ตอนที่ 301 ข่าวลือเรื่องเขากับนาง
ตอนที่ 301 ข่าวลือเรื่องเขากับนาง
ณ เวลานั้นเหล่าพลลาดตระเวนวิ่งออกมาจากทุกสารทิศ พวกเขาไล่ล่าซูหวานหว่านไปทันที หากแต่หญิงสาวยังคงนิ่งเฉย นางคิดว่าตนเองหลบพ้นแล้ว จึงเข้าไปในร้านขายผ้าเพื่อหาเสื้อผ้าเปลี่ยน
หากจะให้พูดมันก็สายไปแล้ว เวลานี้พลลาดตระเวนคนหนึ่งวิ่งตามนางมาอย่างรวดเร็ว!
เขาเดินเข้าไปสำรวจดูรอบ ๆ ร้านก่อนจะมองไปยังห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วถามผู้ดูแลร้าน “ในห้องนั้นมีคนอยู่หรือไม่?”
ผู้ดูแลร้านครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้าทันที ก่อนจะพูดว่า “อ่า มี มี ใช่แล้ว เมื่อครู่มีหญิงนางหนึ่งเดินเข้ามา! ข้ายังไม่ได้แนะนำชุดให้กับนางเลย มาถึงนางก็เดินรีบร้อนเข้าไปข้างใน”
ทันทีที่พลลาดตระเวนได้ยินแบบนี้ เขาเปิดประตูห้องนั้นทันทีแต่ก็พบว่ามันเปิดไม่ออก! ข้างในนั้นมีคนอยู่จริง ๆ! จึงพูดว่า “คุณหนูจ้าว คดีที่ตระกูลจ้าวก่อขึ้นมาใหญ่ไม่น้อย เจ้าอย่าคิดหนีดีกว่า! ไม่อย่างนั้นเจ้าจะต้องโทษฐานสถานหนัก!”
“…” ภายในห้องเงียบกริบ
พลลาดตระเวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาออกแรงถีบประตูห้องอย่างแรง แต่กลับพบความว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่ในห้องนั้นเลย!
เมื่อเห็นกลอนประตูพัง ผู้ดูแลร้านก็รู้สึกทุกข์ใจ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่ด้านในจึงยกมือกุมศีรีษะของตนเองแล้วพูดว่า “แปลกจัง หากไม่มีใครอยู่ข้างใน มันจะปิดเองได้อย่างไร! ประตูคงจะเสียแน่ ๆ”
เมื่อคิดได้แบบนี้ ผู้ดูแลร้านก็รีบไปจัดการเรื่องนี้โดยด่วน เขาไม่เอ่ยถามอะไรพลลาดตระเวนคนนั้นต่อ เพราะกำลังวางแผนที่จะเอาประตูบานใหม่มาเปลี่ยน
พลลาดตระเวนเองก็รู้สึกแปลกใจ และเดินออกไปหลังจากที่ไม่พบใคร
ในขณะนี้ ซูหวานหว่านอยู่ในมิติฟาร์ม นางตบไปที่หน้าอกของตัวเองและแล้วพูดว่า “เมื่อครู่มันอันตรายเกินไปจริง ๆ ถ้าข้าไม่ได้หนีเข้ามาในมิติฟาร์มล่ะก็ ป่านนี้ก็คงจะถูกจับตัวไปแล้วแน่ ๆ”
ทันทีที่ซูหวานหว่านพูดจบ เสียงมิติฟาร์มก็พูดเตือนออกมาว่า “สวัสดีเจ้าบ้านที่เคารพ ถ้าเจ้าเอาร่างกายของตัวเองเข้ามาในพื้นที่ในแต่ละครั้งเจ้าจะต้องเสียคะแนนหนึ่งแสนคะแนน แต่ถ้าเจ้าขาดแคลนคะแนน ข้าก็จะให้ส่วนลดสองส่วน และหักไปแค่แปดหมื่นคะแนนเท่านั้น และตอนนี้เจ้าได้ถอนคะแนนไปแล้วหกหมื่นคะแนน โปรดชำระคะแนนที่ใช้เกินไปภายในเจ็ดวัน มิฉะนั้นอาจจะมีการคิดดอกเบี้ย”
“หือ?” ซูหวานหว่านรู้สึกงงขึ้นมาว่าทำไมมิติฟาร์มถึงเหมือนกับการเงินเข้าไปทุกวัน! เมื่อเบิกเงินเกินบัญชีออกไปก็จะต้องจ่ายชดใช้ และถ้าไม่จ่ายคืนตามกำหนดก็จะต้องถูกคิดดอกเบี้ย!
ซูหวานหว่านถอนหายใจออกมา แล้วเดินออกจากมิติฟาร์มในทันที ก่อนจะได้ยินเสียงของมิติฟาร์มดังขึ้นมาในหัวอีกว่า “ในช่วงที่ใช้คะแนนในมิติฟาร์มเกินไป เจ้าบ้านไม่ได้รับการสนับสนุนให้นำคนเข้ามา ดังนั้น…”
หลังจากพูดออกมาแบบนั้น ซูหวานหว่านก็เห็นว่าแม่จ้าวถูกส่งออกมาด้วย
ทันใดนั้น นางก็นึกถึงคนอื่น ๆ ในมิติฟาร์ม ซูหวานหว่านเกิดอาการตื่นตะหนก หากสือฉินเอ๋อร์และฟางหลางจงถูกปล่อยตัวออกมา พวกเขาทั้งสองคนจะต้องก่อความวุ่นวายอีกแน่นอน
ซูหวานหว่านกำลังจะเอ่ยถามและระบบมิติฟาร์มก็พูดออกมาอย่างสนิทสนมว่า “เจ้าบ้านไม่ต้องกังวลไป คนเหล่านี้คือบุคคลไม่ดี ไม่ถือว่าเป็นบุคคลในระบบมิติฟาร์มที่ระบุข้อจำกัดเอาไว้ และสามารถทิ้งพวกเขาไว้ในมิติฟาร์มนี้ต่อไปได้”
“งั้นก็ดี” ซูหวานหว่านพยักหน้าตอบ และทันใดก็พบว่ามีคนกำลังวิ่งมา เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นรู้ ซูหวานหว่านจึงนำผ้าคลุมมาใส่ให้แม่จ้าวแล้วลุกขึ้นทันที นางพาตัวแม่จ้าวกลับไปยังบ้านตระกูลจ้าว แล้วสั่งให้พ่อบ้านพามารดาของตนไปซ่อนเอาไว้ จนกว่าเรื่องทั้งหมดจะคลี่คลาย
หลังจากที่ส่งทั้งสองออกไปแล้ว ซูหวานหว่านก็มุ่งหน้าไปยังโรงเตี๊ยมและวางแผนจะพักอยู่ที่นั่นคืนหนึ่ง แต่คิดไม่ถึงเลยว่าโรงเตี๊ยมให้ใช้ตราประจำตนเพื่อเป็นการเปิดห้อง!! หากเป็นแบบนี้ นางจะไปอยู่ที่ไหน?
เมื่อนึกถึงคำโบราณที่ว่าไว้ว่าสถานที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด ซูหวานหว่านจึงไปที่ตำหนักขององค์ชายสามทันที
ในตอนที่ซูหวานหว่านกำลังเดินทางก็พบว่าเป็นเวลาพลบค่ำแล้ว เมื่อนางมาถึงตำหนักขององค์ชายสาม นางก็ได้ยินสาวใช้บ่นพึมพำ และเนื้อหาของมันก็ช่างน่าสนใจสำหรับซูหวานหว่าน
“คุณหนูสวีนั้นน่าทึ่งจริง ๆ นางสามารถจับวิญญาณเร่ร่อนของพระสนมเอกในตำหนักขององค์ชายสามได้! สามารถปกป้ององค์ชายสามไว้ได้!”
“นางไม่ได้เก่งขนาดหรือเปล่า? ไม่งั้นจะได้รับบาดเจ็บได้อย่างไร และตอนนี้นางก็กลายเป็นที่พึ่งของราชวงศ์! และพวกเรายังต้องมาคอยมารับใช้นางอีก!”
“เจ้าจะบ่นไปไยกัน หากไม่รับใช้นาง ต่อไปถ้าเกิดนางได้เป็นพระชายาขององค์ชายสามในวันข้างหน้าจะทำอย่างไร หากพวกเราทำให้นางพึงพอใจ ต่อไปเราอาจจะไม่ได้เป็นแค่สาวใช้ธรรมดาในวังอีกต่อไป!”
“…”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ ซูหวานหว่านยิ่งตกใจไปอีกเมื่อรู้ว่าในตอนนี้สวีซูอยู่ในตำหนักขององค์ชายสาม!
ซูหวานหว่านตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แต่นางก็ได้ยินเรื่องบางอย่างที่น่าตกใจยิ่งขึ้นไปอีก
สาวใช้คนหนึ่งก็ขยิบตาให้สาวใช้อีกคนหนึ่ง และพูดออกมาอย่างภาคภูมิใจว่า “เจ้ารู้ไหมว่าความสัมพันธ์ระหว่างคุณหนูสวีกับองค์ชายสามนั้นเป็นอย่างไร?”
“เป็นอย่างไรล่ะ?” สาวใช้อีกคนอดไม่ได้ที่จะถามออกมา
“คุณหนูสวีนางได้ร่ำเรียนกับองค์ชายสามตั้งแต่ยังเป็นเด็ก มีข่าวลือว่าทั้งสองคนรักกัน แต่เมื่อองค์ชายสามอายุได้เจ็ดขวบ ได้เจอกับวิญญาณร้าย นางเลยไปที่ภูเขาเซียงไถ่เพื่อไปฝึกวิชาปราบวิญญาณ ต่อไปในอนาคตนางจะได้สามารถช่วยองค์ชายสามได้ มิตรภาพนี้ทำให้หลายคนประทับใจมาก!”
“…”
ทั้งสองคนยังคงเป็นคู่รักในวัยเด็กอย่างงั้นหรือ? ซูหวานหว่านเลิกคิ้วด้วยความสงสัยและรู้สึกอึดอัดใจขึ้นมา นึกไปถึงตอนที่ฉีเฉิงเฟิงไปที่สวนหลังวังวันนั้น ฉีเฉิงเฟิงเองก็ไม่มองสบตาสวีซูสักนิดเลย นางรับรู้ได้ทันทีว่าข่าวลือนั่นก็เป็นเพียงแค่ข่าวลือ เมื่อคิดแบบนี้ก็สามารถคลายความหงุดหงิดลงได้เล็กน้อย
เดิมทีซูหวานหว่านต้องการไปที่ห้องนอนของฉีเฉิงเฟิง แต่นางกลับไปห้องรับรองแขกของตำหนักองค์ชายสามแทนโดยไม่รู้ตัว!
แต่ว่านางกลับเห็นฉีเฉิงเฟิงที่ห้องรับรองแขก!
และคนที่อาศัยอยู่ในห้องนั่นคือสวีซู
รอยยิ้มบนใบหน้าของซูหวานหว่านชะงักค้าง ถึงแม้ว่านางจะเชื่อในตัวของฉีเฉิงเฟิง แต่เมื่อเห็นภาพแบบนี้ก็อดสงสัยไม่ได้จริง ๆ
ซูหวานหว่านพิงกำแพงและแอบซ่อนตัวอยู่ในความมืด ถ้าไม่สังเกตดี ๆ ก็จะมองไม่เห็น หญิงสาวมีความคาดหวังในใจว่าฉีเฉิงเฟิงจะมองเห็นนาง แต่เขากลับไม่เห็นและเดินขึ้นบันไดไปทันที
นางได้ยินเสียงน้ำมาจากภายในห้อง หูของซูหวานหว่านนั้นดีมากและนางก็เดาได้ว่าสวีซูกำลังอาบน้ำอยู่ในตอนนี้!
ฉีเฉิงเฟิงเดินเข้าไปแบบนี้มันหมายความว่าอย่างไร?
ซูหวานหว่านจ้องมองฉีเฉิงเฟิง และก็เห็นว่าเขาค่อย ๆ ยกมือขึ้นและเคาะไปที่ประตู หัวใจของซูหวานหว่านกระตุกทันทีเมื่อเห็นแบบนี้
“คุณหนูสวี ขอถาม…” ฉีเฉิงเฟิงอ้าปากทันใดประตูก็ถูกผลักให้เปิดออก และสาวใช้ด้านในก็โผล่ออกมาแล้วพูดว่า “องค์ชายสาม คุณหนูของเราได้รับบาดเจ็บ และหลังของนางยังคงเจ็บปวด ข้าน้อยอยากจะทราบว่าในตำหนักขององค์ชายสามนั้นมียาหรือไม่…”
“ใครก็ได้!” ฉีเฉิงเฟิงเรียกคนใช้ทันที “ไปนำยารักษาแผลสีทองที่ล้ำค่าที่สุดในวังมาให้กับคุณหนูสวี! หากคุณหนูสวีเป็นอะไรไป ข้าจะลงโทษเจ้า!”
“ขอรับ!” คนใช้ก็รีบออกไปหายาทันที และฉีเฉิงเฟิงก็ยืนรออยู่ที่นั่นอยู่เงียบ ๆ
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรเช่นกัน ซูหวานหว่านยังคงยืนมองเหตุการณ์นั้นต่อ นางก็รู้สึกเหมือนกับมีใครบางคนหยิบมีดขึ้นมากรีดลงไปช้า ๆ บนหัวใจของนาง จนเลือดสีแดงสดไหลนองออกมา
ในขณะที่ซูหวานหว่านยืนเหม่อลอย คนใช้ก็ได้วิ่งนำยากลับมา ฉีเฉิงเฟิงเอ่ยขึ้นมาก่อนที่คนรับใช้ของตนจะส่งยารักษาให้กับสาวใช้ของอีกฝ่ายและเอ่ยว่า “คุณหนูสวีมีผิวพรรณเปล่งปลั่ง จะรอให้สาวใช้ทำมันได้อย่างไร ข้าจะทำมันเอง!”