เคล็ดกายานวดารา – ตอนที่ 254 : ม่อเนี่ยนปรากฎตัวอีกครั้ง

“บุกเข้าไป สังหารพวกมันให้หมด!” เฒ่าประหลาดเนตรมารทอใบหน้าดุร้ายแล้วตะโกนออกไป จากนั้นศิษย์ฝ่ายอธรรมทั้งหมดก็วิ่งตะบึงฝ่ากลุ่มหมอกพิษออกมาอย่างรวดเร็ว

 

ทว่าทันใดนั้นเองที่เบื้องหน้าของฝ่ายธรรมะก็ได้มีเงาร่างขนาดมหึมาสายหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมา ปากขนาดใหญ่ของมันอ้ากว้างจนเผยให้เห็นก้อนกลมลูกหนึ่ง

 

ทันทีที่ก้อนขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมาก็ได้ทำให้บรรยากาศโดยรอบเกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรง ทั้งยังเปี่ยมไปด้วยพลังทำลายอันน่าหวาดกลัว ภายในนั้นมีคมวายุนับพันหมื่นสายเคลื่อนไหวไปมาไม่หยุด ปะทุเป็นเสียงดังจนเสียดแก้วหูของผู้คน

 

ผู้คนทั่วทั้งสนามต่างก็ทอสีหน้าเจ็บปวดขึ้นมาเป็นสายพร้อมกับยกมือขึ้นปิดหูโดยพลัน ทว่ามีเพียงหลงเฉินที่แตกต่างออกไป บนใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความลิงโลดอย่างถึงที่สุด ดวงตาคู่คมจ้องมองไปยังเสี่ยวเสว่ยที่เป็นสัตว์มายาระดับสามขั้นกลางไปแล้ว แม้แต่เขาเองก็ยังเกิดความหนาวเหน็บจนถึงกระดูกดำ

 

“ซูม”

 

ทันใดนั้นตรงใจกลางของก้อนกลมลูกนั้นก็มีของเหลวสีแดงส่องสว่างขึ้นมาประดุจเพลิงกาฬของมารร้าย จากนั้นเสี่ยวเสว่ยก็ขยับร่างเล็กน้อยแล้วปล่อยคมวายุออกไป

 

จากคมวายุที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางราวหนึ่งเซียะก็ค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นจนมีขนาดใหญ่ถึงสิบจั่ง แล้วคมวายุที่อยู่ด้านในก็แยกออกมาจากก้อนกลมนั้นพุ่งเข้าหาศิษย์ฝ่ายอธรรมอย่างไม่ปราณีประดุจเป็นอาวุธสังหารของเทพแห่งสงคราม

 

“รีบหลบไป นั่นเป็นราชาสัตว์มายา!” เฒ่าประหลาดเนตรมารเบิกดวงตาโพลงโตด้วยความตกใจพร้อมกับแผดเสียงร้องเพื่อเตือนสติเหล่าศิษย์ของตัวเอง

 

การคงอยู่ของหมาป่าหิมะแดงเพลิงไม่ได้เป็นที่รู้จักของผู้ฝึกยุทธ์สามัญทั่วไป ด้วยพลังที่มีทั้งธาตุลมและเพลิงอยู่ในตัวจึงทำให้สัตว์มายาระดับสามชนิดนี้มีความแข็งแกร่งอย่างไร้ซึ่งผู้ต้านเลยก็ว่าได้ และหากหมาป่าหิมะแดงเพลิงสามารถเข้าสู่ขั้นสูงสุดได้แล้วก็จะกลายเป็นราชาหมาป่าหิมะแดงเพลิงหรือราชาของสัตว์มายาระดับสามนั่นเอง

 

ด้วยสายตาอันแหลมคมของเฒ่าประหลาดเนตรมารแล้ว ถึงแม้ว่าสภาวะบนร่างกายของหมาป่าหิมะแดงเพลิงตัวนั้นจะยังไม่เข้าสู่ขั้นสูงสุด ทว่ามันจะต้องเป็นราชาหมาป่าหิมะแห่งเพลิงแน่นอน และเมื่อใดที่หมาป่าหิมะแดงเพลิงได้กลายเป็นราชาหมาป่าหิมะแดงเพลิงแล้วก็จะมีพลังการต่อสู้มหาศาลจนสามารถพลิกฟ้าสะเทือนแผ่นดินได้เลยทีเดียว ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องตะโกนออกไปอย่างร้อนรน

 

หลังจากที่เหล่าศิษย์ฝ่ายอธรรมได้ยินเสียงของเฒ่าประหลาดเนตรมารแล้วก็รีบหลบหนีออกไปจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว ทว่าการโจมตีของเสี่ยวเสว่ยกลับแผ่ขยายเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็วยิ่งกว่า เพียงพริบตาเดียวก็ทำให้พื้นที่ทั้งหมดรายล้อมไปด้วยคมวายุนับพันหมื่นสาย

 

ศิษย์ฝ่ายอธรรมที่อยู่ภายในบริเวณเหล่านั้นก็ได้ถูกคมวายุตัดผ่านร่างกายจนแหลกสลายกลายเป็นเนื้อบด แม้แต่จะส่งเสียงกรีดร้องขึ้นมาก็ยังไม่ทัน

 

“แข็งแกร่งจนน่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว”

 

ศิษย์ฝ่ายธรรมะคนอื่นๆ ต่างก็มองไปทางเสี่ยวเสว่ยด้วยสายตาโง่งมขึ้นมา ช่างเป็นสัตว์มายาที่มีท่วงท่าสง่างามยิ่งนัก

 

“ถู่ฟาง เจ้าตัวบัดซบ คนอย่างพวกเจ้ายังกล้าเรียกตัวเองว่าฝ่ายธรรมะอยู่อีกหรือ ถึงกับใช้วิธีการลงมือที่ขัดต่อข้อตกลงถึงสามประการ พวกเจ้าก็ไม่ได้ต่างจากเดรัจฉานที่ไร้ยางอายเลย น่าชังสิ้นดี” เฒ่าประหลาดเนตรมารระเบิดโทสะแล้วด่าทอขึ้นมายกใหญ่

 

นี่ยังไม่ถึงเวลาของการปะทะกันที่แท้จริงเลยก็ว่าได้ ทว่าการโจมตีระลอกที่สองกลับทำให้ศิษย์ฝ่ายอธรรมบาดเจ็บและล้มตายกันไปมากกว่าครึ่งหนึ่งแล้ว เพราะถ้าเป็นเพียงพวกเดนตายทั่วไปก็คงจะไม่เสียดายหากถูกคลื่นใหญ่ซัดไปจนหมดในครั้งก่อน ส่วนที่เหลือก็จะเป็นทองคำทั้งหมด ซึ่งสิ่งที่เขาต้องการจากการเปิดศึกในครั้งนี้ก็คือทองคำเหล่านั้นนั่นเอง

 

ทว่าฝ่ายธรรมะกลับโจมตีเข้ามาอีกระลอกหนึ่งจนทำให้ทั้งทรายและทองคำวอดวายไปจนหมด ซึ่งนั่นเป็นการลงมือที่ทำให้เฒ่าประหลาดเนตรมารรู้สึกไม่สบอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง ถึงขั้นมีโทสะจนเส้นโลหิตปูดโปนขึ้นมาทั่วทั้งร่างกาย

 

ถู่ฟางและเหล่าผู้อาวุโสต่างก็สบสายตามองกันอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง ฉากการต่อสู้ที่อยู่เบื้องหน้าได้สร้างความหวาดหวั่นระคนตกตะลึงขึ้นมาเป็นสาย ต่อให้ขบคิดเป็นพันเป็นหมื่นครั้งก็คิดไม่ถึงว่าหลงเฉินจะมีราชาหมาป่าหิมะแดงเพลิงเป็นสัตว์เลี้ยง

 

ด้วยพลังการต่อสู้อันน่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด ต่อให้เป็นถึงศิษย์สายตรงก็ยังไม่อาจทานรับกระบวนท่าเช่นนั้นเอาไว้ได้ จึงไม่ต้องกล่าวถึงศิษย์สายในและสายนอกจำนวนมากมาย มีเพียงแต่จะต้องตายสถานเดียวเท่านั้นแล้ว

 

ถู่ฟางและเหล่าผู้อาวุโสของสำนักอื่นๆ ต่างก็เคยผ่านศึกครั้งใหญ่ระหว่างธรรมะและอธรรมกันมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ทว่าด้วยวิธีการออกศึกเช่นนี้เพิ่งจะเคยพบพานเป็นครั้งแรก อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นเฒ่าประหลาดเนตรมารอยู่ในสภาพคล้ายกับอิสตรีปากร้ายนางหนึ่ง

 

“ตูม ตูม ตูม ตูม……”

 

ในขณะที่เฒ่าประหลาดเนตรมารกำลังด่าทอขึ้นมาไม่หยุด กัวเหรินก็ได้จ่อหน้าไม้ไปทางศิษย์ฝ่ายอธรรมเหล่านั้นแล้วปล่อยคมศรออกไปอย่างบ้าคลั่งประดุจห่าฝน เพราะหลังจากที่ศิษย์ฝ่ายอธรรมถูกหมอกพิษห้อมล้อมอยู่นั้นต่างก็หลบหนีออกมาจนกลายเป็นสองกลุ่มใหญ่ กลุ่มหนึ่งก็ได้ถูกเสี่ยวเสว่ยจัดการอยู่ทางด้านขวา ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งที่แยกออกมาจากทางซ้ายก็เป็นหน้าที่กวาดล้างของกัวเหรินนั่นเอง

 

“มารดาเถิด!”

 

ศิษย์ฝ่ายอธรรมเกิดอาการแตกตื่นกันไปถ้วนหน้า ดวงตาทุกคู่จ้องมองไปยังห่าลูกศรของกัวเหรินที่มีปลายแหลมเคลือบด้วยโอสถพิษเอาไว้อย่างเข้มข้น เพราะหากไม่ใช่โอสถพิษหนุนเสริมกำมะถันหยินหยาง พลังทำลายของลูกศรก็คงจะไม่รุนแรงพอที่จะโค่นล้มศิษย์ฝ่ายอธรรมได้ เพียงพวกเขาหยิบยืมฤทธิ์ของโอสถถอนพิษกับพลังการฝึกยุทธ์ของตัวเองขึ้นมาก็สามารถต้านทานพิษของกำมะถันหยินหยางได้แล้ว

 

“ฝ่ายธรรมะที่น่ารังเกียจ พวกเจ้าจะต้องไม่ตายดีแน่!” เฒ่าประหลาดเนตรมารตะโกนลั่นผืนฟ้าทั่วปฐพี แววตาทั้งสองทอประกายความดุร้ายขึ้นมา

 

จากนั้นเขาก็โบกมือขึ้นมาครั้งหนึ่ง เงาร่างหลายสายที่อยู่ทางด้านหลังค่อยๆ ลุกขึ้นจนเผยให้เห็นใบหน้าที่เยาว์วัยของพวกเขาเหล่านั้น “ไปจัดการเจ้าพวกสารเลวเหล่านั้นให้สิ้นซาก!”

 

ผู้คนเหล่านั้นพยักหน้ารับแล้วพุ่งทะยานสู่เบื้องหน้าไปในทันที คนที่อยู่ด้านหน้าสุดมีความรวดเร็วอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ราวกับแค่ใช้ความคิดก็สามารถไปถึงยังเป้าหมายได้แล้ว

 

หลงเฉินจ้องเขม็งไปยังชายหนุ่มที่มีใบหน้าดุร้ายตามแบบฉบับของเฒ่ามารประหลาดผู้นั้น ตรงกลางหว่างคิ้วของเขามีบาดแผลปรากฏขึ้นมาจางๆ ราวกับเป็นดวงตาข้างหนึ่งที่ยังไม่ได้เบิกขึ้นมา

 

ทันทีที่คนผู้นั้นปรากฏอยู่ในระยะห่างจากศิษย์ฝ่ายธรรมราวสิบลี้ เขาก็ได้กางแขนออกพร้อมกับปะทุพลังสภาวะอันน่าหวาดกลัวขึ้นมาขุมหนึ่ง ในมือมีดอกบัวสีทองปรากฏขึ้นมากลางอากาศ

 

บรรยากาศรอบดอกบัวดอกนั้นเกิดเป็นเสียงระเบิดดังไม่หยุด ทั้งยังสัมผัสได้ถึงพลังทำลายอันมหาศาลที่ค่อยๆ เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จนแม้แต่หลงเฉินก็ยังต้องทอสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง ช่างน่าหวาดกลัวยิ่งนัก!

 

“ซูม”

 

คนผู้นั้นขยับฝีปากพึมพำขึ้นมาแล้วโยนดอกบัวสีทองไปทางหลงเฉิน

 

“ทุกคนหลบไป!”

 

หลงเฉินตะโกนเสียงดังสนั่นหวั่นไหวจนทำให้พวกพ้องแตกตื่นตกใจ ด้วยกระบวนท่าที่หนักหน่วงเช่นนี้ย่อมไม่มีผู้ใดที่จะทานรับเอาไว้ได้เป็นแน่ พลันก็ตระเตรียมที่จะนำดาบทลายมารออกมา

 

“ลูกศรทลายเมฆา”

 

“ตูม”

 

ทว่าทันใดนั้นเองก็ได้ลูกศรสีสันสดใสกระแทกเข้ากับดอกบัวสีทองดอกนั้นอย่างรุนแรงจนเกิดเป็นเสียงระเบิดดังสนั่นไปทั่วทั้งขุนเขา หลงเฉินรู้สึกได้ถึงพลังอันมหาศาลขุมใหญ่ที่กำลังไหลเวียนเข้ามาไม่หยุดจนถูกพลังขุมนั้นซัดจนลอยกระเด็นออกไปในทันที

 

แม้แต่ศิษย์ของหมู่ตึกพลิกสวรรค์ที่ถอยห่างออกไปไกลตั้งแต่ได้ยินเสียงตะโกนของหลงเฉินก็ยังไม่วายที่จะถูกพลังสภาวะอันบ้าคลั่งขุมนั้นซัดจนกระเด็นออกไปด้วยเช่นกัน ทว่าแรงกระแทกจากการระเบิดนั้นไม่ได้รุนแรงจนทำให้เกิดการบาดเจ็บหนัก ด้วยพลังการฝึกยุทธ์อันแข็งแกร่งของพวกเขาจึงสามารถใช้ปกป้องกายเนื้อของตัวเองเอาไว้ได้ทันท่วงที

 

หลังจากที่ฝุ่นควันเริ่มเจือจางลงไป ใบหน้าของผู้คนทั้งหมดก็เกิดอาการตะลึงลานมองไปยังพื้นที่กว้างด้านหน้าที่บัดนี้ได้กลายเป็นหลุมลึกขนาดใหญ่กว่าร้อยจั่ง

 

จากนั้นก็มีเงาร่างสายหนึ่งเดินฝ่าสนามรบอันวุ่นวายเข้ามา ในมือของเขามีคันธนูยาวโบราณที่มีสีสันสดใส ทั้งยังสวมชุดยาวที่มีหมวกคลุมศีรษะ บนร่างกายของเขามีรังสีสังหารแผ่ออกมาอย่างหนาแน่น ทว่าหลงเฉินกลับจดจำคนผู้นี้ได้ในทันที เขาก็คือชายหนุ่มลี้ลับที่เรียกตัวเองว่าม่อเนี่ยนนั่นเอง

 

ม่อเนี่ยนเลิกหมวกคลุมศีรษะออก ดวงตาทอประกายเจิดจ้ามองไปที่ชายหนุ่มฝ่ายอธรรมผู้นั้นแล้วกล่าวขึ้นมาว่า “หากข้าจำไม่ผิด เจ้าคงจะมีนามว่าหยินหลอที่ถูกขนานนามว่าผู้มีพรสวรรค์ประหลาดคนแรกในรอบพันปีของฝ่ายอธรรมใช่หรือไม่”

 

ในขณะที่ชายหนุ่มทั้งสองคนกำลังยืนประจันหน้ากันอยู่นั้น ศิษย์ฝ่ายอธรรมก็ได้เร่งฝีเท้าไปรวมตัวกันอยู่ทางด้านหนึ่ง ทั้งยังอยู่ในสภาวะที่พร้อมจะโจมตีได้ทุกเมื่อ ทว่าสภาพของพวกเขานั้นกลับไม่ต่างจากลูกสุนัขตกน้ำเลยแม้แต่น้อย และจากจำนวนกว่าสองหมื่นคนก็หลงเหลืออยู่เพียงไม่ถึงหนึ่งหมื่นคนด้วยซ้ำไป

 

ส่วนศิษย์ฝ่ายธรรมะนี้ก็วิ่งตะบึงขึ้นมาอยู่รวมกันอีกฟากหนึ่ง เพราะทุกคนต่างก็รับรู้ได้ว่าการต่อสู้ที่แท้จริงกำลังจะเริ่มขึ้นในอีกไม่ช้านี้

 

“ไม่ผิด ข้าคือหยินหลอ เจ้าเป็นผู้ใดกัน? เหตุใดถึงไม่เคยได้ยินเรื่องราวของเจ้ามาก่อน ฝ่ายธรรมะมีบุคคลเช่นเจ้าด้วยหรือ?” หยินหลอกล่าว

 

“ข้ามีนามว่าม่อเนี่ยน ข้าไม่ใช่คนของรัฐโจว ทว่าข้าได้ยินมาว่าฝ่ายอธรรมของรัฐโจวมีผู้มีพรสวรรค์ประหลาดเช่นเจ้าปรากฏตัวขึ้นมา ฉะนั้นข้าจึงอยากทดสอบพลังฝีมือกับเจ้าดูสักครั้งหนึ่ง

 

เพราะตาแก่ที่สำนักของข้าเอาแต่บอกว่าข้านั้นเกียจคร้านมากเกินไปจนถูกเจ้าแซงหน้าไปเสียแล้ว เมื่อได้ฟังอยู่แล้วครั้งเข้าก็รำคาญขึ้นมาจึงดั้นด้นมาตามหาเจ้าถึงที่ เพื่ออยากจะรู้ว่าข้านั้นสามารถโค่นล้มเจ้าได้หรือไม่ เช่นนั้นเหล่าตาแก่ที่สำนักก็จะได้ไม่บ่นจู้จี้จุกจิกกับข้าอีก” ม่อเนี่ยนพาดคันธนูสีรุ้งไว้ที่บ่าแล้วตอบกลับไป

 

การปรากฏตัวของม่อเนี่ยนทำให้ถู่ฟางและผู้อาวุโสทอสีหน้าแตกตื่นเสียยิ่งกว่าเดิม เพราะต่อให้เป็นศิษย์ฝ่ายธรรมะที่เป็นผู้อยู่เหนือขอบเขตก็ไม่ได้มีพลังฝีมือที่น่าหวาดกลัวถึงเพียงนี้
 

“เขามาจากสำนักตระกูลม่ออย่างนั้นหรือ?” ถู่ฟางกล่าวขึ้นมาด้วยความไม่แน่ใจ

 

“หากเป็นเช่นนั้นจริง คงจะหมายถึงสำนักที่มีวิชาธนูจัดอยู่ในขั้นเทพใช่หรือไม่? เกรงว่าคงจะมีเพียงคนของสำนักตระกูลม่อเท่านั้นที่จะใช้วิชาเช่นนี้ได้” ฮวายวี่กล่าวพร้อมกับพยักหน้าไปมา

 

เมื่อได้ยินวาจาไม่แยแสของม่อเนี่ยนแล้ว หยินหลอก็หัวเราะเสียงดังจนสะท้านไปทั่วทั้งผืนฟ้า “นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้พบเจอกับบุคคลที่โอหังเกินตัวเช่นเจ้า เหอะ น่าสนใจดีนี่”

 

หยินหลอถูกเรียกขานว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์ประหลาดที่ยากจะพบเจอในรอบหมื่นปีของฝ่ายอธรรม ตลอดชีวิตที่ผ่านมานี้ยังไม่เคยพบพานกับคู่ต่อสู้ที่เหมาะสมกับตัวเองมาก่อนเลยแม้แต่คนเดียว ต่อให้เป็นผู้อยู่เหนือขอบเขตก็ยังไม่อาจทานรับกระบวนท่าของเขามากกว่าสิบกระบวนท่า ด้วยเหตุนี้เหล่าผู้อยู่เหนือขอบเขตของฝ่ายอธรรมจึงยกให้เขาเป็นผู้นำทัพในครั้งนี้

 

“แน่นอน คนอย่างข้าน่าสนใจอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นข้าก็คงจะไม่เปลืองแรงบุกป่าฝ่าดงมาหาเจ้าถึงที่แห่งนี้ รีบมัดหัวออกมาจากกลุ่มเฒ่าชราเหล่านั้นได้แล้ว”

 

ม่อเนี่ยนยิ้มกริ่มแล้วกล่าวออกไป ทว่าจู่จู่ก็หันกลับมาหาหลงเฉิน “สหาย ข้าขอชิงศัตรูผู้นี้ของเจ้าไปก่อนนะ หวังว่าเจ้าคงจะไม่ถือสา”

 

หลงเฉินผายมือออกเชิงว่า ‘เชิญ’ แล้วตอบกลับไปว่า “หากทำให้เจ้ามีความสุขก็เอาไปเถิด ข้าไม่ถือสาอยู่แล้ว ทว่าหากรวมไปถึงเฒ่ามารตายยากเหล่านั้นด้วยก็จะดีมากกว่านี้”

 

ม่อเนี่ยนทอสีหน้าฉงนสงสัยขึ้นมาชั่วครู่ แล้วทันใดนั้นก็หัวเราะฮาฮาขึ้นมายกใหญ่ “ยอดมาก สหายที่ดีเช่นเจ้า ข้าจะขอน้อมรับเอาไว้ เช่นนั้นข้าจะไม่เกรงใจแล้วนะ”

 

ทันทีที่ม่อเนี่ยนกล่าวจบก็ได้ปะทุพลังสภาวะทั่วทั้งร่างกายขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งจนทำให้พื้นดินสั่นสะเทือนเลือนลั่นอย่างรุนแรง พลังอันน่าหวาดกลัวขุมหนึ่งพวยพุ่งขึ้นสู่ฟากฟ้าสีครามจนกลายเป็นพายุขนาดใหญ่ที่กำลังหมุนวนอย่างรุนแรงจนน่าตกใจ

 

“หยินหลอ มอบชีวิตของเจ้าให้ข้าซะ!”

 

ม่อเนี่ยนแผดเสียงร้องขึ้นมาแล้วขยับคันธนูยาวในมือ ลูกศรสายหนึ่งรวมเอาพลังสภาวะอันน่าหวาดกลัวทั้งหมดเอาไว้

 

หยินหลอส่งเสียงดังชิขึ้นมาอย่างเย็นชาแล้วบอกกล่าวกับผู้คนที่อยู่ด้านหลังว่า “พวกเจ้าไปจัดการพวกปลาซิวปลาสร้อยเหล่านั้นให้สิ้นซาก ส่วนข้าจะจัดการเจ้าหนูผู้โอหังนี่เอง”

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา

เป็นจักพรรดิโอสถกลับเกิดใหม่งั้นหรือ ? เป็นการผสานจิตวิญญาณกันหรือ ? หลงเฉิน เด็กหนุ่มที่ถูกช่วงชิงรากปราณ โลหิตปราณ กระดูกปราณทั้งสามสิ่งไป ได้หยิบยืมวิชาการหลอมโอสถระดับเทวะภายใต้ความทรงจำ ฝึกปรือวิชาเคล็ดกายานวดาราอันลี้ลับ แหวกม่านหมอกที่หนาทึบออก ปลดปล่อยโชคชะตาครอบครองพลังวงแหวนเทวะแห่งฟ้าดิน เหยียบย่างชั้นดาราตะวันจันทรา พบพานสาวงามต่างๆ กำราบมารร้ายเทพแห่งความชั่วจนกลายเป็นที่เลื่องลือก้องแดนเจียงหนาน หลงเฉินมาถึง สวรรค์คำรนพสุธาคำราม หลงเฉินไปจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพร่ำไรจนเป็นที่ตำนานแห่งยุทธ์ภพ หลงเฉินปรากฎ ฟ้าดินสั่นสะเทือน หลงเฉินเดินจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพยดาร้ำไห้ ระดับพลัง 1.ขอบเขตก่อรวม 2.ขอบเขตก่อโลหิต 3.ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น 4.ขอบเขตปรือกระดูก 5.ขอบเขตเชื่อมชีพจร 6.ขอบเขตแห่งการก่อฟ้า ระดับโอสถ 1.โอสถสามัญ 2.โอสถปัญญา 3.เชี่ยวชาญโอสถ 4.ราชาโอสถ 5.ราชันโอสถ 6.จ้าวโอสถ 7.เซียนโอสถ 8.ปราชญ์โอสถ 9.จักรพรรดิ์โอสถ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset