เย่เฉินได้ยินคำพูดแบบนี้ก็หัวเสียอย่างมาก
“คนที่ทำผิดก็คือคุณ สุดท้ายแล้วคุณยังจะโทษที่ผมเกิดมาต่ำต้อยอีกเหรอ? หรือว่าคนมีเงินแบบพวกคุณสามารถมีชู้ได้โดยไม่ต้องหวาดกลัวอะไร ระเริงสุขบนความทุกข์ของคนอื่นแถมคนจนอย่างพวกเราก็ควรอดทนกล้ำกลืนรับการโดนทรยศจากคนแบบพวกคุณอีกเหรอ!”
ถึงเย่เฉินจะไม่ใช่คนจน แต่เขาเองก็ต้องการจะพูดแทนคนที่ด้อยโอกาสกว่า!
เป็นคนเหมือนกันก็ต้องได้รับการเคารพเท่าเทียมกัน!
หวังเจียเหยาส่ายหน้า “นายช่วยอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงหน่อยได้ไหม? ขนาดปู่ฉันยังเคยบอกว่าเศรษฐีไม่มีทางโผล่ขึ้นมาในครอบครัวจนๆ หรอก ฉันรู้ว่านายดีกับฉันมากและนายก็เก่งมาก แต่อยู่กับนายไปฉันมองไม่เห็นอนาคต”
หวังเจียเหยาพูดพลางดึงมือเย่เฉิน “เย่เฉินนายรอฉันอีกหน่อยได้ไหม?”
คราวนี้เย่เฉินไม่ได้สะบัดมืออีกฝ่ายทิ้งแต่ย้อนถาม “รออีกหน่อย? แปลว่าอะไร?”
หวังเจียเหยากล่าว “ก็รออีกสองสามปีข้างหน้าให้ฉันได้รับมรดกจากตระกูลหวัง คลอดลูกให้ตระกูลฟางแล้วเราค่อยกลับมาอยู่ด้วยกันอีกไง!”
เย่เฉินมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างเหลือเชื่อ หญิงสาวที่แสนจะใสซื่อบริสุทธิ์ในใจเขา คิดไม่ถึงว่าจะคิดแผนการแบบนี้ได้!
เย่เฉินสีหน้าตื่นตะลึง “คุณเห็นผมเป็นตัวสำรองเหรอ? รอให้คุณเสวยสุขกับเดียรัจฉานฟางเชานั่นสามปีห้าปีแล้วผมค่อยมารับช่วงต่อเหรอ?”
เพี้ยะ!
หวังเจียเหยาฟาดฝ่ามือลงบนหน้าเย่เฉิน เพราะหล่อนเกลียดคำพูดทำนองว่าหล่อนไประเริงรักกับคนอื่นที่ออกมาจากปากอีกฝ่ายเหลือเกิน
หวังเจียเหยากล่าว “นายช่วยมีสติหน่อยเถอะ! อยู่ในโลกของความเป็นจริงหน่อย โลกเรามันก็แบบนี้! คนรวยถึงจะได้สาวสวย! ผู้ชายธรรมดาอย่างนายเนี่ยก็ได้แค่ของที่คนอื่นใช้แล้ว! นี่น่ะคือโลกของความจริง! ช่วยเลิกทำตัวเย่อหยิ่งสูงส่งมากกว่าคนอื่นที! นิสัยนี้ของนายควรต้องแก้ไขได้แล้วนะจริง ๆ!
นายลองคิดดูให้ดี สามปีห้าปีหลังจากนี้อย่างน้อย ๆ ฉันก็น่าจะมีเงินราว ๆ พันล้าน นี่เป็นเงินที่ทั้งชีวิตนายก็หาไม่ได้หรอก! นายลองไปถามดูว่ามีเศรษฐีนีที่มีเงินพันล้านคนไหนจะมาเลือกผู้ชายธรรมดาแบบนี้! นายควรจะเห็นความรักที่ฉันมีให้นายถือเป็นบุญคุณอย่างหนึ่ง! นายควรจะคุกเข่าขอบคุณฉันด้วยซ้ำ ที่พอถึงตอนนั้นแล้วยังอยากได้นายอยู่! ไม่ใช่มาคิดเล็กคิดน้อยเลอะเทอะพวกนี้!”
คำพูดนี้ของหวังเจียเหยารุนแรงไม่น้อย แต่เย่เฉินนั้นกลับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดแม้แต่น้อย
ไม่ใช่เพราะโดนทำร้ายมามากเกินไปในสนามความรัก แต่เพราะความเจ็บปวดทางร่างกายจนไม่สามารถเปรียบเทียบได้กับความเจ็บปวดทางจิตใจ!
เย่เฉินเงียบไป ถ้าเขาไม่ใช่คุณชายที่สามของตระกูลร่ำรวยแสนล้าน หากว่าเขาเป็นแค่คนที่เกิดมาในครอบครัวธรรมดา
วินาทีนี้เขาจะเลือกอย่างไร?
สำหรับผู้ชายทั่วไปแล้วได้แต่งงานกับหญิงสาวที่ร่ำรวยถึงพันล้าน แถมยังเป็นคนหน้าตาดี ต่อให้จะเคยแต่งงานกับชายอื่นและเคยมีลูกมาก่อน
ในชายหนุ่มร้อยคนคงจะมีสักเก้าสิบเก้าคนที่ไม่ติดใจอะไร!
สำหรับพวกเขาแล้วบางทีนี่อาจจะเป็นบุญคุณอย่างหนึ่ง!
เย่เฉินกัดฟันกรอด เขารู้ว่าหวังเจียเหยาเองก็ยังรักเขาอยู่
“ถ้าเป็นคนอื่นบางทีอาจจะรู้สึกขอบคุณคุณอย่างมาก แต่น่าเสียดายที่ผมคือเย่เฉิน ผมไม่มีทางจะยอมเป็นตัวสำรอง! ยิ่งไปกว่านั้นผมว่าคุณยังติดค้างคำขอโทษผมเกี่ยวกับเรื่องในอดีตที่เกิดขึ้น!”
เย่เฉินพูดอย่างหนักแน่น
หวังเจียเหยาแอบมีชู้ขณะกำลังแต่งงานกับเขา จนมาถึงวันนี้หวังเจียเหยายังไม่ขอโทษเขาสักคำ คิดไม่ถึงว่ายังมีหน้าให้เขาเป็นตัวสำรองของหล่อน!
หวังเจียเหยากล่าวด้วยโทสะ “ฉันดีกับนายขนาดนี้ คิดไม่ถึงว่านายจะยังดื้อดึง! ไม่ว่าจะตอนนี้หรือหลายปีหลังจากนี้ นายรู้ไหมว่าผู้ชายที่รอให้ฉันเลือกยาวตั้งแต่ประเทศของเรายาวไปจนฝรั่งเศสนู่น! ฉันเลือกนาย นายควรจะซาบซึ้งใจ! ยังอยากให้ฉันขอโทษนายอีกเหรอ? ชีวิตนี้ของนายอย่าหวังจะได้ยินฉันพูดคำนี้เลย!”
หวังเจียเหยารู้ว่าตนเองทำผิดแต่หล่อนไม่อยากจะขอโทษ หล่อนรู้สึกว่าตนเองเมตตาเขาแล้วซึ่งนี่ถือว่าเป็นการชดเชยให้เขาอย่างใหญ่หลวงแล้ว
เย่เฉินไม่อยากทะเลาะกับหวังเจียเหยา “ได้ ผมไม่อยากจะฝืนหรอกอย่างนั้นก็ขออวยพรให้คุณแล้วกัน หวังว่าคุณจะไม่เสียใจภายหลังกับการเลือกของคุณ!”
พุดจบเย่เฉินก็เดินหนีไป
หวังเจียเหยาตะโกนเสียงดังจากด้านหลัง “ฮ่าๆ ฉันเนี่ยนะจะเสียใจภายหลัง? ฟางเชาดีกว่านายร้อยเท่า! แล้วฉันยังแต่งเข้าตระกูลที่ร่ำรวย! คนที่ต้องเสียใจภายหลังก็คือนาย! ผ่านไปไม่กี่ปีนายก็เป็นบอดี้การ์ดไม่ไหวแล้ว นายจะต้องคุกเข่าอ้อนวอนฉัน! พอถึงตอนนั้นเรามาดูกันว่าฉันจะยังเอานายอยู่ไหม!”
เย่เฉินไม่ได้สนใจหล่อน เขาสะสมความโกรธทั้งหมดไว้ในใจ
ต่อไปนี้เขาจะเอาคืนในสิ่งที่ฟางเชาและหวังเจียเหยาร่วมมือกันทำร้ายเขาในช่วงเวลาทั้งหมดที่ผ่านมา!
หนึ่งชั่วโมงต่อมา ณ วิลล่าเขตเหมยกุยหยวน
เย่เฉินย้ายออกมาจากโรงแรมซีจื่อหูแล้วซื้อวิลล่าในเขตเหมยกุยหยวนอันเป็นเขตวิลล่าที่ราคาแพงที่สุดในอวิ๋นโจว
ห้าทุ่มแล้วฉินหงเหยียนเพิ่งมาถึงที่พักของเย่เฉินด้วยท่าทีร้อนรนลนลานแล้วกล่าว “ขอโทษด้วยค่ะคุณเย่ รถติดมากเลย ออกมาจากสนามกีฬาก็ต้องใช้เวลาตั้งครึ่งชั่วโมง”
เย่เฉินออกมาก่อนทำให้เดินทางค่อนข้างสะดวก ถ้าหากเขารอจนงานคอนเสิร์ตจบแล้วค่อยกลับ ไม่ว่าจะโบกรถหรือขับรถก็ลำบาก
เย่เฉินไม่ใส่ใจ เขากล่าวด้วยใบหน้าเยือกเย็น “การล้างแค้นตระกูลฟางเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ ณ บัดนี้ ตระกูลฟางเป็นตระกูลชั้นหนึ่งในอวิ๋นโจว พวกเขาจัดเตรียมงานแต่งงานจะต้องใช้เวลามากทีเดียว ผมอยากจะทำให้ตระกูลฟางที่เป็นตระกูลชั้นหนึ่งตกต่ำย่ำแย่ลง ก่อนที่หวังเจียเหยาจะแต่งงานกับฟางเชา! หงเหยียนคุณค่อนข้างรู้จักคนตระกูลฟาง ไหนคุณลองเล่าหน่อยสิ”
ฉินหงเหยียนผงกศีรษะ “ตอนนี้ตระกูลฟางดูแลโดยฟางเสียนจู่ พ่อของฟางเชา ธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดของฟางเสียนจู่ก็คือโรงแรมอี๋เจียไคว่เจี่ยนที่เขาเป็นคนบุกเบิก มีแฟรนไชส์ทั่วประเทศ นอกเหนือจากนี้ยังมีโรงแรมในอวิ๋นโจวอีกยี่สิบกว่าแห่งทั้ง ชีซิงและหาวไท่ รอบๆ ก็มีโรงแรมของเขาไม่น้อย หลายปีก่อนแบรนด์โรงแรมของเขาเข้าตลาดหุ้นทำให้มูลค่าเพิ่มไปถึงหมื่นล้าน แต่ตอนนี้ไม่ได้มีมูลค่าสูงอะไรแล้วคาดว่าน่าจะเหลือแต่สามพันล้าน”
เย่เฉินจุดบุหรี่แล้วกล่าว “ธุรกิจหลักของพวกเขาคือโรงแรมราคาประหยัดและโรงแรมหรูหราในเมืองรองต่างๆ และโฮมสเตย์ หลายปีก่อนตอนที่เพิ่งจะเริ่มธุรกิจพวกเขาขยายธุรกิจอย่างหน้ามืดตามัวและซื้อธุรกิจอย่างบ้าคลั่งจนไปถึงเมืองระดับสามและสี่ ถ้าไม่ได้เจอคุณอาดูบรูล[1]ตอนนี้เขาอาจจะยังขาดทุนอยู่”
ฉินหงเหยียนตกตะลึงจนพูดไม่ออก “คุณเย่ คุณอาดูบรูลที่คุณพูดถึงคงจะไม่ใช่พอล ดูบรูลเจ้าพ่อวงการโรงแรมระดับโลกหรอกนะคะ?”
‘พอล ดูบรูล’ เป็นบุคคลในตำนานของธุรกิจการโรงแรมระดับโลก!
เย่เฉินผงกศีรษะ “เขานั่นแหละ เขาคือเพื่อนของคุณปู่ผม เป็นตาแก่แล้วล่ะ แต่บังคับให้ผมเรียกอาอยู่ได้เขาจะได้ดูอายุน้อย”
“ฮ่าๆ” ฉินหงเหยียนหัวเราะ แต่ในใจหล่อนตกตะลึงอย่างยิ่ง เส้นสายคอนเนคชันของตระกูลเย่ชักจะเจ๋งเกินไปแล้วแค่เพื่อนของครอบครัวก็เป็นบุคคลระดับโลก!
เย่เฉินกล่าว “ผมได้ยินดูบรูลเคยเล่าว่ามีคนในประเทศเราอ้อนวอนเขา คงจะเป็นฟางเสียนจู่พ่อของฟางเชาแน่ๆ ตอนนั้นโชคดีได้คุณอาดูบรูลช่วย ทำให้เพียงครึ่งปีพวกเขาก็ได้เงินมาถึงร้อยล้าน ฟางเสียนจู่ถึงพอตั้งตัวได้ ผมแค่ต้องให้คุณอาดูบรูลลงมือ ‘ช่วยเหลือ’ เขาอีกครั้ง กิจการโรงแรมของฟางเสียจู่ก็จบเห่แน่”
ใบหน้าเย่เฉินเผยรอยยิ้ม ฟางเสียนจู่เชื่อฟังอาจารย์ดูบรูลอย่างมาก ถ้าจะกลั่นแกล้งเขาผ่านทางดูบรูลก็จะง่ายดายราวพลิกฝ่ามือ!
[1] Paul Dubrule (เกิดปี 1934) เป็นนักธุรกิจและนักการเมืองชาวฝรั่งเศส