เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! – ตอนที่ 279

< < 178 Sec1 > >

บนท้องฟ้า จุดสูงสุดแห่งอาณาจักรเนลยอนนั้นมีไข่ที่กำลังส่องแสงอยู่ และไม่นาน แสงก็ได้จางหายไป พร้อมกับเปลือกที่เริ่มถูกกระเทาะออก

หลายคนต่างรู้ดีว่าอะไรสักอย่างกำลังจะเกิดขึ้น และบางคนก็รู้ว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้นแสนน่าหวาดกลัว

ทวยเทพตนแรก ทวยเทพผู้แข็งแกร่งที่สุด เทพแห่งจุดเริ่มต้น ต้นตระกูลแห่งมังกร นามนั้นคือ ‘เทียแมท’ เทพมังกรแห่งจุดเริ่มต้น ณ บัดนี้ ณ ที่แห่งนี้ ณ อาณาจักรแห่งสายน้ำ จะเป็นการถือกำเนิดของเทพตนนี้

โทมิเรียภายในห้องเฝ้าสังเกตุการณ์มองภาพที่เกิดขึ้นด้วยใบหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อสายตา

“..เป็นไปไม่ได้ ..ไรเดน?” โทมิเรียรีบวิ่งออกจากห้องด้วยท่าทีที่ตื่นตระหนกโดยทันที

ทำพลาดนั้นเหรอ? นักรบที่แข็งแกร่งที่สุด–ทำพลาดเหรอ??

เป็นไปไม่ได้ ..ทุกคนล้วนอยากจะเชื่ออย่างเดียวกับโทมิเรีย

 

**** 

ฮิโรชิยืนมองภาพที่เกิดขึ้นจากมุมต่ำ ณ บริเวณท่าเรือลับใต้ดินของอาณาจักรเนลยอน 

“..ทรยศกันจนได้สินะ” ฮิโรชิหัวเราะขึ้นจมูก “ไม่เป็นไร ให้อาณาจักรแห่งนี้ถูกทำลายไปซะก็ไม่ใช่ปัญหา ฉันคนนี้จะกอบกู้อาณาจักรแห่งนี้ขึ้นมาใหม่ในฐานะวีรบุรุษ ถึงตอนนั้นจะตามมาคิดบัญชีกับแกทีหลังละกัน ไอ้หมอผีเศษสวะ”

กล่าวจบฮิโรชิก็เดินลงเรือดำน้ำ และถอนตัวออกจาออาณาจักรเนลยอน

เพราะฮิโรชิฉลาด เขาจึงรู้ดีว่าทันทีที่เทพมังกรได้ปรากฏ ทุกสิ่งทุกอย่างก็จบสิ้นแล้ว ใช่ ทุกอย่างจะกลับคืนสู่จุดเริ่มต้น อย่างแน่นอน

 

****

บริเวณทะลุก่อนถึงอาณาจักรเนลยอนได้เกิดการต่อสู้ระหว่างกองทัพเรือและกองเรือของเรน โดยที่ทางฝั่งเรนนั้นมีมหาบาปแห่งความริษยา ‘ลิเวียธาน’ เข้ามามีส่วนร่วม ขณะเดียวกัน ‘ชิน’ หรือ ‘ชินดร้า’ ครึ่งหนึ่งของมหามังกรเพลิงก็ได้เข้าปะทะกับลิเวียธานตรงๆ การต่อสู้ของทั้งสองนั้นเป็นที่ประจักษ์ต่อเหล่าทหารเรือแห่งอาณาจักรเนลยอนเป็นอย่างมาก

ระดับพลเรือโทเกือบสิบคน พลเรือตรีสิบกว่าคน กองเรือกว่าสามสิบลำได้เข้าต่อสู้กับกองเรือของเรน พลางจับจ้องการต่อสู้ตัวต่อตัวของผู้แข็งแกร่งอย่างแท้จริง

ดาบที่โอบด้วยเปลวเพลิงได้เข้าปะทะกับเกร็ดของมังกร ทั้งเปลวเพลิงและคมดาบไม่อาจทำอะไรเกร็ดของลิเวียธานได้ กลับกัน ทุกการโจมตีของลิเวียธาน ไม่ว่าจะกายภาพ หรือเวทมนตร์ก็ส่งมาไม่ถึงชิน ทั้งถูกปัดป้อง ทั้งถูกละลาย หรือถูกขัดขวางไว้โดยเวทมนตร์นับสิบๆบทที่ร่ายออกมาจากดาบทรงเรเปียร์บนมือของชิน

“หนึ่งใน 72 อาวุธทลายโลกา ‘ดาบมนตรา-เซกเฟียร์’ ที่มีพลังแฝงในการร่ายเวทย์ได้ ใช้อาวุธสวะที่สุดในหมู่อาวุธชั้นยอดได้ไม่เลว”

ลิเวียธานกล่าวชมกึ่งๆดูถูก แต่ชินมิได้ใส่ใจอะไร และสู้ตอบโต้กับชินดร้าต่อโดยไม่เสียแม้แต่เหงื่อ

“เรียกว่าเป็นอาวุธที่เข้ากับตัวผมที่ไม่อาจใช้มานาตามปกติได้ก็ได้ขอรับ”

ภายใต้พลังที่เพิ่มขึ้นจากการเป็นมหามังกรก็ได้รับข้อจำกัดพิเศษที่ไม่อาจใช้มานาได้เหมือนคนปกติ จะใช้ได้เพียงแค่เพลิงเท่านั้น แต่พอได้รับดาบมนตรามา ชินก็สามารถพัฒนาทักษะเวทมนตร์ รวมถึงทักษะดาบของตัวเองไปต่อได้ โดยที่มีอาวุธเกรดระดับ 72 อาวุธทลายโลกามาช่วยเสริมพลังทั้งหมดของตัวเอง พร้อมกับกลบจุดอ่อนทั้งหมดในตัวไปพลาง

ในมุมมองของลิเวียธาน ชินไม่ใช่ศัตรูที่แข็งแกร่งจนน่ากลัว แต่เป็นศัตรูที่น่ารำคาญในการต่อสู้ด้วยมากกว่า ทั้งพลังมหามังกรที่ทำให้ฟื้นฟูร่างกายตัวเองผนวกกับมีมานาไร้ขีดจำกัด ไหนจะเปลวเพลิงที่เผาได้กระทั่งมานา และวิชาดาบกับเวทมนตร์ที่ใช้ได้โดยมีดาบมนตราเป็นสื่อกลาง ทำให้ชินเป็นคู่ต่อสู้ที่มีทักษะหลายอย่างในตัว และแทบไม่มีจุดอ่อนอะไรเลย ต่อให้รู้ความสามารถทั้งหมดก็ยังยากที่จะเผด็จศึกได้อย่างเด็ดขาด ถ้าหากเป็นการต่อสู้เพื่อถ่วงเวลา ชินได้เหรียญทอง–ในบางมุม อาจจะชนะลิเวียธานไปแล้วก็เป็นได้

นั่นทำให้ลิเวียธานผู้ถือทิฐิใหญ่เท่าผู้ใหญ่เกิดไม่พอใจ แต่ก็ไม่คิดจะเผยอารมณ์ออกมาโต้งๆ นั่นคือสิ่งที่เธอเรียนรู้มาจากสหายและนายเหนือหัวเมื่อยุคโบราณ ..แต่ว่าก็ว่าเถอะ พอต้องสู้แบบนี้วนไปมาโดยไม่เห็นตอนจบก็คงอดร้อนใจไม่ได้ 

และนั่นก็ทำให้เธอพลาด–จังหวะที่ไม่ระวังตัว เผลอใช้หางฟาดด้วยแรงที่มากเกินพอ ทำให้ต้องใช้เวลาไม่นานมากนักก็จริงในการดึงตัวกลับ แต่แค่นั้นก็เป็นจังหวะชี้เป็นชี้ตาย

จู่ๆดาบมนตราตรงส่วนปลายก็ปรากฏเปลวเพลิงขนาดยักษ์ชนิดเทียบไม่ติดกับก่อนหน้านี้–พริบตาเดียว ด้วยทักษะดาบ และพลังกายอันเป็นเลิศ ชินก็ส่งเปลวเพลิงอัดเข้าที่ร่างของลิเวียธานก่อนจะตามมาด้วยปลายดาบที่แทงเข้าบริเวณอกร่างมังกรอย่างจัง

ผลลัพธ์ไม่ใช่แทงไม่เข้า แต่ทะลุไปได้ด้วยวิชาดาบของสายเรเปียร์

“บัดซบ”

ดาบที่แทงทะลุเข้าไปได้ทำการจุดไฟของมหามังกรเพลิงขึ้นอีกครา

เศษเนื้อกระจัดกระจายไปทั่วมหาสมุทร ฝนเลือดได้ตกลงมาจากระยะสิบกว่าเมตร ไม่มีพลังใดที่ทรงอำนาจได้เท่าเพลิงของมหามังกรอีกแล้ว ด้วยเหตุนั้น ต่อให้เป็นมหามังกรเพลิงที่พลังเหลือเพียงน้อยนิด แต่เพลิงปริมาณที่ไม่มากนี้ก็ทรงพลังพอจะระเบิดร่างของมังกรยักษ์ทั้งเป็นได้ โดยการระเบิดจากข้างใน

เปลวเพลิงหมุนเป็นเกลียวสายลมก่อนกลับเข้าที่ร่างของชิน ท่ามกลางฝนเลือดที่ตกลงมา ชินพึ่งจะสังเกตุถึงความเปลี่ยนแปลงจากอาณาจักรเนลยอนได้

วัตถุประหลาดกำลังสั่นไหว และมีสภาพที่ต่างไปจากเดิม ..ท่าไม่ดี

ชินเก็บดาบเรเปียร์เข้าฝัก และตั้งใจว่าจะเดินกลับเข้าอาณาจักรทว่า—

“จะรีบไปไหน?”

ลิเวียธานในร่างมนุษย์ภายใต้ชุดเดรสแห่งท้องทะเลที่แสนงดงามปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า

“–!”

ผนึกน้ำแข็งพุ่งผ่านแขนของชิน เป็นครั้งแรกที่พลาดโดนเวทมนตร์เข้า และเพียงการโจมตีครั้งเดียวก็ทำให้แขนของชินถึงกับปลิวไปตามแรงกระแทก

ชินกัดฟันกรามแน่น–และวิ่งหลบห่ากระสุนผนึกน้ำแข็งที่พุ่งมารัวๆ

ซ้าย ขวา ขวา ซ้าย แล้วก็มุมสูง ชินหลบทุกการโจมตีโดยไม่ตอบโต้อะไร เขาวิ่งไปเตะที่ด้ามจับด้ามเรเปียร์ ทำให้มันดีดขึ้นฟ้า และจับไว้โดยมือข้างที่ไม่ถนัด กระสุนผนึกน้ำแข็งยังพุ่งมาไม่หยุด ชินตวัดดาบเรเปียร์หนึ่งครั้ง ตามมาด้วยเปลวเพลิงมหามังกรที่แผดเผาทุกมานาจนสิ้น

“….”

แขนของชินงอกกลับมาในเวลาต่อมา

รวมทั้งสิ้น 10 วินาที

“แค่การโจมตีเกรดต่ำแบบนี้ คุณก็ใช้เวลารักษาตั้ง 10 วินาที เหมือนว่ามหามังกรเพลิงตอนนี้จะตกต่ำไปมากทีเดียวนะ”

สิ่งที่แบกให้ชินสามารถเข้าต่อสู้กับลิเวียธานได้ในตอนนี้เป็น เพราะทักษะเฉพาะตัวของตัวเองที่ถูกเสริมโดยดาบมนตราเซกเฟียร์เป็นส่วนมาก หากมีเพียงพลังของมหามังกรเพลิงเพรียวๆเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสู้ตอบโต้กับลิเวียธานได้อย่างสูสี

“ก็ไม่ปฏิเสธเสียทีเดียวขอรับ ..ตัวผมยังอ่อนหัดสินะ ดันประมาทกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง”

กล่าวจบ ชินก็ดึงดาบออกมาจากฝัก และทำการย้อมดาบไปด้วยเปลวเพลิง ลิเวียธานเห็นก็ถอนหายใจเฮือกโตใส่

“พอแล้วละ จะถอยก่อนก็ได้”

“??”

ชินจะงงก็ไม่แปลก เพราะดูจากรูปการณ์แล้วไม่มีใครเสียเปรียบใครเลยแท้ๆ ทำไมถึง–

“โดนเจ้าบ้านั่นทรยศให้จนได้ ..ไม่สิ” ลิเวียธานขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างหงุดหงิด “หรือว่าไอ้เด็กเปรตนั่นมันจะตั้งใจให้เป็นแบบนี้ตั้งแต่แรกแล้ว ..ไอ้เปรต แมมม่อน”

แมมม่อน? นามของบาปแห่งความโลภสินะ ชินพยายามจะเก็บข้อมูลให้มากที่สุด ต่อให้เป็นเรื่องไร้สาระหรือไม่สำคัญอะไรก็ต้องจำไว้ให้มากที่สุด ถ้าหากมันเกี่ยวกับศัตรูของเขาในอนาคตละก็

“เกิดอะไรขึ้นหรือครับ จู่ๆถึงได้จะถอยทัพไป”

“เรนมันทำผิดข้อตกลง แล้วก็ดิฉันเหมือนจะโดนพวกพ้องตัวเองหลอกอีกต่อหนึ่งเข้าให้”

ไม่คิดจะปิดบังเลยแม้แต่น้อย คงเพราะสีหน้าชินมันบ่งชัด ทำให้ลิเวียธานเลือกจะตอบ

“จบเรื่องนี้ก็ลาขาดกับเรน และไอ้เด็กเปรตนั่นแล้ว พวกแกจะทำยังไงก็ช่าง ไม่เกี่ยวกับดิฉันแล้วถ้าข้อมูลรั่วไหลหรือยังไง”

“นั้นหรือครับ ค่อนข้างน่ายินดีทีเดียว ว่าแต่ที่ว่าผิดข้อตกลงนี่หากไม่เป็นการรบกวนอะไร จะเล่าให้ฟังหน่อยก็ได้นะขอรับ”

ชินเก็บดาบเรเปียร์เข้าฝักอีกครั้ง เพื่อแสดงเจตจำนงศ์ที่จะเลิกต่อสู้เช่นเดียวกับลิเวียธาน

“ไอ้บ้านั่นมันคืนชีพ ‘เทพมังกร’ ”

“เป้าหมายของจอมมารคือการฆ่าเทพมังกร เลยผิดข้อตกลงสินะครับ”

“ก็ประมาณนั้น แต่ดูๆแล้วหัวหน้าชั่วคราวของดิฉันก็ดูจะรู้เห็นเป็นใจกับการเรื่องคราวนี้ ..แต่ถึงยังไงก็ไม่ใช่พวกที่จะทรยศสหายของตัวเองได้ลงคอ คงจะมีเหตุผลอะไรสักอย่าง”

“แบบนี้นี่เอง ..อาจจะดูแปลกพิลึกไปหน่อย ทั้งๆที่เราสองคนพึ่งสู้กันไปไม่นาน แต่จะเป็นอะไรรึเปล่าถ้าทางท่านลิเวียธานจะให้ความร่วมมือโค่นเทพมังกร”

ลิเวียธานได้ยินก็นิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนหัวเราะพึมพำในลำคอ และหยักไหล่ตอบด้วยท่าทางยี้ยัวะกวนประสาท

“ถ้าอยากจะโค่นเทพมังกรก็เอา ‘เอเธอร์’ มา”

“เรื่องนั้นคง ..”

ไม่ไหวหรอก อยู่ตั้งไกล

“ไม่ได้ ก็ช่วยเอาตัวตนที่พวกแกเรียกกันว่า ‘ท็อปโลก’ มาสักสิบคน หรืออย่างดี เอามาให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แล้วก็เอาตัวตนระดับ ‘จอมมาร’ มาช่วยกันรุม ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าห้ามให้จอมมารตายระหว่างการต่อสู้เด็ดขาด”

นั่นก็ไม่ไหว

“ถ้าไม่ไหวก็แปลว่าไม่ไหว จบเห๋แล้วละ อาณาจักรนี้ รึ บางที อาจจะรวมถึงทวีปแห่งนี้ บอกตรงๆโดยไม่ละอายใจเลยนะ ดิฉันจะหนีตายไปหาจอมมาร แล้วไว้คุยแผนการณ์รับมือเทพมังกรต่อจากนี้อีกที”

ชินถึงกับพูดไม่ออก เขาไม่คิดว่าลิเวียธานจะโกหก เพราะเธอเคยต่อสู้กับเทพมังกรมาก่อนแล้วเมื่อครั้งอดีตกาล และการต่อสู้คราวนั้น ..หากจำไม่ผิด มันเป็นการต่อสู้ระหว่าง จอมมาร ปีศาจแห่งโซโลม่อน และปีศาจมหาบาป กับ เทพมังกรเพียงตนเดียวเท่านั้น

“ขอถามกลับนะ ชิน แกมาร่วมมือกับดิฉันในแผนการณ์ต่อจากนี้จะดีกว่ารึเปล่า?”

“คงไม่หรอกครับ ที่อาณาจักรเนลยอน ..มีคนสำคัญอยู่ อย่างน้อยๆก็สองคนได้”

ทั้งเรเซอร์ และฟัฟนิร์ ต่างมีศึกภายในอาณาจักรฟัฟนิร์กัน

“อ๋อเรอะ ถ้านั้นก็ตายให้สบายนะคะ”

บอกลาแบบไร้มารยาทจบ ลิเวียธานก็หายไปกับสายน้ำโดยทันที

ชินส่งสายตาไปที่อาณาจักรเนลยอน ..ซึ่งอีกไม่นาน จะเป็นการถือกำเนิดของเทพมังกร

 

****

ภายในเขตุแดน ‘ธง’ ที่ถูกกางขึ้นเพื่อปกป้องอาณาจักรแห่งนี้จากตัวประหลาดอย่าง ‘ซาตาน’ ข้างในของเขตุแดนนี้คือการต่อสู้ระหว่าง ผม เรเซอร์ ดราแคล์ , เบ็นจิโร่ และบาปแห่งโทสะ ซาตาน

การต่อสู้ดำเนินไปอย่างเรียบเฉย ใช่ สุดจะน่าเบื่อ แน่นอนว่าทั้งผมและเบ็นจิโร่ต่างตั้งใจให้เป็นไปอย่างนั้น ขืนปล่อยให้การต่อสู้เต็มไปด้วยความดุเดือดและเศษซากมานาที่กระจัดกระจายไปตามพื้นละก็-ซาตานได้ขึ้นสู่ เฟซ ถัดๆไปอย่างรวดเร็วแน่นอน

เป้าหมายคือถ่วงเวลา จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใส่เต็ม

“น่ารำคาญจริงๆ”

ผมพุ่งปะทะกับซาตาน เธอตั้งใจจะสะบั้นผมทิ้งด้วยดาบทลายโลกา แต่ก็ไม่เป็นผล ผมหักล้างการโจมตีโดยตัดมิติในทุกๆครั้งของการต่อสู้ เน้นเข้าแลก มากกว่าเข้าต่อสู้โดยหวังชัยชนะและอาการบาดเจ็บของอีกฝ่าย

ตั้งใจดักไว้ทุกๆหนทาง

นอกจาก ดาบทลายโลกา และ เฟซทั้ง 5 ที่เธอมี เธอก็ถือครอง ‘อำนาจมหาบาป’ ไว้เช่นกัน บาปแห่งโทสะคือการควบคุมปริมาณมานาที่เธอจะดูดเข้าร่างในการเลื่อนขั้นสู่เฟซถัดๆไป ถ้าหากรอบตัวเธอมีการต่อสู้ที่รุนแรง และซากมานาที่ล่องลอยไปมามหาศาล เธอก็สามารถใช้อำนาจมหาบาปแห่งโทสะเพื่อควบคุมการเลื่อนเฟซ ไม่ว่าจะเร็วขึ้น หรือช้าตามที่เธอประสงค์ได้

การขึ้นเฟซในแต่ละขั้นจะสูญเสียสติปัญญาไป แต่ด้วยอำนาจมหาบาปนี้ทำให้เธอสามารถครองสติตัวเองไว้ได้หากจัดการได้อย่างดีพอ

วิธีสู้โดยถ่วงเวลาจึงมีแค่สู้แบบน่าเบื่อๆดังเช่นตอนนี้ ทุกจังหวะการปะทะ เบ็นจิโร่จะยิงลูกธนูคอยขัดการเคลื่อนไหวของซาตาน ส่วนตัวผมก็เข้าปะทะและถอย เข้าปะทะและถอยซ้ำไปมา ที่เกิดขึ้นเรียกว่าการต่อสู้ไม่ได้ด้วยซ้ำ

“..วิธีการต่อสู้น่ารังเกียจจริงๆ หึ! คนรักของท่านจอมมารเป็นพวกเหลี่ยมจัดนี่เอง ไม่คู่ควรกับท่านผู้นั้นเลยนะ”

ในมุมของผม จอมมารก็เหลี่ยมไม่แพ้กันหรอกนะ เท่าที่เห็นผ่านๆตามา

“อะไรกันท่านบาปแห่งโทสะ หัวร้อนเพราะทำอะไรไม่ได้อยู่สินะเนี่ยถึงได้พยายามยั่วโมโหด้วยวิธีแบบพวกกุ๋ยกระจอกๆ”

“หา??”

“ฮะ ฮ่า! อย่างหล่อนไม่มีทางชนะพวกเราคู่หูที่ยอดเยี่ยมที่สุดในรอบร้อยปีได้หรอก จริงเปล่าพวก!?”

“อย่ามาเหมารวมฉันไปกับการทะเลาะวิวาทต่ำๆจะได้รึเปล่า”

เบ็นจิโร่โพล่งขึ้นอย่างไม่เกรงใจใคร กระทั่งผมที่ยืนอยู่ข้างเธอ หรือว่าซาตานที่หัวร้อนอยู่ข้างหน้า

“ฉันแค่ทำตามหน้าที่ของตัวเอง ตามกลยุทธิ์ที่ดีที่สุด ปฏิบัติทุกอย่างไปตามสมควรในฐานะผู้ที่มีหน้าที่รักษาความสงบของโลก ถ้าไม่พอใจอะไรก็เอาชนะสถานการณ์เสียเปรียบตอนนี้ให้ได้ แล้วเหยีบบหน้าฉันให้ได้ซะสิ บาปแห่งโทสะ”

“…ชิ น่าเสียดาย แต่ต้องยอมรับว่าไม่มีทางเป็นไปได้ที่ฉันจะผ่าเขตุแดนบ้าๆนี่ไปได้ แต่ว่านะ เอาแต่สนใจทางนี้ระวังจะแย่เอานะ”

…..

….

เอ๊ะ

อะไรสักอย่างผิดแปลกไป ผมกับเบ็นจิโร่รับรู้ได้พร้อมกันหลังคำเตือนจากซาตาน เพราะซาตานสามารถรับรู้มานาได้ดีกว่าจากอำนาจแห่งบาป เธอจึงรู้สึกตัวได้เร็วกว่ามาก

ซาตานเก็บดาบทลายโลกาเข้าพื้นดิน จากนั้นก็แบมือสองข้างขึ้นฟ้า

“ขอถอยก่อนจะได้รึเปล่า?”

“ตั้งใจจะไปไหน”

ทั้งผมและเบ็นจิโร่รู้ดีว่าตอนนี้มีเรื่องที่สำคัญกว่าซาตานโผล่มาแล้ว แต่จะปล่อยไปเฉยๆก็คงไม่ได้อยู่ดี

“หนีสิ”

หนี?

“เทพมังกรกำลังจะโผล่ จะให้อยู่ทำซากอะไร” ซาตานหรี่ตาลงเล็กน้อย “ไม่มีเวลาแล้ว ต้องรีบไปหาท่านจอมมาร”

….

“..”

ผมสลายธงทิ้ง เปลี่ยนฟอร์มของเรลันดาฟไปเป็น ‘คทาเวทย์’ เหมือนเดิม ซาตานพยักหน้ารับเหมือนเป็นสัญญาณตอบตกลงทางผ่านที่ผมมอบให้ ซาตานเดินผ่านผมและเบ็นจิโร่ไปโดยไม่ใส่ใจอะไร และผมเองก็ตั้งใจปล่อยเธอไปด้วย

“คิดดีแล้วรึ เรเซอร์”

“อ่า เพราะเทพมังกรกำลังจะเกิด”

แปลว่า-ไรเดน อาคาสะ คนนั้นทำพลาดสินะ ..อลิซาเบธ ปีเตอร์ แล้วก็เรน อาจจะพลาดก็ไม่แปลก บางทีคงตั้งความหวังไว้กับเขามากเกินไป

“เทพมังกรแข็งแกร่งขนาดนั้นเลยรึไง”

“ฉันแข็งแกร่งขึ้นมากแล้ว คิดว่า ไรเดน อาคาสะ ที่เป็นนักรบที่แข็งแกร่งที่สุด หรือเทพดาบ ถ้าหากต้องสู้กัน ฉันมั่นใจได้ 60/40 ฉันจะชนะ หรือถ้าคู่ต่อสู้เป็นเธอ ไม่ต้องบอกก็รู้ 60/40 เหมือนกัน ประเมินตัวเองไว้สูงทีเดียวละ ..แต่บนโลกนี้มีสามอย่างที่ไม่ว่าจะคิดยังไงก็ยากจะเข้าข้างตัวเอง” 

ผมกำหมัดแน่นด้วยความเจ็บใจ 

“หนึ่งในนั้นคือเทพมังกร”

“มั่นใจขนาดนั้นแปลว่ามีข้อมูลเกี่ยวกับเทพมังกรที่ว่าในระดับหนึ่งสินะ”

“อ่า พอสมควรเลย รู้พอจะคาดเดาอะไรหลายๆอย่างได้”

“แล้วยังไงต่อ? จะหนีจากสนามรบก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนนอกอย่างนาย ฉันไม่คิดถือสา รึ โวยวายอะไรหรอกนะ”

ผมส่ายหัวตอบ

“แต่ฉันเชื่อว่าจะต้องชนะได้ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง”

“ย้อนแย้งกับที่พูดก่อนหน้านี้นะ”

ไม่ปฏิเสธหรอก แต่-

“ทางนี้ไม่ได้มาเพื่อแพ้ มันก็แค่นั้น”

วิธีชนะมันไม่ได้มีแค่บวกค่าพลังตัวเองให้ได้มากกว่า มันมีวิธีรับมือมากกว่านั้น ต่อให้ยังไม่พบก็มีแต่ต้องสร้างหนทางนั้นขึ้นมาให้ได้

“นอกจากนั้นปล่อยให้คู่แข่งของตัวเองตายมันก็น่าเศร้าแปลกๆ”

“…”

“ถึงจะแค่ชั่วคราว แต่พวกเราจะได้ยืนอยู่ในสนามรบเดียวกัน ในฐานะ ‘คู่หู’ เหมือนกับแต่ก่อน คิดซะว่าเป็นคำขอโทษที่ฉันหนีไปโดยไม่บอกกล่าวอะไรเมื่อหลายปีก่อนละกันนะ”

“ยังคงอวดดีไม่เปลี่ยนไปเลยนะ แต่ก็ดี หวังไว้อย่างนั้นอยู่”

เบ็นจิโร่หัวเราะขึ้นจมูก จากนั้นก็บินทยานขึ้นไปบนฟ้าด้วยปีกอันสวยงาม ผมเห็นก็บินตามไปโดยการยืนอยู่บนเรลันดาฟ

 

****

“เนลยอน ..”

“….”

“..เดี่ยวสิ”

อลิซเรียกฟัฟนิร์และแซร์อิซที่สติหลุดลอยไปไกลกลับมา ทั้งสองหันไปตามเสียงเรียกของอลิซ และชำเลืองมองตามที่นิ้วของอลิซชี้ไปบนฟ้า วัตถุประหลาดทรงไข่กำลังถูกกระเทาะเปลือก เรนที่ยืนอยู่ตรงหน้าจางหายไปทันทีที่แก่นแท้ของเนลยอนถูกบีบ

….

….

“เทียแมธคือมานา คือเจ้าแห่งมานา คือศูนย์กลางแห่งมานา”

เสียงของแขกที่ไม่ได้รับเชิญ อลิซาเบธเดินมาพร้อมกับปีเตอร์ในสภาพที่ไม่สู้ดี เนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผลจากการต่อสู้อันหนักหน่วง แล้วก็สติใกล้จะดับหายไปทั้งคู่

“แก่นแท้ของเทียแมธมิใช่สิ่งอื่นใดเลย นอกจากมานา มานาที่ก่อร่างขึ้นกลายมาเป็นเทพ ..เทพตนแรกที่ถูกสร้างขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจของพระเจ้าสูงสุด เทพที่มีพลังใกล้เคียงกับพระเจ้าสูงสุดที่สุดก็คือ ‘มานา’ ก็คือ ‘โลกใบนี้’ ..ท่านเรน ในที่สุดก็คว้าได้แล้วสินะคะ”

การสั่นสะเทือนของมานาเริ่มดังขึ้น การสั่นสะเทือนนี้มีผลกระทบทั่วทั้งทวีปเนลยอน อลิซาเบธยิ้มเมื่อได้ฟังการสั่นสะเทือนอันเปรียบได้ดั่งบทเพลงสรรเสริญของการกำเนิดใหม่

“‘พลังแห่งโลก’ ที่ท่านปารถนามาโดยตลอด บัดนี้ได้ปรากฏบนฝ่ามือของท่านแล้ว”

“..เวรเอ้ย”

ร่างของปีเตอร์ค่อยๆสลายไปทีละนิด เริ่มต้นจากใบหูลามไปที่เลือนผมและใบหน้า จากร่างเนื้อสู่ขี้เถ้า ในฐานะเครื่องสังเวย ปีเตอร์กัดฟันกรามแน่นจนเลือดไหลออกมาจากปาก และทั้งหมดก็ค่อยๆสลายไปทีละนิด

“อลิซาเบธ ฉันไม่อยาก—”

ปีเตอร์หายไปแล้ว อลิซาเบธหรี่ตามองขี้เถ้าบนพื้นด้วยแววตาที่แสนเศร้าโศรก

“อภัยให้ฉันด้วยนะคะ ปีเตอร์ ..การเสียสละของเธอจะไม่มีทางสูญเปล่า”

อลิซาเบธยื่นแขนทั้งสองข้างขึ้นไปบนฟากฟ้า ปล่อยให้น้ำตาซึ่งหลั่งมาจากการสูญเสียหล่นลงสู่ผผืนดิน

“อา ท่านเรน โปรด—”

ไม่ทันที่จะพูดจบ ร่างของอลิซาเบธก็ถูกสะบั้นจนขาดครึ่ง ท่อนบนปลิวไปนอนคลุกฝุ่นอยู่ข้างๆอลิซ 

“ท่านเร ..ได้โปรด ..มอบความ ..อบอุ่นสู่..โลก”

สติเลืองหายไป อลิซาเบธตายแล้วอย่างแน่นอน ไรเดน อาคาสะ โผล่มาในสภาพที่เต็มไปด้วยบาดแผลสาหัสหลายจุด เขาหายใจฮอบ เมื่อเห็นว่าอลิซาเบธตายเรียบร้อยแล้วก็เงยหน้าขึ้นไปมองบนฟ้า

“..อา”

สายไปแล้ว

 

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!
Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! << 0 >> รู้สึกว่าโลกเราช่วงนี้จะฮิตต่างโลกกันสินะ? ถ้าจำไม่ผิดนวนิยายประเภทไลทโนเวลของญี่ปุ่นในยุค 2020 จะฮิตกันเอาเรื่องเลย ขนาดผมก็เคยอ่าน หรือเคยดูอนิเมที่ดัดแปลงจากนิยายมาอีกทีไม่น้อยเลย ใช่ มันค่อนข้างสนุกเลย อาจจะเป็นเพราะมันช่วยสนองนีทให้ผมก็ได้ เพราะปกติผมมักจะเป็นผู้แพ้เป็นประจำทั้งๆที่พยายามากแล้ว พอได้เห็นคนๆหนึ่งประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม ซึ่งนั่นก็คือพระเอกมันก็ชวนให้รู้สึกภาคภูมิใจในตัวเขาด้วย พร้อมไปกับสาวๆในฮาเร็มของแกด้วยอะนะ แต่ด้วยความที่เป็นตลาดที่ใหญ่ ทำให้มีหลายความเห็นตามไปด้วย หลายครั้งที่นิยายแนวนี้จะถูกวิจารย์ในเชิงไม่ดี อาทิเช่น ส้ำซากจำเจ เดาทางง่าย ตัวละครผู้หญิงง่าย ทุกอย่างง่ายไปหมด บางเม้นต์ก็ร้ายแรงขนาดบอกว่า ‘นี่ไม่ใช่นิยายแต่เป็นสินค้า’ อืม ถ้าในมุมผมก็ไม่ได้รังเกียจอะไรหรอก ออกไปในทางชอบด้วยซ้ำ แต่ขอติหน่อยเถอะ ตัวร้ายส่วนใหญ่ในเรื่องแนวนี้โคตรจะไม่น่าให้อภัย คนอะไรมันจะเลวได้ขนาดนั้น เลวถึงแก่นแท้เลยพวกตัวร้ายในนิยายต่างโลกเนี่ย ไม่น่าให้อภัยที่สุด โง่ก็โง่ กระจอกก็กระจอกชิบหายเลย ไร้ความคิดความอ่าน กลับตัวก็ไม่เป็น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset