เคล็ดกายานวดารา (Lc by Novel Kingdom) – ตอนที่ 307 เสี่ยวเสว่ยทะลวงพลัง

 

“ตูม”

 

“แย่แล้ว”

 

หลงเฉินก็ไม่อาจที่จะควบคุมพลังแห่งจิตวิญญาณเอาไว้ได้อีก เตาโอสถก็ได้ระเบิดขึ้นภายในพริบตา จนกลายเป็นพลังระเบิดอันมหาศาล ซัดหลงเฉินจนกระเด็นลอยออกไปในทันที

 

“จบสิ้นแล้ว”

 

หลงเฉินเกิดอาการซึมเศร้าขึ้นมา เขาดูแคลนโลหิตบริสุทธิ์ก่อฟ้าจนเกินไป ผลสุดท้ายกลายเป็นเกิดความผิดพลาดที่ต่อเนื่อง ในท้ายที่สุดก็ล้มเหลวไปแล้ว

 

ไม่ถูกต้อง !

 

ทันใดนั้นหลงเฉินก็รีบขึ้นไปทางด้านหน้าโดยพลัน พุ่งเข้าไปยังใจกลางของโพรงหญ้าที่อยู่ห่างออกไปหลายสิบจั้ง ในที่ตรงนั้นได้มียาโอสถขนาดใหญ่เท่ากำปั้นเม็ดหนึ่งกลิ้งอยู่ตรงนั้น

 

“สำเร็จแล้วอย่างงั้นหรือ ? ”

 

หลงเฉินแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาของตนเอง ยาโอสถขนาดใหญ่ที่ถือได้ว่าใหญ่กว่าไข่เป็ดเกือบเท่าตัว ที่ด้านบนยังเปล่งประกายเป็นสีแดงระเรื่อวนเวียนขึ้นมา กลิ่นหอมของโอสถก็ได้โชยเข้ามาถึงจมูก ทว่าใจกลางกลิ่นหอมของโอสถกลับแฝงเอาไว้ด้วยกลิ่นคาวเลือดอยู่เล็กน้อย

 

“อีกทั้งยังเป็นระดับสูงอีกด้วย”

 

เมื่อหลงเฉินได้มองไปยังโอสถยักษ์ที่อยู่ในมืออย่างละเอียด นี่เป็นครั้งแรกที่หลงเฉินหลอมโอสถยักษ์นี้ขึ้นมา

 

นี่เป็นสิ่งที่เกิดจากความคิดของหลงเฉิน โดยส่วนผสมของโอสถยักษ์นั้นทั้งมีน้อยทั้งยังหายากเป็นอย่างยิ่ง คิดไม่ถึงว่าเขาจะกลายเป็น *แมวตาบอดที่พบเจอกับซากหนู จนถึงกับหลอมขึ้นมาสำเร็จจริงๆ

 

โอสถยักษ์ภายในความทรงจำของหลงเฉินนั้น ต่างก็เป็นยาโอสถระดับสูงถึงระดับเจ็ดขึ้นไป เห็นได้ชัดว่าโอสถยักษ์ในมือของเขาแทบจะไม่อาจเทียบเคียงได้เลย

 

ถึงจะไม่ทราบว่าโอสถยักษ์ของตนเองเม็ดนี้จะจัดอยู่ในขั้นใด ทว่าก็ยังมีส่วนที่สามารถยืนยันได้ว่า หากมันสามารถกลายเป็นโอสถขึ้นมาได้นั่นก็เป็นเครื่องบ่งบอกได้แล้วว่าส่วนสำคัญของโลหิตบริสุทธิ์ก่อฟ้าเหล่านั้นย่อมต้องเพิ่มสูงขึ้นนับสิบเท่าเลยทีเดียว

 

นี้ก็เป็นความน่ากลัวของผู้หลอมโอสถ ตามปกติวัตถุดิบที่แสนล้ำค่าเพียงชิ้นเดียว ที่แต่เดิมมีพลังปราณอยู่ด้วย หากว่าเป็นคนปกติที่กินเข้าไป อย่างมากก็สามารถที่จะดูดซับฤทธิ์ยาไปได้ประมาณสองส่วนเท่านั้น

 

ส่วนสำคัญโดยส่วนมากก็จะไร้ค่าไป แต่ว่าหากผ่านการหลอมจากผู้หลอมโอสถ ก็จะสามารถที่จะเพิ่มเกณฑ์การชักนำ หนุนเสริม ซึมซับยาโอสถได้ จนสามารถเพิ่มพูนพลังปราณแต่เดิมของวัตถุดิบขึ้นมาได้อีกหลายเท่าตัว

 

แต่ว่าหากเป็นการผสมโอสถตามปกติ ที่ได้ถูกสืบทอดมานับแต่โบราณกาล ก็จะไม่ทราบว่ามีวิธีการทำเช่นนี้ด้วย

 

ผู้เชี่ยวชาญโอสถโดยทั่วไปหากเข้าสู่ช่วงเวลาของการทดสอบ จะมีแต่ให้ผู้เข้าสอบหลอมตามรายการโอสถ และมิได้บอกถึงปริมาณวัตถุดิบ จึงทำให้เกิดความยากในการฝึกหลอมโอสถแบบแทบเป็นแทบตายเลยทีเดียว

 

เพราะหากให้ตัวอย่างที่ไม่ถูกต้อง ก็ย่อมจะทำให้เกิดโอสถระเบิดได้ง่าย หรือไม่ก็กลายเป็นหลอมโอสถไร้ค่าขึ้นมาแทน และระหว่างการหลอมโอสถหากมีวัตถุดิบผิดแม้แต่อย่างเดียว ก็ไม่อาจที่จะสำเร็จเป็นโอสถขึ้นมาได้

 

หลงเฉินที่ได้อาศัยความคิดเพ้อเจ้อบวกกับความทรงจำที่ร้ายกาจของจักรพรรดิโอสถ เมื่อรู้สึกว่าวิธีเช่นนี้สมควรที่จะเป็นไปได้ แม้ว่าความจริงแล้วโอกาสในการสำเร็จแทบจะมีไม่ถึงหนึ่งส่วนเลยด้วยซ้ำ

 

การหลอมสร้างโอสถยักษ์ขึ้นนั้น ถือได้ว่าเป็นความยากที่เพิ่มขึ้นมาหลายร้อยเท่า หรือจะกล่าวว่าโอสถยักษ์เม็ดนี้ เป็นไปตามที่หลงเฉินได้สวดภาวนาอ้อนวอนเอาไว้ แล้วสวรรค์ท่านก็คงหูตามืดบอดขึ้นมาจริงๆ

 

“เด็กน้อยที่ดี ช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก ของเล่นในครั้งนี้จะกินได้หรือเปล่านะ ? ”

 

ขณะที่มองไปยังพลังมหาศาลที่คล้ายกับจะทะลักออกมาจากโอสถยักษ์ เขาก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้

 

แต่มิได้ง่ายดายเพียงแค่นั้น ยังได้แฝงเอาไว้ด้วยส่วนสำคัญถือเป็นยาโอสถที่เหนือกว่าปกติอยู่หลายสิบเท่า ภายในความทรงจำของหลงเฉินโอสถยักษ์โดยส่วนมากกลับไม่ได้มีไว้เพื่อกินแต่อย่างใด

 

“โบร๋วโบร๋ว”

 

ในเวลานี้เสี่ยวเสว่ยก็ได้มาถึงกายหลงเฉิน เมื่อมองไปยังโอสถยักษ์ในมือหลงเฉิน ก็ได้ส่งเสียงร้องออกมา

“ถือได้ว่าสำเร็จแล้ว ทว่าของชิ้นนี้กลับอยู่เหนือความคาดหมายของข้าไปจนสิ้น คาดว่าคงจะมีฤทธิ์ยาที่รุนแรงจนน่าหวาดกลัวเลยทีเดียว อาจจะถึงขั้นรุนแรงกว่าที่คิดไว้อีกหลายสิบเท่าเลยก็ว่าได้”หลงเฉินกล่าวออกมา

 

ของสิ่งนี้เดิมทีหลอมมาเพื่อหลงเฉิน แต่นับตั้งแต่แรกเริ่มที่พบเห็นเลือดของยอดฝีมือขั้นก่อฟ้าของฝ่ายอธรรม หลงเฉินก็ได้นึกถึงเสี่ยวเสว่ยขึ้นมา

 

ด้วยส่วนสำคัญจากโลหิตของยอดฝีมือขั้นก่อฟ้าหลอมรวมจนกลายเป็นยาโอสถ แน่นอนว่าย่อมที่จะมีโอกาสพัฒนาขีดจำกัดของร่างกายไปได้

 

พลังอันมหาศาลชนิดนี้หากมองในสภาพร่างกายของเผ่ามนุษย์ ย่อมเป็นเรื่องที่ยากจะแบกรับเอาไว้ นอกเสียจากว่าจะมีร่างกายที่เป็นอย่างอาหมานกับหลงเฉินเท่านั้น

 

ทว่าการใช้เลือดของมนุษย์มาหลอมเป็นยาโอสถ เขาย่อมไม่อาจกินได้ลงแน่ ถึงอย่างไรก็มิใช่เลือดเป็ดเลือดไก่

 

แต่ถ้าให้เสี่ยวเสว่ยแล้วละก็ จะไม่กดดันเลยแม้แต่น้อย เดิมทีที่คิดจะหลอมโอสถธรรมดาขึ้นมาซักเม็ด แต่กลับกลายเป็นหลอมโอสถยักษ์ขึ้นมาเสียได้ นี่จึงทำให้หลงเฉินรู้สึกจุกอยู่เลยก็ว่าได้

 

หากกล่าวถึงพลังอันมหาศาลของโอสถยักษ์เม็ดนี้ เมื่อเทียบกับยาโอสถในระดับเดียวกันหลายสิบเม็ด เรื่องเช่นนี้หากมองในมุมมองของหลงเฉิน กลับหาใช่สิ่งที่ควรไม่ เพราะเขาเกรงว่าเสี่ยวเสว่ยอาจที่จะทนรับได้ไม่ไหว

 

“โบร๋วโบร๋ว” เสี่ยวเสว่ยก็ได้ส่งเสียงขึ้นมาอีกครั้ง

 

“เจ้าอยากจะลองอย่างงั้นหรือ ? ”

 

หลงเฉินแสดงสีหน้าเป็นห่วงแล้วกล่าวออกมา “ของเล่นชิ้นนี้อันตรายเกินไป ด้วยการชักนำโลหิตบริสุทธิ์ของยอดฝีมือขั้นก่อฟ้าอีกทั้งยังเป็นโอสถยักษ์อีก หากแย่ขึ้นมาคงต้องหมายถึงชีวิตเลยนะ”

 

“โบร๋ว”

 

เสี่ยวเสว่ยก็ได้ส่งเสียงดังเพื่อขานรับต่อหลงเฉิน ภายในแววตาทั้งคู่ก็ได้ปรากฏความเด็ดเดี่ยวขึ้นมา ทั้งยังได้ส่งเสียงร้องต่อหลงเฉินขึ้นมาอีกหลายครั้ง

 

หลงเฉินที่มองดูเสี่ยวเสว่ยกว่าครึ่งวันโดยไม่เอ่ยวาจา จิตวิญญาณที่เชื่อมโยงกันระหว่างเขากับเสี่ยวเสว่ย เขาจึงฟังออกถึงความหมายของเสี่ยวเสว่ยได้

 

ที่เสี่ยวเสว่ยได้บอกต่อเขาก็คือ ที่ผ่านมาหลงเฉินก็ได้แข็งแกร่งขึ้น ตัวมันเองก็ต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้น ทั้งยังต้องการที่จะปกป้องหลงเฉินไปตลอดกาล

 

สิ่งนี้ได้ทำให้หลงเฉินเกิดความตื้นตันขึ้นมาทั้งยังลำบากใจ จึงได้สวมกอดเข้าไปที่เสี่ยวเสว่ย แล้วก็ลูบเส้นขนบนตัวของเสี่ยวเสว่ยอย่างเอ็นดู

 

เสี่ยวเสว่ยมีหรือที่จะไม่ทราบว่าหลงเฉินนั้นเป็นห่วงตนเอง จึงได้ส่งเสียงร้องขึ้นมาอีกหลายครั้ง จากนั้นก็ได้ทอดสายตามองไปยังมือของหลงเฉินอย่างไม่ละสายตา

 

หลงเฉินกัดฟันขึ้น “เอาเถอะ หวังว่าสวรรค์จะคุ้มครองให้เจ้าสามารถทำสำเร็จได้”

 

หลงเฉินเองก็ไม่กล้าที่จะใช้สวรรค์มาล้อเล่นอีกแล้ว เขากลัวว่าจะเกิดอันตรายขึ้นกับเสี่ยวเสว่ย ทว่าเสี่ยวเสว่ยเองก็บอกมาแล้วว่า มันจะกินยาโอสถยักษ์เม็ดนั้นอย่างแน่นอน ต่อให้ต้องตายก็ไม่เสียใจ

 

เขาทราบว่าเสี่ยวเสว่ยเฉลียวฉลาดเป็นอย่างยิ่ง มันทราบว่าถ้าหากตนเองไม่อาจที่จะพัฒนาตัวเองขึ้นไปได้ โอกาสที่จะสามารถช่วยเหลือหลงเฉินก็จะยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ จนกลายเป็นภาระของหลงเฉินขึ้นมา

 

เพื่อที่จะเติบโตไปพร้อมกับหลงเฉิน เสี่ยวเสว่ยทราบว่าอันตรายเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็ยังคงต้องการที่จะลองโดยไม่ลังเล

เสี่ยวเสว่ยกลืนโอสถยักษ์ในมือหลงเฉินลงไปในคำเดียว ยังไม่ถึงหนึ่งลมหายใจ เส้นขนที่อ่อนนุ่มบนตัวของเสี่ยวเสว่ย ก็ได้ตั้งชูชันขึ้นมาในทันที

 

“ตูม”

 

บรรยากาศอันบ้าคลั่งขุมหนึ่งก็ได้เพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวี พื้นดินใต้เท้าของเสี่ยวเสว่ยก็ได้ยุบลง คลื่นพลังที่น่าหวาดกลัวได้พุ่งไปทั้งสี่ทิศแปดด้าน

 

แม้แต่หลงเฉินเองก็ยังถูกพลังขุมนั้นกระแทกเข้ามาจนต้องถอนร่นออกไปหลายก้าว ในเวลานี้ร่างกายของเสี่ยวเสว่ยก็เกิดอาการสั่นเทาขึ้นมาไม่หยุด

 

“โบร๋ว”

 

เสี่ยวเสว่ยส่งเสียงดังสนั่นผืนฟ้า ทว่าภายใต้เสียงกู่ร้องกลับแฝงเอาไว้ด้วยความเจ็บปวดนับไม่ถ้วน เขาเองก็หวาดผวาขึ้นมาเมื่อพบว่า เส้นขนสีขาวดุจหิมะของเสี่ยวเสว่ยได้กลายเป็นสีแดงไปแล้ว

 

นั้นก็คือเลือดที่ได้ไหลซึมออกมาจากผิวหนัง โลหิตแห่งการก่อฟ้าแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง ถึงกับทำการขับไล่หยาดโลหิตในตัวของเสี่ยวเสว่ยออกมา

 

หยาดโลหิตทั้งสองชนิดก็ได้ต่อสู้กันภายในร่างกาย ถือได้ว่าเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่ง ถึงแม้ว่าเสี่ยวเสว่ยได้มีการเตรียมความพร้อมเอาไว้อยู่แล้ว ก็ยังคงอดไม่ได้ที่จะต้องร่ำร้องออกมา

 

เสี่ยวเสว่ยหลั่งเลือดโชมกายอย่างน่าสงสาร เสี่ยวเสว่ยในตอนนี แทบจะไม่อาจที่จะหลอมรวมส่วนสำคัญของโลหิตบริสุทธิ์ก่อฟ้าไปได้เลย ส่วนสำคัญหยาดโลหิตเหล่านั้นเองก็แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ทั้งยังกำลังขับโลหิตในตัวของเสี่ยวเสว่ยออกมา

 

ถ้าหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป เลือดในตัวของเสี่ยวเสว่ยก็คงจะถูกขับออกมาจนหมด จนถึงขั้นเสียเลือดตายไปในที่สุด

 

ทันใดนั้นหลงเฉินได้กระโดดขึ้นไปขี่อยู่บนหลัง แล้วก็ได้ทาบมือลงไปบนตัวของเสี่ยวเสว่ย ขุมพลังที่ทรงพลังสายหนึ่ง ก็ได้ถ่ายเทเข้าสู่ภายในร่างเสี่ยวเสว่ย

 

“หากเป็นเช่นนี้ต่อไปคงจะไม่ไหวแน่ พลังแห่งจิตวิญญาณข้าจะช่วยเจ้าขจัดพลังของยาโอสถเอง แล้วเจ้าก็ดูดกลืนไปทีละส่วนแทน”

 

ขณะนี้ยาโอสถที่พึ่งจะเข้าสู่ร่างกายทั้งยังถือว่าไม่ได้เข้าไปจนหมด เสี่ยวเสว่ยก็แทบจะทนรับเอาไว้ไม่ได้แล้ว ไม่งั้นเสี่ยวเสว่ยคงจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย

 

พลังลมปราณของหลงเฉินปิดกั้นพลังที่แผ่ซ่านออกมาโดยรอบของโอสถยักษ์เอาไว้ และในเวลาเดียวกันพลังแห่งจิตวิญญาณ ซึมผ่านเขาไปในร่างของเสี่ยวเสว่ย ทำการควบคุมโลหิตบริสุทธิ์ก่อฟ้าที่บ้าคลั่งเหล่านั้นเอาไว้ ยังไงก็ไม่อาจปล่อยให้พวกมันกำเริบจนย่ำแย่ขึ้นมา

 

คล้ายกับเขื่อนที่กำลังจะแตก หากปล่อยให้มันระเบิดขึ้นมาเสี่ยวเสว่ยคงต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย

 

ตอนนี้หลงเฉินก็ทำได้แต่ประวิงเวลาให้เขื่อนแตกช้าลงเท่านั้น ให้น้ำที่อยู่ภายในเขื่อนไหลออกไปทีละเล็กละน้อย เพื่อลดทอนแรงกดดันของเสี่ยวเสว่ย

 

ภายใต้การช่วยเหลือของหลงเฉิน เสี่ยวเสว่ยก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นเป็นอย่างมาก เมื่อมีพลังแห่งจิตวิญญาณหลงเฉินคอยช่วยควบคุม โลหิตบริสุทธิ์ก่อฟ้าที่แต่เดิมอยู่ในสภาวะคลุ้มคลั่งอยู่ภายในร่างกายของมัน คล้ายดั่งระลอกคลื่นที่รุนแรงซัดโถมเข้ามาก็ค่อยๆเบาลง

 

เสี่ยวเสว่ยได้ใช้โอกาสนี้ในการดูดกลืนส่วนสำคัญของหยาดโลหิตเหล่านั้นเอาไว้ ที่เดิมทีก็เป็นวัตถุไร้เจ้าของ เมื่อได้ผ่านการขับไล่ไปแล้วรอบหนึ่งก็ได้สูญเสียพลังที่มีอยู่ไป จนในที่สุดก็เริ่มถูกเสี่ยวเสว่ยดูดกลืน

 

หลังจากที่ผ่านไปกว่าสามชั่วยาม เมื่อส่วนสำคัญถูกเสี่ยวเสว่ยดูดกลืนไปจนหมดสิ้นแล้ว หลงเฉินจึงได้ปล่อยพลังอีกส่วนหนึ่งออกมา เสี่ยวเสว่ยจึงได้ทำการดูดกลืนต่อ

 

หลงเฉินผ่อนลมหายใจออกมา ยังดีที่อาศัยไหวพริบคิดวิธีเช่นนี้ออกมาได้ ไม่เช่นนั้นวันนี้คงจะต้องเกิดอันตรายขึ้นมาอย่างแท้จริงแล้ว

 

ทางหนึ่งก็ได้ถ่ายลมปราณ ทางหนึ่งก็ได้ถ่ายพลังแห่งจิตวิญญาณ ถือได้ว่าเป็นภาระที่หนักหนาสำหรับหลงเฉินเลยทีเดียว เพราะพลังของโอสถยักษ์นั้นแข็งแกร่งมากจนเกินไป แม้แต่หลงเฉินเองก็ยังต้องควบคุมอย่างเปลืองแรงเป็นอย่างยิ่ง

 

นี้เป็นครั้งแรกที่หลงเฉินเข้าใจได้ว่าโอสถยักษ์นั้นมีความน่ากลัวมากเพียงไร ทั้งยังมีพลังที่น่าตกใจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

 

ในเวลาที่หลงเฉินได้ปล่อยพลังออกไประลอกที่สาม ก็รู้สึกว่าพลังแห่งจิตวิญญาณของตนเอง ถึงกับเริ่มที่จะไม่ไหวขึ้นมาแล้ว

 

ขณะนี้พลังภายในใจกลางของโอสถยักษ์นั้นยังมีอีกกว่าครึ่งที่ยังไม่ได้ถูกปล่อยออกไป ถ้าหากตนเองยืนหยัดต่อไปไม่ไหวก็คงจะท่าดีทีเหลวแล้ว

 

แต่ที่หลงเฉินไม่ทราบก็คือ ภายในกลางโอสถยักษ์นั้น ได้แฝงเอาไว้ด้วยโลหิตบริสุทธิ์ก่อฟ้า และยังแฝงเอาไว้ด้วยพลังความแน่วแน่ของยอดฝีมือขั้นก่อโลหิต ถึงแม้ว่าจะถูกหลอมจนกลายเป็นโอสถ แต่ก็ยังไม่อาจที่จะสลายความแน่วแน่นั้นไปได้

 

หลงเฉินเองก็ได้ใช้พลังของตนเอง เข้าไปผูกมัดกับพลังของยาโอสถ เหมือนกับเป็นการใช้พลังแห่งจิตวิญญาณของตนเองเข้าต่อกรกับความแน่วแน่ขุมนั้น พลังที่สูญไปจึงหายไปเร็วจนน่าหวาดกลัว

 

ในขณะที่กำลังประคับประคองอย่างลำบาก หลงเฉินที่เพิ่งจะปล่อยพลังออกไปเป็นระลอกที่สี่ พลังของโอสถยักษ์ในร่างเสี่ยวเสว่ยก็ได้ปะทุขึ้นมาในทันที เนื่องจากไม่อาจที่จะทนควบคุมเอาไว้ได้

 

“ซูม”

 

ทันใดนั้นหลงเฉินก็รู้สึกว่าร่างกายสั่นไหว พลังมหาศาลบนร่างเสี่ยวเสว่ยก็ได้ระเบิดขึ้นมา ถึงกับทำให้หลงเฉินกระอักโลหิตออกมา ถูกซัดจนลอยคว้างอยู่บนอากาศ

 

“เสี่ยวเสว่ย”

 

หลงเฉินก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ พลังอันมหาศาลที่น่าหวาดกลัวขุมนั้น จะต้องช่วงชิงชีวิตของเสี่ยวเสว่ยไปอย่างแน่นอน

 

แต่เมื่อหลงเฉินพบว่าเสี่ยวเสว่ยปลอดภัย ก็ทั้งแตกตื่นทั้งยินดี ที่เสี่ยวเสว่ยยังมีชีวิตอยู่

 

“ตูม”

 

แล้วก็ได้มีเสียงน่าหวาดกลัวระเบิดขึ้นมาอีก พื้นดินที่ใต้ฝ่าเท้าของเสี่ยวเสว่ยก็ได้ยุบตัวลงไปอีกครั้ง หลงเฉินที่ลอยอยู่บนอากาศยังไม่ทันจะตกถึงพื้น ก็ถูกคลื่นพลังซัดจนลอยกระเด็นออกไปอีกที

 

เมื่อลอยออกไปไกลกว่าหลายสิบจั้ง หลงเฉินลุกขึ้นมาได้ก็ไม่สนใจแม้แต่คราบดินโคลนบนร่างกาย กลับมองไปที่เสี่ยวเสว่ยด้วยใบหน้าที่ลิงโลด

 

บนตัวเสี่ยวเสว่ยในเวลานี้ ก็ได้แผ่พลังทำลายอันน่าหวาดกลัวออกมา จนทำให้หลงเฉินหายใจลำบากตลอดทั่วทั้งร่างราวกับถูกบีบอัดจนไม่สามารถขยับตัวได้

 

“ซูม”

 

“โบร๋ว”

 

ทันใดนั้นเสี่ยวเสว่ยก็ได้หอนออกมาด้วยน้ำเสียงที่สะเทือนไปทั่วท้องฟ้า พลังอันมหาศาลที่รุนแรงก็ได้ระเบิดขึ้นจนกลายเป็นพายุ จนทำให้ฟ้าดินสั่นไหว พวยพุ่งขึ้นไปสู่ท้องนภาลัย

 

“เลื่อน——ขั้น——แล้ว ? ”

 

หลงเฉินไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเอง บรรยากาศบนร่างกายเสี่ยวเสว่ยในเวลานี้ที่กำลังปะทุขึ้นมา ทำให้หลงเฉินเกิดความรู้สึกใจเต้นจนแทบกระดอนออกมาเลยทีเดียว

 

“โบร๋วโบร๋ว”

 

เสี่ยวเสว่ยก็ได้ขยับไปยังด้านข้างหลงเฉิน แล้วก็ได้ใช้ศีรษะถูที่ใบหน้าหลงเฉินอย่างใกล้ชิดสองครั้ง

 

“ฮาฮาฮาฮาฮา สุดยอดไปเลย เสี่ยวเสว่ยเจ้าเลื่อนระดับได้จริงๆแล้ว เหอะเหอะ รอบนี้พวกเราร่วมมือกันซักยกเพื่อกวาดล้าง ภายในท่ามกลางขอบเขตแดนลับนพเก้ากันเถอะ” หลงเฉินก็ได้กู่ร้องเสียงดังยาวนานขึ้นมา

 

หลังจากที่เสี่ยวเสว่ยเลื่อนระดับขึ้นมาแล้ว ร่างกายกลับไม่ได้เปลี่ยนแปลงใหญ่โตขึ้น ในทางกลับกันกลับเล็กลงกว่าเดิมเกือบเท่าตัว มีขนาดเพียงห้าจั้งเท่านั้น ทว่าพลังแรงกดดันในตัวกลับน่ากลัวจนน่าตกใจ

 

ในเวลานี้เสี่ยวเสว่ยเพิ่งจะทะลวงพลังไปได้ เพราะโอสถยักษ์ภายในร่าง แต่ก็ยังคงทิ้งความเจ็บปวดที่ซ่อนเร้นเอาไว้อยู่ หลงเฉินได้ใช้ยาโอสถเพื่อรักษาให้แก่เสี่ยวเสว่ย แล้วจึงค่อยให้มันกลับเข้าไปอยู่ในภายช่องว่างของจิตวิญญาณ

 

เมื่อได้กลับมายังหมู่ตึก หลงเฉินไม่ได้ฝึกยุทธ์อีกเพียงแต่รอคอยอย่างเงียบๆ จนวันนั้นก็ได้มาถึง

“แก๊งๆ”

 

เสียงระฆังของหมู่ตึกก็ได้ดังขึ้น วันที่ขอบเขตแดนลับนพเก้าได้เปิดขึ้นก็ได้มาถึงแล้ว

 

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา
Status: Ongoing
เป็นจักพรรดิโอสถกลับเกิดใหม่งั้นหรือ ? เป็นการผสานจิตวิญญาณกันหรือ ? หลงเฉิน เด็กหนุ่มที่ถูกช่วงชิงรากปราณ โลหิตปราณ กระดูกปราณทั้งสามสิ่งไป ได้หยิบยืมวิชาการหลอมโอสถระดับเทวะภายใต้ความทรงจำ ฝึกปรือวิชาเคล็ดกายานวดาราอันลี้ลับ แหวกม่านหมอกที่หนาทึบออก ปลดปล่อยโชคชะตาครอบครองพลังวงแหวนเทวะแห่งฟ้าดิน เหยียบย่างชั้นดาราตะวันจันทรา พบพานสาวงามต่างๆ กำราบมารร้ายเทพแห่งความชั่วจนกลายเป็นที่เลื่องลือก้องแดนเจียงหนาน หลงเฉินมาถึง สวรรค์คำรนพสุธาคำราม หลงเฉินไปจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพร่ำไรจนเป็นที่ตำนานแห่งยุทธ์ภพ หลงเฉินปรากฎ ฟ้าดินสั่นสะเทือน หลงเฉินเดินจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพยดาร้ำไห้ ระดับพลัง 1.ขอบเขตก่อรวม 2.ขอบเขตก่อโลหิต 3.ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น 4.ขอบเขตปรือกระดูก 5.ขอบเขตเชื่อมชีพจร 6.ขอบเขตแห่งการก่อฟ้า ระดับโอสถ 1.โอสถสามัญ 2.โอสถปัญญา 3.เชี่ยวชาญโอสถ 4.ราชาโอสถ 5.ราชันโอสถ 6.จ้าวโอสถ 7.เซียนโอสถ 8.ปราชญ์โอสถ 9.จักรพรรดิ์โอสถ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset