดถีบหลังของเมอันจนปลิว เมอันตั้งหลักและสวนกลับ—โดนเข้าเต็มๆ ร่างของเคียวยะปลิวไปกับแสงสว่าง แต่ก็สามารถหักเหแสงได้ด้วยมือเปล่า จากนั้นก็วิ่งตามหลังคาบ้านเมือง

โชคดีที่ KY HOPE ไม่มีความสามารถในการบิน ทำให้การที่เคียวยะจะตามจับตัวเมอันได้นั้นจำเป็นต้องใช้เวทย์ลมช่วย ซึ่งเสียเวลาเป็นอย่างมาก และทำเสียจังหวะจู่โจมหลายต่อหลายครั้ง

‘ถ้ามีเวลากว่านี้สักเดือน คงจะติดตั้งหลายๆอย่างที่จำเป็นได้มากกว่านี้’ เคียวยะคิดในใจอย่างหัวเสีย เกราะมนตรา KY HOPE อยู่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์พร้อม ด้วยเวลาที่มีจำกัดในการพัฒนาไม่กี่วัน ทำให้เคียวยะสามารถเรียกได้แค่ประสิทธิภาพดั้งเดิม และติดตั้ง–ของเสริมเล็กน้อย

เมอันมองเคียวยะอย่าไม่อยากเชื่อสายตา

“พี่ชายควบคุมเกราะนี้ได้จริงๆเหรอ”

“เออ-สิ!!”

เคียวยะยิงเลเซอร์สีม่วงออกจากฝ่ามือ เมอันบินพลิกตัวหลบ และสวนกลับด้วยลำแสงนับร้อย เหมือนเดิม เคียวยะทำเพียงวิ่งหลบห่ากระสุนแสงแบบไม่ยากเย็น ด้วยดวงตามหาปราชญ์ และเกราะมนตราที่ช่วยยกระดับร่างกายมากโข

“เท่าที่หนูรู้ เกราะมนตราที่มีแกนกลางเป็น HOPE นั้นกินพลังงานของผู้ใช้งานเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะพลังกาย มานา หรือว่าสภาพจิตใจ ผู้ใช้จะถูกลดทอนทีละนิดๆไปจนหมด และอาจคลั่งได้หากฝืนตัวเอง แต่ดูๆแล้วพี่ชายเหมือนไม่ได้จ่ายอะไรเลย ..เพราะดวงตามหาปราชญ์เหรอ?”

“ไม่ใช่เรื่องที่ต้องบอก–!”

เคียวยะดีดตัวขึ้นฟ้าและเสริมตัวเองด้วยเวทย์ลมเพื่อไล่จับเมอัน เป็นอีกครั้งที่เมอันต้องหลบหลีกการโจมตีของเคียวยะอย่างยากลำบาก ระหว่างที่บินหนีเมอันก็พยายามชักถามต่อ

“ไม่มีทางที่พี่ชายจะไม่เสีย—-”

“ถ้ามานาก็เสียอยู่เว้ย!!”

เคียวยะถีบเมอันลงพื้น และแลนดิ่งลงพื้นตามมา–แสงสีม่วงซ้ำเข้าที่หน้าท้อง เมอันระเบิดธาตุรอบตัว เคียวยะกระโดดหลบ และพุ่งเข้าใส่พร้อมกับอัดเมอันจนเละ

เร็ว

อย่างน้อยแค่ความเร็ว เคียวยะก็มีเหนือกว่าเมอัน

“ย๊าก!!!!!!”

“อึก!!”

เมอันสร้างโล่ความมืดขึ้นมา และป้องกันการโจมตี พร้อมกับดูดเอาพลังงานของชุดเกราะ–ทว่าชุดเกราะกับมีออร่าสีม่วงพวยพุ่งขึ้น แสงสีม่วงค่อยๆเข้าโอบร่างของเมอัน 

โล่แห่งความมืด ถูกลบหายไป ร่างอาภรณ์เทพมังกรคล้ายว่ากำลังละลาย เมอันรีบเตะเคียวยะออก และบินหนีทันที พริบตาเดียวพลังทั้งหมดก็กลับคืนสู่ร่างของเมอัน

“..ดูดกลืนมานา?”

ออร่าของ HOPE มีความสามารถในการดูดกลืนพลังงาน ไม่เว้นกระทั่งตัวผู้ใช้ เพราะอย่างนั้นทุกครั้งที่ใช้งาน HOPE ผู้ใช้จะต้องจ่ายค่าตอบแทนในทุกๆการขยับ มากน้อยไปตามปริมาณการใช้งาน เพราะอย่างนั้น KY HOPE จึงเป็นเกราะที่น่ากลัวในการสู้ระยะประชิด เนื่องจากว่าถ้าสู้ระยะประชิด แสงสีม่วงจะกลืนกินมานาของศัตรูแทนผู้ใช้งาน ทำให้สามารถใช้งานต่อได้โดยไม่มีปัญหาอะไร แถวยังบั่นทอนจิตใจของคู่ต่อสู้และพลังกายไปในตัวได้อีกด้วย

และจากการต่อสู้ก่อนหน้านี้มากมาย เมอันจงใจให้เคียวยะอัดท่าใหญ่ทุกอย่าง เพราะคิดว่าถ้าเคียวยะใส่เต็มมาเกินไป สามปัจจัยที่ต้องใช้ก็จะถูกดูดไปจนหมดอย่างรวดเร็ว ทว่า ..ตอนนี้ก็ยังแข็งแรงดี

เมอันงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ถ้าเป็นผู้ใช้คนก่อนอย่าง JK เกิดใช้งานขนาดนี้ ป่านนี้ลงไปนอนหมดสติบนพื้นแล้วแท้ๆ

….

….!!

เมอันรู้สึกตัวได้แล้ว เธอมองขึ้นไปบนท้องฟ้าซึ่งมีโดรนตัวหนึ่งอยู่ เมื่อใช้ดวงตาในการประเมินมานาของเอลฟ์ดูก็ทำให้พอรู้ได้ว่ามันคืออะไร

“ภูต?”

เคียวยะใช้ภูตที่ควบคุมโดรนมาช่วยนั่นเอง แต่ว่า บนโลกใบนี้มันมีที่ไหนกัน ภูตที่ช่วยแบกรับผลกระทบให้ได้น่ะ อย่างแย่ เคียวยะควรจะเหนื่อยเร็วกว่าเดิมด้วยซ้ำ จากการใช้งานภูต

“โครินเป็นกรณีพิเศษ หล่อนเป็นภูตที่มีความสามารถในการเข้าถึงร่างกายของผู้ใช้งาน เป็นภูตที่ฉลาดถึงขนาดที่ฉันยังยอมรับ ..สามปัจจัย มานา พลังกาย และจิตใจ โดยแก่นแท้แล้ว สิ่งที่ใช้มีแค่มานาเท่านั้น แต่เพราะมานามีขอบเขตุที่เล็กเกินไป ทำให้การใช้งาน HOPE มันลามไปถึง พลังกาย และจิตใจไปด้วย โดยที่ทั้งสองสิ่งนี้ก็กำเนิดมาจากมานาเหมือนๆกัน” เคียวยะใช้มือโลหะชี้สมองของตัวเองด้วยท่าทางอวดดี “ที่ทำก็แค่ให้โครินแบกรับทุกอย่าง ภูตคือสิ่งมีชีวิตที่มีแค่มานา จะมีก็แค่มานาที่โดนกลืนกิน พลังกาย และจิตใจ ของฉันเลยยังอยู่ดี”

“..หมายความว่าพี่ชายจะเสียมานาเพิ่มสามเท่า และต้องเสียมานาให้ในส่วนของภูตที่ทำพันธสัญญาด้วยนะคะ”

ไม่ใช่ว่ามันควรจะหมดแรงเร็วกว่าเดิมเหรอ?

“แค่ให้โครินช่วยกลืนกินมานารอบๆ เพื่อไปจ่ายการทำงานของ HOPE ก็พอแล้ว”

“..แบบนั้นมัน..”

ทำได้ที่ไหน

“โครินเป็นภูตที่แตกต่างกับชาวบ้านชาวช่อง หล่อนเป็นภูตที่ไม่มีใครเอา เพราะความสามารถอย่างการดูดกลืนมานาผู้ใช้งาน แลกกับการใช้งานทักษะที่ผู้ใช้งานสามารถใช้ได้ ง่ายๆก็แค่ช่วยร่ายเวทย์ให้มากขึ้นแค่นั้น เป็นทักษะที่ฝึกกันได้ แต่จุดเด่นของโครินที่ไม่เหมือนใครก็มีอยู่ ..อย่างเดียวที่ต่างกับภูตตนอื่น—โคริน สามารถดูดกลืนมานารอบตัวได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นมานาของฉันก็ได้ แน่นอนทุกการใช้งาน ฉันจะต้องจ่ายมานาไปให้โครินอยู่ดี แต่ถ้าเทียบปริมาณกับค่าตอบแทนมันก็คุ้ม”

เคียวยะแบมือทั้งสองข้างให้เมอันดู

“ยกตัวอย่าง HOPE ต้องการสิบนิ้ว” เคียวยะโชว์นิ้วทั้งสิบ “ฉันจำเป็นต้องจ่าย พลังกาย 3 นิ้ว สติ 3 นิ้ว แล้วก็ มานา 4 นิ้ว แต่พอให้โครินแบกรับการกลืนกินแทน มันก็เปลี่ยนเป็น มานา 10 นิ้ว ..แต่ฉันอาศัยมานารอบตัวในการจ่ายค่าตอบแทน โดยที่ฉันต้องจ่ายมานาให้โครินในการใช้งานความสามารถ ผลลัพธ์ก็จะเปลี่ยนไปเป็น—”

เคียวยะยกนิ้วกลางในมือข้างซ้ายให้

“ฉันจ่ายมานาแค่ 1/10 ระหว่างการใช้งาน HOPE”

เงื่อนไขค่าใช้จ่าย 1/10

1.ต้องให้โครินช่วย

2.ต้องให้โครินในโดรนอยู่ห่างจากเคียวยะ เพื่อดูดกลืนมานารอบๆโดยไม่ให้ผลกระทบมาถึงเคียวยะ

3.จะขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่ได้เด็ดขาด

ภายใต้เงื่อนไขที่เด็ดขาด ทำให้ค่าตอบแทนที่แสนน่ากลัวของ HOPE นั้นไร้ราคา

พอรู้อย่างนั้นเมอันก็ตั้งใจจะทำลายโดรนก่อน เธอจึงยิงแสงใส่โดรนจนพัง–ทว่า แสงสีม่วงกลับพุ่งใส่เมอันทันทีที่โดรนระเบิด

แขนหลุดออกจากร่างของเมอัน แต่ก็คุ้มสำหรับการตัดขาเคียวยะ–ทว่า โดรนกลับรักษาตัวเองได้

“โดรนเชื่อมต่อกับ KY HOPE มันคือส่วนหนึ่งของ KY HOPE ถ้าถูกทำลายมันก็จะได้รับการรักษาขึ้นทันที ทางเดียวที่จะทำลายการโกงค่าใช้จ่ายของฉันมีแค่—ชนะฉันให้ได้ตรงๆ!”

เคียวยะย่อตัวลงในท่าที่คล้ายกับจะออกตัววิ่ง แสงสีม่วงเปล่งประกายขึ้นที่ตาตุ๋มตรงเท้าข้างขวา

“[ชาร์จ]-[ONE]”

แผ่นสันหลังของเคียวยะเลืองแสงสีม่วง โดยที่มีขีดสีม่วงทั้งหมด 5 ขีด

ขีดหายไป 1 ขีด เหลือ 4/5 ขีด

จากนั้นร่างของเมอันก็ขาดครึ่ง

???????

เร็ว—เกินไป

อย่าว่าแต่มองให้ทันเลย ไม่รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวเลยสักนิด

ชาร์จ-ONE ? อะไรละนั่น ไม่ใช่ความสามารถที่เคยมีอยู่ในเกราะมนตราตระกูล HOPE เลยด้วยซ้ำ

“ของเสริมไงโว้ย!!!!”

เคียวยะพุ่งด้วยความเร็วเท่าเดิม มาเล่นงานเมอันที่ประกอบร่างคืนซ้ำ ด้วยสภาพที่ไม่พร้อมหลังจากตัวขาด ทำให้เมอันโดนเล่นงานอยู่ท่าเดียว

แข็งแกร่ง ..แข็งแกร่ง—-แขนบดขยี้ร่างของเมอัน แสงสีม่วงเข้าทำลายพลังของเมอัน ทุกการเคลื่อนไหว ทุกการตอบโต้ถูกสะกัดไว้โดยออร่าสีม่วงที่แสนอันตราย

แข็งแกร่ง–

“แข็งแกร่ง–”

เคียวยะในตอนนี้–แข็งแกร่ง

 

****

ใกล้จากการต่อสู้ของ เคียวยะ และมหามังกรเทียม 

ภรรยาของ JK HOPE หรือ อดีตเจ็ดคาบสมุทร ได้เฝ้าดูการต่อสู้เบื้องหน้า และยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ

“ไม่คิดเลยนะว่าจะมีเด็กที่บ้าขนาดนี้อยู่บนโลก–เข้าต่อสู้กับมหามังกรเทียมตรงๆไม่พอ ยังไล่บดขยี้อีกฝ่ายจนเละ” หญิงชราหัวเราะพึมพำในลำคอ “ไม่ได้กลัวเลยว่าตัวเองจะพลาด คงเพราะพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยม ก่อให้เกิดความมั่นใจที่ล้นหลาม”

ดวงตามหาปราชญ์—ดวงตาแห่งเทพแห่งปัญญา สิ่งนั้นเป็นต้นกำเนิดความมหัศจรรย์ของเคียวยะ ทั้งการทำลายข้อจำกัดมากมายของ HOPE และการยกระดับตัวเอง

“ก้าวข้าม เกราะมนตรา JK HOPE คือความใฝ่ฝันของ JK และตอนนี้ก็ได้เป็นจริงแล้ว ..บัดนี้โลกได้กำเนิด KY HOPE เกราะมนตราของชายที่—กระหายในพลังมากที่สุดบนโลก”

หญิงชราหันหลังให้การต่อสู้ ไม่มีอะไรที่เธอต้องดูอีกแล้ว จากนี้และต่อจากนี้ เธอเชื่อว่าเคียวยะจะสามารถพาตัวเองไปสู่จุดที่เรียกว่าแข็งแกร่งที่สุดบนโลกได้ ด้วยปัญญาแห่งเทพ และการพัฒนาที่ไร้ขีดจำกัดของมนุษย์

ความฝันของผู้เป็นสามีได้ถูกเติมเต็มแล้ว–เรื่องราวของ JK ถึงตอนจบแล้ว ต่อจากนี้จะเป็นเรื่องราวของ KY HOPE ตามที่เคียวยะปารถนา

 

ป.ล.จากนี้จะเริ่มลงนิยายวันละตอนนะครับ
 

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!
Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! << 0 >> รู้สึกว่าโลกเราช่วงนี้จะฮิตต่างโลกกันสินะ? ถ้าจำไม่ผิดนวนิยายประเภทไลทโนเวลของญี่ปุ่นในยุค 2020 จะฮิตกันเอาเรื่องเลย ขนาดผมก็เคยอ่าน หรือเคยดูอนิเมที่ดัดแปลงจากนิยายมาอีกทีไม่น้อยเลย ใช่ มันค่อนข้างสนุกเลย อาจจะเป็นเพราะมันช่วยสนองนีทให้ผมก็ได้ เพราะปกติผมมักจะเป็นผู้แพ้เป็นประจำทั้งๆที่พยายามากแล้ว พอได้เห็นคนๆหนึ่งประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม ซึ่งนั่นก็คือพระเอกมันก็ชวนให้รู้สึกภาคภูมิใจในตัวเขาด้วย พร้อมไปกับสาวๆในฮาเร็มของแกด้วยอะนะ แต่ด้วยความที่เป็นตลาดที่ใหญ่ ทำให้มีหลายความเห็นตามไปด้วย หลายครั้งที่นิยายแนวนี้จะถูกวิจารย์ในเชิงไม่ดี อาทิเช่น ส้ำซากจำเจ เดาทางง่าย ตัวละครผู้หญิงง่าย ทุกอย่างง่ายไปหมด บางเม้นต์ก็ร้ายแรงขนาดบอกว่า ‘นี่ไม่ใช่นิยายแต่เป็นสินค้า’ อืม ถ้าในมุมผมก็ไม่ได้รังเกียจอะไรหรอก ออกไปในทางชอบด้วยซ้ำ แต่ขอติหน่อยเถอะ ตัวร้ายส่วนใหญ่ในเรื่องแนวนี้โคตรจะไม่น่าให้อภัย คนอะไรมันจะเลวได้ขนาดนั้น เลวถึงแก่นแท้เลยพวกตัวร้ายในนิยายต่างโลกเนี่ย ไม่น่าให้อภัยที่สุด โง่ก็โง่ กระจอกก็กระจอกชิบหายเลย ไร้ความคิดความอ่าน กลับตัวก็ไม่เป็น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset