เคลียร์นะเฮีย! เป็น’เมีย’ผมนะ – ตอนที่ 6

“ นักศึกษาทุกคนเลิกคลาสได้ค่ะ “ อาจาร์ยสาวเอ่ยบอกกับนักศึกษาปีหนึ่งยิ้มๆพร้อมกับเก็บของและเดินจากไปทันที ทิ้งให้ปีหนึ่งทั้งหมดได้แต่มองหน้ากันไปมาเพราะเห็นว่าปีสองเปิดประตูเข้ามาในห้องแล้ว

“ เชิญน้องๆปีหนึ่งทุกคนไปประชุมที่โดมครับ “ ต่อบอกกับน้องปีหนึ่งเสียงนิ่ง ใบหน้าไม่มีรอยยิ้มเลยแม้แต่น้อย ทำให้สถานการณ์ในห้องยิ่งเครียดมากกว่าเดิม

“ มึงว่ารอบนี้จะโดนอะไรวะ “ พนากระซิบถามกุน

“ ………. “ กุนไม่ได้ตอบอะไรเพื่อนกลับไป เขาได้แค่ขมวดคิ้วมองพวกรุ่นพี่ที่เข้ามาในห้องและมองพวกเขาด้วยสายตาที่เรียบนิ่ง

.

.

ที่ประชุมเชียร์

บรรยากาศรอบข้างดูนิ่งจนพนารู้สึกขนลุกไม่น้อย ท่ามกลางกลุ่มพี่ปีสองและสามที่ยืนเอามือไขว้หลังมองพวกเขาด้วยสายตาที่ไม่อาจคาดเดาได้ว่ารู้สึกอะไรอยู่แต่ที่รู้ๆพนาสัมผัสได้ว่ามันไม่ใช่ความรู้สึกที่ดีแน่ๆ

“ สวัสดีครับปีหนึ่ง “ ปีขาลเอามือไขว้หลังแล้วพูดกับเด็กปีหนึ่งจำนวนเกือบร้อยคนที่อยู่ที่นี่

“ สวัสดีครับ/ค่ะ “

“ ผมคิดว่าพวกคุณคงรู้มาบ้างแล้วว่าทำไมผมถึงเรียกพวกคุณมาพูดคุยกันก่อนเวลานัดของเรา “ ปีขาลมองปีหนึ่งทั้งหมดนิ่งๆ

“ ……….. “

“ พวกคุณคิดว่าผมตั้งกฎขึ้นมาเล่นๆกันงั้นหรอครับ “

“ หรือพวกคุณกำลังคิดว่าในสิ่งที่ผมพูดมันเป็นสิ่งที่พวกคุณไม่ต้องทำตามกันก็ได้อย่างนั้นหรอ…พวกคุณมาเรียนที่นี่ทำไมครับถ้าไม่คิดจะเอาพี่! เอาน้อง! ถ้าพวกคุณคิดว่ามาเรียนที่นี่มีแค่เพื่อนก็พอแล้ว..พวกคุณแน่ใจหรอครับว่าสิ่งที่พวกคุณคิดมันถูกต้อง “

“ ……… “ ปีหนึ่งทั้งหมดได้แต่ก้มหน้าลงนิ่งด้วยความหวาดกลัว มีเพียงแค่กุนเท่านั้นที่มองใบหน้าของเฮดว๊ากหนุ่มตรงหน้าด้วยความรู้สึกไม่เข้าใจ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมคนตรงหน้าถึงไม่เลือกใช้คำพูดที่ดีแทนคำประชดหรือการสอนแบบดุพวกเขา

“ ไหนมีใครพอจะตอบผมได้มั้ยครับว่าทำไมพวกคุณถึงได้ละเลยและบกพร่องต่อคำสั่งของผม หรือว่ามันดูไม่มีความหมายอะไรให้พวกคุณได้จดจำครับ พวกคุณเลยคิดว่าไม่ต้องทำตามก็ได้ก็แค่คำสั่งของรุ่นพี่ปีสาม ไม่เห็นสำคัญตรงไหน พวกคุณคิดกันแบบนี้หรอครับ “ ปีขาลจ้องมองไปที่เด็กปีหนึ่งตรงหน้าทีละคน พร้อมกับเดินวนไปรอบๆ แต่ก็ยังมีแต่ความเงียบเป็นคำตอบให้กับเขา

“ ได้ครับ..ในเมื่อไม่มีใครตอบผม ผมก็ขอให้ทุกคนลุกขึ้นยืนครับ “

เด็กปีหนึ่งทุกคนต่างยืนขึ้นด้วยความรู้สึกเดียวกันคือ..กลัวและไม่รู้ว่ารุ่นพี่ตรงหน้าจะสั่งทำโทษอะไรพวกเขาอีก

“ กอดคอกันครับ “ ปีขาลสั่ง

พรึบ!

ทุกคนพร้อมใจกันกอดคอกันพร้อมกับลอบมองหน้ากันไปมา

“ ปีหนึ่งทั้งหมดกอดคอค้างไว้อยู่กับที่ครับ กอดคอกันจนกว่าจะมีใครบางคนตอบคำถามของผมได้ว่าเมื่อวานพวกคุณทุกคนหายไปไหนกันมา ทำไมถึงมีแค่คณะเราที่ไม่มีคนไปลงชื่อสมัครเข้าร่วมกิจกรรมเลยสักคน “ ปีขาลกอดอกและจ้องไปที่ใบหน้าของเด็กปีหนึ่งตรงหน้าทีละคน

“ ผมไม่รีบกลับครับและพร้อมที่จะอยู่เป็นเพื่อนของพวกคุณทั้งคืน ถ้าหากพวกคุณไม่รีบก็เชิญกอดคอกันต่อไปเรื่อยๆได้เลยครับ “ ปีขาลพูดจบก็หันไปทางต่อและพยักหน้านิดๆ ต่อเองก็พยักหน้าตอบกลับมาและหยิบเอาเก้าอี้มาส่งให้ปีขาล

“ ถ้าใครตอบผมได้ ผมถึงจะพิจารณาให้กลับไปพักที่บ้านได้ครับ “ ปีขาลพูดจบก็นั่งกอดอกจ้องมองเด็กปีหนึ่งที่ตอนนี้เอาแต่ลอบมองหน้ากันไปมาด้วยความเครียดไม่น้อย

“ ไอเชี้ยขาลแม่งอย่างโหดเลยสัส “ ฟิวหันไปกระซิบกับป้องเบาๆ

“ ตอนแรกกูก็คิดว่าจะลงโทษน้องมันเบาๆที่ไหนได้ แม่งเล่นงี้เลยหรอวะ..ขนาดกูว่ากูจะชินกับแม่งละนะกูยังอดเสียวสันหลังแทนพวกน้องๆแม่งไม่ได้เลย “ ป้องกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืนๆราวกับว่าตัวเขาเป็นน้องปีหนึ่งแทนเสียอย่างนั้น

“ มึงรอดูดีกว่าว่าจะมีน้องคนไหนใจกล้าพูดกับมันหรือเปล่า เพราะถ้าไม่มีใครกล้าพูดนะมีหวังได้ยืนกอดคอกันยันเช้าแน่ “ ฟิวบอกพร้อมกับส่ายหน้านิดๆ เพราะรู้สึกหวั่นใจแทนน้องปีหนึ่ง

30นาทีผ่านไป

“ เชี้ยกุน กูเมื่อยว่ะ “ พนากระซิบบอกกุนเสียงแผ่วเพราะกลัวว่าเสียงของตัวเองจะดังไปยังรุ่นพี่สุดโหดตรงหน้า

“ ………. “ กุนขมวดคิ้วนิดๆแล้วหันไปมองคนอื่นๆที่รู้สึกไม่ต่างจากพนาเท่าไหร่นัก บางคนแสดงอาการออกมาเลยว่าไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้หลีกหนีหรือยกมือขึ้นเพื่อบอกเหตุผล

กุนเม้มปากนิดๆแล้วค่อยๆเอามือที่กอดคอพนาและกังเพื่อนร่วมห้องออก

“ ผมขออนุญาตครับ “

ปีขาลชะงักไปนิดเมื่อเห็นว่ามีใครบางคนยกมือขึ้น

“ ทั้งหมดเอามือลงได้ครับ “ ปีขาลสั่งเสียงนิ่งแล้วลุกขึ้นพลางเดินตรงเข้าไปหากุนที่ยืนอยู่แถวที่สามตรงกลาง

“ ว่ายังไงครับคุณดนัย สรียพงศ์ “ ปีขาลมองหน้ากุนนิ่งแล้วเอ่ยเรียกชื่อคนตัวสูงกว่าพร้อมกับเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

“ จำชื่อผมได้ด้วยหรอครับ “ กุนกระตุกยิ้มมุมปากนิดๆ

“ คนที่ชอบทำผิดกฎผมจำได้ทุกคนนั่นแหละครับ “ ปีขาลตอบกลับเสียงนิ่ง

“ หรอครับ “ กุนยกยิ้มใส่รุ่นพี่ตัวเล็กอย่างกวนๆ

“ ..คุณยกมือทำไมครับ “ ปีขาลพยายามข่มความรู้สึกโมโหเอาไว้เพราะไม่อยากเอาอารมณ์ส่วนตัวมาลงกับเด็กหนุ่มตรงหน้า

“ อ๋อออเรื่องยกมือ “ กุนพยักหน้านิดๆแต่มุมปากกับมีรอยยิ้มผลุดขึ้น ทำให้ปีขาลที่จ้องหน้ากุนอยู่นั้นเริ่มรู้สึกถึงอารมณ์โมโหของตัวเองได้เป็นอย่างดี พนาขมวดคิ้วมองเพื่อนตัวเองด้วยความตกใจพลางลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เขาไม่คิดว่าเพื่อนเขามันจะกล้ากวนคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเฮดว๊ากได้ขนาดนี้ แถมยังเป็นคนที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงเรื่องของความโหดอีกด้วย

“ คุณจะพูดหรือไม่พูดครับ ถ้าไม่พูดผมจะได้ให้พวกคุณทั้งหมดได้กอดคอกันต่อ “ ปีขาลถามออกมาเพราะความอดทนของเขาเริ่มหมดลงแล้ว

“ พูดแล้วครับพูดแล้ว “ กุนยิ้มกว้างออกมาเมื่อกวนโมโหคนตรงหน้าได้สำเร็จ ปีขาลถอนหายใจออกมาอย่างแรงพร้อมกับมองหน้ารุ่นน้องตัวสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้านิ่ง

“ มึงว่ามันจะแดกหัวน้องรึยังวะ “ ป้องกระซิบถามพอสที่ยืนอยู่ข้างๆเมื่อเริ่มเห็นสถานการณ์ที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก

“ มึงเดาดีกว่าว่าจะแดกแค่หัวแล้วสับตัวทิ้งหรือจะทรมานน้องมันก่อนแล้วตัดหัวน้องมันมาเสียบโชว์หน้าเสามหาลัย “ พอสกลืนน้ำลายลงคอนิดๆ

“ ไม่ว่าทางเลือกไหนแม่งก็น่ากลัวไม่ต่างกันเลยไอสัส “ ป้องพ่นลมหายใจออกมานิดๆเมื่อรู้สึกใจไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก

“ พอดีเมื่อวานมีคลาสเรียนเลิกเลทพอดีหนะครับ มันเลยทำให้พวกผมจำเป็นที่จะต้องรีบกลับบ้านเพื่อไปทำงานที่ค้างอยู่ให้เสร็จ ยอมรับครับว่าอาจจะหลงลืมกิจกรรมที่พี่บอกไปบ้างเพราะบางทีพวกผมก็รีบจนลืมคิดไปจริงๆและไม่ได้เป็นการตั้งใจลืมนะครับเพราะตอนนั้นคงไม่มีใครมานั่งคิดที่จะชิ่งหนีงานกิจกรรมที่พี่สั่งมาหรอกครับ แล้วอีกอย่าง..งานที่อาจาร์ยสั่งมามันก็เยอะมากจริงๆแถมยังเป็นงานที่ต้องส่งภายในวันนี้เกือบทั้งหมดด้วย ผมรู้ครับว่าการที่เรายอมสละเวลาอันสั้นเพื่อไปลงกิจกรรมมันอาจจะไม่หนักหนาเท่าไหร่ แต่พี่ก็ต้องเข้าใจด้วยนะครับว่างานกิจกรรมมันเปิดรับทั้งหมดสามวัน ซึ่งวันนี้พวกผมก็ยังพอมีเวลาที่จะลงให้พี่อยู่ครับ “ กุนพูดจบก็ส่งยิ้มอ่อนๆไปให้ปีขาลที่จ้องหน้าเขาอยู่ เพราะกุนนั้นได้ชิ่งอธิบายในสิ่งที่ปีขาลจะโต้ตอบกลับมาจนหมดแล้ว

“ แล้วคนอื่นๆมีคำตอบนอกเหนือจากนี้หรือเปล่าครับ “ ปีขาลหันไปมองรอบๆ แต่ก็พบกับความเงียบเป็นคำตอบ

ปีขาลถอยหลังออกมาเรื่อยๆจนมาหยุดอยู่ที่เดิมที่เขายืนอยู่ในตอนแรกแล้วมองไปยังรุ่นน้องด้านหน้าทั้งหมด

“ ผมจะถือว่านี่คือความผิดครั้งแรกของพวกคุณ ผมจะทำโทษพวกคุณแค่นี้ และผมก็หวังว่ามันจะมีเพียงแค่นี้นะครับเพราะผมเบื่อที่ต้องมานั่งจ้ำจี้จ้ำไชบุคคลที่อายุเกินสิบแปดแล้วยังทำตัวเหมือนเด็กอายุสิบสองที่ไม่รู้จักกฎระเบียบข้อบังคับของอะไรเลย พวกคุณโตๆกันแล้วนะครับ เรื่องแค่นี้คงไม่ต้องให้พวกผมมานั่งบอกหรอกนะครับว่าต่อไปนี้พวกคุณต้องทำตัวกันยังไง “ ปีขาลเอามือไขว้หลังแล้วพูดขึ้นเสียงเข้ม

“ เชิญปีสองสอนเรื่องเพลงประจำคณะให้พวกน้องๆต่อได้ครับ ส่วนคุณ..ออกมาคุยกับผมหน่อย “ ปีขาลหันไปบอกต่อ แล้วก็หันมาพูดกับกุนที่มองเขาอยู่

กุนยกยิ้มนิดๆแล้วเดินตามปีขาลออกไปทางประตูซึ่งเป็นทางที่อยู่ด้านนอกของโดมกิจกรรม

“ คุณคิดว่าสิ่งที่คุณพูดมันใช่เหตุผลทั้งหมดของเพื่อนคุณจริงๆหรือครับ “ ปีขาลกอดอกแล้วถามกุนเสียงเรียบ

“ ผมก็ไม่คิดว่ามันจะต่างกันนะครับเพราะผมพูดความจริง “ กุนยกยิ้มมุมปากนิดๆ พอส นุ ป้องและฟิวเดินเข้ามาดูเพื่อนของเขาอย่างห่างๆแต่ก็ได้ยินทุกคำพูดที่เพื่อนพูดกับน้องปีหนึ่งหน้ากวนนั่น

“ ความจริงที่ว่า..การบ้านมันมีเพียงแค่สองวิชาและเป็นการคัดลอกจากในอินเตอร์เน็ตเท่านั้นหนะหรอครับ “ ปีขาลกระตุกยิ้มมุมปากอย่างรู้ทัน เพราะเมื่อวานนั้นเขาได้ไปถามอาจาร์ยประจำวิชาของเด็กปีหนึ่งทั้งหมดแล้วและก็ได้รู้มาว่างานที่อาจาร์ยสั่งนั้นมันมีเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้นไม่ได้มากมายอะไรเหมือนที่รุ่นน้องตรงหน้าบอกเลยสักนิด

กุนนิ่งไปนิดเมื่อถูกจับได้

“ คุณรู้มั้ยครับว่าทำไมผมรู้ความจริงแล้วผมยังให้พวกคุณทำกิจกรรมกันต่อไปโดยไม่ได้พูดอะไรต่อ “ ปีขาลกอดอกและจ้องหน้ากุนนิ่งๆ

“ ……… “ กุนไม่ตอบอะไร มีแค่เพียงดวงตาที่จ้องไปยังใบหน้าของอีกคนเท่านั้น

“ เพราะผมเห็นแก่ความกล้าของคุณที่กล้าจะพูดกับผมและพูดแทนเพื่อนคนอื่นๆ ผมถึงอนุโลมให้ในครั้งนี้ แต่มันไม่ได้หมายความว่ามันจะทำให้พวกคุณได้ใจในการทำผิดครั้งต่อไปหรอกนะ “ ปีขาลบอก

“ หึหึ พี่ใจดีจริงๆด้วย “ กุนยิ้มกว้างออกมา ปีขาลได้แต่ขมวดคิ้วแล้วมองรอยยิ้มกว้างของรุ่นน้องตรงหน้าด้วยความสงสัย

“ เป็นบ้าอะไรของคุณ ใจดีอะไร “ ปีขาลถามกลับไปด้วยความไม่เข้าใจ เพราะนี่ถือเป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินรุ่นน้องเอ่ยชมออกมาแบบนี้ แม้แต่รุ่นน้องปีสองยังไม่เคยชมว่าเขาใจดีเลยสักคน

“ ผมแค่คิดว่า..พี่ก็ไม่ได้โหดเหมือนที่คนอื่นเขาพูดกันนี่ครับ พี่แค่มีเหตุผลของพี่ก็เท่านั้น “ กุนยิ้มกว้างแล้วพูดเสียงนุ่มกลับไป

“ หึ ถ้าคุณคิดว่าการที่ผมปล่อยให้พวกคุณไม่โดนทำโทษต่อมันคือความใจดีผมว่าคุณคงคิดผิดไป เพราะนับตั้งแต่วันนี้..ทุกอย่างมันพึ่งเริ่มต้นเท่านั้น “ ปีขาลยกยิ้มมุมปากแล้วยื่นหน้าไปใกล้กุน

“ อย่าคิดว่ามีพี่อยู่ในมหาลัยนี้แล้วจะเก่งกับใครก็ได้นะ คุณคือเด็กปีหนึ่งในการดูแลของผม..ไม่ใช่เด็กของคณะอื่น เพราะฉะนั้นจะทำอะไรก็วางตัวให้ดีหน่อย “

กุนขมวดคิ้วนิดๆเมื่อได้ยิน แต่สักพักก็ยิ้มมุมปากออกมาจนปีขาลเองที่เป็นฝ่ายขมวดคิ้วแทน

“ อยู่ดีดีก็ยิ้ม..เป็นบ้าหรอไง “ ปีขาลถามด้วยความโมโห

“ ผมแค่คิดว่า..ดีจัง “ กุนพูดยิ้มๆ ปีขาลผละหน้าออกห่างจากกุนนิดๆแล้วถามต่อด้วยความข้องใจ

“ ดีอะไร “

“ ดีที่ผมเป็นเด็กของพี่ไงครับ “ กุนส่งยิ้มกว้างให้ปีขาล

“ ………. “ ปีขาลเบิกตากว้างนิดๆด้วยความตกใจ สายตาพลันไปเห็นใบหน้าของเพื่อนที่อ้าปากค้างด้วยความรู้สึกที่ตกใจไม่ต่างกัน

“ พวกมึง..ไปกันได้ละเสียเวลาอยู่กับตรงนี้มานานแล้ว ไปประชุมต่อ “ ปีขาลพูดกับพวกป้องเสียงเข้มและหันหลังเดินไปทันที ทิ้งให้เพื่อนได้แต่กึ่งเดินกึ่งวิ่งตามปีขาลไปด้วยความงุนงง

“ หึหึหึ เวลาเขินน่ารักชะมัดเลยแฮะ “ กุนพูดกับตัวเองยิ้มๆ

เป็นเมียผมนะ

เป็นเมียผมนะ

ปวดหัวกับหน้าที่ที่โดนยัดเยียดไม่พอยังต้องมาปวดหัวกับไอเด็กปีหนึ่งที่ชอบแหกกฎอีกงานนี้เขาจะรับมือกับไอเด็กตัวแสบไหวมั้ยนะหรือว่าจะต้องทำโทษให้มันตายไปข้างนึงดีแต่ทำไมยิ่งอยู่ใกล้ใจเขามันถึงเต้นแปลกๆนะ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset