ตอนที่ 16 แยกบ้าน
คุณพ่อจ้าวก็คิดไม่ถึงว่าลูกชายของตัวเองจะมาพูดเรื่องนี้กับเขา แต่ไม่เพียงไม่นานก็ตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว จึงถามไปตรง ๆ “พวกหล่อนชักสีหน้าใส่แกสินะ?”
พวกหล่อนที่คุณพ่อจ้าวพูดถึงคือใครจ้าวเหวินเทาย่อมรู้ดี ก็คือพวกพี่สะใภ้ของเขานั่นแหละ
จ้าวเหวินเทาไม่แยแสที่จะราดน้ำสกปรกใส่พวกหล่อน แน่นอนว่ารวมถึงพวกพี่ชายของเขาด้วย “พวกพี่สะใภ้ของผมจะไปมีอะไร ก็ซุบซิบนินทาตามประสาผู้หญิงนั่นแหละ คนที่พูดจริง ๆ ก็คือพวกพี่ ๆ ของผมไม่ใช่เหรอ? พ่อ ผมคือลูกชายของพ่อ ตั้งแต่เล็กพ่อกับแม่ก็ประคบประหงมผมมาตลอด แม้ว่าผมจะไม่เคยถูกพ่อทุบตี แต่ผมรู้ว่าภายในใจพ่อก็รักผม ตอนเด็ก ๆ ตอนที่พ่อออกไปซ่อมอ่างเก็บน้ำข้างนอก ช่วงฤดูหนาวพ่อก็อยู่ด้านนอกไม่ยอมกินอะไร แถมยังแอบเอาหมั่นโถวขาวมาให้ผมกินเป็นการส่วนตัวอีก ผมจำได้หมดนั่นแหละ”
คุณพ่อจ้าวส่งเสียงหัวเราะหึออกมา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
นี่เป็นลูกชายของเขานะ เขาเกิดหลังจากที่ลูกสาวคนที่ห้าคลอดออกมา 5 ปี ตอนนั้นคิดว่าจะไม่มีลูกแล้ว แต่ไม่มีใครคิดว่าภรรยาของเขาจะให้กำเนิดเจ้าหกออกมาอีกคน
เขาและภรรยาอายุต่างกัน 3 ปี แต่ไม่ใช่เขาที่อายุมากกว่าคุณแม่จ้าว 3 ปี แต่เป็นคุณแม่จ้าวต่างหากที่อายุมากกว่าเขา 3 ปี ตอนที่คลอดลูกชายคนนี้ออกมา คุณแม่จ้าวยังสาวอยู่เลย นางอายุแค่ 33 ปีเท่านั้น
แต่ตอนนั้นฐานะทางบ้านไม่ดี พวกเขาจนมากจริง ๆ
ทว่าลูกชายคนนี้บางทีอาจจะเป็นดวงดาวแห่งความสุขและความโชคดีที่จุติลงบนโลกก็เป็นได้ เพราะเมื่อมีเขาอยู่ ภายในบ้านก็มีความสุขอย่างไม่หยุด
เริ่มแรกภรรยาของเขาฝันว่ามีตุ๊กตาสีทองตกลงมาจากฟ้า ตุ๊กตาสีทองตัวนี้ในมือกอดปลาแฟนซีคาร์ป เหมือนกับตุ๊กตาในภาพเหนียนฮวา[1]
จากนั้นเขาก็จับสัตว์ป่าได้โดยไม่รู้ว่าวิ่งมาจากที่ไหน เดินผ่านพุ่มไม้เห็นกระต่ายสองตัวกำลังทะเลาะกันอยู่เขาก็เลยจับมาทั้งสองตัว ตอนเข้าไปในป่าเพื่อเก็บฟืนก็ยังได้ไข่ไก่ฟ้ากลับมาที่บ้าน และในคืนนั้นภรรยาของเขาก็เริ่มอาเจียน จึงเรียกหมอเท้าเปล่าหมายเลขหนึ่ง[2]มาจับชีพจรแล้วก็พบว่าตั้งครรภ์!
เมื่อแม่ตั้งท้องเขา ภายในบ้านก็ได้กินเนื้ออยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นเนื้ออะไร เนื้อปลาเอย เนื้อกุ้งเอย ก็ได้กินทั้งหมด
ตอนที่เจ้าหกถือกำเนิดก็แตกต่างจากลูกบ้านอื่นที่ตัวแดงก่ำแถมยังผอมกะหร่อง เพราะเขามีผิวพรรณขาวผ่องและอวบอ้วน นี่คือตุ๊กตาเหนียนฮวาที่ภรรยาของเขาฝันถึงไม่ใช่เหรอ?
ทว่ามันก็ทำให้คุณพ่อจ้าวดีใจมาก ลูกชายและลูกสาวคนอื่น ๆ เขาไม่เคยอุ้มมาก่อน เคยก็แต่อุ้มหลานเท่านั้น!
แต่ลูกชายคนนี้คุณพ่อจ้าวเปลี่ยนผ้าอ้อมด้วยตัวเอง สำหรับผู้ชายที่อยู่ในยุคผู้ชายเป็นใหญ่แล้ว สิ่งนี้นับว่าเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์มาก
หลังจากนั้นก็ไม่ต้องพูดอะไรอีก ยิ่งลูกโตก็ยิ่งซน แต่กลับทำให้คนชอบ หลังจากโตขึ้นอีกหน่อย ภายในบ้านก็ยากจนทำให้เขากินไม่อิ่ม จึงวิ่งเข้าไปในป่า และไม่เคยกลับมามือเปล่าเลย
คนอื่นไม่ได้ของกินกลับมา แต่เมื่อเขาเข้าไปในป่ามักจะได้ของกลับมาอยู่เสมอ ต่อให้เลวร้ายแค่ไหน อย่างน้อย ๆ ก็ต้องมีไข่นกกลับมา 7-8 ฟอง
ครึ่งหนึ่งเขาจะเก็บไว้แล้วเรียกให้พ่อแม่ของเขามากิน ส่วนที่เหลือก็จะแบ่งให้พวกหลาน ๆ ได้กินคนละคำ
ทั้งยังเป็นแบบนี้อยู่หลายครั้ง มีหลายครั้งที่สามารถเก็บไก่ฟ้าและกระต่ายป่ากลับมา ในสมัยนั้นในช่วงเวลาสองสามปีก็ไม่อาจแน่ใจได้ว่าจะได้กินเนื้อ ตอนนั้นในกลุ่มยังไม่มีใครเลี้ยงหมูเลย
แต่บ้านของเขาประมาณหนึ่งเดือนก็จะได้กินเนื้อหนึ่งครั้ง เนื้อปลาหนึ่งเดือนจะได้กิน 3-5 ครั้ง ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นของที่เจ้าหกนำกลับมา
ช่วงเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วง เป็นฤดูเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่ เจ้าหกสามารถจับกระต่ายในทุ่งนา ไก่ฟ้า รวมไปถึงหนูนาตัวอ้วนมาได้!
ช่วงเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงและฤดูร้อนทุกคนต่างก็เหนื่อยจนสายตัวแทบขาด แต่ช่วงเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงและฤดูร้อนของบ้านเขากลับมักจะเกิดความประหลาดใจ
ดังนั้นตอนที่เจ้าหกไม่ชอบทำงานเป็นประจำ คุณพ่อจ้าวและคุณแม่จ้าวจึงไม่ได้พูดอะไร นำของกลับมาได้มากขนาดนี้ก็นับว่าเพียงพอแล้ว
ลูกชายของพวกเขา พวกเขาคิดว่าเท่านี้ก็พอแล้ว ทว่าเหล่าลูกสะใภ้กลับไม่เห็นด้วย
คุณพ่อจ้าวจะไม่รู้ได้อย่างไร เขาเองก็มีพี่น้อง เขาย่อมรู้ดีว่าหลังจากที่พวกพี่สะใภ้เข้ามาอยู่ในบ้านก็ต้องกลายเป็นใหญ่ในครอบครัว ดังนั้นมีบางเรื่องที่เขาเองก็ได้แค่ทำเป็นมองไม่เห็น
อยากจะแยกบ้านคงเป็นไปไม่ได้ ลูกชายของเขาเพิ่งจะแต่งงาน สองสามีภรรยาต่างก็ยังไม่มีคนช่วย จะแยกบ้านได้อย่างไรกัน?
แต่คุณพ่อจ้าวรู้ดีว่าคนอื่น ๆ ก็มีความคิดอยากจะแยกบ้าน ทว่าคิดไม่ถึงเลยว่าลูกชายคนเล็กของเขาจะมาพูดเรื่องนี้
จ้าวเหวินเทาพูด “พ่อกับแม่คือคนที่ผมรัก ผมต้องกตัญญูกับพ่อแม่อยู่แล้ว ถ้าหากแยกบ้าน ผมอยากให้พ่อกับแม่ไปอยู่กับผม ผมจะเลี้ยงพ่อกับแม่เอง ส่วนพวกพี่รอง ก็ให้พวกเขาเอาอาหารมาให้ก็พอแล้ว ตอนนี้อายุยังน้อยไม่ต้องขอความช่วยเหลือจากพวกเขา หลังจากที่แก่ตัวลงก็ค่อยให้พวกเขาทั้งสามบ้านมาแบ่งให้เท่า ๆ กัน พ่อคิดว่ายังไงครับ?”
“มีใครที่ไหนเขาย้ายไปอยู่บ้านเดียวกับลูกคนเล็กกัน” ครั้นคุณพ่อจ้าวได้ยินลูกชายคนเล็กพูดว่ายินดีที่จะเลี้ยงดูพ่อแม่โดยไม่มีท่าทีรังเกียจ เขาจึงพูดด้วยใบหน้าที่อ่อนโยน
“จะไม่มีได้ยังไงล่ะครับ? ตระกูลเซี่ยงก็อยู่กับลูกชายคนเล็กไม่ใช่เหรอ? ไม่ต้องไปทนดูสีหน้าของลูกสะใภ้ใหญ่ที่บ้านใหญ่ สองสามีภรรยาเฒ่าก็อยู่กันอย่างเป็นอิสระจะตายไป!” จ้าวเหวินเทาพูด
“ตระกูลเซี่ยงก็คือตระกูลเซี่ยง บ้านพวกเราก็คือบ้านพวกเรา พวกเราไม่ได้มีกฎแบบนี้ หากแยกบ้านไปแล้วพ่อกับแม่ก็ต้องอยู่กินที่บ้านใหญ่” คุณพ่อจ้าวไม่ยินดีที่จะทำให้ลูกชายคนเล็กเดือดร้อน เขาจึงพูดพร้อมกับส่ายหน้า
แต่เพียงไม่นานคุณพ่อจ้าวก็กลับมาที่หัวข้อสนทนาอีกครั้ง “ทำไมไปพูดถึงเลี้ยงดูยามแก่ล่ะ? เรื่องแยกบ้านฉันยังไม่ตอบตกลงเลยนะ!”
“โถ่พ่อ กฎในหมู่บ้านของพวกเราคือถ้าลูกชายแต่งงานก็ต้องแยกบ้าน ผมเองก็แต่งงานมาหลายเดือนแล้ว อีกอย่างตอนนี้แยกบ้านก็ดีกว่าหน่อยหนึ่ง ความสัมพันธ์ยังไม่ร้าวฉาน สีหน้าของทุกคนก็ยังดีอยู่ พวกหล่อนรังเกียจผมก็ช่างปะไร แต่ผมทนไม่ได้ที่พวกหล่อนรังเกียจภรรยาของผม ถึงเวลานั้นถ้าผมโกรธขึ้นมาแม้แต่ตัวผมเองก็ยังกลัวเลย!” จ้าวเหวินเทาพูด
คุณพ่อจ้าวรู้ดีว่าลูกชายคนเล็กมาหาเขาในคืนนี้คงคิดตรึกตรองมานานแล้ว จึงพูดไปว่า “แล้วแกจะแยกยังไง?”
“ยังต้องถามอีกเหรอครับ ควรแยกยังไงก็แยกแบบนั้นแหละ แต่ปีนี้คงไม่ทันแล้ว รอให้ถึงปีหน้าผมจะออกไปสร้างบ้านสักหลัง ปีนี้ก็แค่คิดอยากจะแยกครอบครัวแต่ยังไม่ได้แยกกันอยู่ ตอนนี้เอาเป็นว่าก็อยู่กันแบบเดิมไปก่อนแล้วกัน” จ้าวเหวินเทาพูด
“แกอยากสร้างบ้านอีกหลัง?” คุณพ่อจ้าวชะงักไปครู่หนึ่ง อดไม่ได้ที่จะมองเขา “แกรู้หรือเปล่าว่าสร้างบ้านต้องใช้เงินเท่าไหร่ ต่อให้ในบ้านมีเงิน แต่แบ่งให้พวกแกก็ยังไม่พออยู่ดี”
“มีอะไรกันล่ะ ผมหาเองได้ รอให้แยกบ้านก่อนผมจะหาเงินให้พ่อดู พ่อกับแม่รอรับความสุขจากผมได้เลย ส่วนพวกเขา อย่าคิดว่าจะได้แม้แต่คนเดียว!” จ้าวเหวินเทาแค่นเสียง
คุณพ่อจ้าวยิ้ม แต่กลับพูดอย่างจริงจังว่า “เรื่องแยกบ้าน แม่ของแกก็เคยพูดกับพ่อมาก่อน เดิมทีพ่อไม่ได้เห็นด้วย แม่ของแกก็คิดแบบเดียวกัน เพราะคิดว่าพวกแกจะเสียเปรียบ แต่ถ้าแกคิดอยากจะแยกบ้านจริง ๆ พ่อก็จะไม่ห้ามแก แต่หลังจากแยกบ้านไปแล้ว แกต้องเป็นใหญ่ในบ้านนะ อย่าทำตัวเอ้อระเหยลอยชายแบบนี้อีกล่ะ”
คุณพ่อจ้าวจะไม่รู้ได้อย่างไรกันว่าลูกชายคนเล็กของตนเองถูกเหล่าพี่สะใภ้รังเกียจ? คุณแม่จ้าวเองก็กระซิบบอกไม่น้อย บอกว่าตอนที่กินเนื้อแต่ละคนก็คุยโวโอ้อวดกัน เวลาทำงานก็เอาแต่ชี้เจ้าหก โดยเฉพาะเจ้าสามที่ไม่ยอมเสียเปรียบแม้แต่ครึ่งเดียว สะใภ้สี่ก็เหมือนกัน สั่งให้ลูกสาวสองคนจับตามองนางว่าแอบให้เงินช่วยเหลือลูกชายคนเล็กหรือเปล่า!
ไม่พอใจอะไรนิด ๆ หน่อย ๆ ก็เอาออกไปพูดข้างนอกว่าลำเอียงรักน้องสามีคนเล็กอย่างนู้นทีอย่างนี้ที คิดว่าพวกเขาสองสามีภรรยาจะไม่รู้จริง ๆ เหรอ?
เพียงแต่ทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ก็เท่านั้นแหละ!
………………………………………………………………………………………………………………………
[1] เหนียนฮว่า คือ ภาพมงคลตรุษจีน ซึ่งเป็นศิลปะการวาดภาพแขนงหนึ่งของชาวจีน เมื่อถึงเทศกาลตรุษจีน ชาวจีนจะนำภาพวาดที่แสดงถึงปีใหม่มาติดตามประตูบ้านหรือตามกำแพงบ้าน เพื่อเป็นการแสดงถึงงานเทศกาลอันเป็นมงคล
[2] หมอเท้าเปล่า คือ เกษตรกรที่ได้รับการฝึกการแพทย์และผู้ช่วยแพทย์พื้นฐานขั้นต่ำและทำงานในหมู่บ้านชนบท
สารจากผู้แปล
เหวินเทาก็เป็นผู้ชายปากร้ายใช่ย่อยนะคะ พูดพล่อยๆ ไม่ระวังโดนพี่แกตอกหน้าหงายได้เลย
คุณพ่อจ้าวไฟเขียวแล้ว เหลือแค่ต้องพิสูจน์ตัวเองแล้วล่ะเหวินเทา
ไหหม่า(海馬)