“เสี่ยวเสว่ยเจ้าออกไปห่างๆข้าหน่อยสิ อีกเดี๋ยวก็จะเสร็จแล้วล่ะ”
เสี่ยวเสว่ยกำลังพยายามใช้ศีรษะอันใหญ่โตของมันถูไถไปรอบๆตัวของหลงเฉิน ตั้งแต่มาถึงที่นี่มันก็เอาแต่คลอเคลียเขาไม่หยุด จนหลงเฉินแทบจะไม่สามารถจัดการงานตรงหน้าให้สำเร็จได้
“โบร๋วโบร๋ว”
“ก็บอกเจ้าไปแล้ว สิ่งที่ข้าทำอยู่นี่เกี่ยวพันถึงอนาคตของเจ้าเลยนะ ดังนั้นเจ้าอย่าพึ่งวุ่นวายได้หรือไม่”
“โบร๋วโบร๋ว”
“ข้ารู้แล้ว ที่ผ่านมานี้ข้าเองก็คิดถึงเจ้ายิ่งนัก เอาล่ะ เอาล่ะ ไหนมากอดหน่อยสิ อ่ะ ตอนนี้เจ้าก็หยุดวุ่นวายได้แล้วนะ ”
เมื่อผ่านเวลาผ่านไปแล้วเกือบครึ่งก้านธูป แต่หลงเฉินก็ยังคงถูกเสี่ยวเสว่ยก่อกวนจนไม่หยุด เขาจึงเรียกมันเขามาโอบกอดแล้วกดจูบลงไปบนศีรษะอันใหญ่โตทีหนึ่ง ในตอนนี้เองที่หลงเฉินรู้สึกว่าเสี่ยวเสว่ยตอนนี้ ตัวใหญ่มากจนเกินไปแล้ว
แค่ศีรษะก็มีขนาดเท่ากับห้องหับขนาดเล็กห้องหนึ่งแล้ว แต่ทว่าไม่ว่าเสี่ยวเสว่ยจะมีร่างกายใหญ่โตมากแค่ไหน หรือจะมีพลังที่แข็งแกร่งมากเท่าใด เมื่ออยู่เบื้องหน้าหลงเฉินก็ยังคงเป็นหมาขี้อ้อนน่ารักน่าชังเช่นนี้อยู่ดี และก็ยังคงเป็นเสี่ยวเสว่ยเจ้าตัวซุกซนอยู่เช่นเดิม
“เอาล่ะ เจ้าไปเล่นบนนู้นก่อนซักครู่ อีกครู่เดียวข้าก็จะหลอมโอสถให้เจ้าเสร็จแล้ว แล้วข้าจะเล่นกับเจ้าดีหรือไม่?” หลงเฉินใช้มือขยี้ขนบนศรีษะของเสี่ยวเสว่ย แล้วสั่งให้มันออกไปวิ่งเล่นด้านนอกเพื่อรอให้เขาทำงานให้เสร็จ
เสี่ยวเสว่ยเด็กดี จึงได้ลุกขึ้นวิ่งออกไปด้านนอกทันที เสี่ยวเสว่ยชื่นชอบการวิ่งยิ่งนัก ถึงแม้ว่าจะมีร่างกายที่ใหญ่โตขึ้นแล้ว แต่ก็ไม่ได้เทอะทะแต่อย่างใด กลับกันยังรวดเร็วยิ่งกว่าเดิมเสียอีก หากมองดูจากจุดที่ไกลออกไป จะเห็นเสี่ยวเสว่ยที่กำลังวิ่งอยู่คล้ายกับเป็นประกายสายฟ้าสายหนึ่งที่กำลังพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
หลังจากจัดการเจ้าตัววุ่นวายไปได้แล้ว หลงเฉินก็ได้นำเอายาผงทั้งหมดแปดสิบห่อออกมา แล้วก็ทำการตรวจสอบอย่างละเอียดรอบหนึ่ง เขาเกรงว่าอาจจะเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมาได้หากไม่รอบคอบ
ทั้งคุณภาพของยาผง และน้ำหนักของยา ล้วนแต่ต้องถูกต้องแม่นยำ ไม่สามารถผิดพลาดได้แม้แต่น้อย ที่ต้องทำอย่างระมัดระวัง และละเอียดถี่ถ้วนเช่นนี้ เพราะว่าครั้งนี้จะเป็นการหลอมยาโอสถที่ไม่เคยอยู่ในความทรงจำของจักรพรรดิโอสถมาก่อน
ยาโอสถที่เขาจะหลอมขึ้นครั้งนี้ เป็นสิ่งที่เขาคิดค้นขึ้นมาด้วยตัวเอง ทว่าเขาเองก็ยังไม่มั่นใจนักว่าจะสามารถทำออกมาได้สำเร็จหรือไม่
“สวรรค์ ข้าขอร้องท่าน ไหนๆท่านเองก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นมาตั้งหลายครั้งแล้ว ก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอีกซักครั้ง ปล่อยให้ข้าทำสำเร็จด้วยเถอะนะ”
หลังจากสวดภาวนาขอร้องอ้อนวอนต่อสวรรค์แล้ว หลงเฉินก็ล้วงนำเอาโถใบหนึ่งออกมาจากภายในแหวนมิติ ทันใดนั้น เมื่อหลงเฉินเปิดโถออก ก็เกิดเป็นพลังกดดันอันน่าหวาดกลัวขุมหนึ่งแผ่ออกมาโดยรอบทันที พลังนั้นแผ่กระจายออกเป็นวงกว้าง จนทำให้ขนตามตัวของหลงเฉินลุกชันขึ้นมา แม้แต่ฟ้าดินก็ยังเกิดการสั่นไหวขึ้นด้วย
“นี่สินะ โลหิตบริสุทธิ์ของยอดฝีมือขอบเขตขั้นก่อฟ้า ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก” หลงเฉินคิด พร้อมกันนั้นในใจก็หวนระลึกถึงที่มาของมันไปด้วย
ในการศึกระหว่างฝ่ายธรรมะและอธรรมก่อนหน้านี้นั้น ครั้งเมื่อเผชิญหน้ากับหยินหลอ หลงเฉินได้พบเจอกับมือขนาดใหญ่ยักษ์ข้างหนึ่ง โผล่ออกมาจากประตูมิติของหยินหลอ มือข้างนั้นทรงพลังมหาศาล เป็นมือของยอดฝีมือขอบเขตก่อฟ้า
แต่สุดท้ายแล้วมือใหญ่ข้างนั้น ก็ถูกหลิงหวินจื่อใช้กระบี่ตัดจนขาด แขนที่ไร้มือนั้นถอยร่นกลับเข้าไปภายในประตูมิติ หลงเหลือโลหิตทิ้งเอาไว้เป็นทาง
จนถึงตอนนี้หลงเฉินก็ยังไม่อาจจะเข้าใจว่ามือใหญ่ข้างนั้นแท้จริงแล้วคืออะไรกันแน่ ถ้าหากเป็นมือของมนุษย์จริงๆ จะใหญ่ถึงเพียงนี้ได้อย่างไรกัน ? แต่ถ้าหากเป็นเพียงแค่สิ่งที่สร้างขึ้นมาจากพลังลมปราณแล้ว จะมีโลหิตที่แท้จริงไหลออกมาได้อย่างไร ?
ทว่าเรื่องเหล่านั้น คิดๆไปแล้วก็พบว่ามิใช่เรื่องที่เขาต้องห่วงกังวล
เมื่อได้ทำการตรวจสอบโลหิตบริสุทธิ์ภายในโถอยู่ครู่หนึ่ง หลงเฉินก็อดชื่นชมออกมาไม่ได้ “เหอะเหอะ ยอดฝีมือก็ยังคงเป็นยอดฝีมือ แม้แต่หยาดโลหิตก็ยังแตกต่าง นี่ถ้าหากเป็นเลือดเป็ดเลือดไก่ก็คงจะต้องแข็งตัวไปตั้งแต่แรกแล้วล่ะนะ”
ถ้าหากยอดฝีมือฝ่ายอธรรมผู้นั้น ได้ยินประโยคนี้ของหลงเฉิน คงจะต้องกระอักเลือดสดใหม่ออกมาอีกหลายคำในทันทีอย่างแน่นอน
จากนั้นหลงเฉิน ก็ได้ล้วงเอายาผงอีกห่อหนึ่งออกมาจากภายในแหวนมิติ เขาเทยาผงนั้นลงไปกลางโถ ทำให้โลหิตบริสุทธิ์ก่อฟ้าที่เดิมมีอยู่ครึ่งโถนั้น เกิดเดือดปะทุขึ้นมาไม่หยุดมันที โถทั้งโถสั่นไหวคล้ายกับมีคลื่นลมปั่นป่วนอยู่ในโถก็มิปาน
“ช่างเป็นพลังชีวิตที่แข็งแกร่งยิ่ง หากเป็นเช่นนี้เสี่ยวเสว่ยคงต้านทานไม่ไหว เพิ่มฤทธิ์หญ้าอสรพิษอีกเท่าหนึ่งน่าจะดีกว่า” หลงเฉินเมื่อได้รับรู้ถึงพลังที่แท้จริงของโลหิตบริสุทธิ์นั้นแล้ว ก็มีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นเล็กน้อย
พลังอันมหาศาลของโลหิตบริสุทธิ์ก่อฟ้านี้ นับว่ามากเกินกว่าที่เขาคาดเดาเอาไว้เป็นอย่างมาก เมื่อครู่นี้เขาใช้วิธีการผสมโลหิตบริสุทธิ์หมื่นสัตว์ เพื่อกระตุ้นพลังชีวิตของโลหิตบริสุทธิ์ขึ้นมา ทว่าผลลัพธ์ที่ได้นั้นเกือบจะทำให้โถแตกกระจายไปได้เลยทีเดียว
‘หญ้าอสรพิษ’ ถึงแม้นามเรียกขานนี้จะน่ากลัว คำว่าอสรพิษให้ความรู้สึกถึงความดุร้ายเลือดเย็น ทว่าตัวยานี้กลับมีสรรพคุณที่อบอุ่นเป็นอย่างยิ่ง ฤทธิ์ของหญ้าอสรพิษนี้สามารถสลายการก่อตัวอย่างบ้าคลั่งของพลังภายในหยาดโลหิตได้ และช่วยดูดกลืนฤทธิ์นั้นเอาไว้ จนกระทั่งสามารถระงับการออกฤทธิ์เอาไว้ได้จนหมด ไม่เช่นนั้นโถก็คงจะเกิดการระเบิดขึ้นมาแล้ว
หลงเฉินค่อยๆเติมผงหญ้าอสรพิษลงไปในโลหิตบริสุทธิ์ก่อฟ้าที่บ้าคลั่ง แล้วรอดูผลที่เกิดขึ้น เมื่อยังไม่พอใจ ก็เติมลงไปอีกครั้ง และอีกครั้ง และอีกครั้ง เขาเติมหญ้าอสรพิษเข้าไปเป็นจำนวนมาก จึงค่อยรู้สึกว่าน่าจะได้ที่แล้ว
ถึงแม้จะไม่เคยทำมาก่อน ทว่าหากเป็นไปตามหลักความเป็นไปได้อันมากมายในความทรงจำของจักรพรรดิโอสถ หลงเฉินก็รู้สึกได้ว่ามีโอกาสที่เขาจะหลอมยาโอสถเช่นนี้ให้สำเร็จได้อยู่
เรื่องนี้นั้น หลงเฉินได้รับแนวคิดมาจากหยินหลอ โลหิตบริสุทธิ์ก่อฟ้านั้น ไม่ใช่สิ่งที่ยอดฝีมือที่มีพลังต่ำกว่าขอบเขตขั้นก่อฟ้าจะสามารถที่จะสยบเอาไว้ได้เลย เพียงแค่หยดเดียวก็ยังไม่สามารถทำได้
ต่อให้เป็นยอดฝีมือขอบเขตเชื่อมชีพจร หากผสานรวมเข้ากับโลหิตบริสุทธิ์ของยอดฝีมือขอบเขตขั้นก่อฟ้า แม้เพียงหยดเดียว ก็สามารถทำให้ร่างกายแตกระเบิดอย่างง่ายได้เลยทีเดียว
เปรียบเสมือนกับการโยนก้อนหินลงในน้ำ น้ำนั้นไม่อาจรองรับก้อนหินที่มีมวลมากมายกว่าตัวมันเข้ามาแทนที่อย่างรวดเร็วได้ จึงได้แตกกระจายออกไปโดยรอบ
ทว่าหยินหลอนั้นสามารถทำได้ ถึงแม้จะไม่ทราบว่าหยินหลอทำได้อย่างไร แต่หลงเฉินได้เล็งเห็นตัวอย่างที่เกิดขึ้นสำเร็จแล้ว แสดงว่านั่นสามารถเป็นไปได้ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
โลหิตบริสุทธิ์ก่อฟ้าในมือของหลงเฉินนี้ มีเพียงแค่น้อยนิดเท่านั้น หาได้มากมายมหาศาลเหมือนดั่งหยินหลอไม่ ถึงแม้ว่าท้ายที่สุดแล้วเขาจะใช้พลังแห่งฟ้าดินออกมาได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้นก็ตาม แต่ไม่ว่าจะเป็นหลงเฉินหรือว่าม่อเนี่ยน ต่างก็สัมผัสได้ ว่าพลังภายในตัวของหยินหลอที่ถูกซ่อนเร้นเอาไว้นั้นไม่ต่างจากภูเขาไฟขนาดยักษ์ลูกหนึ่งเลยทีเดียว เพียงแค่เขาสะบัดมือออก ก็สามารถที่จะทำให้เกิดเพลิงดาวตกขนาดเล็กขึ้นมาได้แล้ว
มีความเป็นไปได้ว่าพลังในร่างกายของหยินหลอจะเกี่ยวข้องกับโลหิตบริสุทธิ์ ‘ทั้งหมด’ ที่มีอยู่ในร่างกายของยอดฝีมือขอบเขตขั้นก่อฟ้าผู้หนึ่ง ซึ่งเมื่อคิดเช่นนั้นก็ทำให้พวกเขารู้สึกขนลุกขนพองอย่างถึงที่สุดได้เลยทีเดียว
เพื่อที่จะสร้างศิษย์ผู้หนึ่ง ถึงกับยอมเสียสละชีวิตของยอดฝีมือขอบเขตขั้นก่อฟ้าหนึ่งคน อาจเป็นไปได้ว่าเรื่องเช่นนี้ คงจะมีแต่ฝ่ายอธรรมเท่านั้นที่จะสามารถกระทำออกมาได้
และเมื่อเทียบกับหยินหลอ โลหิตบริสุทธิ์ในมือของหลงเฉินนี้เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งอันน้อยนิดเท่านั้น ซึ่งส่วนน้อยนิดเพียงเท่านี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่ามีพลังถึงระดับมหาศาล ที่ไม่ง่ายเลยที่จะเชื่อมต่อเข้าสู่ร่างกาย หลงเฉินคาดเดาว่าหยินหลอจะต้องใช้วิชาลับอะไรบางอย่าง ที่สามารถทำให้โลหิตบริสุทธิ์ก่อฟ้าปริมาณมากผ่านเข้าสู่ภายในร่างกายเขาได้
ถึงแม้หลงเฉินจะไม่ทราบว่าวิชานั้นคืออะไร ทว่าเรื่องนี้ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรค์ต่อการทดลองของเขาแต่อย่างใด ข้อหนึ่งก็เนื่องจากเป็นเพราะมีโลหิตบริสุทธิ์ปริมาณน้อยนิด จึงง่ายที่จะควบคุม
อีกข้อหนึ่งก็คือ หลงเฉินต้องการที่จะปล่อยโลหิตบริสุทธิ์ก่อฟ้า ให้เชื่อมต่อเข้าสู่กายเนื้อของเสี่ยวเสว่ย ไม่ได้ทำการดูดกลืนโลหิตบริสุทธิ์เข้าสู่ร่างกายของตนเอง
หลงเฉินและเสี่ยวเสว่ยมีโลหิตที่แตกต่างกัน ทั้งยังไม่สามารถผสานเข้าด้วยกันได้ ที่สำคัญที่สุดก็คือ เสี่ยวเสว่ยนั้นได้รับคำอวยพรมาจากยอดฝีมือแห่งดินแดนหลิงมาก่อน ร่างกายจึงมีข้อแตกต่างไปจากหมาป่าหิมะแดงเพลิงปกติ
ขณะนี้เสี่ยวเสว่ยเองก็มีพลังสภาวะในระดับสูงสุด สามารถที่จะต่อกรกับผู้อยู่เหนือขอบเขตโดยส่วนมากได้แล้ว ดังนั้นในตอนนี้ก็กล่าวได้ว่า เสี่ยวเสว่ยมีความแข็งแกร่งเหนือกว่าหมาป่าหิมะแดงเพลิงในระดับเดียวกันมากเสียยิ่งกว่ามากเลยทีเดียว
แต่ว่าในมุมมองของหลงเฉิน เพียงเท่านี้ยังคงไม่เพียงพอ การเข้าสู่แดนลับในครั้งนี้ ศัตรูของหลงเฉินต่างก็ถือเป็นสุดยอดฝีมือ การให้เสี่ยวเสว่ยร่วมศึกด้วยยังคงอันตรายมากจนเกินไป
ดังนั้นหลงเฉินจึงหลอมสร้างยาโอสถให้แก่เสี่ยวเสว่ยโดยเฉพาะ เพื่อใช้ทลายพันธนาการขีดจำกัดของมัน เพื่อให้มันพัฒนาขึ้นไปสู่ขั้นที่สี่ให้ได้
ถ้าหากเหล่าผู้หลอมโอสถทราบว่าหลงเฉินคิดจะทำเช่นนี้ เขาจะต้องถูกคิดว่าเสียสติไปแล้วอย่างแน่นอน ระดับของสัตว์มายา เป็นสิ่งที่มีความเกี่ยวข้องกับสายโลหิตของมันเอง ในสัตว์ระดับสูงขึ้นก็จะมีโลหิตบริสุทธิ์ที่สูงขึ้น ซึ่งแตกต่างจากระดับที่อยู่ต่ำกว่าอย่างชัดเจน
การกระทำของหลงเฉินในครั้งนี้ ก็ไม่ต่างอะไรไปจากการป้อนยาให้แมวกินไม่หยุดไม่หย่อน เพื่อหวังผลให้มันเติบโตจนกลายเป็นพยัคฆ์ที่แข็งแกร่ง
“ซูม”
หลงเฉินสูดลมหายใจเข้าครั้งหนึ่ง พร้อมกับกระตุ้นเพลิงกาฬกิ่งก่าอัคคีออกมาเผาเตาให้ร้อน หลังจากเตาร้อนได้ที่แล้ว ก็ค่อยๆนำโลหิตบริสุทธิ์ก่อฟ้า เทใส่ลงไปในเตาช้าๆ
“กึกกึกกึก”
ทันทีที่โลหิตบริสุทธิ์ก่อฟ้าสัมผัสกับเตาหลอม ทั่วทั้งเตาก็เริ่มสั่นไหว ราวกับจับสัตว์ร้ายที่บ้าคลั่งตัวหนึ่งเข้าไปก็มิปาน
“ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก”
หลงเฉินเองยังนึกหวาดผวาขึ้นมาในใจ แม้เป็นโลหิตเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มิได้มีพลังชีวิตอยู่เลยเสียด้วยซ้ำ แต่ก็ยังคงมีพลังที่มหาศาลได้ถึงเพียงนี้ นี่ช่างน่าตื่นตาตื่นใจยิ่งนัก
หลงเฉินเพิ่มความแรงของไฟมากขึ้น รอจนเวลาผ่านไปกว่าครึ่งชั่วยาม กลับยังพบว่าหยาดโลหิตในเตาเพียงแค่เริ่มหนาแน่นขึ้นมาเล็กน้อยเท่านั้น หลงเฉินจ้องมองดูเตาเผาแล้วถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
“เพลิงสัตว์เช่นนี้เริ่มไม่ทันใจข้าแล้ว คงต้องหาเพลิงกาฬที่แข็งแกร่งมากกว่านี้มาให้ได้จริงๆเสียแล้ว”
เพราะใช้เพลิงกาฬสีฟ้าจากเพลิงสัตว์ที่มีพลังเพียงน้อยนิดในการหลอมโลหิตบริสุทธิ์ก่อฟ้าที่มีพลังมหาศาล จึงทำให้ระดับความเร็วในการหลอมช้าจนคนรอแทบจะเป็นบ้าไปเลยทีเดียว เมื่อผ่านไปได้หนึ่งชั่วยาม โลหิตบริสุทธิ์ก่อฟ้าก็ยังหดตัวไปเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น
รอจนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาถึงวันที่สอง จึงได้พบว่าโลหิตบริสุทธิ์ในเตาโอสถตอนนี้ จับตัวเป็นกลุ่มก้อนที่มีขนาดเท่าหนึ่งกำปั้นแล้ว กลุ่มก้อนนั้นถือได้ว่าเป็นส่วนประกอบสำคัญทั้งหมดของโลหิตบริสุทธิ์ก่อฟ้านี้ เมื่อเห็นว่าส่วนสำคัญหลักมีมากมายเช่นนี้ หลงเฉินก็อดที่จะสะดุ้งตกใจไม่ได้
เขารู้สึกเสียใจที่ตนเองดูแคลนโลหิตบริสุทธิ์ของยอดฝีมือขอบเขตขั้นก่อฟ้ามากเกินไป เดิมทีเขาคิดว่าหลังจากที่ผ่านการหลอมไปแล้ว ส่วนสำคัญที่เหลืออยู่ คงจะมีขนาดเท่าผลมะนาวเท่านั้น ซึ่งนั่นก็ถือว่าไม่เลวแล้ว หากทราบว่าจะเป็นเช่นนี้ตั้งแต่แรก เขามิสู้แบ่งหลอม ให้ได้หลายเม็ดยังจะดีกว่า
คิดไม่ถึงว่าส่วนสำคัญของโลหิตบริสุทธิ์จะมีมากจนเมื่อหลอมแล้วยังมีขนาดใหญ่เท่ากำปั้นได้ถึงเพียงนี้ นี่ทำให้เขาทั้งเสียดายและเสียใจ ทว่าคิดได้ตอนนี้ก็สายไปแล้ว พลังชีวิตของหยาดโลหิตก็ได้ถูกปลุกขึ้นมาจนหมดแล้ว ถ้าหากทิ้งไว้เช่นนี้เมื่อเพลิงไฟมอดลงส่วนสำคัญเหล่านั้นก็จะดับสลายไปในทันที ดังนั้นเขาจึงจำเป็นที่จะต้องทำการให้เสร็จสิ้นภายในอึดใจ
หลงเฉินสูดลมหายใจเข้าครั้งหนึ่ง แล้วนำเอายาผงที่เตรียมไว้เหล่านั้น เทใส่เข้าใส่ใจกลางของเตาหลอมโอสถ และในระหว่างนั้น ก็ทำการปรับปริมาณยาผงให้เหมาะสมตามไปด้วย เพื่อจะได้เพิ่มฤทธิ์ยาให้มากยิ่งขึ้น เพราะปริมาณที่ได้มากเกินคาดคิดเป็นอย่างมาก ทำให้ในขณะนี้หาใช่เพียงการหลอมโอสถที่ไม่เคยมีการหลอมมากก่อน แต่เป็นการหลอมโอสถ ‘ขนาดใหญ่’ ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนด้วย
ในระหว่างที่วัตถุดิบถูกเติมเข้าไปไม่หยุด เตาโอสถก็ได้เริ่มสั่นไหวขึ้นมาอีกครั้ง ฤทธิ์ยาอันมหาศาลและส่วนสำคัญจากพลังชีวิตของโลหิตบริสุทธิ์ก็ได้ผสานรวมเข้าด้วยกัน จนระเบิดออกเป็นพลังรุนแรงที่น่าหวาดกลัวที่มากที่สุด
เนื่องจากเตาโอสถเกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรงไม่หยุด หลงเฉินจึงใช้พลังแห่งจิตวิญญาณประคองเตาเอาไว้ ในเวลาเดียวกันก็ชักนำยาโอสถตัวอื่นเข้าสู่ใจกลางเตาโอสถไปด้วย
หลังผ่านไปได้ครึ่งชั่วยาม ยาผงทุกตัวก็ถูกเติมลงไปในเตาโอสถจนครบ ทว่าเตาโอสถก็ยังคงสั่นไหวมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ และรุนแรงขึ้นกว่าเดิม นี่เองทำให้หลงเฉินเกิดความร้อนรนไม่น้อย
ถึงขณะนี้ไม่สามารถที่จะหยุด หรือแก้ไขสิ่งใดกลับคืนมาได้แล้ว มีแต่เพียงต้องกัดฟันเดินหน้าต่อไปเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ต้องไม่ให้ไฟที่ใช้ขาดตอนไปได้
ในขณะที่หลงเฉินกำลังร้อนรนกับการหลอมโอสถอยู่ เสี่ยวเสว่ยก็กลับเข้ามา มันรับรู้ได้ถึงความกระวนกระวายของหลงเฉิน จึงได้หมอบลงกับพื้นด้านข้างและเฝ้ามองเขา
หนึ่งชั่วยามผ่านพ้นไป เตาโอสถเบื้องหน้าหลงเฉินก็ยังคงสั่นไหวอย่างรุนแรง และในขณะนี้ก็ปรากฏรอยร้าวน้อยๆขึ้นมา นี่ทำให้หลงเฉินมีสีหน้าเคร่งเครียดมากขึ้น
“ทนเอาไว้ ใกล้จะเสร็จแล้ว”
หลงเฉินกระวนกระวายใจยิ่งนัก เขาทราบว่า เป็นเพราะโอสถที่กำลังหลอมอยู่มีขนาดใหญ่มาก ดังนั้นเตาหลอมโอสถธรรมดาจึงไม่สามารถทนรับได้ ในขณะนี้จึงทำได้แต่เพียงภาวนา ขออย่าให้เตาเกิดระเบิดก่อนเวลาหลอมเสร็จเท่านั้น
ภายใต้ความอับจนปัญญา หลงเฉินจึงทำได้แต่เพียงกระตุ้นเพลิงโอสถต่อไป ในขณะเดียวกันก็ได้ใช้พลังแห่งจิตวิญญาณห่อหุ้มเตาโอสถเอาไว้ เพื่อไม่ให้เตารัเบิดออก ทว่าพลังแห่งจิตวิญญาณของเขาก็มีอย่างจำกัด ไม่สามารถที่จะใช้ออกไปมากมายได้ แต่ในสถานการณ์เช่นนี้เขาไม่สามารถคิดวิธีการอื่นที่ดีกว่าได้อีกแล้ว
“แคร็ก”
เตาโอสถเกิดเสียงดังขึ้นมาเบาๆ แล้วก็ได้เกิดรอยร้าวขึ้นมาอีกหลายแห่ง เตาโอสถที่กำลังถูกยาโอสถกระแทกโจมตีจากภายใน ก็ยังคงสั่นไหวต่อไปไม่หยุด จนรอยร้าวที่ขึ้นเกิดเห็นได้ชัดเจนขึ้น มีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
“ถูกพันธนาการไปซะ”
หลงเฉินเริ่มเกิดความเกรี้ยวกราดขึ้นมา เขาพบว่า ตอนนี้เตาโอสถได้มาถึงขีดจำกัดในระดับหนึ่งแล้ว และยาโอสถภายในเตาโอสถ ก็เกิดเป็นรูปร่างขึ้นมาแล้วด้วย ช่วงเวลานี้ถือได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง
ถ้าหากเตาโอสถเกิดการระเบิดออกก่อนที่จะทำให้ยาโอสถก่อรูปร่างจนเสร็จสมบูรณ์ ก็จะไม่สามารถคงความบริสุทธิ์ของยาโอสถเอาไว้ได้ แถมยานั้นอาจจะระเบิดตามไปด้วย พริบตาเดียวก็คงจะแผ่กระจายไปทั่วในอากาศ โอสถเม็ดใหญ่อันล้ำค่าเช่นนี้ ก็คงจะไร้ค่าไปเช่นนั้น
สมุนไพรที่ใช้เป็นตัวยาตัวอื่นก็ยังแล้วไป แต่ว่าโลหิตบริสุทธิ์ก่อฟ้าที่ล้ำค่าเช่นนั้น เกรงว่าอีกสิบปีข้างหน้าก็อาจจะไม่มีโอกาสที่จะรวบรวมมาใหม่ได้อีกแล้ว
หลงเฉินปลดปล่อยพลังแห่งจิตวิญญาณเข้าไปห่อหุ้มเตาหลอมจนถึงขีดสุด ปรากฏเป็นเงาเลือนลางรูปมือขนาดใหญ่ขึ้นมาท่ามกลางสภาวะอากาศ มือนั้นกำลังทำการปกป้องเตาโอสถอย่างเอาเป็นเอาตาย
ทว่าภายในเตาโอสถกลับเกิดการสั่นสะเทือนที่รุนแรงมากเกินไป ประดุจสัตว์ร้ายที่ถูกผนึกเอาไว้กำลังคลั่ง หากปล่อยให้ผ่านพ้นไปอีกสักเล็กน้อย ท้ายที่สุดก็คงไม่อาจที่จะทนต่อไปได้ ระเบิดแตกออกอย่างแน่นอน
“ตู้ม”
ในที่สุดเตาโอสถก็ได้ระเบิดกระจายออกเป็นชิ้นๆไปแล้ว