เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] – ตอนที่ 51 ส่งเสริมการเปิดร้าน

ตอนที่ 51 ส่งเสริมการเปิดร้าน

“ไม่เคยได้ยินเรื่องนี้เลย ทุกคนรู้กันแล้วเหรอคะ?” ลูกสะใภ้วัยรุ่นคนหนึ่งเอ่ยถามด้วยความสงสัย “พวกคุณคิดว่าการขายถั่วงอกนั้นได้กำไรจริง ๆ เหรอ ถ้าเป็นแบบนั้นที่บ้านฉันยังมีถั่วอยู่ ฉันปลูกแล้วให้สามีเอาไปขายสักหน่อยดีไหม?”

ภรรยาของเหล่าหวังสามหัวเราะออกมาทันทีเมื่อได้ยิน “เธอเพิ่งจะแต่งงานได้ไม่นาน ยังไม่รู้ว่าเขาเป็นคนยังไง เขาบอกว่าขายดีก็เชื่อเขาแล้วเหรอ? มีความสุขชะมัดเลย”

“นั่นน่ะสิ!” สะใภ้ที่มีอายุอีกคนกล่าว “จ้าวเหวินเทาคนนั้นเป็นหัวหน้าครอบครัวชอบกินแต่เกียจคร้านทำการทำงาน ถ้าเขาไม่พูดแบบนี้เขาจะเข้าเมืองได้ทุกวันเหรอ? ตอนนี้ต้องเตรียมรับหน้าหนาวแล้ว ชีวิตนี้ไม่รู้ว่าจะอยู่ได้นานแค่ไหน!”

“ไม่ใช่แค่นั้นนะ ถั่วงอกเป็นของหายากขนาดนั้นเลยเหรอ? อีกอย่าง ถ้าได้เงินมากขนาดนั้นยังจะเหลือมาถึงเขาอีกเหรอ? คนอื่นเขาคงทำไปนานแล้ว”

“ถั่วงอกไม่กี่ต้นก็เป็นครัวเรือนหมื่นหยวนได้แล้ว ต่อให้ถั่วงอกนั้นทำมาจากทองก็ไม่ได้มีค่าอะไรขนาดนั้น!”

“เฮ้อ น่าสงสารเย่ฉูฉู่โฉมงามผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือเสียจริง ใครจะไปคิดว่าต้องมาแต่งงานกับคนไม่ได้เรื่องแบบนี้? หลังจากนี้จะใช้ชีวิตยังไงเนี่ย” ภรรยาของเหล่าหวังสามแสร้งทำเป็นเห็นใจ

“ผู้ชายดี ๆ แต่งงานกับผู้หญิงไม่สวย ผู้ชายไม่ดีได้แต่งงานกับผู้หญิงสวย ๆ คำพูดนี้ไม่ผิดเลย เย่ฉูฉู่คนนั้นก็หน้าตาสวยอยู่นะ แต่ชีวิตกลับอาภัพ ไม่งั้นจะแต่งงานกับคนแบบนี้ได้ยังไง?”

“ใช่แล้ว มันเป็นโชคชะตา!”

พวกหล่อนพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ไม่ได้สนใจเย่ฉูฉู่ที่อยู่ด้านนอกประตูลานบ้านเลย

เย่ฉูฉู่หงุดหงิดเล็กน้อย นินทาเธอยังพอทน แต่ทำไมต้องนินทาสามีของเธอด้วย? ประโยคนั้นที่พูดก็แค่พูดลอย ๆ ทำไมถึงมีคนจำนวนมากขนาดนี้ที่เป็นกังวล เรื่องนี้มันเกี่ยวกับพวกเขาตรงไหน?

ตอนแรกเธอตั้งใจจะมาช่วยทำผักดอง เพราะถึงอย่างไรทุกคนต่างก็เป็นเพื่อนบ้านกันหมด แต่คนเหล่านี้มองสามีของเธอไม่ดี จึงทำให้เธอหมดอารมณ์ ยังจะต้องช่วยอะไรอีก ค่อย ๆ ทำไปไม่ต้องรีบร้อน!

รอเหวินเทาของเธอประสบความสำเร็จก่อนเถอะ ถึงตอนนั้นพวกหล่อนได้อิจฉาตาร้อนแน่

เย่ฉูฉู่เบ้ปากก่อนจะหมุนตัวกลับบ้านไป

จ้าวเหวินเทาไม่รู้ว่าภรรยาของตัวเองถูกคนอื่นทำให้โมโห ตอนนี้เขาอยู่ในเมืองกำลังพูดคุยอยู่กับชายหนุ่มที่ขายซาลาเปา

คนในบ้านและในหมู่บ้านจะพูดอะไรเขาไม่รู้ ถึงรู้เขาก็ไม่สนใจ เขามีเวลาว่างที่ไหนกันล่ะ ตอนนี้เขายุ่งมาก!

“ช่วงเช้าวันนี้อากาศหนาวมาก ซาลาเปาเย็นไวมากเลยสินะ?” จ้าวเหวินเทาถาม

ชายหนุ่มแซ่จงคนนี้ชื่อจงย่ง จ้าวเหวินเทารู้สึกว่าชื่อนี้เป็นชื่อที่ดี แค่ดูก็รู้ว่ามีประโยชน์แล้ว!

“ใช่แล้ว ห่อแน่นกว่านี้ก็ไม่มีประโยชน์” จงย่งทุกข์ใจเป็นอย่างมาก “ตอนนี้ก็เลยไม่กล้าทำเยอะน่ะ ทำแค่จำนวนน้อย ๆ แป๊บเดียวก็ขายหมดแล้ว ถ้าทำเยอะ ๆ คงจะเย็นหมด คนอื่นเห็นก็นึกว่าเสีย!”

“อันที่จริงเวลาแบบนี้กินบะหมี่ร้อน ๆ สักถ้วยคงดีที่สุด มีทั้งน้ำทั้งเส้นบะหมี่ร้อน ๆ เลย” จ้าวเหวินเทากล่าวความคิดของเขาออกมา

จงย่งมีสายตาที่เฉียบแหลม เขารีบถามทันทีว่า “พี่จ้าว พี่มีความคิดอะไรเหรอ?”

เขารู้ว่าพี่จ้าวเป็นคนฉลาด ย่อมต้องเรียนรู้จากเขา

“ฉันมีความคิดเยอะแยะเลยล่ะ แต่บ้านฉันอยู่ไกลจากที่นี่ นายอาศัยอยู่ในเมือง จะทำอะไรก็ง่ายไปหมด” จ้าวเหวินเทากล่าว “ฉันว่านายทำเตาไว้สักเตาก็ดีนะ ไว้ทำแผงลอยลวกบะหมี่ ฉันมีเนื้อแถมยังมีถั่วงอก นายแค่ใส่ต้นหอม กระเทียม ขิง ผักชีอะไรพวกนั้น ทำบะหมี่หมูสับ บอกเลยว่าต้องขายดีแน่นอน ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการขายซาลาเปาร้อน ๆ ของนายด้วย!”

จ้าวเหวินเทาย่อมไม่ใช่ผู้ที่มีน้ำใจอันบริสุทธิ์อยู่แล้ว เขาและจงย่งไม่ใช่ญาติกัน ไม่จำเป็นต้องให้คำแนะนำก็จริง แต่ก็อย่าให้คนอื่นคิดว่าเขามีเจตนาไม่ดี

เหตุผลที่เขาบอกออกไปแบบนี้ ก็เป็นการหาลูกค้าประจำสำหรับซื้อถั่วงอกของเขาเท่านั้นแหละ

อันที่จริงสามารถขายให้กับร้านอาหารได้ ตัวอย่างเช่น ร้านอาหารของรัฐ ที่ปัจจุบันยังดำเนินธุรกิจอยู่

แต่เขาไม่มีเส้นสาย ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ทำแค่เล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่สามารถส่งถั่วงอกจำนวนมากได้ ถ้ามีคนต้องการจำนวนมาก เขาก็ไม่สามารถหามาได้อยู่ดี ดังนั้นในตอนนี้เขาจึงยังไม่มีความคิดทางด้านนี้

แต่นี่เป็นเพราะจงย่งถามขึ้นมา ที่ช่วยเหลือกันก็นับว่าเป็นการพบกันเพราะซาลาเปา เขารู้สึกว่าจงย่งกล้าออกมาค้าขายในเวลานี้ก็นับว่ากล้าหาญแล้ว เขาจึงยินดีที่จะเลือกจงย่งเป็นผู้ร่วมงานจากนิสัยของอีกฝ่าย

เมื่อจงย่งได้ยิน ดวงตาก็พลันเป็นประกาย เขารู้สึกว่าความคิดนี้ไม่เลวเลย เมื่อถึงตอนนั้นก็ขายบะหมี่คู่กับซาลาเปาเสียเลย มันต้องดีกว่าตอนนี้อย่างแน่นอน!

“แต่ผมกังวลว่าจะมีนักเลงมาสร้างปัญหาน่ะสิ” จงย่งลังเลเล็กน้อย

อย่ามองว่าตอนนี้ใช้ชีวิตได้อย่างอิสระมาก แม้จะไม่มีกฎมากมายเหมือนสมัยก่อน แต่พวกสัมภเวสีก็มีเยอะขึ้นด้วย

จ้าวเหวินเทากล่าวอย่างไม่แยแส “แล้วไงล่ะ นายเปิดร้านที่ถนนสายหลักฝั่งนั้น ถนนสองเส้นด้านหลังถนนหลักก็เป็นสถานีตำรวจไม่ใช่เหรอ? จะมีเรื่องหรือไม่มีเรื่องนายก็ยัดบุหรี่ให้ตำรวจทางฝั่งนั้นสักซองสองซองสิ ชวนให้มาดื่มชาที่ร้าน ใครจะกล้ามาหาเรื่องนาย? นายกำลังจะเปิดร้านทำธุรกิจ ก็ต้องกล้า ๆ หน่อย พวกเราอายุน้อยไม่กลัวขาดทุนหรอก ถ้าจะกลัวก็คงต้องกลัวที่ถอยโดยที่ยังไม่ได้ลอง แบบนั้นก็คงไม่มีวันไปถึงเป้าหมาย นายว่าไหม?”

“พี่จ้าว พี่พูดถูก!” คำพูดของจ้าวเหวินเทาทำให้จงย่งชื่นชมเขาในใจ ความรู้และคำพูดคำจาไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ!

ในเมื่อวางแผนแล้วก็ต้องทำ เช่นนั้นก็ต้องนึกว่าในบ้านมีอะไรบ้าง ที่บ้านมีเตา หม้อก็มีพร้อมใช้งานแล้ว ถ้าทำไม่ได้จริง ๆ เขาก็กลับมาขายซาลาเปาอีกครั้ง ไม่เสียหายอะไร!

ดังนั้นจึงเหลือแค่คำเดียวก็คือทำ!

“ได้ ตกลงตามนี้แหละ!” จงย่งกล่าว

“มันต้องอย่างนี้” จ้าวเหวินเทายิ้ม

เขาไม่ชอบคนที่เอาแต่พูดไม่ลงมือทำ เขาชอบคนที่เด็ดขาดแบบนี้ ทั้งสองจึงตกลงกันเรื่องราคา

เมื่อตกลงราคาเสร็จแล้ว จ้าวเหวินเทาก็ไม่ได้ตระหนี่ เขาลดราคาให้สองเฟิน เรื่องปริมาณเนื้อหมูยังคงยึดตามจำนวนก่อนหน้านี้ ส่วนถั่วงอกนั้นเขาเอามาให้ก่อนสองชั่ง

หนึ่งถ้วยใช้แค่หนึ่งหยิบมือ สองชั่งสามารถทำได้หลายถ้วย จงย่งคำนวณไว้ในใจ นี่คือผลกำไรเชียวล่ะ

ทั้งสองคนพูดคุยกันอย่างมีความสุข

หลังจากพูดคุยกันเสร็จ จ้าวเหวินเทาก็ไม่มีเรื่องอะไรให้ทำในเมืองแล้ว เขาจึงขี่จักรยานกลับบ้าน

แต่เมื่อผ่านตรอกเส้นหนึ่ง ก็พบว่ามีเด็กหนุ่มคนหนึ่งออกมาหยุดรถของเขาไว้

“ทำอะไรเนี่ย!” จ้าวเหวินเทาตกใจสะดุ้งโหยง เขาเกือบจะชนคนแล้ว เขาวางเท้าข้างหนึ่งลงบนพื้น จากนั้นก็จ้องมองอีกฝ่าย เขาสำรวจอย่างละเอียด อีกฝ่ายทำแบบนี้คิดจะออกมาปล้นเหรอ?

เขากล้าออกมาข้างนอกมีเหรอที่จะกลัวในการเผชิญหน้ากับคนเลว? ตั้งแต่เด็กเรื่องต่อสู้เขาไม่เคยแพ้ใคร!

เด็กหนุ่มรีบขอโทษขอโพย “โทษทีพี่ใหญ่ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันแค่อยากถามว่าพี่อยากซื้อผักกาดขาวไหม”

“ผักกาดขาว?” จ้าวเหวินเทาเลิกคิ้วมองเขา ขายผักกาดขาว?

ชาวชนบทจะปลูกผักกาดขาวในแปลงของตนเองและลานบ้านสำหรับฤดูหนาว คนในเมืองจะแบ่งผักกาดตามหน่วยงาน ซื้อขายส่วนตัวก็มีเช่นกัน แต่มีจำนวนน้อยมาก ปีนี้ไม่ว่าจะเป็นเสบียงอะไรก็ขาดตลาดไปหมด ราคาสินค้าสูงเกินไปทำให้มีคนต้องการซื้อน้อยจึงขายออกได้ยาก

“พี่ชาย พี่ดูสง่าแถมยังแต่งตัวดี มองแวบแรกก็รู้แล้วว่าต้องเป็นคนฐานะทางบ้านดี ก็เลยอยากถามว่าพี่ชายสนใจซื้อผักกาดขาวไหม? ผมมีผักกาดขาวกับผักกวางตุ้งฮ่องเต้ ไม่ว่าจะเอาไปทำผักดองหรือกินสดเป็นผักฤดูหนาวก็ดีเยี่ยมทั้งคู่เลย พี่ซื้อไปไม่ขาดทุนแน่นอน ราคาที่ผมขายก็ไม่แพงด้วย!”

ขณะที่เด็กหนุ่มคนนี้พูด เขาก็เหลียวซ้ายแลขวา

จ้าวเหวินเทาย่อมมีความสุข เด็กหนุ่มคนนี้มีที่ไปที่มาอย่างไรเขาพอจะทราบแล้ว นี่น่าจะเป็นคนของหน่วยงานใดสักแห่ง แต่ออกมาทำธุรกิจส่วนตัวสินะ

………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

นินทาระยะเผาขนเลย อย่าให้เห็นว่ามาขอส่วนบุญตอนบ้านหกจ้าวรวยแล้วนะพวกหล่อน

เหวินเทาได้ลูกค้าถั่วงอกแล้ว ร้ายกาจมาก

ไหหม่า(海馬)

เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零]

เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零]

Score 7.8
Status: Ongoing
อ่านนิยาย เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] เย่ฉู่ฉู่บุตรสาวเสนาบดีกังฉินเกือบถูกรังแกในระหว่างทางที่โดนเนรเทศ​ แต่ได้ว่าที่ท่านอ๋องผู้หนึ่งมาช่วยนางไว้​และเก็บนางไว้ข้างกาย​ ในระหว่างการชิงอำนาจเพื่อปกป้องพระราชโอรสองค์เล็กของจักรพรรดิองค์ก่อน​ ว่าที่ท่านอ๋องผู้นี้ก็สิ้นชีพเพราะยาพิษประหลาด​ ครั้นพิธีศพถูกจัดขึ้น​ เย่ฉู่ฉู่ก็ได้โขกศีรษะกับโลงศพของเขาตายตกตามกันไป​ แต่นางกลับได้มาเกิดใหม่ในประเทศจีนยุค​ 1970 ในร่างของเจ้าของร่างผู้ได้ชื่อว่าเป็น​แม่เสือตามคำกล่าวของจ้าวเหวินเทาผู้เป็นสามี

Comment

Options

not work with dark mode
Reset