“ มึงลากกูออกมาทำไม “ กุนขมวดคิ้วถามพนาด้วยความสงสัย
ในตอนแรกที่เลิกเรียน เขากำลังจะเดินมาที่โรงยิมเพื่อมาเซ็นชื่อเข้าร่วมกิจกรรมอยู่แล้วแต่ติดตรงที่พนาเพื่อนสนิทของเขาลากเขาออกมาก่อน มันเลยทำให้เขาไม่ได้เข้าไปลงชื่ออย่างที่ใจคิด
“ กูนัดกับจิ๊บเอาไว้ เดี๋ยวเขารอ มึงมาเป็นเพื่อนกูก่อนแป๊ปเดียวเดี๋ยวกูพามึงเข้าไปเซ็นชื่อหน่า “ พนาตบบ่าเพื่อนนิดๆและมองหาสาวคณะบัญชีที่พนาตามจีบอยู่
“ มันจะเลยเวลาลงชื่อแล้ว “ กุนขมวดคิ้วบอกพนาเสียงนิ่ง
“ นี่ไอห่านิ่ง กูรู้นะครับว่ามึงกังวนเพราะอยากลงชื่อเข้าร่วมกิจกรรมม๊ากกจนแทบจะขาดใจ แต่เรื่องนัดหญิงของกูมันก็สำคัญไม่ต่างกันนะครับเพื่อน เพราะฉะนั้นมึงได้โปรดเข้าใจกูด้วยครับผม “ พนาส่งยิ้มหวานให้กุนพร้อมกับลูบหัวเพื่อนสนิทเพื่อให้ใจเย็น
“ ……… “ กุนได้แต่ถอนหายใจด้วยความเอือมละอากับเพื่อนสนิท
“ เอ่อ..พนา..ใช่ปะ “ เสียงหวานของใครคนนึงดังขึ้นจากทางด้านหลังของพนาและกุน ทำให้เขาทั้งคู่หันไปมองทันที
“ เอ่อ..ใช่เราพนา..ที่คุยกันอ่ะ “ พนาเม้มปากด้วยความเขินเมื่อเจอสาวสวยน่ารักที่เขาทักไปจีบ
“ เรา..จิ๊บนะ “ จิ๊บบอกพนายิ้มๆ และเมื่อเธอหันไปเจอชายหนุ่มอีกคนก็ต้องนิ่งอึ้งไป
“ เอ่อ..ว่าแต่นาย..ชื่ออะไรหรอ “ จิ๊บมองใบหน้าคมของคนข้างๆพนาด้วยความตื่นเต้น
“ อ่อ..นี่เพื่อนเราชื่อกุนอ่ะ “ พนาดึงแขนกุนให้มายืนใกล้ๆพร้อมกับแนะนำกุนให้กับหญิงสาวได้รู้จัก
“ ดี “ กุนยกยิ้มมุมปากนิดๆ
“ อื้ออ เราจิ๊บนะ..กุน “ จิ๊บชี้ไปที่กุนด้วยท่าทีเขินอายไม่น้อย
“ เอ่อ.. “ พนามองหน้าจิ๊บสลับกับกุนไปมา เพราะเขาเองก็พอเดาสายตาของหญิงสาวออกเหมือนกันว่ามองเพื่อนเขาแบบนี้ทำไม ส่วนไอเพื่อนตัวดีของเขาก็คงมีแต่คำว่ารำคาญแน่ๆเพราะกุนมีใบหน้าที่ไร้อารมณ์ต่อจิ๊บไม่น้อย
“ เจอเสร็จแล้วใช่ปะ ไปได้ยัง “ กุนหันหน้าไปทางพนาแล้วถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ติดรำคาญไม่น้อย
“ อะ..เออๆไปๆ งั้น..เรากับเพื่อนขอตัวก่อนนะ “ พนาหันไปยิ้มแหยๆให้กับหญิงสาว กุนจับแขนของพนาให้เดินออกมาแต่ติดตรงที่ว่าหญิงสาวเอ่ยเรียกขึ้นมาเสียก่อน
“ เดี๋ยวสิ ไปไหนกันหรอ “ จิ๊บถามขึ้นด้วยความอยากรู้พร้อมกับมองหน้ากุนไม่วางตา จนพนาลอบกลืนน้ำลายลงคอนิดๆเพราะเขากลัวว่าไอเพื่อนตัวดีมันจะระเบิดใส่หญิงสาวเสียก่อน
“ ไป..เอ่อ..ไป “ พนาอึกอักไม่น้อยพลางหันไปมองหน้ากุนที่ตอนนี้ทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่
“ ไปไหนก็ได้ที่ไม่ใช่เรื่องของเธอ “ กุนหันมาตอบหญิงสาวสั้นๆด้วยความหงุดหงิดแล้วลากพนาให้เดินออกห่างทันที ทิ้งให้จิ๊บได้แต่อ้าปากด้วยความเหวอเพราะไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะกล้าพูดกับเธอแบบนี้
“ กูว่าแล้วไงไอห่ากุนนน มึงให้กูบอกเขาดีดีก็ได้มั้ง “ พนาได้แต่กรอกตามองเพื่อนด้วยความเหนื่อยใจ กุนหยุดชะงักเท้าที่กำลังเดินอยู่และหันมาจ้องหน้าพนานิ่ง
“ จะหมดเวลาลงชื่อแล้ว “ กุนบอกสั้นๆแล้วเดินนำพนาไปยังโดมทันทีโดยไม่อยู่รออีก
“ เอ้าไอห่ากุน รอกูด้วยดิวะ “ พนารีบวิ่งตามกุนไปทันที
.
.
.
“ น้องปีหนึ่งส่วนมากพึ่งเลิกคลาสกันครับเฮีย “ นนท์บอกกับปีขาลเสียงเครียด เมื่อปีขาลมาหาเขาถึงที่ห้องเรียนเพราะเขาต้องเป็นคนดูแลน้องปีหนึ่งแทนต่อก่อนที่ต่อจะมารับไปดูแลต่ออีกทีตอนประชุมเชียร์
“ แล้วตอนเลิกคลาสทำไมมึงไม่ตามประกบน้อง “ ปีขาลกอดอกถามรุ่นน้องที่สนิท
“ เอ่อ..คือ.. “ นนท์อึกอักไม่กล้าตอบ จนแยมที่อยู่ใกล้ๆต้องเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน
“ พอดีไอนนท์มันโดนอาจาร์ยใช้อะเฮีย อาจาร์ยใช้มันตอนที่มันจะลงไปหาพวกน้องอยู่พอดีเลยสวนกับพวกน้องๆมัน “ แยมส่งยิ้มบางๆไปให้ปีขาล
“ เอาจริงๆน้องมันก็โตๆก็แล้วนะเฮีย มันน่าจะคิดได้รึเปล่าว่านี่มันคือกิจกรรมของมหาลัยและก็ของคณะ มันไม่น่าทิ้งกันไปแบบนี้นะ “ นนท์พูดอย่างหัวเสียไม่น้อยเมื่อนึกถึงความดื้อของเด็กปีหนึ่งในรุ่นนี้
“ ปีพวกกูหนักกว่านี้อีกมึงจำที่พวกกูเล่าให้ฟังไม่ได้หรอวะ “ เสียงของป้องดังขึ้นจากทางด้านหลังของปีขาล ทำให้ทั้งหมดหันไปมองทันทีด้วยความตกใจเพราะภายในห้องนั้นไม่ได้มีใครอยู่เลยนอกเสียจากแยม นนท์และปีขาลเท่านั้น ซึ่งป้องนั้นก็ไม่ได้มาคนเดียว ยังพ่วงด้วยนุ พอสและฟิวมาด้วย
“ ก็จำได้แหละเฮีย แต่น้องปีนี้มันดื้อนี่ “ แยมบ่นอุบอย่างเซ็งๆ
“ แต่ปีมึงก็ใช่ย่อยนี่ไอแยม “ ฟิวหรี่ตาแซวรุ่นน้อง
“ แหมมพี่ฟิวอย่าพูดแบบนี้ดิพี่ “ แยมแบะปากด้วยความหมั่นไส้ที่ฟิวพูดแซวรุ่นเธอออกมาแบบนี้
“ แล้วนี่จะเอาไงกันต่อ “ พอสหันไปถามปีขาลด้วยความอยากรู้
“ ………. “ ปีขาลนิ่งเงียบแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ แม่งเครียดทีไรกูเสียวสันหลังทุกทีเลยว่ะ “ ฟิวกระซิบบอกป้องอย่างหวั่นๆ
“ มึงยังไม่ชินอีกหรอไง “ ป้องหันไปถามฟิว ฟิวได้แต่ลอบมองหน้าปีขาลอยู่ห่างๆ
“ พรุ่งนี้มึงสั่งให้พวกไอต่อเอาน้องไปเจอกูที่โดมก่อนสี่โมงตรง กูจะประชุม “ ปีขาลมองหน้ารุ่นน้องทั้งสองแล้วพูดขึ้นนิ่งๆ
“ ครับเฮีย “ นนท์ยิ้มแห้งๆใส่ปีขาล ส่วนแยมนั้นก็ได้แต่ส่งยิ้มให้ปีขาลแบบกล้าๆกลัวๆเช่นกัน
.
.
“ อะไรนะครับ “ กุนขมวดคิ้วเมื่อได้ยินรุ่นพี่ที่อยู่ด้านหน้าโดมพูดว่าหมดเวลาสำหรับลงชื่อแล้ว
“ หมดไปเมื่อสิบนาทีก่อนเองน้อง พรุ่งนี้เราค่อยมาลงกันใหม่นะ “ เขาบอกกับรุ่นน้องยิ้มๆ
“ แล้วนี่มีใครมาลงบ้างมั้ยครับ “ กุนถามรุ่นพี่ตรงหน้าอีกครั้ง
“ คณะวิศวะไม่มีนะน้องแต่คณะอื่นนี่เขามาลงกันเต็มหมดแล้ว “
กุนและพนามองหน้ากันนิดๆ
“ ขอบคุณครับ “ กุนบอกกับรุ่นพี่ตรงหน้าสั้นๆพร้อมกับเดินแยกตัวออกมา
“ กูว่าพรุ่งนี้เละแน่ๆ “ พนาบอกอย่างหวั่นๆ
“ ก็สมควรแล้วแหละ “ กุนพูดด้วยความเคืองไม่น้อย
“ เอาหน่าายังมีอีกตั้งหลายวันนะเว้ยไอนิ่ง ที่เขาจะให้เราลงอ่ะ มึงอย่าซีเรียสดิวะ “ พนาลูบไหล่เพื่อนอย่างปลอบใจ
“ ถ้าไม่ติดว่ามึงมัวแต่คุยกับน้องนกอะไรนั่นของมึงป่านนี้ก็คงได้ลงแล้วแหละ “ กุนปลายตามองที่พนานิดๆ
“ พอไม่ได้ลงกีฬาที่หวานใจสั่งก็พาลใส่กูเลยนะไอสัส “ พนาแกล้งแซวยิ้มๆ ทำให้กุนมองขวางพนาทันที
“ แหะๆๆกูหยอกเล่นหน่า อย่าจริงจังดิครับเพื่อน “ พนายิ้มแหยๆพลางค่อยๆถอยห่างจากกุนนิดๆ
“ กลับ “ กุนบอกสั้นๆพร้อมกับเดินนำออกไปทันทีโดยไม่อยู่รอ
——————–
วันต่อมา
15:26น.
“ ทำไมพี่ปีสองมารอหน้าห้องละ “
“ นั่นดิ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าวะ นี่มันยังไม่สี่โมงเลยนะ “
“ หรือเพราะเมื่อวานวะ “
เสียงของเพื่อนร่วมห้องทำให้พนาและกุนหัยนไปมองทางด้านนอกทันที
“ เหมือนที่กูบอกไว้เมื่อวานเป๊ะเลยวะไอเชี้ยนิ่ง “ พนากลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบาก
“ มึงจะตกใจอะไร มันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว “ กุนขมวดคิ้วมองเพื่อนสนิทที่มีท่าทีตกใจจนเกินเหตุ
“ เขาจะมาเอาเราไปฆ่าทิ้งรึเปล่าวะมึง “ พนาเกาะแขนกุนอย่างหวั่นๆ
“ ปัญญาอ่อน “ กุนดึงแขนที่พนาเกาะตัวเองออกพร้อมกับมองไปยังกลุ่มปีสองประมาณสี่ห้าคนที่ยืนกอดอกมองเข้ามาในห้องของพวกเขา