ห้องโถงใหญ่ชั้นนี้มีความกว้างขวางสุดลูกหูลูกตา อีกทั้งยังเป็นพื้นที่วงกลมขนาดหลายพันจั่ง ภายในห้องตกแต่งอย่างสวยงามและมีไฟประดับประดาดูสว่างไสวเป็นอย่างยิ่ง โดยรอบต่างก็มีโต๊ะขนาดยาวตั้งเรียงรายเอาไว้ ชั้นนี้ก็คือห้องโอสถนั่นเอง
หญิงสาวหลายร้อยนางกำลังทำการต้อนรับลูกค้าอยู่อย่างวุ่นวาย และลูกค้าโดยส่วนมากต่างก็เป็นเด็กใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในปีนี้
หลังจากที่พวกเขาได้รับแต้มคะแนนมากันแล้วก็ได้ตระเตรียมเพื่อที่จะมาใช้จ่ายในสถานที่แห่งนี้เลยก็ว่าได้ เพราะสิ่งของทั้งหมดภายในหอพลิกสวรรค์สามารถใช้แต้มคะแนนหาซื้อมา ทว่าพวกเขาจะต้องมีแต้มคะแนนที่เพียงพอด้วย
ในขณะที่กำลังจะเข้าไปภายในห้องโถงใหญ่แห่งนั้น หลงเฉินก็เห็นเงาร่างที่คุ้นตากำลังส่งเสียงดัง เด็กน้อยกัวเหรินกำลังยืนอยู่หน้าโต๊ะแผงลอยตัวหนึ่ง อีกทั้งยังกล่าวต่อหญิงสาวทางด้านหน้าว่า “ชิ้นนี้มีราคาค่างวดเท่าใด?”
หญิงสาวคนนั้นมองไปที่โอสถแล้วตอบกลับมาว่า “สองร้อยคะแนน”
“ให้ตายเถิด เหตุใดถึงราคาสูงเช่นนี้?” กัวเหรินตกใจขึ้นมายกใหญ่ จากนั้นก็ชี้ไปยังโอสถอีกเม็ดหนึ่งที่อยู่ถัดออกไป “แล้วเม็ดนี้เล่า?”
หญิงสาวทอสีหน้าเย็นชามองไปที่กัวเหริน พร้อมกับกางนิ้วมือข้างหนึ่งออกเป็นการบ่งบอกว่า ‘ห้าร้อยคะแนน’
กัวเหรินตกตะลึงกับราคาของโอสถ ในขณะที่กำลังจะกล่าววาจาออกมาก็ได้มีเสียงหัวเราะดังขึ้นจากด้านหลัง เมื่อหันกลับไปมองก็พบว่าเป็นหลงเฉินและถังหว่านเอ๋อที่กำลังหัวเราะไม่หยุด
“แค่กแค่ก พี่ใหญ่ เถ้าแก่ พวกท่านมาได้อย่างไรกัน?” กัวหรานก็ได้กล่าวขึ้นมาด้วยความกระอักกระอ่วน
“ห้ามเรียกข้าว่าเถ้าแก่ ให้เรียกว่าหัวหน้าพรรค” ถังหว่านเอ๋อรีบท้วงขึ้นมา เห็นได้ชัดว่านางไม่ชื่นชอบให้เรียกเช่นนั้นเอาเสียเลย
“หัวหน้าพรรคหว่านเอ๋อ” กัวเหรินรีบเปลี่ยนคำเรียกแล้วหัวเราะร่า
“กัวเหริน อยู่ที่นี่นานแล้วหรือ เป็นอย่างไรบ้าง?” หลงเฉินถาม
กัวเหรินตอบกลับไปด้วยความขมขื่นว่า “อย่าได้เอ่ยถึงเลย ข้าวนเวียนอยู่ในที่แห่งนี้กว่าสองชั่วยามแล้ว สิ่งของที่นี่ราคาสูงลิบลับ สวัสดิการอันน้อยนิดของข้าทั้งเดือนไม่อาจซื้อโอสถได้เลย”
นับตั้งแต่ที่กัวเหรินได้รับแต้มคะแนนมาก็ทำการเชยชมอยู่ครู่หนึ่ง โดยส่วนตัวแล้วเขาเป็นคนที่ชอบจับจ่ายใช้สอยเป็นอย่างยิ่ง ทว่าเมื่อทราบราคาของสิ่งของเหล่านั้นแล้วกลับได้แต่ทอแววตาโง่งมขึ้นมา รู้สึกว่าตัวเองไม่ต่างจากขอทานผู้หนึ่งที่เร่เข้าหาร้านทองคำอย่างไรอย่างนั้น ช่างเป็นแต้มคะแนนที่แทบจะหาซื้ออันใดไม่ได้เลย
กัวเหรินถือว่าเป็นคนที่มีความคิดรอบคอบเป็นอย่างยิ่ง หลังจากที่มาถึงก็วนเวียนดูตามโต๊ะต่างๆ อยู่หลายรอบ อีกทั้งยังสอบถามราคาจากทุกร้านค้าที่ขายโอสถมาจนหมด จึงทำให้เหล่าพ่อค้าแม่ค้ารำคาญไปตามๆ กัน และเมื่อครู่นี้ก็คือฉากปะทะฝีปากที่หลงเฉินและถังหว่านเอ๋อพบเห็นเข้าพอดี
“ข้าอยากได้โอสถรวมเส้นเอ็น ทว่าโอสถเม็ดนั้นจะต้องใช้ทั้งหมดหกร้อยห้าสิบแต้ม แน่นอนว่าเงินเดือนของข้าย่อมมีไม่ถึงอยู่แล้ว” กัวเหรินกล่าวขึ้นมาด้วยใบหน้าเศร้าสลด
เขาเองก็เพิ่งจะทะลวงพลังเข้าสู่ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นได้เหมือนกับคนอื่น พลังสภาวะภายในจึงยากที่จะหยุดนิ่ง หากต้องการควบคุมให้มั่นคงได้โดยเร็วจะต้องใช้โอสถรวมเส้นเอ็นเข้าช่วยเหลือ
โอสถรวมเส้นเอ็นนั้นเป็นโอสถที่มีไว้สำหรับยอดฝีมือที่เพิ่งจะเข้าสู่ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นมาได้ไม่นาน อีกทั้งยังมีผลลัพธ์ในการเพิ่มความสามารถในการฝึกยุทธ์ให้เร็วขึ้น หากไม่มีโอสถรวมเส้นเอ็นคอยสนับสนุนก็จะต้องใช้เวลาในการฝึกฝนมากกว่าสองถึงสามเดือนขึ้นไปจึงจะสามารถรวมพลังสภาวะอันวุ่นวายเช่นนั้นเอาไว้ได้
หากใช้โอสถรวมเส้นเอ็นแล้วก็จะทำให้ยอดฝีมือผู้นั้นรวบรวมพลังสภาวะได้ภายในช่วงเวลาสั้นๆ ราวสิบห้าวันไปจนถึงหนึ่งเดือนเท่านั้น เพราะเวลาที่ล่วงเลยผ่านไปในแต่ละวันย่อมมีค่ามากสำหรับผู้ฝึกยุทธ์ผู้หนึ่ง
“ข้ากับคนขายโอสถผู้นั้นเสวนากันเกือบครึ่งค่อนวันแล้ว ทว่านางก็ยังไม่ยอมอ่อนข้อให้ข้าเลยแม้แต่น้อย แม้แต่ครึ่งแต้มก็ไม่ยอมลดให้ ข้าแสนจะทุกข์ใจเป็นอย่างยิ่งเลย” กัวเหรินจ้องเขม็งไปที่คนขายโสถแล้วกล่าวขึ้นมา
เมื่อได้ยินว่ากัวเหรินหมายถึงนาง จึงตอบกลับขึ้นมาว่า “เจ้ากล่าวเช่นนั้นก็ไม่ถูก พวกเรามีหน้าที่ขายเท่านั้น จะลดราคาให้เจ้าได้อย่างไรกัน หรือจะให้พูดว่าเจ้าคิดว่าที่นี่คือตลาดสดขายผักปลาอย่างนั้นหรือ? กล้าที่จะต่อราคาในสถานที่แห่งนี้ ช่างน่ารังเกียจเดียดฉัน อีกทั้งยังรังควานเหล่าผู้ค้าขายในที่แห่งนี้มานานเกินไปแล้ว พวกเราไม่ระเบิดโทสะจนด่าทอเจ้าก็ถือว่าเห็นแก่หน้าเจ้ามากมายแล้ว”
“เจ้า……” กัวเหรินถลึงตาใส่เด็กน้อยผู้นั้น
“ต้องขออภัยด้วย สหายของข้าคนนี้ไม่สมประกอบ อารมณ์เลยไม่ค่อยจะสู้ดีนัก ต้องขอโทษแทนเขาด้วย” หลงเฉินยิ้มแล้วกล่าวขัดคอขึ้นมา หญิงสาวผู้นั้นจึงยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย
หลงเฉินจึงรีบดึงกัวเหรินที่เอาแต่สบถเสียงดังชิออกมา ส่วนถังหว่านเอ๋อก็เอาแต่หัวเราะร่าอยู่ข้างกายแล้วกล่าวขึ้นมาว่า ”ฮาฮา ในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดพวกเจ้าถึงกลายเป็นพี่น้องกันได้ พวกเจ้าทั้งสองคนช่างมีฝีปากร้ายกาจเป็นยิ่งนัก อีกทั้งยังมีใบหน้าหนาจนสามารถต่อรองราคาในสถานที่แห่งนี้ได้อีก”
“ข้าจะขอเป็นตัวแทนของความไม่สมเหตุสมผลนี้เอง ข้าจะเป็นกระบอกเสียงให้แก่ศิษย์ใหม่ทั่วทั้งหมู่ตึกเพื่อไปฟ้องร้องเรื่องสวัสดิการ เพราะแม้แต่โอสถรวมเส้นเอ็นก็ยังไม่อาจซื้อหาได้ นี่ไม่ใช่เรื่องที่ควรนำมาล้อเล่นกับผู้คนนะ” กัวเหรินกล่าวขึ้นมาด้วยเสียงทุ้มต่ำ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง
“เหอะเหอะ ที่หมู่ตึกกระทำเช่นนี้ย่อมมีเหตุผล ทว่าสิ่งที่เจ้าบอกกล่าวออกมานั้นย่อมสามารถทำได้ เพราะพวกเจ้าต่างก็เป็นคนของขุมกำลัง มีหรือที่ข้าจะไม่คิดหาวิธีจัดการให้กับพวกเจ้า เช่นนั้นพวกเจ้าก็ไม่ต้องเป็นกังวลไป
ขณะนี้ทุกคนต่างก็ทะลวงพลังเข้าสู่ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นกันทั้งหมดแล้ว การซื้อหาโอสถรวมเส้นเอ็นจึงเป็นสิ่งที่ควรกระทำเป็นอย่างยิ่ง และที่ข้ามายังหอแห่งนี้ก็เพื่อการนี้นั่นเอง” ถังหว่านเอ๋อกล่าว
“หกร้อยห้าสิบแต้มต่อหนึ่งเม็ด ขุมกำลังของพวกเรามีทั้งหมดเจ็ดสิบเก้าคน เช่นนั้นก็จะต้องใช้คะแนนทั้งหมดห้าหมื่นหนึ่งพันสามร้อยห้าสิบ เด็กน้อยที่ดี ไม่ต้องทำอันใดกันแล้ว เพราะแต้มคะแนนของเจ้าจะหายกว่าครึ่ง” หลงเฉินขมวดคิ้วเข้มจนแน่น ทางหมู่ตึกหารายได้ได้โหดร้ายเกินไปแล้ว
ถังหว่านเอ๋อส่ายหน้าแล้วตอบกลับไปว่า “ไม่ใช่เจ็ดสิบเก้าคน ทว่าเป็นหนึ่งร้อยคน”
“หือ? พวกเรามีถึงหนึ่งร้อยคนอย่างนั้นหรือ?” หลงเฉินถามออกไป เดิมทีก็มีครบร้อยคนอยู่หรอก ทว่าสอบผ่านเพียงเจ็ดสิบเก้าคนเท่านั้น
“ทุกขุมกำลังจะต้องมีสมาชิกครบหนึ่งร้อยคนเท่านั้น ในเมื่อมีไม่ครบก็สามารถชักชวนศิษย์ใหม่จากที่อื่นเข้ามาเสริมได้ หากมีจำนวนคนไม่เป็นไปตามเป้าก็จะถือว่าขาดทุน อีกสักครู่ช่วยติดตามข้าไปที่ลานกว้างพลิกสวรรค์เพื่อไปรับคนเพิ่มเสียหน่อยเถิด” ถังหว่านเอ๋ออธิบาย
กัวเหรินพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย ทว่าหลงเฉินยังคงเงียบคล้ายกับกำลังครุ่นคิดบางอย่างอยู่ ทันใดนั้นก็มองไปรอบด้านอย่างสนอกสนใจ “ในห้องโถงนี้มีสมุนไพรให้แลกเปลี่ยนด้วยใช่หรือไม่?”
“อือ กว่าสองส่วนของห้องโถงใหญ่แห่งนี้มีสมุนไพรวางขายอยู่เป็นจำนวนมาก ส่วนอีกหนึ่งส่วนนั้นเป็นโอสถเพียงสิบกว่าชนิดเท่านั้น”
ภายในจิตใจของหลงเฉินเกิดความคิดหนึ่งแล่นเข้ามา พลันก็รีบเดินไปยังแผงขายหญ้าสมุนไพร หลังจากที่เดินดูอยู่รอบหนึ่ง เขาก็พบว่ามีสมุนไพรกว่าหมื่นชนิดจึงอดไม่ได้ที่จะทอประกายดวงตาแวววาวขึ้นมา
ถึงแม้จะเป็นการเดินสำรวจเพียงคร่าวๆ ทว่าเขาก็จดจำได้ในทันทีว่ามีสมุนไพรอยู่หลายชนิดที่ใช้สำหรับหลอมโอสถแปรแสงก็ยิ่งทำให้จิตใจลิงโลดขึ้นมาอย่างถึงที่สุด
“หว่านเอ๋อ เจ้าจะเชื่อใจข้าได้หรือไม่?” หลงเฉินมองไปที่ดวงตาคู่งามของถังหว่านเอ๋อแล้วกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“กล่าววาจาโง่งมอันใดของเจ้ากัน มีหรือที่ข้าจะไม่เชื่อใจเจ้า” ถังหว่านเอ๋อตอบกลับมาด้วยความประหลาดใจ
หลงเฉินยิ้มแล้วกล่าวว่า “ดี ข้าอยากจะปรึกษาหารือกับเจ้าสักเรื่องหนึ่ง ข้าขอหยิบยืมแต้มคะแนนของเจ้าทั้งหมดหกหมื่นแต้มได้หรือไม่? จากนั้นให้เวลาข้าสามวัน ข้าจะมอบโอสถรวมเส้นเอ็นทั้งหมดร้อยเม็ดให้แก่เจ้า”
ถังหว่านเอ๋อและกัวเหรินเบิกดวงตาโพลงโตมองไปที่หลงเฉินด้วยอาการตะลึงลาน ส่วนหนึ่งก็เกิดความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อหลงเฉิน แล้วกัวเหรินก็กล่าวขึ้นมาว่า “พี่ใหญ่ ท่านคงจะไม่ได้คิดที่จะ……”
“อือ ข้าจะหลอมโอสถรวมเส้นเอ็นขึ้นมาเอง เมื่อสักครู่ข้าได้เดินสำรวจดูคร่าวๆ แล้วก็พบว่าราคาในการหาซื้อสมุนไพรสำหรับโอสถหนึ่งร้อยเม็ดอยู่ที่แปดพันกว่าแต้มเท่านั้น หากข้าสามารถหลอมขึ้นมาได้เองก็จะประหยัดแต้มไปได้อีกมากทีเดียว” หลงเฉินกล่าว
“ทว่า……โอสถรวมเส้นเอ็นเป็นโอสถระดับสามเลยนะ” กัวเหรินกล่าวออกไปอย่างตะกุกตะกัก
“แน่นอนว่าในตอนนี้ข้ายังไม่อาจหลอมโอสถระดับสามได้อย่างที่เจ้าว่า ฉะนั้นข้าจำเป็นที่จะต้องซื้อสมุนไพรส่วนหนึ่งเพื่อทำภารกิจของข้าให้สำเร็จเสียก่อนจึงจะสามารถหลอมโอสถรวมเส้นเอ็นขึ้นมาได้” หลงเฉินกล่าวด้วยความมั่นใจที่มีอยู่เต็มเปี่ยม
เพราะพลังเพลิงโอสถของเขาในตอนนี้ยังไม่แรงกล้าพอที่จะหลอมโอสถระดับสามขึ้นมาได้ อีกทั้งยังไม่อาจที่จะรีดความบริสุทธิ์ของสมุนไพรออกมาได้จนหมดจด หากหลอมไปก็ไม่มีทางได้ผลลัพธ์ที่ดี ทว่าภายในแหวนมิติของเขามีโอสถภายในของกิ้งก่าเพลิงอยู่ ขอเพียงดึงโอสถภายในของกิ้งก่าเพลิงที่เป็นสัตว์เพลิงระดับสามออกมาใช้ได้ก็จะทำให้เพลิงโอสถของเขาแข็งแกร่งขึ้น
และที่สำคัญก็คือหลงเฉินเห็นแล้วว่าโอสถรวมเส้นเอ็นที่ขายอยู่ตามโต๊ะแผงลอยเหล่านั้นต่างก็เป็นเพียงโอสถระดับกลางขั้นที่สามเท่านั้น ไม่ได้เป็นระดับสูงแม้แต่เม็ดเดียว
แม้พวกเขาจะซื้อโอสถรวมเส้นเอ็นเหล่านี้ไปใช้ก็ไม่ได้ก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีมากถึงเพียงนั้น โดยส่วนมากแล้วก็จำเป็นที่จะต้องใช้เวลาอีกสิบห้าวันจึงจะสามารถหลอมรวมพลังสภาวะของตัวเองเอาไว้ได้
ส่วนเป้าหมายในการหลอมโอสถของหลงเฉินก็คือโอสถรวมเส้นเอ็นระดับสูง หากได้เป็นไปได้เช่นนั้นก็จะทำให้ผู้คนในขุมกำลังรวมพลังสภาวะเอาไว้ได้ภายในเจ็ดวันถึงสิบวันเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้พวกเขาก็จะเหลือส่วนต่างอีกหลายวันเพื่อฝึกยุทธ์ต่อ เพราะการแก่งแย่งชิงดีกันภายในหมู่ตึกจำเป็นที่จะต้องใช้เวลาให้คุ้มค่า ไม่เพียงแต่ประหยัดเวลาเท่านั้น ทว่ายังประหยัดแต้มคะแนนได้อย่างมหาศาลอีกด้วย
ในส่วนของแต้มคะแนนที่เหลือนั้น หลงเฉินก็จะนำไปซื้อสมุนไพรสำหรับผสมกับโลหิตบริสุทธิ์ของหมื่นสรรพสัตว์ และหลังจากนั้นก็หาเวลาไปออกล่าสัตว์มายามา เช่นนั้นก็จะสามารถเพิ่มพูนระดับในการฝึกยุทธ์ได้แล้ว
หลังจากที่ได้ประมือกับคนของสภาผู้คุมกฏอย่างหวู่ฉี่แล้ว หลงเฉินจึงรู้สึกตัวในทันทีว่าพลังสภาวะของเขาในตอนนี้ยังเสี่ยงต่ออันตรายมากเกินไป อีกทั้งศิษย์พี่หวู่ผู้นั้นก็ยังไม่ถูกขับไล่ออกไป หากไม่ได้ผู้อาวุโสถู่ฟางเข้ามาห้ามเอาไว้ หลงเฉินคงจะใช้กายากักวายุออกมาแล้ว
กายากักวายุนั้นถือเป็นพลังฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดของหลงเฉินในตอนนี้ แม้ในครั้งนั้นศิษย์พี่หวู่จะยังไม่ได้ใช้ทักษะยุทธ์ออกมาเลยก็ตาม ทว่าเพียงพลังสภาวะของเขาที่ปะทุออกมาก็สามารถกดดดันหลงเฉินได้แล้ว
หลงเฉินจึงตระหนักได้ในทันทีว่าหากเกิดการปะทะกันขึ้นมาจริงๆ เขาคงจะไม่อาจต่อสู้กับศิษย์พี่หวู่ได้อย่างแน่นอน และในขณะเดียวกันก็จะต้องถูกเพ่งเล็งจากผู้อาวุโสซุนที่เขาสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของการคุกคามชีวิตได้บางส่วน
ถึงแม้ว่าจะไม่แน่ใจว่าผู้อาวุโสซุนนั้นหมายจะมุ่งเป้ามาที่เขาด้วยเหตุผลใด ทว่าภายในจิตใจก็รู้สึกว่าจะต้องระมัดระวังเอาไว้อย่างถึงที่สุด อีกทั้งอย่าได้คิดเอาชีวิตของตัวเองมาแขวนไว้กับกฎของทางหมู่ตึกเช่นเดียวกัน
แม้ว่าในห้วงสมองของเขาจะยังไม่เห็นส่วนผสมทั้งหมดของโอสถรวมเส้นเอ็น ทว่าจากห้วงความทรงจำของจักรพรรดิโอสถกลับเห็นว่ามีโอสถที่ดียิ่งกว่านั้นอยู่ อีกทั้งยังให้ผลลัพธ์ในการรวมพลังที่ดีกว่าด้วย
“เจ้าตัดสินใจเถิด ข้าเชื่อใจเจ้า” ถังหว่านเอ๋อยิ้มแล้วล้วงเอาแผ่นป้ายประจำตัวออกมา จากนั้นก็ได้นำไปแตะที่แผ่นป้ายของหลงเฉินเบาๆ
ทันใดนั้นบนแผ่นป้ายประจำตัวของหลงเฉินก็ได้ปรากฏแสงสว่างวาบขึ้นมาหลายครั้ง จากตัวเลขที่มีอยู่ห้าร้อยก็ไปเพิ่มขึ้นไปเป็นสิบหมื่นกับอีกห้าร้อยแต้มทันที
“นี่……” หลงเฉินทอสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง ถังหว่านเอ๋อมอบแต้มคะแนนทั้งหมดให้แก่เขาอย่างนั้นหรือ!
“ในเมื่อเชื่อใจแล้ว ข้าก็ต้องเชื่อใจให้ถึงที่สุด นับจากบัดนี้เป็นต้นไป ข้าขอแต่งตั้งให้เจ้าเป็นผู้บริหารของขุมกำลัง” ถังหว่านเอ๋อยิ้มกริ่มแล้วส่งเสียงเจื้อยแจ้วขึ้นมา
หลงเฉินกำแผ่นป้ายแน่น ความอบอุ่นสายหนึ่งซัดเข้ามาภายในจิตใจจนท่วมท้น การมีคนเชื่อมั่นในตัวเรานั้นช่างเป็นความรู้สึกที่ดีมากจริงๆ ดวงตาคู่คมมองไปยังใบหน้างดงามของถังหว่านเอ๋อที่ถูกแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มประดุจพฤกษชาติกำลังเบ่งบาน
“แค่กแค่ก พี่ใหญ่ นี่เป็นเวลาที่ข้าสมควรที่จะถอยออกไปอย่างเงียบๆ แล้วใช่หรือไม่” กัวเหรินกล่าวแทรกขึ้นมาด้วยท่าทีกระอักกระอ่วน
ถังหว่านเอ๋อจึงทอใบหน้าแดงก่ำขึ้นมาแล้วเบือนหน้าไปอีกทางหนึ่งทันที หลงเฉินจ้องเขม็งไปที่กัวเหรินแล้วกล่าวด้วยโทสะว่า” เจ้าแส่มากเกินไปแล้ว”
หากเป็นไปตามส่วนผสมที่อยู่ภายในความทรงจำของหลงเฉินแล้ว ไม่นานนักเขาก็สามารถเสาะหามาได้ครบทั้งหมด ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าคลังสมบัติของหมู่ตึกจะสมบูรณ์พร้อมได้ถึงเพียงนี้ หากเทียบกับชุมนุมผู้หลอมโอสถแล้วเรียกได้ว่าดีมากกว่าเป็นร้อยเท่าพันทวีเลยก็ว่าได้
หลังจากที่หาซื้อวัตถุดิบและสมุนไพรที่ต้องการมาได้ทั้งหมดแล้ว แต้มคะแนนที่อยู่บนแผ่นป้ายของหลงเฉินก็หายวับไปกว่าสามหมื่นแต้มแล้ว