“ เดี๋ยวกูไปบอกพวกสาวๆเอง “ พนาหันมาบอกกุนเมื่อเข้ามาอยู่ในห้องเรียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะเขารู้ดีว่านิสัยของเพื่อนสนิทเป็นยังไง
“ อืม “ กุนพยักหน้านิดๆแล้วมองไปข้างหน้าอย่างไม่สนใจอะไรมากนัก เพราะเขาเองเข้าหาคนอื่นไม่เก่งสักเท่าไหร่นัก
“ ขอโทษนะ คือว่าพวกรุ่นพี่ปีสามเขาให้มาบอกกับพวกปีหนึ่งว่าวันนี้เปลี่ยนเวลาการประชุมเป็นห้าโมงเย็นอ่ะ “ พนาหันไปบอกกับพวกผู้หญิงที่นั่งอยู่ทางด้านหลัง
“ ทำไมเปลี่ยนล่ะ “ แพรวหันไปถามพนาด้วยความสงสัย
“ พี่เขาคงมีธุระละมั้ง เราก็ไม่รู้เหมือนกันอ่ะพี่เขาให้เรามาพวกพวกปีหนึ่งแค่นี้ “ พนาตอบเพื่อนผู้หญิงยิ้มๆ
“ แล้วพนากับ..เอ่อ..กุนรู้ได้ไงหรอ “ แพรวถามพนาพร้อมกับมองไปที่กุนอย่างกล้าๆกลัวๆเพราะกุนนั้นไม่คุยกับคนอื่นเท่าไหร่นักถ้าไม่จำเป็น
“ พอดีพวกเราไปขอลายเซ็นพี่เขามาอ่ะ พี่เขาก็เลยฝากมาบอก “ พนาบอก
“ อ๋ออ “ หญิงสาวพยักหน้าอย่างเข้าใจ เธอหันไปมองหน้าเพื่อนนิดๆ
“ เดี๋ยวฉันทักบอกพวกสาขานู้นเอง “ หมิวบอกแพรวยิ้มๆเพราะเธอเองก็มีเพื่อนอยู่ที่ต่างคณะเหมือนกัน แพรวพยักหน้านิดๆ
“ งั้นเดี๋ยวฉันทักบอกเพื่อนอีกสาขานึงแล้วกัน “ แพรวบอกพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรศัพท์บอกเพื่อนๆ
“ เรียบร้อย “ พนาหันมายักคิ้วให้กุนยิ้มๆ
“ มากันไม่ครบหรอก “ กุนพูดขึ้นมาลอยๆ ทำให้พนาได้แต่มองหน้ากุนด้วยความไม่เข้าใจ
“ มึงรู้ได้ไงวะว่าจะมากันไม่ครบ “ พนาถาม
“ มึงคิดว่าคนที่อยากมาประชุมเชียร์มีเยอะแค่ไหน? “ กุนถามเพื่อนสนิทเสียงนิ่ง
“ เออว่ะ คนอื่นๆมันจ้องจะโดดกันอยู่แล้วนี่หว่า “ พนาพุดขึ้นอย่างนึกได้
“ ……. “ กุนได้แต่ถอนหายใจออกมานิดๆเมื่อมองหน้าเพื่อนสนิท
“ แล้วเราจะเอาไงกันต่อดีวะ ถ้าไปไม่ครบมีหวังโดนทำโทษแน่ๆมึงกับกูอ่ะ “ พนาถามกุนเสียงเครียด
“ …… “ กุนนิ่งไม่ได้ตอบอะไรพนากลับไป แต่สักพักเขาก็คิดบางอย่างขึ้นมาได้ กุนหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาพร้อมกับเข้าไปที่แอพพิเคชั่นเฟสบุ๊คของตัวเองแล้วเข้าไปที่เพจของมหาลัย พร้อมกับพิมพ์อะไรบางอย่างไปที่หน้าโพสของเพจนั้นตามจริงกุนเองก็รู้ตัวดีว่าตัวของเขาก็เป็นที่ชื่นชอบของบรรดาผู้หญิงในมหาลัยพอสมควรเหมือนกันเพียงแค่ไม่มีใครกล้าเข้ามาหาเขาเท่านั้นเองซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีพอสมควรเพราะเขาเองก็ไม่ค่อยชอบความวุ่นวายเท่าไหร่นัก
“ เรียบร้อย “ กุนกระตุกยิ้มมุมปากนิดๆเมื่อเห็นกระแสตอบรับที่ค่อยเพิ่มมากขึ้น
“ อะไรของมึงวะไอนิ่ง “ พนาหันไปถามเพื่อนสนิทด้วยความสงสัย
“ อ่ะ ดู “ กุนยื่นโทรศัพท์ส่งไปให้เพื่อน พนารับมาแล้วมองดูหน้าจอโทรศัพท์ด้วยความสงสัย
: Kungunอ่านว่าคุณกุน ได้โพสเมื่อสักครู่
“ ปีหนึ่งคณะวิศวะมารวมตัวกับที่โดมเวลาห้าโมงเย็นด้วยนะ จะรอ “
“ เชี้ย!!นี่มึงเล่นโพสงี้ในเพจเลยหรอวะ “ พนาเงยหน้ามองกุนอย่างตกใจ เพราะเขาไม่คิดว่าเพื่อนของเขาจะลงมือทำอะไรแบบนี้ด้วยตัวเอง
“ หึ “ กุนกระตุกยิ้มมุมปากนิดๆ
“ มึงเล่นใหญ่มากไอกุน แล้วมึงดู..กระแสตอบรับโคตรดี แบบนี้เราไม่โดนทำโทษแน่นอนครับผม “ พนายิ้มกว้างอย่างดีใจเพราะเขาเริ่มเอียดกับการโดนลงโทษแล้ว
“ ทีนี้ก็รอแค่เวลา “ กุนบอกอย่างสบายๆ พร้อมกับหยิบโทรศัพท์จากมือของพนาเอามาดู ก็ปรากฎว่าได้ผลเหมือนที่เขาคาดการณ์เอาไว้ เพราะตอนนี้ทั้งยอดแชร์ ยอมคอมเม้นและยอมกดไลค์ล้นหลามมากๆ
.
.
.
“ ไอเชี้ยขาล! มึงดูนี่ดิ “ ป้องร้องตะโกนด้วยความตกใจเมื่อเขาเห็นโพสของเด็กปีหนึ่ง ป้องรีบยื่นโทรศัพท์ส่งให้ปีขาลที่นั่งอยู่ข้างๆดูทันที
“ อะไรวะ “ ปีขาลขมวดคิ้วและรับโทรศัพท์จากป้องมาดู
“ เด็กแม่งเอาเรื่องว่ะมึง หึหึหึ “ ป้องหัวเราะในลำคออย่างขำๆ
“ คนแม่งคอมเม้นกันเต็มเลยว่ะ “ ฟิวพูดขึ้นเพราะเขาเองก็เห็นเหมือนกัน
“ ไอเด็กนี่มันก็ดังเหมือนกันเว้ย “ นุพูดแซวยิ้มๆ มีเพียงแค่ปีขาลทมี่ขมวดคิ้วมองโพสของกุนนิ่งๆ
“ มึงเป็นไรของมึงวะไอขาล “ ป้องหันมามองหน้าเพื่อนสนิทด้วยความสงสัยเพราะเห็นว่าปีขาลนั้นเงียบไป
“ เปล่า “ ปีขาลตอบสั้นๆพร้อมกับหันหน้าไปมองบนกระดานที่มีอาจาร์ยกำลังสอนอยู่
“ แล้วทำไมมึงต้องบอกให้พวกน้องมันเปลี่ยนเวลาด้วยวะ “ นุถามปีขาลด้วยความสงสัย ปีขาลหันมามองเพื่อนที่นั่งอยู่ทางด้านหลัง
“ วันนี้กูจะดูลายเซ็น “ ปีขาลตอบสั้นๆ ซึ่งทำให้เพื่อนๆได้แต่ลอบมองหน้ากันด้วยความตกใจ
“ แต่นี่มันยังไม่ถึงกำหนดเลยนะมึง “ ป้องพูดท้วง
“ ถึงหรือไม่ถึงแต่กูก็ถือว่ากูสั่งไปแล้ว กูไม่ได้บอกนี่ว่ามันต้องมีรายเซ็นกันครบภายในวันนี้ กูแค่อยากดูความคืบหน้าของพวกน้องๆมันก็แค่นั้น “ ปีขาลกระตุกยิ้มมุมปากนิดๆ
“ มึงแม่งร้ายสัส นี่กะจะไม่ให้พวกน้องมันตั้งตัวกันเลยว่างั้นเถอะ “ ป้องส่ายหน้าเล็กน้อย
“ ถ้ามันพยายามทำกัน ก็ไม่เห็นจะต้องกลัวอะไรกูนี่ ที่กูให้มันไปตามล่ารายเซ็นก็เพื่อให้น้องมันรู้จักกับพวกปีสูงๆ เวลามีอะไรจะได้ช่วยเหลือกันได้ เดือดร้อนอะไรก็ยังมีรุ่นพี่คอยดูแล ถ้ากูไม่ให้พวกน้องๆมันทำแบบนี้แล้วพวกรุ่นพี่จะได้รู้จักพวกน้องๆมันได้ไง น้องบางคนมันก็เข้าสังคมไม่เก่ง ส่วนบางคนก็เขินอายเวลาที่จะเริ่มทักใครก่อน ถ้ากูไม่บังคับชาตินี้พวกน้องๆมันจะรู้จักรุ่นพี่คนอื่นๆมั้ยละนอกจากเพื่อนรุ่นเดียวกัน “ ปีขาลบอก
“ เรื่องนี้พวกกูอ่ะเข้าใจ แต่มึงคิดว่าพวกน้องๆมันจะเข้าใจพวกเราหรือไง สิ่งที่เราทำกับเจตนาของเราบางทีน้องมันก็ไม่สามารถทำความเข้าใจได้หรอก “ ป้องพูดขึ้น
“ มึงจะให้พวกรุ่นพี่เป็นคนเข้าหาน้องก่อนงั้นหรอ แล้วมึงจะรู้ได้ไงว่าพวกน้องมันอยากที่จะรู้จักพวกเรามั้ยถ้าพวกน้องมันไม่พยายามที่จะเข้าหาพวกเราเอง เราเป็นพี่พวกน้องๆมันนะ ยังไงเราก็ต้องอยากทำความรู้จักกับรุ่นน้องของเราอยู่แล้วและถ้าเรายิ่งรู้ว่าน้องมันก็อยากที่จะรู้จักเราเหมือนกัน มันไม่ดีกว่าหรอ อย่าพยายามอะไรฝ่ายเดียว..มันไม่คุ้ม “ ปีขาลบอกสั้นๆพร้อมกับมองหน้าเพื่อนสนิทที่มองเขาอยู่เช่นกัน
“ และถ้ามันมีน้องบางคนที่ต่อต้านระบบของเราละ มึงจะแก้ปัญหานี้ยังไง “ พอสถามขึ้น
“ พวกเราก็ต้องดูว่าสาเหตุที่น้องมันต่อต้านเป็นเพราอะไร น้องมันอาจจะเคยได้ยินระบบอะไรพวกนี้มาก่อนแล้วรึเปล่าและบังเอิญว่าระบบที่น้องมันได้ยินเป็นระบบเชี้ยๆที่พวกรุ่นพี่ที่อื่นแม่งทำกัน มันก็ไม่แปลกมั้ยอ่ะที่น้องมันจะแอนตี้ เพราะงั้น..มันก็อยู่ที่พวกเราแล้วว่าจะทำให้น้องมันเข้าใจแก่นที่เราต้องการจะสื่อได้มากขนาดไหน คอยสังเกตุพวกน้องๆมันว่าพวกน้องๆมันรู้สึกยังไงมันมองระบบของเราเป็นแบบไหน วันนี้น้องมันไม่เปิดใจ เดี๋ยวสักวันน้องมันก็ต้องเปิดใจเองนั่นแหละ แต่กูไม่ได้บอกนะว่าเรื่อองพวกนี้มันต้องเป็นเราฝ่ายเดียวที่ต้องพยายามทำให้น้องมันเข้าใจ เพราะตัวของพวกน้องๆเองมันก็ต้องพยายามเหมือนกัน กูถึงได้ตั้งกฎนู้นนี่นั่นขึ้นมาไง ไม่อย่างนั้นแล้วเมื่อไหร่ที่น้องมันจะเริ่มเข้ามาหาพวกเราล่ะ “
“ และถ้าสมมุติวันนี้พวกน้องๆมันมากันไม่ครบละ มึงจะทำไง มึงจะตามไปลากคอพวกน้องๆให้มันมาเข้าร่วมอย่างนั้นหรอ น้องมันจะยิ่งไม่หนีไปมากกว่าเดิมรึไง “ นุบอกด้วยความกังวน
“ ถ้าพวกน้องมันหนีกูนี่แหละที่จะเป็นคนตามไปลากคอให้เข้าประชุมเชียร์เอง ถ้าพวกน้องๆมันไม่คิดจะเอาพี่เอาน้องจริงๆมันก็อยู่ที่นี่ลำบาก มึงจำพวกปีสี่ไม่ได้หรอ ถ้าตอนนั้นที่เราอยู่ปีหนึ่งเราไม่ได้พวกพี่ๆช่วยเรื่องเรียนเอาไว้ป่านนี้แดกเอฟกันไม่รู้จะกี่ตัวละ มึงอยากให้พวกน้องๆมันเป็นแบบนั้นหรือไง “ ปีขาลมองหน้านุนิ่งๆ
“ กูก็ไมได้หมายความว่าแบบนั้นหรอก แต่มึงก็รู้นี่ว่ามันต้องมีพวกที่ไม่เห็นด้วยและพร้อมจะโดดอยู่แล้ว “
“ โดดได้ก็กลับเข้ามาใหม่ได้ กูจะเป็นคนลากตัวให้พวกน้องมันกลับมาเอง หนีสิบครั้งกูก็จะตามแม่งกลับมาสิบครั้งนั่นแหละ ดูซิว่าครั้งที่สิบเอ็ดยังจะกล้าหนีอีกมั้ย “ ปีขาลบอกอย่างตั้งใจ
“ พี่ขาลของกูแม่งอย่างเฟี้ยวว “ ป้องยกนิ้วโป้งใส่ปีขาลพร้อมยิ้มกว้าง
“ ปัญญาอ่อนไอเชี้ยป้อง “ ปีขาลปัดมือเพื่อนออกและส่ายหน้าเล็กน้อย
————————
16:50น.
“ มึงว่าพวกน้องๆมันจะมากันครบมั้ยวะ “ ป้องหันไปถามฟิวด้วยความกังวนเล็กน้อย ตอนนี้พวกเขาอยู่กันที่ด้านบนของโดมซึ่งเป็นชั้นลอยและภายในชั้นลอยนั้นก็มีห้องให้พวกเขาได้พักอยู่
“ กูเชื่อว่ายังไงพวกน้องๆมันก็ต้องมา นี่มันยังไม่ถึงเวลาเลยนะเว้ยมึงอย่าใจร้อนดิสัส “ ฟิวบอกพร้อมกับตบไหล่ป้องให้ใจเย็น
“ มึงดูไอขาลดิ๊ มันยังนิ่งๆเลย “ ฟิวพยักหน้าไปทางปีขาลที่นั่งกอดอกมองไปข้างหน้าอย่างนิ่งๆ ป้องได้แต่กรอกตามองบนด้วยความหมั่นไส้
“ มันก็นิ่งของมันทุกสถานการณ์อยู่แล้วมะ มึงจะเอากูไปเทียบกับมันไม่ได้นะเว้ย เพราะขนาดไฟไหม้ในคอนโดนะไอเชี้ยขาลยังเดินเล่นไม่รู้ร้อนรู้หนาวอยู่เลย “
ป้าบ!
ป้องหน้าขมำทันทีที่พูดจบ
“ เดินเล่นพ่อง! กูก็จะเดินลงไปข้างล่างนี่แหละ แต่ถ้าให้กูวิ่งแบบคนอื่นๆกูคงล้มแล้วโดนเหยียบตายแน่ๆ มึงก็พูดเกินไปอีกละนะ “ ปีขาลบอก เพราะตอนนั้นมีไฟไหม้ที่คอนโดเขาและมันทำให้คนที่อาศัยอยู่ในคอนโดนั้นต้องวิ่งหนีกันออกมาซึ่งก็มีแค่ปีขาลคนเดียวที่ค่อยๆเดิน ส่วนคนอื่นๆนั้นต่างก็วิ่งมาที่บันไดกันหมด
“ ถ้ากูโง่ขึ้นมานะไอสัสขาล! แม่งตบมาได้ “ ป้องกุมหัวที่โดดปีขาลตบแล้วมองหน้าเพื่อนอย่างเคืองๆ
“ เอาอีกสักทีดีมั้ยห๊ะ! “ ปีขาลทำท่าจะตบลงมาอีกครั้งทำให้ป้องยกมือขึ้นมากันที่หัวตัวเองทันที
“ พวกมึงเลิกตีกันได้แล้วหน่าาา อีกไม่กี่นาทีพวกน้องๆมันจะมากันละนะ สำรวมกันหน่อยไอสัส “ ฟิวห้ามทับเพื่อนสนิทอย่างขำๆ ป้องและปีขาลต่างมองขวางกันอย่างเคืองๆแต่ก็ไม่ได้ทะเลาะกันอีก ทุกคนได้แต่ส่ายหน้าอย่างเอือมๆกับการทะเลาะกันของสองคนนี้
17:00น.
“ ได้เวลาละ ลงไปกัน “ ปีขาลพูดขึ้นเมื่อดูนาฬิกาที่ข้อมือและพบว่าได้เวลาที่เขานัดพวกน้องปีหนึ่งแล้ว ปีขาลและเพื่อนเปิดประตูออกมาและมองไปข้างล่างก็ต้องรู้สึกตกใจเป็นอย่างมากเมื่อพบว่าตอนนี้เด็กปีหนึ่งได้มานั่งรายเรียงกันอยู่ทางด้านล่างเต็มไปหมด และดูท่าว่าจะมากันครบเสียด้วย
“ บอกกูทีว่าน้องมันมาเพราะพวกเรา ไม่ได้มาเพราะผู้ชาย “ ฟิวกระซิบถามพอสอย่างงงๆในขณะที่กำลังเดินลงไปข้างล่าง
“ เอาหน่ามึง น้องมันมาก็ดีแล้วมะ ยังไงเราก็ผู้ชายนะเว้ย คิดไว้แบบนี้ดิวะ “ พอสกระซิบตอบและนิ่งขึ้นทันทีเมื่อลงมาถึงข้างล่างแล้ว