เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田 – ตอนที่ 189 เรื่องที่ไม่คาดคิด

“เจ้า!”

เด็กคนนี้ไม่อยากหนีไปจากที่นี่งั้นเหรอ? เด็กนี่สมองมีปัญหาหรือเปล่า?

ซูหวานหว่านยกมือขึ้นปิดปากเด็กผู้ชายคนนั้นด้วยความโกรธ หากแต่พระสองรูปนั้นได้จุดตะเกียงไฟแล้วและกำลังเดินออกมา!

“เอาล่ะพวกเจ้าทั้งสอง ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าสองคนดูแปลก ๆ ที่เข้ามาที่แห่งนี้ก็เพราะมีเจตนาไม่ดีแอบแฝงอยู่นี่เอง!” พระคนหนึ่งพูดออกมาด้วยความโกรธ

“พวกเรามีเจตนาที่ไม่ดี? พวกเจ้าต่างหากที่เป็นคนมีเจตนาไม่ดี! ทำร้ายเด็กแล้วยังมีหน้าพูดแบบนี้อีกเหรอ?” ซูหวานหว่านหัวเราะเยาะ และจ้องไปที่เด็กชาย “ข้าสามารถพาพวกเจ้าออกไปจากที่นี่ได้ เจ้า…ไม่ต้องการออกไปรึ?”

“ข้าจะไปกับเจ้าทำไมกัน? พวกเขาสัญญาว่าหากมีคนที่คิดจะหนีออกไป แล้วข้าช่วยจับคนคิดหนีได้ พวกเขาจะปล่อยข้าไป!” เด็กคนนั้นพูดออกมาอย่างภาคภูมิใจ เขาคว้าแขนเสื้อของซูหวานหว่านเอาไว้ “พี่ชาย เจ้าก็อย่าคิดหนีเลยนะ อยู่กับพวกเขาที่นี่เถอะ!”

เด็กชายคนนี้อายุยังน้อยอยู่เลย ดูเหมือนจะมีอายุเพียงแค่เจ็ดขวบแต่มีจิตใจที่ชั่วร้ายเช่นนี้แล้ว

“เฮอะ!” ซูหวานหว่านเค้นเสียงหัวเราะ จับมือของเด็กผู้ชายออกจากแขนเสื้อตัวเองอย่างแรง ทำให้เขาส่งเสียงร้องออกมาอย่างเจ็บปวด และปล่อยมืออย่างรวดเร็ว ซูหวานหว่านผลักเด็กผู้ชายคนนั้นออกไป และมองหาวิธีเปิดเส้นทางหนีอย่างรวดเร็ว

พระสองรูปวิ่งเข้ามาอย่างตื่นตระหนก เป็นจังหวะเดียวกับที่นางก็หาที่กดเจอพอดี ซูหวานหว่านจึงกดลงบนกำแพง ไม่นานประตูก็ถูกเปิดออก นางรีบพาเด็ก ๆ ที่เหลือวิ่งออกไปทันที!

พระรูปหนึ่งปาตะเกียงลงพื้นอย่างโกรธจัด เขาวิ่งกลับไปที่ห้องหยิบดาบออกมาเล่มหนึ่งแล้ววิ่งเข้าใส่ซูหวานหว่านทันที “วันนี้ข้าจะจัดการเจ้าให้หลาบจำ!”

“เฮอะ! เจ้าอย่าเก่งแต่พูดเลย” ซูหวานหว่านยิ้ม นางมองไปที่ฉีเฉิงเฟิงเล็กน้อย ก่อนจะออกตัววิ่งและให้ฉีเฉิงเฟิงคอยถ่วงเวลาพระสองรูปนั้นเอาไว้

ซูหวานหว่านคุ้นเคยกับถนนเหล่านี้ดี และนางก็จำทางตอนที่ผู้ดูแลร้านพานางมาที่นี่ได้อย่างแม่นยำ นางปลดกลอนกุญแจของบ้านที่ขังคนไว้ด้วยลวดเหล็กอย่างง่ายดาย พวกผู้ชายที่ถูกนำมาขายบริการทุกคนวิ่งหนีออกมาทันที

ซูหวานหว่านรีบพาพวกเขาหนีออกไปอย่างรวดเร็ว ฉีเฉิงเฟิงทุบพระสองรูปนั้นจนสลบลงไปนอนกับพื้น และทั้งสองก็รีบพาทั้งพาชายหนุ่มและเด็ก ๆ หนีไป

ในค่ำคืนที่มืดมิด สรรพสิ่งรอบกายล้วนเงียบสงบ โคมไฟที่แขวนอยู่ตามท้องถนนทำให้ดูรกร้าง ในขณะที่กำลังมองหาที่พักก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากข้างหลังพวกนาง “พวกเจ้าจะวิ่งหนีไปเพื่ออะไร? กลับมาเดี๋ยวนี้! พวกเจ้าถูกขายไปแล้ว สัญญาการซื้อขายก็ยังอยู่!”

ดูเหมือนว่าคนของหอนั่นจะรู้ตัวแล้ว จึงไล่ตามพวกนางมา!

กลุ่มคนที่นางพาหนีกำลังจะตื่นตระหนกด้วยความกลัว ซูหวานหวานจึงแนะนำพวกเขาว่า “ทุกคนอย่าเพิ่งตกใจไป การที่เจ้ามีสัญญาการซื้อขายแล้วอย่างไรเล่า ถ้าทุกคนร่วมมือกับทางการเพื่อช่วยการตรวจสอบหอซุนชุนโหลวเกี่ยวกับการค้าประเวณี สัญญาการซื้อขายของพวกเจ้าจะเป็นโมฆะ”

ทุกคนคิดตามคำพูดของซูหวานหว่าน แน่นอนว่ามันคือเหตุผลที่ดี พวกเขาจึงตัดสินใจรีบหนีต่อไป แต่ทันใดก็มีเด็กคนหนึ่งล้มลงและเริ่มวิ่งช้าลง

ซูหวานหว่านรีบอุ้มเด็กคนนั้นขึ้นมาพร้อมกับวิ่งต่อไป แต่เวลานี้ความเร็วของคนอื่น ๆ ก็ลดลงเช่นกัน จึงทำให้คนเหล่านั้นไล่ตามมาทัน

ผู้ดูแลหอซุนชุนโหลวพูดออกมาด้วยความโกรธ “พวกเจ้าคงคิดไม่ถึงล่ะสิ ข้าได้ใส่ยาลงไปในอาหารที่พวกเขากินอยู่ทุกคืน และตอนนี้ยาก็เริ่มออกฤทธิ์แล้ว ตอนนี้ขาและเท้าของพวกเขาจะค่อย ๆ อ่อนแรงลง พวกเขาไม่มีทางหนีไปไหนได้อีกแล้ว!”

“เจ้าแน่ใจงั้นหรือ?” ซูหวานหว่านหัวเราะ ตอนนี้นางยืนอยู่ต่อหน้าผู้ดูแลร้าน “เมื่อถึงยามจื่อ*[1] เรื่องนี้จะต้องถูกตรวจสอบอย่างแน่นอน อีกทั้งยังมีพลลาดตระเวนตรวจเวรยามอยู่ทางทิศตะวันออกของถนน เจ้าไล่ตามข้ามาถึงที่นี่ก็มาให้พวกเขาจับไปเลยเสีย”

“นี่เจ้า!” ผู้ดูแลร้านคาดไม่ถึงว่าเรื่องจะกลายเป็นแบบนี้

แต่ช่างมันเถอะ ในเมื่อตอนนี้ยังมีเวลาเหลือตั้งครึ่งก้านธูป ผู้ดูแลร้านรู้สึกโล่งใจขึ้นมาอีกครั้งและเอ่ยออกมาอย่างหยิ่งผยอง “ฮึ่ม! ข้าบอกแล้วไงว่าพวกเรามีคนจำนวนเยอะกว่าเจ้ามาก ใช้เวลาเพียงครึ่งก้านธูป ก็สามารถจับพวกเจ้าได้แล้ว!

“เฮอะ ข้าไม่เชื่อ!” ซูหวานหว่านเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา และเริ่มตะโกนทำให้ผู้คนบริเวณใกล้เคียงแตกตื่น “ช่วยด้วย! ช่วยด้วย! ไฟไหม้!”

ในสมัยโบราณไฟไหม้ถือเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมาก ทันทีที่เสียงของนางเงียบลง ใครบางคนก็วิ่งออกมาพร้อมกับอ่างซักผ้าที่เต็มไปด้วยน้ำแล้วพูดว่า “ที่ไหน? ไฟไหม้ที่ไหน?”

ภายใต้โคมสีเหลืองสดใส สีหน้าของผู้ดูแลร้านพลันเปลี่ยนไปและซูหวานหว่านก็ตะโกนออกมาว่า “คนในหอซุนชุนโหลวทำเรื่องร้ายแรง! ออกปล้นกลางดึก!”

ทันทีที่นางเอ่ยออกมาเช่นนี้ ผู้คนก็เริ่มทยอยมารวมตัวกันเพิ่มมากขึ้น และเมื่อพวกเขาเห็นคนรับใช้ในหอซุนชุนโหลว ทั้งยังมีกลุ่มชายหนุ่มร่างกายสั่นเทาและท่าทางอ่อนแออยู่ด้วย

เหมือนพวกเขาจะรู้อะไรบางอย่าง ทันใดนั้นมีคนคนหนึ่งพูดออกมาว่า “ไม่ใช่ว่าหอซุนชุนโหลวขายบริการเด็กผู้ชายหรอกนะ ข้าได้ยินมานานแล้วว่าหอซุนชุนโหลวเลี้ยงเด็กผู้ชายไว้ขายบริการให้กับพวกหลงหยางเพื่อเอาไว้เล่นยามเหงา มันเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจมาก ดูท่ามันจะเป็นความจริง!”

“หอซุนชุนโหลวน่าขยะแขยงเกินไปแล้ว! ส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของเมืองพวกเราจริง ๆ!”

“…”

ในระหว่างชาวบ้านทุกคนกำลังพูดถึงเรื่องนี้ ผู้ดูแลร้านก็มองไปที่ซูหวานหว่านและกัดฟันด้วยความโกรธ เพราะคิดว่าเขาอุตส่าห์จับชายคนนี้เอาไว้ได้ แต่ใครจะไปคาดคิดว่าพวกเขาสองคนจะมาขโมยคนของเขาไปทั้งหมด! น่าบัดซบมาก!

ซูหวานหว่านยิ้มออกมา “เจ้ามองข้าทำไมกัน? เจ้ามีชื่อเสียงด้านการทำเรื่องน่ารังเกียจอยู่แล้ว ทำไมคนอื่นจะไม่รู้กันเล่า?”

“เฮอะ!” ผู้ดูแลร้านเอ่ยอย่างเย็นชา “พวกเจ้าอย่าพูดจาเหลวไหล! คนพวกนี้เป็นเพียงคนรับใช้ที่หอซุนชุนโหลวเท่านั้น!”

“ถุย!” ซูหวานหว่านทนไม่ไหวอีกต่อไป “พวกผู้ชายพวกนี้ถูกเจ้าหลอกมาทั้งหมด แล้วยังมีเด็กพวกนี้อีกด้วย พวกเจ้าจะจับพวกเขามาทำอะไร? เลี้ยงเอาให้พวกเขาไปบริการแขกผู้ชายหรือ!”

ชายหลายคนที่หนีออกมาเริ่มมีอาการอ่อนแรงและล้มตัวนอนลงบนพื้น เขาร้องไห้และพูดเรื่องเกี่ยวกับหอซุนชุนโหลวออกมา “ข้ากำลังจะกลับบ้านเกิดของข้าเพื่อไปเยี่ยมญาติ ระหว่างทางข้าบังเอิญพบกับชายคนหนึ่งที่เดินเข้ามาหาข้าและให้อาหารข้า พอกินเข้าไปข้าก็รู้สึกเวียนหัว แต่เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่าตนเองอยู่ที่หอซุนชุนโหลวของพวกเขาแล้ว และพวกเขายังบังคับให้ข้าลงนามสัญญาการซื้อขาย และทรมานข้าอีกด้วย!”

“…”

เมื่อชาวบ้านคนอื่น ๆ ได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกเศร้าใจ หลายคนที่วิ่งออกมาเพื่อดับไฟไหม้ก็อดไม่ได้ที่จะยกอ่างน้ำสาดใส่ผู้ดูแลร้านของหอซุนชุนโหลวและคนอื่น ๆ “พวกเจ้าหอซุนชุนโหลวมีจิตใจที่โหดร้าย ไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ!”

“ใช่แล้ว! ไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ!”

“…”

ใบหน้าของผู้ดูแลร้านพลันหมองลง เขาตัวสั่นเทิ้มด้วยความหนาว แต่เขาก็ยังไม่ยอมที่จะจากไปไหน ทันใดนั้นพลลาดตระเวนก็วิ่งเข้ามา ซูหวานหว่านกำลังจะขอให้พวกเขาจัดการคนเหล่านี้ แต่ใครจะไปคาดคิดว่าพลลาดตระเวนกลับจ้องไปที่ผู้ดูแลร้านและพูดออกมาว่า “สถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไร? นำคนของเจ้ากลับไปได้แล้ว!”

นี่มันหมายความว่ากำลังปกปิดความผิดของหอซุนชุนโหลวอยู่อย่างงั้นหรือ?

ซูหวานหว่านตกใจ และเมื่อนางเห็นพลลาดตระเวนใช้คำพูดแบบนั้นกับผู้ดูแลร้าน นางก็พอจะเดาถึงความสัมพันธ์ของพวกเขาได้ จึงพูดออกมาอย่างโกรธเคืองว่า “เจ้าเป็นคนของหอซุนชุนโหลวอย่างงั้นเหรอ พรุ่งนี้ข้าจะไปที่ศาลาว่าการเพื่อไปปรึกษาเรื่องนี้กับซุนซ่างชู!

“คนธรรมดาแบบเจ้าจะพบกับซุนซ่างชูได้อย่างไร?” พลลาดตระเวนเอ่ยเยาะเย้ย

ผู้ดูแลร้านก็พูดออกมาด้วยความโกรธ “บัดซบ! โชคดีที่มีเจ้าอยู่ที่นี่ ไม่เช่นนั้นกิจการของข้านั้นจะจบแห่แน่ อีกทั้งยังถูกคนพวกนี้ด่าเสียดสีต่อไป เจ้าเป็นคนที่พึ่งพาได้จริง ๆ!”

พูดจบผู้ดูแลร้านก็ชี้ไปที่ซูหวานหว่านแล้วพูดว่า “ฆ่าเขาซะ!”

“พวกเจ้าต้องการฆ่าข้าอย่างงั้นรึ? เป็นไปไม่ได้หรอก! ชะตากรรมของข้านั้นขึ้นอยู่กับข้าเท่านั้น!” ซูหวานหว่านขมวดคิ้ว นางถอดผ้าคลุมหัวและโยนทิ้งไป

เมื่อหยิบเข็มเงินในมือออกมาพร้อมที่จะเข้าไปต่อสู้ ดวงตาของนางพลันราวกับหมาป่ากระหายเลือดที่จ้องมองไปยังศัตรู เหล่าพลลาดตระเวนดึงดาบออกมาแล้วเอ่ย “ชะตากรรมของเจ้านั้นขึ้นอยู่กับข้าต่างหาก!”

————————————————————————————————

[1] ยามจื่อ คือ 23.00 – 24.59 น

เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田

เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田ครั้นวสันตพิรุณเพิ่งผ่านพ้น ท้องฟ้าก็กลับมาแจ่มใสดังเดิม เมฆหมอกขาวบางเบาลอยล่องเหนือแนวบรรพต ก่อเกิดเป็นภาพทิวทัศน์อันตระการตา ในภาพนั้นมีทั้งต้นไม้ ใบหญ้า และผู้คน ‘ซูหวานหว่าน’ ก็เป็นหนึ่งในบุคคลที่ปรากฏอยู่ในภาพทิวทัศน์นั้น นางเพิ่งขุดผักป่าขึ้นมาเต็มตะกร้าและกำลังจะตรงกลับบ้าน “พี่หญิง!” ทันใดนั้นเอง เด็กชายวัยกระเตาะผู้หนึ่งก็รีบวิ่งมาหา พร้อมทั้งตะโกนเรียกนางไปด้วย “ช้า ๆ ก็ได้” ซูหวานหว่านมองไปที่น้องชายตัวแสบของตนพร้อมกับระบายยิ้มให้ ซูจิ่นหมิงกลับไม่มีทีท่าว่าจะวิ่งช้าลงแต่อย่างใด เขายังคงวิ่งตรงเข้ามาหาซูหวานหว่านอย่างรีบร้อน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset