เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田 – ตอนที่ 300 การหลบหนีที่น่าตื่นเต้น

ตอนที่ 300 การหลบหนีที่น่าตื่นเต้น
ตอนที่ 300 การหลบหนีที่น่าตื่นเต้น

เมื่อมองใบหน้าของฉีเฉิง ซูหวานหว่านก็รู้สึกสะอิดสะเอียนขึ้นมาทันที และเอ่ยออกมาอย่างเย็นชาว่า “ฝ่าบาทหมายความว่าอย่างไร? ท่านจะตบหัวแล้วลูบหลังอย่างงั้นรึ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นฝีมือของฝ่าบาท ท่านจะมาบีบบังคับข้าไปเพื่ออะไร?”

“หือ? เจ้าคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นฝีมือของข้าอย่างงั้นรึ?” ฉีเฉิงยกยิ้มพลางมองไปที่ซู หวานหว่าน และพูดออกมาอย่างเย็นชาว่า “พวกเจ้าโดนจับเพราะความผิดของตัวเองต่างหาก ? เรื่องนี้มันจะเกี่ยวข้องกับข้าได้อย่างไร”

หลังจากพูดจบ ฉีเฉิงก็เพิ่มแรงบีบคางของซูหวานหว่านจนเกิดเป็นรอยแดง หญิงสาวรู้สึกเจ็บปวดไปหมด สายตาจ้องมองไปยังฉีเฉิงอย่างไม่วางตาก่อนจะตะโกนออกมา “ปล่อยข้า!”

ดวงตาของซูหวานหว่านดุร้ายราวกับหมาป่า แววตาของนางเต็มไปด้วยแรงอาฆาตที่ปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรก เช่นนั้นยิ่งทำให้ฉีเฉิงมั่นใจในความคิดของตนเองมากขึ้น “หากเจ้าตอบตกลง ข้าจะรับเจ้ามาเป็นนางสนมของข้า”

“ฝ่าบาทคิดว่าข้าไม่รู้ความหรือเพคะ?” ซูหวานหว่านทนไม่ไหวอีกต่อไป หญิงสาวยกมือขึ้นจับมือของฉีเฉิง และใช้กำลังภายในของนางนั้นจัดการกับอีกฝ่ายจนเกิดความเจ็บปวด และยอมปล่อยมือในที่สุด

ซูหวานหว่านมองฉีเฉิงด้วยแววตาเย็นชา “ข้าสามารถเป็นพระชายาได้ ทำไมข้าจะต้องเป็นนางสนมด้วย? อีกทั้งยังต้องไปเป็นสนมของชายแก่ชรา! แก่ขนาดนี้ตรงนั้นคงใช้การไม่ได้แล้วมั้ง!”

ด่าว่าเขาเป็นชายชรา! ทั้งยังบอกว่าตรงนั้นของเขาใช้งานไม่ได้! ฉีเฉิงยิ้มออกมาอย่างเย็นชา ลูบข้อมือที่เจ็บแปลบของตนเองและเอ่ยออกมาว่า “ซูหวานหว่านในเมื่อเจ้าพูดแบบนี้ เช่นนั้นแล้วข้าก็จะไม่ไว้หน้าเจ้าอีกต่อไป พรุ่งนี้ก่อนลงโทษประหาร พาพวกนางเดินไปรอบ ๆ เมืองหลวงสามรอบ!”

ฉีเฉิงต้องการให้พวกนางได้รับความอับอายก่อนที่จะตัดหัวพวกนาง! ความคิดแบบนี้ช่างโหดร้ายจริง ๆ! ซูหวานหว่านมองไปที่ฉีเฉิงและเผยรอยยิ้มแข็ง นางกำลังจะเอ่ยปากพูดบางสิ่ง เมื่อฉีเฉิงเห็นแบบนี้ก็คิดว่าซูหวานหว่านนั้นกำลังขอร้องอ้อนวอนตน แต่กลับได้ยินอีกฝ่ายพูดออกมาว่า “ขอบคุณพระองค์สำหรับบทลงโทษ!”

ซูหวานหว่านยอมรับบทลงโทษนี้โดยไม่ขอร้องอ้อนวอนใด ๆ ทั้งสิ้น! สีหน้าของฉีเฉิงแปรเปลี่ยนไป เขาสามารถหาประโยชน์ได้จากนางได้หากเขาได้ตัวนางมา พอเห็นแบบนี้เขาก็รู้สึกเสียดายเล็กน้อย ถ้าเป็นเช่นนี้ก็ฆ่านางเพื่อหลีกเลี่ยงว่านางจะมาสร้างปัญหาให้ในอนาคต ดังนั้นฉีเฉิงจึงเหลือบมองซูหวานหว่านอย่างเย็นชาและเดินออกไปทันที

ขันทีรีบเดินตามฉีเฉิงออกไปทันที เมื่อได้ยินเสียงปิดประตู แม่จ้าวทรุดตัวลงบนพื้น แววตาของนางพร่ามัวและว่างเปล่า ซูหวานหว่านเดินไปนั่งข้าง ๆ พร้อมกับเอ่ยปลอบนางว่า “ท่านแม่ ท่านแม่ไม่ต้องตกใจ พวกเราจะต้องไม่เป็นไร”

พูดเสร็จก็ได้ยินเสียงลงกลอนประตูถูกเปิดออกเจ้าหน้าที่ศาลาว่าการสองคนเดินเข้ามาพร้อมกับกล่องอาหาร เขากวาดสายตามองสำรวจไปรอบ ๆ แล้ววางกล่องอาหารไว้ข้างหน้าพวกนาง “คุณหนูจ้าว ฮูหยินจ้าวนี่เป็นของที่องค์ชายสามส่งมาให้พวกท่านทั้งสองคน พวกท่านรีบกินเถิด เมื่อพวกเจ้ากินอิ่มแล้วพวกเราจะพาพวกท่านออกไป!”

แม่จ้าวรู้สึกหิวโหยมาก และเชื่อว่าเป็นของฉีเฉิงเฟิงส่งมาจริง ๆ เมื่อนางเห็นเนื้อและข้าวขาวกองบนพื้น นางก็เดินไปหยิบมันขึ้นมาทันที แต่ซูหวานหว่านก็พูดออกมาว่า “ท่านแม่ พี่ชายทั้งสองคนนั้นมาช่วยให้พวกเรารอดชีวิต พวกเราควรให้พวกเขากินของเหล่านี้สิถึงจะถูก”

ซูหวานหว่านผลักกล่องอาหารไปด้านหน้าพวกเขา และกล่าวออกมาว่า “พี่ชายทั้งสอง กินช้า ๆ ไม่ต้องรีบ”

“เอ่อ…” เจ้าหน้าที่ศาลาว่าการมองหน้ากันเงียบ ๆ แล้วยิ้มออกมาทันที “พวกเรา…จะกินได้อย่างไร? องค์ชายสามเป็นคนส่งของนี้มาให้พวกท่านนั้นกิน”

“เหตุใดเขาถึงส่งอาหารมาให้เขาในเวลาแบบนี้” ซูหวานหว่านก็ถามออกมา ทำให้เจ้าหน้าที่ทั้งสองคนก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ แต่ก็พูดยืนยันออกมาว่า “องค์ชายสามเป็นคนสั่งให้พวกเรามาส่งอาหารพวกนี้ให้จริง ๆ!”

นางจะเชื่อได้อย่างไร ในวันนี้มีแต่เรื่องต่าง ๆ เกิดขึ้นมาพร้อม ๆ กัน อีกอย่างนางกับฉีเฉิงเฟิงก็เพิ่งจะแยกย้ายกันไปจัดการปัญหาของตนเอง และก็มีข่าวลือ ‘องค์ชายสามทอดทิ้งคุณหนูจ้าวตอนที่เกิดเรื่องขึ้น’ อีกอย่างในตอนนี้ฉีเฉิงเฟิงเองก็อยู่ที่ตำหนักขององค์ชายสาม แล้วเขาจะสั่งคนนำอาหารมาส่งให้นางได้อย่างไรกัน?

แน่นอนว่านี่มันเป็นแผนการ!

ซูหวานหว่านยิ้มแล้วโยนเนื้อชิ้นหนึ่งเข้าไปในรูเล็ก ๆ ที่ผนังห้องขัง “ถ้าข้าเดาไม่ผิด ข้าว่าอาหารพวกนี้มันมียาพิษ?”

“จะเป็นไปได้ยังไงกัน!” เจ้าหน้าที่ศาลาว่าการหนึ่งก็หัวเราะแห้ง ๆ ออกมาแล้วพูดว่า “องค์ชายสามรักและเป็นห่วงคุณหนูจ้าวอย่างมาก เรื่องนี้ใคร ๆ ต่างก็รับรู้ คุณหนูจ้าวอย่าพูดจาเช่นนี้อีกเลยมันจะเป็นการทำลายหัวใจขององค์ชายสามได้!”

แม่จ้าวยังเอ่ยออกมาอีกว่า “ลูกแม่ เจ้าอย่าคิดมากไปเลย แม่เห็นว่าองค์ชายสามมีความจริงใจต่อเจ้าเป็นอย่างดี และแน่นอนว่าเขาไม่น่าจะใส่ยาพิษมาในอาหารนี้หรอก”

นางยังเชื่อในตัวของฉีเฉิงเฟิง แต่ว่าอาหารมือนี้ฉีเฉิงเฟิงไม่ได้เป็นคนส่งมาให้อย่างแน่นอน! ซูหวานหว่านชี้นิ้วไปที่เนื้อที่นางโยนทิ้งไป และได้ยินเสียง ‘จี๊ด จี๊ด’ มันดังออกมาจากที่หนูที่วิ่งออกจากรูเพื่อกินเนื้อก่อนที่มันจะนอนแน่นิ่งไป!

“ท่านแม่ อาหารพวกนี้มันไม่เหมาะให้กับพวกเราหรอก ให้พี่ชายทั้งสองคนนี้กินน่าจะเหมาะกว่า” ซูหวานหว่านยิ้มออกมา และทันใดนั้นก็หยิบเข็มเงินออกมาจากมิติฟาร์มสองเล่ม แล้วฝังไปที่คอของทั้งสองคนในตอนที่พวกเขายังไม่ทันได้สังเกต และก็พูดออกมาอีกครั้งว่า “รีบกินเข้าไปเสียสิ!”

ทั้งสองต่างจ้องหน้ากันด้วยความ ความไร้เดียงสาบนใบหน้าของพวกเขาทั้งสองพลันหายไปแทนทีด้วยรอยยิ้มอันโหดร้าย จากนั้นก็จับดาบบริเวณบั้นเอวแล้วชักออกมาจ่อไปที่คอของซูหวานหว่าน “คุณหนูจ้าว ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะฉลาดมากขนาดนี้! เจ้าสามารถเดาได้ว่ามีพิษอยู่ในอาหารเหล่านี้! นางจ้างของพวกเราบอกว่าเจ้าต้องไม่มีชีวิตรอดถึงเช้าวันรุ่งขึ้น หากเจ้าไม่ยอมตายดี ๆ งั้นพวกเราจะช่วยเจ้าเอง!”

พูดจบทั้งสองคนก็ออกแรงหมายมีดหวังจะแทงซูหวานหว่าน!

ซูหวานหว่านยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม หัวใจของแม่จ้าวพลันกระตุกวูบ แต่ก็กลายเป็นว่าพวกเขาสองคนนั้นเป็นฝ่ายล้มลงบนพื้น

ซูหวานหว่านเอ่ยออกมาอย่างเย็นชาว่า “น่าเสียดาย ข้ายังไม่รู้เลยว่านายจ้างของพวกเขาเป็นใคร”

แต่ซูหวานหว่านคิดว่าเรื่องนี้นายจ้างของพวกเขาทั้งสองคนกล่าวถึงไม่ใช่ฮ่องเต้แน่นอน

“เอ่อ เอ่อ…” แม่จ้าวตกใจจนกระทั่งพูดไม่ออก และใช้เวลานานกว่าจะเอ่ยออกมาได้เต็มปากว่า “นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”

ซูหวานหว่านหยิบมีดกริชขึ้นมา และเห็นว่ามีเข็มเงินเรียวเล็กอยู่ด้านหลังซูหวานหว่านก็กล่าวออกมาว่า “ตอนนี้ข้าเอามีดจ่อไปที่ลำคอของพวกเขา เข็มเงินอาบยาพิษที่ชุบเอาไว้ปลายเข็มก็ได้แทงเข้าสู่ร่างกายของพวกเขา และแน่นอนว่าพวกเขาจะตายภายในเวลาต่อมา”

คิดไม่ถึงเลยว่าซูหวานหว่านได้เตรียมการทั้งหมดเอาไว้ทั้งหมดแล้ว แม่จ้าวกลับมามีสติอีกครั้งและเมื่อเห็นว่าประตูไม่ได้ปิด นางจึงกระซิบออกมาว่า “พวกเรารีบออกไปกันเถอะ”

“ไม่ได้” ซูหวานหว่านส่ายหัวและอาศัยตอนที่แม่จ้าวเผลอทำให้นางหมดสติ จากนั้นนางก็พาแม่จ้าวเข้าไปนอนพักที่บ้านไม้ไผ่ในมิติฟาร์มทันที

ไม่ว่าจะพาคนออกไปไหน การนำคนเหล่านั้นเข้าไปในมิติฟาร์มด้วยเป็นสิ่งที่สะดวกสบายที่สุด

ซูหวานหว่านเสพติดการใช้มิติฟาร์มไปแล้ว

มันจะเป็นการง่ายกว่าหากนางออกไปคนเดียว แต่เมื่อคิดว่าจะต้องมีคนอยู่ที่ในที่แห่งนี้หญิงสาวจึงกลับเข้าไปในมิติฟาร์มอีกครั้งและนำตัวสือฉินเอ๋อร์ออกมา ใช้ภาพลวงตาของนางเพื่อลวงตาแปลงเป็นทหารทั้งสองคนนั้นและออกไปอย่างราบรื่น

หลังจากออกมาจากศาลาว่าการแล้ว สือฉินเอ๋อร์ก็ถูกซูหวานหว่านจับเข้าไปในมิติฟาร์มอีกครั้ง นางพยายามหาวิธีออกไปจากที่แห่งนี้ ใครจะไปคิดว่าวิชาภาพลวงตานั้นจะใช้ไม่ได้ เสื้อคลุมสีเหลืองที่นางสวมนั้นเด่นชัด นางเพียงก้าวเดินสองสามก้าว ก็มีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งเดินเข้ามาขว้างทางเอาไว้ “แม่นาง เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”

ซูหวานหว่านยืนตัวตรงและก้มศีรษะลง โดยคิดว่าวิชาที่สือฉินเอ๋อร์ใช้ลวงตาจากทุกคนนั้นทำให้นางถูกคนอื่นสงสัย หากนางสือฉินเอ๋อร์ไม่ออกมาแน่นอนว่านางจะโดนจับได้แน่ ๆ

“แม่นาง ทำไมเจ้าถึงไม่พูด เจ้ามาที่นี่เพื่อมาหาคนรักของเจ้าหรือเปล่า?” ในขณะที่ซูหวานหว่านกำลังคิดเรื่องนี้อยู่ เจ้าหน้าที่ก็เดินเข้ามาคว้าข้อมือของซูหวานหว่าน แล้วจับตัวนางหันมาแต่เขาก็ต้องพบว่าท้องของนางบวมเบ่ง

เจ้าหน้าที่คนนี้คิดในใจว่าเขานั้นไม่เคยเห็นผู้หญิงที่น่าเกลียดมากเช่นนี้มาก่อนเลย!

เขาเห็นใบหน้าเล็กที่เดิมที่ขาวใสของซูหวานหว่านตอนนี้เต็มไปด้วยตุ่มสีแดง

“น้องชาย เจ้าเรียกข้าว่าแม่นางอย่างงั้นหรือ?”ซูหวานหว่านหัวเราะออกมา และเจ้าหน้าที่คนนั้นก็ทนไม่ไหวและอยากอาเจียนออกมา เขาไม่ซักถามสิ่งใดนางอีก

ซูหวานหว่านแสร้งทำเป็นโกรธ กระทืบเท้าอย่างโกรธเคืองแล้วจากไป เจ้าหน้าที่คนนั้นมองไปที่นาง พลันจู่ ๆ ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้และตกใจทันที นั่นไม่ใช่ชุดที่ซูหวานหว่านใส่เข้าไปในห้องขังอย่างงั้นหรือ?

เมื่อมองดูอีกครั้ง ผ้าโพกศีรษะนี้เหมือนกับที่ซูหวานหว่านนั้นสวมอยู่พอดี!

เจ้าหน้าที่คนก็วิ่งไล่ตามออกไปทันทีและตะโกนออกมาว่า “เร็วเข้า! คุณหนูจ้าวจะหนีไปแล้ว!”

เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田

เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田ครั้นวสันตพิรุณเพิ่งผ่านพ้น ท้องฟ้าก็กลับมาแจ่มใสดังเดิม เมฆหมอกขาวบางเบาลอยล่องเหนือแนวบรรพต ก่อเกิดเป็นภาพทิวทัศน์อันตระการตา ในภาพนั้นมีทั้งต้นไม้ ใบหญ้า และผู้คน ‘ซูหวานหว่าน’ ก็เป็นหนึ่งในบุคคลที่ปรากฏอยู่ในภาพทิวทัศน์นั้น นางเพิ่งขุดผักป่าขึ้นมาเต็มตะกร้าและกำลังจะตรงกลับบ้าน “พี่หญิง!” ทันใดนั้นเอง เด็กชายวัยกระเตาะผู้หนึ่งก็รีบวิ่งมาหา พร้อมทั้งตะโกนเรียกนางไปด้วย “ช้า ๆ ก็ได้” ซูหวานหว่านมองไปที่น้องชายตัวแสบของตนพร้อมกับระบายยิ้มให้ ซูจิ่นหมิงกลับไม่มีทีท่าว่าจะวิ่งช้าลงแต่อย่างใด เขายังคงวิ่งตรงเข้ามาหาซูหวานหว่านอย่างรีบร้อน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset