เคล็ดกายานวดารา – ตอนที่ 238 : คมศรกำมะถันหยินหยาง

“กล้าจ้องหน้าข้าอย่างนั้นหรือ? ข้าจะทุบเจ้าให้ตายคามือเลย!”

 

เสียงตะโกนของอาหมานดังกึกก้องอยู่ในโสตประสาทของชายหนุ่มรูปร่างผอมสูง เขี้ยวหมาป่าขนาดมหึมาพุ่งแหวกอากาศโดยรอบออกเป็นทางยาว พลังทำลายอันมหาศาลที่น่าหวาดกลัวแผ่กระจายไปทั่วทุกสารทิศจนทำให้จิตใจของผู้คนเกิดความหนาวเหน็บขึ้นมาเป็นสาย

 

ชายหนุ่มรูปร่างผอมสูงทอสีหน้าแตกตื่นขึ้นมายกใหญ่ เหตุใดเจ้ายักษ์ผู้นี้ถึงสามารถต้านทานวิชาลับอย่างดวงตาเพลิงวิญญาณลุ่มหลงได้ อีกทั้งยังจู่โจมเข้ามาไม่หยุดเสมือนกับไม่ได้รับผลกระทบอันใดจากพลังอันแข็งแกร่งของเขาเลย

 

“หึ่ง”

 

สภาวะอากาศเกิดการสั่นไหวไปมา แรงกดดันอันหนักหน่วงพุ่งทะยานเข้ามาอย่างรวดเร็วจนชายหนุ่มรูปร่างผอมสูงต้องรีบถอยหลังออกไปโดยพลัน

 

ชายหนุ่มรูปร่างผอมสูงเป็นถึงศิษย์สายตรงที่มีพลังการฝึกยุทธ์แข็งแกร่งอันดับต้นๆ ของศิษย์ฝ่ายอธรรมรุ่นนี้ อีกทั้งยังเป็นผู้มีพรสวรรค์ด้านพลังกายาพิสดารที่สามารถหลบเลี่ยงการโจมตีของผู้คนได้โดยที่คนผู้นั้นไม่อาจมองเห็นได้ชัดเจน

 

ทันทีที่ชายหนุ่มรูปร่างผอมสูงสามารถหลบการโจมตีของอาหมานได้ก็รีบเก็บธงเรียกวิญญาณลงไปเมื่อเห็นว่าอาหมานมีภูมิคุ้มกันต่อการโจมตีด้วยพลังแห่งจิตวิญญาณ ฉะนั้นเขาจะแต่ต้องใช้เคล็ดวิชาอื่นเข้าจู่โจมแทน

 

จากนั้นเขาก็นำอาวุธชิ้นใหม่ออกมา  ทว่าทันใดนั้นบริเวณโดยรอบก็เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เสียงระเบิดดังขึ้นมาไม่ขาดสายจนทำให้ชายหนุ่มรูปร่างผอมสูงต้องสะดุ้งตัวโยนขึ้นมา ดวงตาจ้องมองไปยังอาหมานที่กำลังกระแทกเขี้ยวหมาป่าไปที่พื้นดิน

 

ในหมู่ผู้ฝึกยุทธ์ทั้งหลานที่เขาได้พบเจอมายังไม่เคยมีผู้ใดออกกระบวนท่าเช่นนี้ แน่นอนว่าผู้ฝึกยุทธ์จะต้องรีบจบการต่อสู้ให้รวบรัดที่สุก อีกทั้งการกระทำเช่นนี้เรียกได้ว่าเสียแรงโดยเปล่าประโยชน์เป็นอย่างยิ่ง

 

“ตูม”

 

ผืนแผ่นดินสะเทือนเลือนลั่นอย่างบ้าคลั่งจนพื้นดินเบื้องล่างเกิดรอยแยกแตกออกเป็นทางยาว พลังสภาวะอันน่าหวาดกลัวขุมหนึ่งหอบศิษย์ฝ่ายอธรรมที่อยู่โดยรอบขึ้นสู่ห้วงบรรยากาศจนมือเท้าร่ายระบำไปมาพัลวัน

 

แม้แต่ศิษย์ฝ่ายธรรมะที่กำลังต่อสู้อยู่ในบริเวณที่ห่างไกลออกไปก็ยังสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนจนเกือบจะล้มลงกับพื้นกันไปทั้งหมด โดยเฉพาะชายหนุ่มรูปร่างผอมสูงที่ได้แต่ทอสีหน้าแตกตื่นขึ้นมาในขณะที่กำลังลอยละล่องขึ้นไปเพราะไร้ซึ่งหนทางที่จะขัดขืนต่อขุมพลังอันมหาศาลนั้น

 

“ข้าจะทำให้เจ้ามองตาไม่กระพริบเอง”

 

ชายหนุ่มรูปร่างผอมสูงทอแววตาโง่งมมองไปยังเขี้ยวหมาป่าของอาหมานที่ปักอยู่บนพื้น นับตั้งแต่เริ่มต้นก็ยังสัมผัสได้ถึงพลังสภาวะกดดันที่พุ่งพล่านขึ้นมาไม่หยุด และทันใดนั้นเขี้ยวหมาป่าขนาดมหึมาก็ได้กวาดมาที่เขาอีกครั้งหนึ่ง

 

ถึงแม้ว่าจะพยายามขยับร่างกายเพื่อทำการหลบหนีออกไป ทว่าร่างกายนั้นกลับแข็งทื่อและลอยคว้างอยู่กลางอากาศไม่เปลี่ยน ภายในจิตใจของชายหนุ่มรูปร่างผอมสูงจึงแตกตื่นขึ้นมาจนวิญญาณแทบจะหลุดลอยออกมาจากร่าง

 

ในขณะที่เขี้ยวหมาป่าขนาดมหึมากำลังหอบสายลมพวยพุ่งเข้ามาอย่างหนักหน่วงอยู่นั้น จู่จู่บริเวณรอบกายของชายหนุ่มรูปร่างผอมสูงก็มีหมอกสีดำทมิฬปรากฏขึ้นมาโอบล้อมไปทั่วราวกับเป็นสภาวะการป้องกันตัวชนิดหนึ่ง

 

จากนั้นหมอกสีดำทมิฬก็ผนึกรวมกันเป็นโล่ขนาดใหญ่อยู่เบื้องหน้าของเขา อีกทั้งยังอักขระสีแดงสดถักทอขึ้นมาหลายสาย พลังความเกลียดชังอันหนาแน่นปะทุขึ้นมาไม่หยุดจนทำให้จิตใจของผู้คนเกิดความไม่สบายใจอย่างถึงที่สุด

 

“อักขระโลหิตเกราะกายา”

 

“ผัวะ”

 

โล่หมอกสีดำทมิฬปะทะกับเขี้ยวหมาป่าขนาดมหึมาจนเกิดเสียงดังสนั่น ติดตามมาด้วยเสียงแตกร้าวของโล่ขนาดใหญ่ที่หายลับไปในพริบตาเดียว

 

“เพล้ง”

 

ศิษย์ฝ่ายอธรรมทั้งหมดจ้องมองไปที่การต่อสู้ของอาหมานและศิษย์สายตรงด้วยสีหน้าแตกตื่นตกใจ การปะทะกันอย่างหนักหน่วงไม่เพียงแต่ทำให้โล่ของคนผู้นั้นแหลกสลายกลายเป็นผุยผงไปในทันที ทว่ากลับทำให้ร่างกายของศิษย์สายตรงผู้นั้นระเบิดออกเป็นชิ้นเนื้อบดไปด้วย

 

“ยอดเยี่ยม!” กู่หยางและพวกพ้องตะโกนขึ้นมาเสียงดังด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น พลันโลหิตภายในร่างกายก็ยิ่งเดือดดาลขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง

 

“โจมตีด้วยพลังทั้งหมดออกไป ยังเหลือศิษย์สายตรงอีกสามคน ผู้ใดต้องการแต้มคะแนนก็รีบไปจัดการพวกเขา ส่วนที่เหลือให้อยู่ในรูปขบวนเอาไว้” หลงเฉินตะโกนเตือนสติผู้คนที่เริ่มจะแตกแถว

 

ในขณะที่อาหมานได้พุ่งทะยานตัวเข้าสู่ท่ามกลางหมู่ศิษย์ฝ่ายอธรรมจนสามารถสังหารศิษย์ฝ่ายอธรรมกลุ่มหนึ่งลงไปได้ก็ยิ่งทำให้ผู้คนเหล่านั้นเกิดความชุลมุนวุ่นวายเป็นพัลวัน จากเดิมที่ไม่ได้จัดขบวนรบก็ว่าอ่อนกำลังลงไปมากแล้ว ทว่าในขณะนี้กลับยิ่งวุ่นวายจนอ่อนแอลงไปอีกขั้น หากยังมีการโจมตีด้วยพลังแห่งจิตวิญญาณอยู่ พวกเขาก็คงไม่หวาดหวั่นและวุ่นวายถึงเพียงนี้อย่างแน่นอน

 

เมื่อสิ้นเสียงของหลงเฉิน ถังหว่านเอ๋อ เยี่ยจื่อชิว และกู่หยางก็แยกย้ายกันประกับศิษย์สายตรงของฝ่ายอธรรมที่หลงเหลืออยู่สามคนในทันที

 

“เหร่ยเชียนซัง คอยช่วยเหลือทางกู่หยางด้วย” หลงเฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

 

เหร่ยเชียนซังที่เพิ่งจะสังหารศิษย์ฝ่ายอธรรมผู้หนึ่งลงไปก็รีบพุ่งทะยานไปทางกู่หยางในทันที เพราะเขาเองก็ทราบดีว่ากู่หยางไม่อาจป้องกันการโจมตีด้วยพลังแห่งจิตวิญญาณของฝ่ายอธรรมได้ และจุดอ่อนเช่นนี้อาจทำให้ศัตรูสามารถเอาชีวิตของเขาได้อย่างง่ายดาย

 

นับตั้งแต่เริ่มเปิดศึกมาจวบจนตอนนี้ ศิษย์ทั้งสองฝ่ายก็ได้ปะทะกันอย่างดุเดือดมาโดยตลอด ทว่าศิษย์ฝ่ายธรรมะกลับสร้างผลงานได้อย่างงดงามประดุจสายรุ้งทอประกายเจิดจ้าอยู่บนฟากฟ้า เพียงไม่ถึงครึ่งก้านธูปไหม้ก็ได้สังหารศิษย์ฝ่ายอธรรมไปมากกว่าครึ่งหนึ่งแล้ว ทั่วทั้งสนามรบจึงมีศัตรูหลงเหลืออยู่ไม่ถึงสามร้อยคน

 

“ขบวนทางด้านหน้าให้หยุดเท้าก่อน ส่วนขบวนทางด้านหลังให้ก้าวตามขึ้นมา แล้วบุกโจมตีศิษย์ฝ่ายอธรรมที่อยู่เบื้องหน้าของตัวเอง”

 

เมื่อเห็นว่าศัตรูเริ่มลดทอนลงไปมากแล้ว อีกทั้งพวกพ้องที่มีพลังฝีมือแข็งแกร่งที่อยู่ขบวนหน้ามาตั้งแต่แรกเริ่มทอสีหน้าอ่อนล้าขึ้นมา หลงเฉินจึงได้เรียกผู้คนที่เป็นขบวนหลังสลับขึ้นมาเป็นฝ่ายต่อสู้บ้าง เพื่อให้ผู้คนเหล่านั้นมีประสบการณ์ในการต่อสู้ที่แท้จริง

 

จากนั้นหลงเฉินก็กวาดดาบยาวในมือตัดไปที่คอหอยของศิษย์ฝ่ายอธรรมที่ขวางอยู่ทางด้านหน้าอย่างบ้าคลั่ง ส่วนอีกทางหนึ่งก็มีคมวายุของถังหว่านเอ๋อลอยละล่องไปทั่วทั้งผืนฟ้า ทว่าหลงเฉินก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าไปมา “หว่านเอ๋อ เจ้ากำลังทำอะไรอยู่? นี่เป็นการต่อสู้เป็นตายนะ ไม่ใช่การประลองยุทธ์”

 

วิธีการต่อสู้ของถังหว่านเอ๋อในตอนนี้ยังคงเป็นการต่อสู้ที่เสมือนกับยังอยู่ในหมู่ตึกอย่างไรอย่างนั้น ด้วยความแข็งแกร่งของนางย่อมสามารถสังหารศิษย์สายตรงของฝ่ายอธรรมไปได้อย่างรวดเร็วแล้ว ทว่าในขณะนี้กลับต่อสู้กันมานานจนทำให้หลงเฉินปวดเศียรเวียนเกล้าขึ้นมา

 

เมื่อได้เห็นหลงเฉินทอสีหน้าเกรี้ยวกราดขึ้นมา  ภายในจิตใจของถังหว่านเอ๋อก็เต้นระรัวขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง นี่เป็นครั้งแรกที่หลงเฉินระเบิดโทสะใส่นาง อีกทั้งยังเป็นโทสะที่แท้จริงไม่มีเสแสร้ง

 

จากนั้นนางก็นึกถึงคำพูดของหลงเฉินที่บอกกล่าวไว้ตั้งแต่แรกขึ้นมาได้จึงไม่กล้าออมพลังฝีมืออีกต่อไป แล้วทันใดนั้นเองทั่วทั้งร่างกายก็เกิดบรรยากาศอันน่าหวาดกลัวระเบิดขึ้นมาไม่หยุด คมวายุขนาดใหญ่ที่อยู่ในมือก็ได้แหวกสายลมพวยพุ่งไปยังคอหอยของศิษย์สายตรงของฝ่ายอธรรมในทันที

 

ทางเยี่ยจื่อชิวนั้นลงมือดีกว่าถังหว่านเอ๋ออยู่มาก อาวุธน้ำแข็งที่อยู่ในมือลอยระบำไปมาพร้อมกับหอบกระแสลมอันเย็นยะเยือกเข้ากดดันเบื้องหน้าจนศิษย์สายตรงของฝ่ายอธรรมถูกแช่ให้แข็งตายไปในทันที

 

ส่วนกู่หยางก็ได้กระตุ้นพลังอักขระขึ้นมาปกคลุมทั่วทั้งร่างกาย พลังอันมหาศาลปะทุขึ้นมาไม่หยุด สองกำปั้นพุ่งทะยานกลางอากาศกระแทกไปยังใบหน้าของศิษย์สายตรงของฝ่ายอธรรมอีกผู้หนึ่งอย่างหนักหน่วงจนคนผู้นั้นกระอักโลหิตอย่างรุนแรง

 

ในบริเวณที่ห่างไกลออกไปไม่มากก็มีเงาร่างของเหร่ยเชียนซังกำลังเปิดฉากสังหารเหล่าศิษย์สายนอกและสายในของฝ่ายอธรรมอย่างบ้าคลั่ง ในขณะเดียวกันก็คอยสังเกตพลังสภาวะรอบตัวให้กับกู่หยางด้วย

 

“ซูม ซูม……”

 

ศิษย์ฝ่ายอธรรมหลายสิบคนเหม่อมองไปยังวงต่อสู้อันวุ่นวายโดยรอบด้วยอาการแตกตื่น ศิษย์ฝ่ายธรรมะได้ลงมืออย่างโหดเหี้ยมประดุจพยัคฆ์กำลังตะครุบสุกรอย่างไรอย่างนั้น จากจิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่นกลับกลายเป็นความหวาดกลัวเข้ามาแทนที่ ฝีเท้าทั้งหมดจึงเริ่มออกวิ่งไปอีกทางหนึ่งอย่างรวดเร็ว

 

“คิดจะหนีหรือ? เป็นไปไม่ได้หรอก” หลงเฉินแสยะยิ้มอันเย็นเยียบขึ้นมา

 

“ซวบ ซวบ ซวบ……”

 

จู่จู่ก็มีลูกศรหลายสิบสายปรากฏขึ้นมาเหนือฟากฟ้าอย่างเร้นลับ แล้วศิษย์ฝ่ายอธรรมที่กำลังวิ่งหนีตายอย่างเอาเป็นเอาตายก็ได้กรีดร้องขึ้นมาเป็นสาย แผ่นหลังของพวกเขาถูกคมศรแทงทะลุร่างจนล้มตายเกลื่อนกลาด

 

“เหอะเหอะ พี่ใหญ่ ในที่สุดข้าก็มีราศีจับขึ้นมาแล้วใช่หรือไม่” กัวเหรินหัวเราะขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น

 

ก่อนหน้านี้หลงเฉินได้บอกกล่าวให้กัวเหรินไปซุ่มอยู่ที่จุดอับสายหน้าแห่งหนึ่ง เพราะเด็กน้อยผู้นี้มีพรสวรรค์ที่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเหตุนี้หลงเฉินจึงได้หาวิธีการอื่นที่จะทำให้กัวเหรินแข็งแกร่งมากกว่าเดิม อีกทั้งยังสามารถต่อสู้และให้การสนับสนุนต่อกองทัพได้

 

กัวเหรินจึงกลับไปคิดทบทวนตัวเองแล้วก็พบว่าเขามีพลังแห่งจิตวิญญาณที่ไม่ด้อยไปจากศิษย์สายตรงคนหนึ่งเลย อีกทั้งบรรพบุรุษของเขาต่างก็เป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ของยุคโดยไม่ต้องกระตุ้นสัญลักษณ์ประจำพลังของต้นตระกูลขึ้นมาเลยด้วยซ้ำไป

 

ในยามปกติแล้วเขามักจะชมชอบสิ่งของที่มีความแปลกประหลาดและลี้ลับพิสดารเป็นอย่างยิ่งจนในที่สุดก็ได้ขอเบิกแต้มคะแนนจากถังหว่านเอ๋อไปซื้อทักษะลับเล่มหนึ่ง และที่ผ่านมานี้เขาก็ได้ศึกษาทักษะการสร้างกลไกอันพิสดารอยู่เป็นประจำอย่างไม่ย่อท้อ

 

หลงเฉินหันกลับไปมองกัวเหรินที่ลอบส่งสัญญาณบอกเขาว่าตัวเองได้ทำงานสำเร็จแล้ว ภายในจิตใจจึงเกิดความชื่นชมขึ้นมาเป็นสาย หน้าไม้ของเด็กน้อยผู้นี้เรียกได้ว่าแข็งแกร่งกว่าหน้าไม้ทั่วไปเป็นสิบกว่าเท่าเลยก็ว่าได้ อีกทั้งยังเป็นการออกลูกศรที่แปลกพิสดารกว่าที่เขาเคยพบพานมา

 

คมศรของกัวเหรินหลอมขึ้นมาจากศิลากำมะถันหยินหยางที่มีขนาดแค่หนึ่งหัวแม่มือของมนุษย์เท่านั้น ทว่าพลังทำลายล้างกลับน่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด หากลูกศรดอกนั้นได้กระทบกับบางอย่างก็จะทำให้สิ่งนั้นระเบิดกลายเป็นจุลในพริบตาเดียว อีกทั้งเศษกำมะถันยังสามารถกระจายตัวไปโดยรอบได้ไกลถึงสามเซียะอีกด้วย ต่อให้เป็นถึงยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นก็ต้องชีวาวายไปในทันที

 

หลงเฉินส่งยิ้มให้เด็กน้อยแล้วกล่าวขึ้นมาว่า “ราศีจับ? ข้าไม่เห็นหรอกเพราะกระบอกลูกศรของเจ้าได้บดบังใบหน้าของเจ้าอยู่”

 

กัวเหรินหัวเราะฮาฮาขึ้นมายกใหญ่ พลันก็ยิงลูกศรออกไปอีกครั้งด้วยท่าทางองอาจมาดมั่น “พรวด พรวด พรวด……”

 

เสียงระเบิดดังขึ้นมาเป็นสายพร้อมกับร่างของศิษย์ฝ่ายอธรรมราวเจ็ดแปดคนที่แตกระเบิดออกอย่างรุนแรงจนกลายเป็นเนื้อบดกระจายไปทั่วทุกสารทิศ ทว่าก็มีบางสายที่ตกไปกระทบพื้นจนเกิดฝุ่นควันลอยคละคลุ้งไปทั่ว

 

หลงเฉินมองไปเบื้องหน้าสายตาแล้วส่ายหน้าไปมา “เสียดายลูกศรเหล่านั้นนะ!”

 

“เหอะเหอะ อย่าได้กังวลไปเลย ข้าเตรียมมามากมายนัก อีกทั้งยังมีวัตถุดิบสำหรับสร้างมันขึ้นมาได้ตลอดเวลา พี่หลงเชื่อใจได้ ข้าได้พัฒนาฝีมือจนกลายเป็นปรมาจารย์ทางด้านการสร้างกลไกที่ไร้ผู้ต้านไปแล้ว” กัวเหรินกล่าวขึ้นมาอย่างร้อนรน เพราะวันนี้เป็นเพียงการทดสอบหน้าไม้ของเขาเท่านั้น

 

ภายในจิตใจก็เกิดความตื่นเต้นขึ้นมาไม่เสื่อมคลาย นอกเสียจากศิษย์สายตรงแล้วจะมีศิษย์สักกี่คนกันที่จะสังหารศิษย์ฝ่ายอธรรมลงไปได้กว่าสิบคนภายในกระบวนท่าเดียวเช่นเขา!

 

“คมวายุหมื่นวิถี”

 

ทันใดนั้นก็มีเสียงตวาดดังขึ้นมาท่ามกลางสนามรบอันวุ่นวาย คมวายุนับพันหมื่นสายกระจายตัวอยู่บนท้องฟ้า จากนั้นก็ได้พุ่งลงสู่เบื้องล่างอย่างรุนแรงและไร้ความปราณี

 

“พรวด”

 

กระแสโลหิตพุ่งกระฉูดทาทับทั่วทั้งผืนฟ้าจนกลายเป็นสีแดงสดไปทั้งหมดพร้อมกับมีศีรษะลูกหนึ่งลอยคว้างอยู่กลางอากาศ

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา

เป็นจักพรรดิโอสถกลับเกิดใหม่งั้นหรือ ? เป็นการผสานจิตวิญญาณกันหรือ ? หลงเฉิน เด็กหนุ่มที่ถูกช่วงชิงรากปราณ โลหิตปราณ กระดูกปราณทั้งสามสิ่งไป ได้หยิบยืมวิชาการหลอมโอสถระดับเทวะภายใต้ความทรงจำ ฝึกปรือวิชาเคล็ดกายานวดาราอันลี้ลับ แหวกม่านหมอกที่หนาทึบออก ปลดปล่อยโชคชะตาครอบครองพลังวงแหวนเทวะแห่งฟ้าดิน เหยียบย่างชั้นดาราตะวันจันทรา พบพานสาวงามต่างๆ กำราบมารร้ายเทพแห่งความชั่วจนกลายเป็นที่เลื่องลือก้องแดนเจียงหนาน หลงเฉินมาถึง สวรรค์คำรนพสุธาคำราม หลงเฉินไปจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพร่ำไรจนเป็นที่ตำนานแห่งยุทธ์ภพ หลงเฉินปรากฎ ฟ้าดินสั่นสะเทือน หลงเฉินเดินจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพยดาร้ำไห้ ระดับพลัง 1.ขอบเขตก่อรวม 2.ขอบเขตก่อโลหิต 3.ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น 4.ขอบเขตปรือกระดูก 5.ขอบเขตเชื่อมชีพจร 6.ขอบเขตแห่งการก่อฟ้า ระดับโอสถ 1.โอสถสามัญ 2.โอสถปัญญา 3.เชี่ยวชาญโอสถ 4.ราชาโอสถ 5.ราชันโอสถ 6.จ้าวโอสถ 7.เซียนโอสถ 8.ปราชญ์โอสถ 9.จักรพรรดิ์โอสถ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset