ตอนที่ 188 เข้าไปในกับดัก
นางจะรับใช้เจียเหวินได้อย่างไรกัน? หากเจียเหวินยังไม่ยอมหยุด นางจะฝังเข็มให้แก่เจียเหวินอีกครั้ง!
“น้องชาย” ซูหวานหว่านหัวเราะออกมาและเบือนหน้าหนี “ทุกท่านนั้นเป็นแขก ถึงแม้ว่าเราจะมีความชอบเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราสองคนจะยินยอมรับใช้เจ้านะ”
เจียเหวินเลิกคิ้วขึ้น “ในเมื่อเราชอบเหมือนกัน เหตุใดพวกเราสามคนถึงไม่เล่นด้วยกันเสีย ข้าไม่เอาเปรียบพวกเจ้าสองคนแน่” สุดท้ายเห็นว่าทั้งสองคนยังเงียบ เขาจึงยืดตัวตรงและพูดออกมาพร้อมรอยยิ้มประชดประชัน “พวกเจ้าคงไม่รู้ว่าข้านั้นเป็นใคร?”
“ข้าไม่รู้” ซูหวานหว่านก็ส่ายหัว “ข้าไม่ชอบผู้ชายแบบเจ้า ข้าต้องการให้คนอื่นมารับใช้ข้า ถ้าข้าไม่ตอบตกลง เจ้าย่อมไม่สามารถบังคับข้าได้!”
ฉีเฉิงเฟิงแสร้งทำเป็นจ้องไปที่ผู้ดูแลร้าน “ใช่! น้องชายของข้าพูดถูก! นี่เป็นวิธีการทำการค้าของหอซุนชุนโหลวหรือ? เหตุใดถึงสร้างความกดดันให้กับแขก! ทำไมพวกเจ้าถึงไม่ให้พวกเราเป็นคนเลือกคนมารับใช้เราเอง ไม่อย่างงั้นพวกเราอาจจะโกรธได้!”
“นี่…”
คนเหล่านี้เป็นคนสำคัญมาก! และเขาก็ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรเช่นกัน! ผู้ดูแลหญิงเช็ดเหงื่อที่ไหลซึมออกมาตามกรอบหน้า มองเจียเหวินอย่างระมัดระวัง “นายน้อย ท่านอยากไปหรือไม่เจ้าคะ?”
“ช่างเถอะ!” ไม่ยินยอมก็ไม่ยินยอม เจียเหวินปฏิเสธออกมาแล้วก้าวเข้าไปในห้องรับรองด้านข้าง “พาสาว ๆ มาปรนนิบัติข้าสองสามคน!”
ผู้ดูแลตอบรับคำของเจียเหวิน แล้วสั่งลูกน้องคนอื่น ๆ ให้จัดการเรื่องนี้แทนตน และจึงรีบพาซูหวานหว่านกับฉีเฉิงเฟิงไปที่สวนข้างหลัง เดินผ่านภูเขาเทียมกระทั่งเดินมาถึงถนนเส้นเล็ก ๆ เส้นหนึ่ง พวกเขาเดินผ่านบ้านสองสามหลัง แล้วหยุดลงที่หน้าบ้านแห่งหนึ่งที่มีสภาพค่อนข้างทรุดโทรม พร้อมกับเคาะประตูสองสามครั้ง ไม่นานประตูก็เปิดออกเมื่อคนด้านในเห็นก็เปิดทางให้พวกเขาเดินเข้าไปในบ้าน
ผู้ดูแลที่พาทั้งสองคนเข้ามาก็ตะโกนออกมาทันที “พี่น้องทั้งหลาย ลุกขึ้นเถิด มาพบกับเจ้านายของเจ้า! พวกเจ้าต้องปรนนิบัติพวกเขาทั้งสองให้ดี! หากคุณชายสองคนนี้ชอบพวกเจ้า คุณชายทั้งสองอาจจะรับพวกเจ้าไปรับใช้ที่บ้านก็ได้!”
ทันทีที่คำพูดของผู้ดูแลจบลง ชายจำนวนยี่สิบสามสิบคนก็ลุกขึ้นยืนรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว พวกเขาแต่ละคนล้วนมีใบหน้าหล่อเหลา หากแต่ร่างกายของพวกเขากลับซูบผอมอ่อนแอ ซูหวานหว่านจะชอบพวกเขาได้อย่างไร! หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปที่ฉีเฉิงเฟิงที่อยู่ถัดจากนาง ด้วยรู้สึกว่าเป็นสามีของนางนั้นที่สะดุดตากว่ามาก
ทั้งสองกำลังมองหาลูกชายคนสุดท้องของซุนชางซู่ซึ่งอายุห้าหกขวบ ภายในกลุ่มคนเหล่านี้คนที่น่าจะอายุน้อยที่สุดคงแค่อายุสิบสองขวบ ซูหวานหว่านมองดูอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันไปมองไปที่ฉีเฉิงเฟิงและพูดว่า “ข้าไม่ชอบชายเหล่านี้! มีเด็กกว่านี้หรือไม่?”
“ท่านต้องการเด็กแค่ไหน?” ผู้ดูแลเลือกเด็กชายสองสามคนในช่วงอายุสิบถึงสิบสองปีออกมา แต่ซูหวานหว่านก็ยังคงส่ายหัวด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง และพูดออกมาว่า “ข้าต้องการเด็กอายุห้าถึงหกขวบ พวกเจ้ามีไหม?”
มีรสนิยมชอบเด็ก ๆ เหมือนเจียเหวิน! แต่เด็กเหล่านั้นที่ถูกจับมาถูกเลี้ยงเอาไว้เพื่อปรนนิบัติเจียเหวินเท่านั้น! เขาสองคนไม่คู่ควร! ผู้ดูแลร้านขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนกล่าวว่า “คุณชาย แบบนั้นพวกเราไม่มีหรอกเจ้าค่ะ!”
“ช่างโชคร้ายเสียจริง ๆ เช่นนั้นก็ช่างมันเถอะ!” พูดจบซูหวานหว่านก็หมุนตัวหมายเดินออกไป แต่ผู้ดูแลร้านก็เอ่ยห้ามเอาไว้ “พวกเจ้าสองคนทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร พวกเจ้าจะออกไปโดยไม่จ่ายเงินงั้นรึ คิดว่าที่ข้าพาพวกเจ้าทั้งสองเดินมาไกลขนาดนี้เพื่อเสียเวลาเปล่า ๆ อย่างงั้นหรือไร!”
นี่มันเป็นการปล้นเงินพวกเขาทั้งสองคนชัด ๆ!
ซูหวานหว่านหยิบถุงเงินให้ผู้ดูแลร้าน “นี่เป็นของกำนัลสำหรับเจ้า! พาพวกเราสองคนพี่น้องกลับไปได้แล้ว!”
ถุงเงินใบนั้นมีน้ำหนักมากเลยทีเดียว มันทำให้ผู้ดูแลร้านมีความสุขมากและรับเก็บเงินไปในทันที จากนั้นก็พาทั้งสองคนออกไป “เชิญ คุณชาย”
หลังออกมาจากบ้านหลังนั้น ซูหวานหว่านก็จดจำมันได้อย่างชัดเจน แต่เส้นทางที่ผู้ดูแลร้านพากลับนั้นแตกต่างไปจากเดิม มันคือคนละเส้นทาง! หลังจากเดินไปได้ซักพักซูหวานหว่านก็หยุดและถามออกมาว่า “นี่ เจ้าจะพาพวกเราไปไหน?”
“คุณชาย ด้านหน้าก็จะถึงทางออกแล้ว ที่แห่งนี้เป็นสถานที่สำหรับเลี้ยงเด็กผู้ชาย ทางเข้าและทางออกนั้นย่อมแตกต่างกันอยู่แล้ว พวกท่านมาที่นี่เป็นครั้งแรกใช่หรือไม่ หากมาที่นี่อีกก็คงจะชิน” ผู้ดูแลร้านพูดพร้อมกับชี้นิ้วไปยังประตูที่อยู่ไม่ไกล “เดินออกไปจากที่นี่ไปสักพักก็จะเจอถนนแล้ว”
“ข้าจะเชื่อใจเจ้าสักครั้ง” ซูหวานหว่านและฉีเฉิงเฟิงก็เดินนำไปก่อน แต่เมื่อพวกเขาเดินก้าวผ่านประตูเข้าไปก็พบว่าพวกเขาเข้ามาในลานบ้านที่เล็กกว่าเดิม และบ้านก็ทรุดโทรมกว่ามาก!
ผู้ดูแลร้านเท้ามือไปที่ผนังออกแรงกดมัน ทันใดนั้นประตูหินก็ปิดลง ซูหวานหว่านขมวดคิ้วแน่นแล้วพูดว่า “มันหมายความว่าอย่างไร?”
“พวกโง่! แค่นี้พวกเจ้ายังเดาไม่ออกอีกงั้นเหรอ?” ผู้ดูแลหัวเราะออกมาดังลั่น “ข้าเห็นพวกเจ้าใช้ผ้าคลุมหน้าคลุมตา ข้าไม่รู้หรอกว่าพวกเจ้าหน้าตาเป็นอย่างไร แต่น้ำเสียงของพวกเจ้าไพเราะมาก! เช่นนั้นข้าจะเลี้ยงพวกเจ้าเอาไว้ ต่อจากนี้ไปพวกเจ้าถือว่าเป็นคนของข้า ทำตัวดี ๆ ล่ะ!”
หลังจากพูดจบ ผู้ดูแลร้านก็ตะโกนออกมาแล้วพูดว่า “ข้าพาคนใหม่มาแล้ว! พวกเจ้าจะต้องจำเอาไว้ว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าคุณชายเจียจะต้องทำตัวดี ๆ!”
“แน่นอน!” ทันใดนั้นก็มีชายสองคนเดินเข้ามา พวกเขาคือพระสองคนที่ฉีเฉิงเฟิงสะกดรอยตาม!
ดูเหมือนว่าที่แห่งนี้จะเป็นสถานที่เลี้ยงดูพวกชายคนไร้การศึกษาเหล่านี้ ซูหวานหว่านนำยาบางอย่างออกมาแล้วกินมันเข้าไป เมื่อผู้ดูแลร้านจากไป พระสองรูปนั้นเหลือบมองดูพวกเขาทั้งสองคนแล้วพูดว่า “ไม่นึกเลยว่าพวกเราจะได้พบกันอีก!”
“พี่ใหญ่ ต่อจากนี้ไปข้าเป็นคนของพวกท่านทั้งสองแล้ว โปรดดูแลข้าด้วย! ข้าดูดีกว่าพวกผู้ชายกลุ่มนั่นมาก!” ซูหวานหว่านก็ได้พูดออกมา และเป็นเพราะนางกินยาเข้าไปใบหน้าของนางจึงขึ้นตุ่มสีแดง ทำให้พระรูปหนึ่งเอ่ยออกมาอย่างรังเกียจว่า “อย่างเจ้าเรียกว่าดูดีงั้นหรือ? กล้าดีอย่างไรมาอวดดี เจ้ามันพวกหลงตัวเอง!”
หลังจากพูดจบเขาก็หยุดมองฉีเฉิงเฟิงและพาทั้งสองไปที่โรงเก็บฟืน เมื่อมาถึงเขาก็ถีบซูหวานหว่านเข้าไป “พวกเจ้าทั้งสองคนอยู่ที่นี่ไปก่อน! หน้าหายแดงเมื่อไหร่แล้วค่อยมาหาข้าเพื่อเปลี่ยนห้องนอน!”
“พี่ใหญ่! ท่านจะทำแบบนี้ไม่ได้! พวกเราเคยได้ดื่มชาด้วยกันมาก่อนนะ!” ซูหวานหว่านก็ตะโกนออกมา พระทั้งสองรีบปิดประตูอย่างรวดเร็วและลงกลอนประตูจากข้างนอกแล้วเดินจากไป ทำเหมือนไม่อยากจะเห็นใบหน้าของพวกเขาทั้งสองคน!
ฮูหยินของเขานี่ช่างชอบการแสดงจริง ๆ! ฉีเฉิงเฟิงถอดหมวกไม้ไผ่ของเขาออก มองไปที่ซูหวานหว่านแล้วดึงนางลงมานั่งข้าง ๆ กองฟืน เพื่อรอเวลาที่กำลังจะมาถึง
พอตกดึก ทั้งสองคนเปิดประตูที่ลงกลอนเอาไว้อย่างง่ายดาย เดินออกไปสำรวจรอบ ๆ แต่ก็ยังหาเด็กไม่เจอ เมื่อทั้งสองคนกำลังจะหนีออกไป ทันใดนั้นได้ยินเสียงเด็กร้องดังขึ้นตรงห้องหัวมุม พวกเขาหยุดฟังเสียงอย่างตั้งใจ “พ่อแม่ของพวกเจ้าได้ขายพวกเจ้าให้ข้าแล้ว! ต่อไปนี้พวกเจ้าเป็นคนของข้า! หากพวกเจ้าต้องการที่จะมีชีวิตที่ดีล่ะก็ จะต้องเป็นเด็กดีทำให้ข้าสบายใจ! เมื่อพวกเจ้าเติบโตขึ้น ออกไปรับใช้ผู้อื่นได้เงินมาก็เอามาให้ข้า แล้วข้านั้นจะปล่อยพวกเจ้าไป!”
พระสองรูปนั้นกำลังสั่งสอนเด็กอยู่!
ซูหวานหว่านกำลังจะเจาะรูที่กระดาษหน้าต่างเพื่อส่องดู แต่ทันใดนั้นประตูก็เปิดออก พระสองรูปนั้นบ่นพึมพำไม่หยุด ส่วนซูหวานหว่านและฉีเฉิงเฟิงก็แนบตัวกับผนังทันทีเพื่อแอบหลบซ่อนตัวในความมืด
เมื่อพระสองรูปนั้นได้เดินจากไปแล้ว ซูหวานหว่านก็เปิดประตูทันที หญิงสาวก้าวเท้าเดินเข้าไปในห้องก็พบว่ามีเด็กชายมากกว่าสิบคนอยู่ในนั้น สิ่งนี้ทำให้ซูหวานหว่านรู้สึกกังวล ถึงแม้ว่านางจะต้องการพาตัวลูกชายคนเล็กของซุนซ่างชูออกไปจากที่นี่เพียงคนเดียว แต่เด็กคนอื่น ๆ นางก็ไม่สามารถปล่อยเอาไว้ที่นี่ได้เหมือนกัน!
“พวกเจ้าอยากหนีไปกับข้าหรือไม่?” ซูหวานหว่านก็ได้ถามออกมา
“ข้ายินดี!”
“ข้าด้วย!”
“…”
มีเด็กคนไหนบ้างที่ไม่อยากออกไปจากที่นี่ เด็กทุกคนต่างพยักหน้า ซูหวานหว่านและฉีเฉิงเฟิงต่างมองหน้ากัน คนหนึ่งจะเป็นคนนำทางออกไป ส่วนอีกคนหนึ่งจะต้องคอยระวังหลัง พวกเขาเดินออกไปทางประตูอย่างเงียบ ๆ
ทันใดนั้นก็มีเด็กคนหนึ่งมองซ้ายมองขวา และนึกถึงคำพูดของพระสองรูปนั้นได้ขึ้น จึงตะโกนขึ้นมาว่า “มีคนกำลังหลบหนี! มาจับพวกเขาเร็ว!”