บทที่ 370 : ผมต้องการพบเจ้าของร้านหลิน!
ทุกคนในสนามรบต่างได้ยินเสียงประกาศที่ฟังแล้วเหมือนระฆังผุ ๆ นี้
เขตแดนเทพแห่งใหม่กำลังก่อตัว และกฎเกณฑ์ของระดับเหนือนภาคนใหม่ก็ถูกสร้างขึ้นแล้ว
ด้วยเสียงของไวลด์ ทุกคนต่างสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงอีเธอร์ที่กวาดเข้ามาราวกับคลื่นที่มองไม่เห็น ทั้งโลกดูเหมือนจะถูกทำลายแล้วสร้างใหม่อีกครั้ง กลายเป็นการก่อร่างจากเจตนารมณ์ของใครสักคน
ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติในสนามรบต่างสัมผัสได้ถึงความกลัวอย่างควบคุมไม่ได้และสั่นไหวทันที ความคิดและเจตจำนงของตนถูกกดทับ และความปรารถนาในการอยู่รอดโดยสัญชาตญาณก็ทำให้พวกเขาหนีอย่างไม่สามารถต่อรองได้
ไม่ว่าจะเป็นเหล่าอัศวินจากหอพิธีกรรมต้องห้ามหรือสาวกของนิกายกลืนศพ พวกเขาต่างหนีตาย
แต่ความเร็วของพวกเขาหรือจะสู้การขยายตัวของเขตแดนระดับเหนือนภา?
วินาทีต่อมา ระลอกคลื่นที่มองไม่เห็นก็ตามพวกเขาไปติด ๆ สิ่งใดก็ตามที่ถูกมันกวาดผ่านจะหยุดชะงักแล้วกลายเป็นเศษซากสีดำ ก่อนจะสลายสู่ความว่างเปล่า ถูกกฎเกณฑ์บดขยี้ แล้วหายสาบสูญไปจากโลกนี้
ไม่มีสิ่งใดคงอยู่ตลอดกาล
จุดจบของสรรพสิ่งคือความตาย
นี่แหละ คือจุดจบ!
ไวลด์ซึ่งเปลี่ยนร่างเป็นสัตว์ประหลาดยักษ์ที่บิดเบี้ยวปกคลุมทั่วท้องฟ้า ส่งเสียงคำรามผิดมนุษย์ท่ามกลางพายุหิมะ แล้วบดขยี้โจเซฟตรงหน้าเขาด้วยกฎเกณฑ์ที่ไม่อาจหยุดยั้ง
“อย่านะ…!”
เมลิสซ่าที่ถูกความผันผวนของอีเธอร์ในยามแรกจุติอย่างแท้จริงของระดับเหนือนภาโจมตีให้คุกเข่าลงกับพื้น เธอลากสังขารที่ชุ่มไปด้วยเลือด เบิกตากว้างแล้วส่งเสียงร้องอย่างสิ้นหวัง
ใบหน้าน้อย ๆ ที่ซีดขาวของเธอเปื้อนไปด้วยเลือด เขม่าดินปืนหนาเกาะผมสีแดงที่หน้าผากของเธอ ดวงตาสีฟ้าจับจ้องบิดาของตนที่ถูกความมืดกลืนกินอย่างเหม่อลอย เธออยากใช้ดาบพยุงตัวเองให้ลุกขึ้น ทว่าก็ต้องร่วงลงไปกองกับพื้นอย่างหมดหนทาง
อัศวินที่รอดชีวิตอยู่รอบ ๆ สนามรบต่างก็มีความเหม่อลอยและสิ้นหวังเทียบเท่ากัน
จู่ ๆ สาวกนิกายกลืนศพถัดจากเขาพลันสังเกตเห็นเมลิสซ่า แล้วโซเซไปทางเธอ
เมลิสซ่าทำเพียงนั่งอยู่ที่เดิมอย่างเหม่อลอย
“เมลิสซ่า คุณทำอะไรอยู่ ถอยไปให้พ้นทาง!”
เสียงคำรามของวินสตันระเบิดออกมาในโสตประสาท แล้วเขาพลันคว้าเมลิสซ่าดึงไปด้านข้าง ในขณะเดียวกันก็ชักดาบสับเข้าใส่หัวของสาวกคนนั้น
ร่างที่สิ้นใจสลายลงที่พื้น กลายเป็นสารอาหารของไวลด์ไปอีกครั้ง
วินสตันมองภาพตรงหน้าแล้วพลันสิ้นแรง
แต่เขาก็เห็นเมลิสซ่าที่ข้างกาย เขาจะเกียกตะกายเดินไปอุ้มเด็กสาวที่หมดสติแล้วถอยร่นไปแนวหลังอย่างรวดเร็ว
พื้นที่ที่ถูกเขตแดนครอบคลุมเงียบสนิทเหมือนสุสาน ไม่มีสงครามจากการปะทะครั้งก่อนเกิดขึ้นอีกแล้ว กระทั่งสายลมยังนิ่งเหมือนไร้ชีวิต เครื่องจำลองนิมิตกลุ่มที่สองกำลังเสริมแกร่งมนตราจำลองนิมิตอยู่ที่แนวหลัง
แต่ทุกคนก็รู้…ว่ามันไร้ประโยชน์
เมื่อไวลด์สังหารโจเซฟได้ เขตแดนที่ขยายวงกว้างจะกลืนกินพวกเขาทุกคน!
หิมะโปรยปรายลงมากกว่าเดิม
หิมะที่โปรยปรายราวขนห่านถูกสายลมหอบไป และลมหายใจเย็นเยือกอันสิ้นหวังของวินสตันก็ถูกสูดเข้าปอด กฎเกณฑ์แบบนี้แทบไม่มีช่องโหว่เลย วินสตันหาทางช่วยเหลือโจเซฟไม่ได้เลย
ไวลด์ใช้ตัวเองเป็นกฎเกณฑ์ และไม่ว่าสายตาของเขาจะมองไปที่ใด ทุกสิ่งก็จะเปลี่ยนเป็นสสารไร้ชีวิตที่ยุ่งเหยิงและไม่สามารถสัมผัสแตะต้องได้
ไม่ได้ยิน มองไม่เห็น สัมผัสไม่ได้ จุดจบของทุกสิ่งจะเป็นสิ่งชี้วัดทุกอย่าง!
ความสามารถของไวลด์สมบูรณ์แล้ว ไม่จำเป็นต้องมีพิธีบวงสรวงใด ๆ อีก และสาวกนิกายกลืนศพก็ไม่จำเป็นต้องเข้าไปตายทีละคน แต่สาวกที่เหลือต่างก็ได้รับแรงบันดาลใจจากการจุติของนักบวชสูงระดับเหนือนภาและแข็งแกร่งขึ้น แนวป้องกันที่เหลืออยู่น้อยนิดนั้นแทบหยุดพวกเขาไม่ได้เลย
วินสตันกัดฟัน มือสั่น ๆ ของเขากดอุปกรณ์สื่อสารอย่างต่อเนื่อง…
จนตอนนี้ สิ่งเดียวที่เขาเชื่อได้ก็คือคำพูดที่คลุมเครืออย่างยิ่ง
สิ่งที่เกร็กพูด เขาบอกว่าคุณหลินจะไม่ทนดูโจเซฟตาย เขาบอกว่าชัยชนะสุดท้ายจะเป็นของโจเซฟ!
มือของวินสตันพลาดเป้าแม้จะเป็นการกดอุปกรณ์สื่อสาร แล้วเขาก็ตระหนักว่ามือของตัวเองกระวนกระวายเสียจนเหงื่อแตก และเขาก็กดปุ่มพลาดไปหลายปุ่มติด ๆ กัน
ปี๊บ!
ในที่สุดอุปกรณ์สื่อสารก็ต่อสายติด
—
“หือ?”
เกร็กที่กำลังใจลอยอยู่ในงานเลี้ยงสัมผัสได้ถึงการสั่นสะเทือนของอุปกรณ์สื่อสารในวงแขนของเขา แล้วหัวใจก็สั่นระริก
เขาเคยตกลงจะให้ข้อมูลมาก่อน เพิ่งโทรคุยกันไปครั้งล่าสุดไม่นานนี้เอง แล้วทำไมวินสตันถึงโทรหาเขา?
เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?
เขายืนขึ้น พยายามหลบชาร์ล็อตต์กับเฟจเพื่อหามุมคุยอีกครั้ง
ร่างของชาร์ล็อตต์สั่นสะท้านน้อย ๆ ในเวลาเดียวกัน แล้วเธอก็มองตามหลังเกร็กอย่างสื่อความนัย “ดูเหมือนว่าหมากรุกกระดานนี้กำลังจะจบแล้วสักทีนะ”
เกร็กเดินหลบมุมงานเลี้ยงแล้วหยิบอุปกรณ์สื่อสารออกมา
“คุณวินสตัน เกิดอะไรขึ้นครับ? มีคำถามอยากถามผมเพิ่มเหรอครับ?”
เกร็กถามขึ้นเบา ๆ
ครั้งนี้ที่ฝั่งวินสตันไม่มีเสียงเข่นฆ่าอื้ออึงแล้ว แต่เงียบจนไม่น่าเชื่อ ราวกับอยู่ในป่าช้า…
สังหรณ์ร้ายพลันปรากฏขึ้น แล้วเกร็กก็หัวใจหล่นวูบ
“เกร็ก”
เสียงกระท่อนกระแท่นที่แหบพร่าของวินสตันดังออกมาจากอุปกรณ์สื่อสาร แล้วเขาก็ฝืนพูดอย่างยากลำบาก “ไวลด์…ล้ำไปหนึ่งก้าว เขาแตกฉานในกฎเกณฑ์ที่เรียกว่า ‘จุดจบ’ แล้ว…”
เกร็กเกือบขยี้อุปกรณ์สื่อสารในมือ หัวของเขาหมุนหวือ เสียงจากด้านหลังไม่เข้ามาในโสตประสาทอีกต่อไป
—
วินสตันถืออุปกรณ์สื่อสารมองศึกที่เกิดไกลออกไป โจเซฟที่ถือไพ่เหนือกว่ามาโดยตลอด ในตอนนี้เพลี่ยงพล้ำอย่างหนักบนสนามรบ
โจเซฟควบแน่นกำแพงอีเธอร์อันเจิดจ้าขนาดยักษ์ ขวางสสารแปลก ๆ ที่เงียบงันเหมือนหมอกสีดำของกฎเกณฑ์แห่งจุดจบเอาไว้
แต่อีเธอร์ของโจเซฟก็ระเหิดเป็นความว่างเปล่าไปทันทีที่แตะต้องกฎเกณฑ์นั้น
กระทั่งอีเธอร์ก็มีจุดจบ…
พลังงานอีเธอร์ในตัวโจเซฟมีจำกัด และเมื่อสิ้นอีเธอร์ไป ผู้ที่จะจบสิ้นก็จะเป็นโจเซฟ
อัศวินแห่งแสงกำลังล่าถอย และเมื่อเขาหันไปมองเบื้องหลัง มองนอร์ซิน และ…ลูกสาวของเขา เขาก็รวบรวมกำแพงแสงจากอีเธอร์ขึ้นมาอีกครั้ง
ครั้งนี้ สิ่งที่เขาใช้ไม่ใช่อีเธอร์จากโลกภายนอกอีกต่อไป แต่เป็นอีเธอร์ที่สร้างจากการเผาพลังชีวิตของตนเอง
มีเพียงพลังชีวิตของระดับเหนือนภาเท่านั้นที่ขวางกฎเกณฑ์ระดับเหนือนภาได้
“โจเซฟ…” วินสตันเรียกชื่อเพื่อนเก่าและกำหมัดแน่น เขาก็ส่งเสียงบอกเกร็กที่ปลายสายอย่างสงบ “สถานการณ์เปลี่ยนกะทันหันแล้ว และนี่เป็นการพูดด้วยตัวผมเอง ไม่ใช่ในนามหอพิธีกรรมต้องห้าม โปรดช่วยผมในการขอความช่วยเหลือจากคุณหลินเดี๋ยวนี้เลย จะจูงใจเขาอย่างไรก็ได้ ไม่ต้องจับตามองอะไรแล้ว…ทุกคนตายหมดแล้ว”
เขาพลันรู้สึกแสบตาเล็กน้อย “จะทำอย่างไรก็ได้…ไม่ว่าจะคิดราคากับผมเท่าไร ผมก็หวังแค่ว่าเขาจะมองมาทางนี้สักหน่อย…มองมาที่โจเซฟเพื่อนของผม”
เกร็กได้ยินเสียงของวินสตันที่เยือกเย็นแต่สิ้นหวัง แล้วอุปกรณ์สื่อสารในมือก็ร่วงลงพื้นอย่างช้า ๆ…
อุปกรณ์สื่อสารส่งเสียงดังกริ๊ก ปลุกเกร็กจากภวังค์ทันที
เจ้าของร้านหลิน ใช่แล้ว เจ้าของร้านหลิน!
เขาต้องช่วยอาจารย์ได้แน่! เขาบอกไว้แล้ว!
“เจ้าของร้านหลิน เจ้าของร้านหลิน! ผมจะไปเดี๋ยวนี้! คุณรอก่อนนะ!” เกร็กพุ่งออกมาจากมุมโถง คว้าตัวบริกรคนหนึ่งด้วยดวงตาแดงก่ำแล้วถามที่ตั้งของโถงด้านข้างโดยไม่สนใจมารยาท
เหล่าผู้ดีในงานเลี้ยงต่างส่งสายตาแปลก ๆ มองเด็กหนุ่มสูงศักดิ์ที่จู่ ๆ ก็เสียการวางตัวอันเป็นผู้ดีของเขาคนนี้
ชาร์ล็อตต์มองท่าทีเหมือนหนูติดจั่นของเกร็กแล้วยิ้มอย่างรื่นรมย์
แม้ว่าเธอจะไม่รู้สถานการณ์ของสงครามเลย แต่ในฐานะสาวกที่ได้ประจักษ์คำสอน เธอย่อมเชื่อมต่อกับไวลด์ในฐานะนักบวช และรับรู้ได้ว่าเขากลายเป็นนักบวชขั้นเหนือนภาแล้ว
และตอนนี้ แค่เพียงมองสภาพของเกร็ก เธอก็รู้ว่าไวลด์นำหน้าโจเซฟไปหนึ่งก้าวแล้ว
“หลบให้พ้นทาง!” เกร็กผลักคนรับใช้ที่เดินเข้ามาถามไถ่ “หลบครับ ผมต้องการพบเจ้าของร้านหลิน!”
เกร็กถามไปทั่วเหมือนแมลงวันไร้หัว แต่คนรับใช้ก็ไม่รู้อะไรเลยเช่นกัน ถ้าไม่บอกเขาว่าไม่สามารถไปโถงด้านข้างได้หากไม่ได้รับคำเชิญ ก็กล่อมเขาให้ใจเย็นลงกันทั้งนั้น
ฉันจะไปใจเย็นลงได้อย่างไรฟะ!
เกร็กคำรามอย่างหัวเสียในใจ และในที่สุดก็ได้เห็นพ่อบ้านที่ทางเดินซึ่งเป็นคนเชิญหลินเจี๋ยไปที่โถงด้านข้าง แล้วเขาก็รีบปรี่ไปคว้าตัวพ่อบ้านแล้วตะโกนเสียงดัง
“เจ้าของร้านหลินอยู่ไหนครับ?! ผมมีเรื่องสำคัญต้องคุยกับเขาด่วน! คุณพาเขาไปไหนครับ?!”
พ่อบ้านดูตะลึง แต่รักษาความเยือกเย็นไว้และพูดอย่างใจเย็นที่สุดเท่าที่จะทำได้ “ขออภัยครับคุณเกร็ก แต่คุณหลินจะทานอาหารเย็นกับคุณหนูของเราด้วยเช่นกัน โปรด…”
เกร็กร่ายคำสาปทันที เรียกมีดพิธีกรรมของเขาออกมาวางทาบบนคอของพ่อบ้าน กัดฟันกระซิบอย่างเสียสติ “บอกผมว่าโถงด้านข้างอยู่ไหน พาผมไปที่นั่นซะ!”
“ครับ ๆ…”
หน้าผากของพ่อบ้านมีเหงื่อแตกซิก เขาพูดว่า “ผมจะพาคุณไปเองครับ โถงด้านข้างอยู่ตรงนี้…”
แต่ที่จริงแล้ว มือที่ด้านหลังของเขากำลังเตรียมเปิดเสียงไซเรน…
แต่ก่อนที่เขาจะทันพูดจบ เกร็กก็ร่ายคาถาเป็นครั้งที่สอง สายตาของเขาสะกดจิตให้พ่อบ้านหมดสติไป
เกร็กพาพ่อบ้านไปยังประตูห้องโถง แล้วอีกฝ่ายก็ตอบว่า “ที่นี่แหละครับ…”
ก่อนที่พ่อบ้านจะทันพูดจบ เกร็กก็ผลักเขาออกไปแล้วพุ่งไปที่โถงด้านข้าง ประตูอันคงทนก็ถูกอัศวินฝึกหัดหนุ่มกระแทกเปิดทันที
เสียงอื้ออึงของยามรักษาการณ์ในคฤหาสน์และเหล่าคนรับใช้ที่สังเกตเห็นความผิดปกติดังตามหลังมา
และสิ่งที่ปรากฏสู่สายตาของเกร็กก็คือหลินเจี๋ยที่กำลังยื่นมือไปขยับนาฬิกา
—
วินสตันวางสายแล้วมองโจเซฟที่กำลังแผดเผาชีวิตตัวเอง จากนั้นก็มองอัศวินที่ยังเหลืออยู่สองสามคน เมินกฎของหอพิธีกรรมต้องห้ามที่สั่งให้ยืนหยัดต่อ แล้วออกคำสั่งสุดท้าย…
“ทุกคน อพยพ! รักษาชีวิตไว้ก่อน!”
ตอนนี้ เขาไม่สามารถปลุกใจใครได้อีกแล้ว
ความสามารถของไวลด์นั้นไม่ต้องอธิบาย
เขา หรือสิ่งที่ควรเรียกว่าเขา สามารถเร่งให้ทุกสิ่งไปสู่จุดจบได้ นั่นคือการทำลายล้างอย่างสมบูรณ์
ในกรณีนี้ นอกเสียจากระดับเหนือนภาจะโจมตี คนเหล่านี้ก็แค่รอวันตาย
เมื่อได้ยินคำสั่งของผู้บัญชาการอัศวิน เหล่าอัศวินที่ตกสู่ความสิ้นหวังไปแล้วต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก แม้พวกเขาจะลังเล แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะถอนกำลัง
ที่จริงแล้ว พวกเขาเข้าใจนานแล้วว่าโจเซฟที่ยังไม่ได้รับพลังของกฎเกณฑ์ย่อมไม่สามารถต้านทานการโจมตีของไวลด์ได้อีกต่อไป
ในครั้งนี้ เขาทำเพียงเผาชีวิตของตัวเองเพื่อปกป้องพลังต่อสู้ที่ยังเหลืออยู่ของหอพิธีกรรมต้องห้ามเท่านั้น
พวกเขาพยุงกันและกันแล้วออกจากสนามรบอย่างรวดเร็ว
วินสตันยืนเหม่อถืออุปกรณ์สื่อสารท่ามกลางผู้คนที่กำลังล่าถอย
หลังจากผ่านไปเนิ่นนาน เขาก็หันกลับไปมองเมืองนอร์ซินที่ถูกฤดูหนาวปกคลุม เหยียบย่างลงไปบนหิมะเข้าไปหาเด็กสาวที่ตื่นขึ้นช้า ๆ จากนั้นก็ย่อตัวนั่งลงแล้วพูดเบา ๆ “เมลิสซ่า พ่อของคุณ…คือวีรบุรุษที่แท้จริง”