เจ้ามังกรพรีเมี่ยม – ตอนที่ 299 ความยุ่งเหยิงของลี่จิงกรุ๊ป

“ประธานเฉิง!”

“ประธานเฉิง ท่านมาแล้ว!”

“…”

บรรดาผู้นำน้อยใหญ่ทุกคนที่เดิมรู้สึกไม่พอใจหลินชิงเสว่ ในตอนนี้พอเห็นประธานเฉิงผลักประตูเข้ามาก็รู้สึกเหมือนเจอเสาหลักทันที ทุก ๆ คนลุกขึ้นยืน ท่าทีหรือก็เคารพนบนอบอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

ฉากนี้ยิ่งทำให้ดวงตาของถังเฉาหรี่ลงมากขึ้นเล็กน้อย ดูเหมือนว่าอำนาจของชิงเสว่ในบริษัทจะยังไม่มากพอนะ

ความมืดมิดในดวงตาของเฉิงเพ่ยวาบผ่าน สิ่งที่แย่งอำนาจของคนอื่นไปก็คือ รอยยิ้มที่เบาสบายเหมือนนั่งอยู่ท่ามกลางสายลมในฤดูใบไม้ผลิ ไม่ว่าตำแหน่งของอีกฝ่ายจะสูงต่ำเท่าไหร่เธอก็ล้วนแต่พยักหน้าให้อย่างยินดีปรีดา ท่าทางอ่อนน้อมมีมารยาท

ผู้นำทุกคนก็ผ่อนลมหายใจ อดไม่ได้ที่จะมองไปที่หลินชิงเสว่ที่ยืนอยู่บนเวทีอย่างโดดเดี่ยว

พอประธานเฉิงมาก็จะต้องคุกคามหลินชิงเสว่อย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นในตอนแรกเริ่มก่อตั้งบริษัท หลินชิงเสว่คงไม่ย้ายประธานเฉิงไปอยู่ที่เมืองเจียงเฉิงแน่

ปัง…

ฟางหย่าตบโต๊ะ มองเฉิงเพ่ยด้วยสายตาไม่ดี ตวาดอย่างไม่พอใจว่า “ประธานเฉิงกรุณาระวังคำพูดด้วยค่ะ อะไรที่เรียกว่าประธานหลินลืมคุณไปแล้วคะ?”

“ฟางหย่า… ที่แท้ก็เธอนี่เอง? ฉันจำได้ว่าตอนที่ฉันไป… เธอเป็นแค่นักศึกษาฝึกงานที่เพิ่งจะเรียนจบมานี่? นึกไม่ถึงว่าตอนนี้จะกลายเป็นรองประธานไปเสียแล้ว”

เฉิงเพ่ยกวาดตามองฟางหย่าแวบหนึ่งแล้วพูดอย่างคร่าว ๆ ยิ้มอย่างเย็นชา “แต่ว่า… ฉันแนะนำว่าตอนที่คุณพูดอะไรควรจะเกรงใจฉันสักหน่อยนะ บริษัทนี้นอกจากประธานหลินแล้วก็ไม่มีใครสามารถทำตัวเสมอกับฉันได้!”

“คุณ…”

บนใบหน้างดงามของฟางหย่าเต็มไปด้วยความโมโห กำลังจะเข้าไปถกเถียง หลินชิงเสว่กลับร้องห้ามเอาไว้ “ฟางหย่า!”

ฟางหย่าหันกลับมา จากที่เดือดดาลอยู่ก็สงบลง “ประธานหลินคะ เธอไม่มองเห็นคุณอยู่ในสายตาเลย…”

“กลับมา”

น้ำเสียงของหลินชิงเสว่เย็นชา แต่กลับมีความน่าเกรงขามที่ไม่ยินยอมให้ปฏิเสธ

ฟางหย่าเดือดดาลไปทั้งใบหน้า เธอยืนอยู่ข้างหลินชิงเสว่ ยังคงไม่ยอมจากไป

เห็นเพียงหลินชิงเสว่ลุกขึ้นจากตำแหน่งประธานมองเฉิงเพ่ยอย่างอยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบกว่า “คุณกลับมาโดยไม่บอกสักคำ ไม่มีใครรู้ ก็ต้องไม่ได้แจ้งคุณอยู่แล้ว”

เฉิงเพ่ยยิ้มอย่างยั่วเย้า “พูดแบบนี้… หรือว่าเป็นความผิดของฉันเหรอคะ?”

“หรือว่าไม่ใช่เหรอ?” สายตาของหลินชิงเสว่เยียบเย็น จ้องเฉิงเพ่ยเขม็ง น้ำเสียงหนาวยะเยือก

“งั้นก็ช่างเถอะ”

เฉิงเพ่ยยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ จ้องหลินชิงเสว่เขม็งพลางยิ้มแล้วเอ่ยขึ้นว่า “แต่ว่าในเมื่อฉันมาแล้ว… ถ้าอย่างนั้นฉันก็มีสิทธิ์ที่จะพูดอะไรในการประชุมพนักงานระดับกลางถึงระดับสูงนี้ใช่ไหม?”

“แน่นอน”

ต่อให้หลินชิงเสว่เกลียดเฉิงเพ่ยมากกว่านี้ก็ไม่สามารถที่จะเพิกเฉยต่อตำแหน่งรองประธานของเธอได้

เฉิงเพ่ยเดินเข้าไปทางโต๊ะประชุมรูปวงรี ทันใดนั้นก็มีผู้นำคนหนึ่งที่ยกที่นั่งให้ “ประธานเฉิงท่านนั่งที่ของฉันเถอะ”

“ขอบใจ”

เฉิงเพ่ยไม่ปฏิเสธ แล้วยิ้มขอบคุณ

การพูดการจางดงามมีสง่า บุคลิกเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว เทียบกับนิสัยเย็นชา ไร้เหตุผลของหลินชิงเสว่แล้ว เฉิงเพ่ยนั้นดูพูดคุยด้วยง่ายกว่าเยอะเลย

เฉิงเพ่ยนั่งลงในที่นั่งอย่างสง่างาม จากนั้นสายตาก็มองไปที่ร่างของถังเฉา ปรายสายตามองอย่างนิ่งเฉย น้ำเสียงราบเรียบ “คนคนนี้ ฉันเป็นคนแรกที่ไม่เห็นด้วย!”

“ฉันก็ไม่เห็นด้วย!”

“ประธานเฉิงพูดถูก เขาไม่มีความสามารถที่จะมาเป็นรองประธานเลยสักนิด!”

“ประธานหลิน พวกเรารู้ว่าเขาเป็นสามีของคุณ แต่คุณทำแบบนี้ก็ไม่เหมาะสมเกินไปนะคะ!”

“…”

พอถูกปฏิเสธต่อหน้าสาธารณชน ถังเฉาไม่ได้โกรธเคืองเลยแม้แต่น้อย เดิมเขาเป็นคนที่ไม่เปิดเผยตัวตนต่อหน้าสาธารณชน แถมยังมีฐานะเป็นสามีของหลินชิงเสว่อีก เป็นคนที่หลินชิงเสว่ตั้งใจฝืนกฎเพื่อที่จะให้เรือขนทองของเธอล่มอยู่ในหนองน้ำนี้

สองมือของหลินชิงเสว่เท้าอยู่บนโต๊ะประชุม เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นว่า “ให้เหตุผลที่คัดค้านด้วย”

เฉิงเพ่ยถูกประโยคนี้หยอกเย้าให้ขำขัน “นี้ยังต้องการเหตุผลอีกเหรอ? ประธานหลินเอ๋ย… ดีร้ายอย่างไรคุณก็นั่งอยู่ตำแหน่งประธานมานานขนาดนี้แล้ว หรือว่าแม้แต่คำว่า ‘หลีกเลี่ยงให้ไม่เป็นที่ต้องสงสัย’ ก็ยังไม่เข้าใจความหมายอย่างนั้นหรือ?”

พูดประโยคนี้ออกมาจนสายตาของหลินชิงเสว่หนาวยะเยือกขึ้นมา ถังเฉาเองก็ฟังความหมายที่อยู่ในคำพูดของเฉิงเพ่ยออก ดวงตาเย็นเยียบขึ้นมา

“ประธานหลิน คุณชอบคนหนุ่มหน้าตาดีที่ไม่มีความสามารถนั่นเป็นเรื่องส่วนตัวของคุณ ฉันไปยุ่งด้วยไม่ได้ แต่ว่าคุณพาผู้ยิ่งใหญ่ในครอบครัวของคุณมาบริษัท ทั้งยังให้เขามาเป็นรองประธานไม่เหมาะมั้ง?”

เฉิงเพ่ยวาดขาขึ้นนั่งไขว่ห้าง มองผู้นำที่อยู่รอบ ๆ “ทุกท่านที่อยู่ที่นี่ล้วนแต่เป็นบุคคลสำคัญของลี่จิงกรุ๊ป ต่อให้ไม่มีความดีความชอบ แต่ก็ทำงานมาอย่างยากลำบาก ตำแหน่งของรองประธานไม่ว่าจะอย่างไรก็ไปไม่ถึงคนเกาะภรรยากินในบ้านของคุณ คุณทำแบบนี้ไม่กลัวว่าจะทำให้ทุกคนผิดหวังหรอกหรือ?”

คำพูดนี้เรียกได้ว่าประณามอย่างถึงที่สุด เฉิงเพ่ยฉลาดมาก แถมยังไม่ได้ใช้กำลังของตัวเองเข้าสู้กับหลินชิงเสว่อีกต่างหาก แต่กลับปลุกปั่นอารมณ์ไม่พอใจของพนักงานระดับกลางและระดับสูงทุกคนมาจัดการกับหลินชิงเสว่

ฉับพลันบนใบหน้าของพนักงานระดับกลางจนถึงระดับสูงล้วนฉาบไปด้วยความโกรธเคือง หันปลายหอกเข้าหาหลินชิงเสว่

“ประธานหลิน เรื่องนี้จะต้องหาคำอธิบายมาให้พวกเราด้วยนะ!”

“ใช่ พวกเราไม่ทำด้วยแล้ว!”

“เขาเป็นสามีของคุณ แต่ว่าจะให้เขามาเป็นรองประธานพวกเราไม่ยินยอม! อีกอย่าง ถ้าเรื่องนี้รู้ไปถึงภายนอกจะเสื่อมเสียชื่อลี่จิงกรุ๊ปของพวกเรา!”

“…”

เสียงต่อต้านด้วยความไม่พอใจหนักข้อขึ้นทุกที หลินชิงเสว่กลับจมอยู่ในความเงียบ

ถังเฉาเองก็ไม่พูดไม่จา มองทุกอย่างด้วยสายตาสงบนิ่ง ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากพูด แต่เป็น… พูดไม่ได้

เช่นเดียวกับที่เฉิงเพ่ยพูดมา ตอนนี้เขายังไม่ได้เป็นคนของลี่จิงกรุ๊ป คนที่ควบคุมเขาได้ในห้องประชุมนี้มีเพียงหลินชิงเสว่

เห็นหลินชิงเสว่ไม่กล้าพูดอะไร เฉิงเพ่ยจึงคิดว่าเธอกลัว อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มมุมปากเป็นรอยยิ้มที่สังเกตเห็นได้ไม่ง่ายนัก

“ประธานหลิน ฉันขอแนะนำว่าให้คุณใช้เหตุผลหน่อยนะคะ ฉันเข้าใจดีว่าคุณร้อนใจอยากจะหางานให้สามีไร้ประโยชน์ของคุณ แต่คุณก็ไม่สามารถที่จะเอาตำแหน่งรองประธานมอบให้เขาโต้ง ๆ อย่างนี้ได้นะคะ”

เฉิงเพ่ยเชิดคางขึ้นเล็กน้อย ชี้นิ้วไปทางถังเฉาที่ไม่ได้พูดอะไรออกมาตั้งแต่ต้นจนจบ พูดเสียงสูงขึ้นมาแปดระดับอย่างกะทันหัน “คุณบอกฉันมาสิว่าเขาเหมาะสมกับตำแหน่งรองประธานตรงไหน?”

หลินชิงเสว่ยังคงเงียบ ถังเฉาที่นั่งอยู่ข้างหลังก็มีสายตาเย็นเยียบยิ่งขึ้น

เงียบอยู่นาน ทันใดนั้นหลินชิงเสว่ก็เงยหน้าขึ้นมา ดวงตากวาดมองทุกคนอย่างเย็นเยียบ

สายตาดุดัน ลมปราณสยบคน บรรดาผู้นำที่เกิดอาการหงุดหงิดกระสับกระส่ายไม่เป็นสุขทั้งหมดไม่เหลือความหยิ่งยโสเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว สายตาไม่สงบถึงขีดสุด

เฉิงเพ่ยที่เดิมมีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมก็นั่งหลังตรง จ้องหลินชิงเสว่ด้วยใบหน้าเคร่งขรึม

ในใจก็บังเกิดความรู้สึกกระวนกระวายขึ้นมา

เห็นเพียงสายตาที่เยียบเย็นของหลินชิงเสว่นั่นมองผ่านไปบนร่างของผู้นำทุกคนที่เคยคัดค้าน หลังจากนั้นริมฝีปากสีแดงสดก็เปิดขึ้นน้อย ๆ “ไม่อธิบาย พวกคุณก็จะไม่ทำแล้วใช่ไหมคะ?”

ทุกคนตกตะลึงในใจ รู้สึกขนหัวลุกขึ้นมา แต่ก็ยังทำใจดีสู้เสือพูดขึ้นมาว่า “ใช่ นี่มันไม่ยุติธรรมกับพวกเรา พวกเราจะสู้เพื่อสิทธิ์ที่พวกเราควรจะได้!”

“สิทธิ์ที่พวกคุณควรจะได้เหรอ?”

หลินชิงเสว่ยิ้มเยือกเย็น “คนที่ไม่มีคุณูปการต่อบริษัท ยังจะถามหาสิทธิ์ที่ควรจะได้อีกเหรอ?”

ทุก ๆ คนนิ่งไปในทันที เฉิงเพ่ยเองก็มีสีหน้าไม่คงที่ นึกไม่ถึงว่าหลินชิงเสว่จะกล้าพูดแบบนี้ในที่ประชุมของพนักงานระดับกลางถึงระดับสูง ไม่กลัวว่าจะสูญเสียความชอบหรือไง?

อย่างไรก็ตาม ประโยคต่อมาก็ทำให้ทุก ๆ คนขนหัวลุกกันหมด

“ในเมื่อพวกคุณไม่ยินดีจะทำ ถ้าอย่างนั้นก็ออกไป ก่อนเที่ยงทุกคนไปเขียนจดหมายลาออกแล้วส่งมาให้ถึงมือฉัน!”

กริบ…

พอคำพูดนี้ลั่นออกมา ราวกับฟ้าผ่าตอนกลางวัน ทุกคนมีสีหน้าราวกับไร้จิตวิญญาณ รวมถึงฟางหย่ากับเฉิงเพ่ย รองประธานทั้งสองคนด้วย

พวกเธอสงสัยว่าหูของตัวเองฟังผิดไป นึกไม่ถึงว่าหลินชิงเสว่… จะไล่ออกหมดทุกคน!

ฟางหย่าสีหน้าร้อนใจ เธอรีบห้ามปราม “ประธานหลินคะ คุณกำลังพูดอะไรน่ะ ไล่คนออกมากมายขนาดนี้ ไม่เพียงแค่จิตใจของคนในบริษัทจะไม่มั่นคง แต่ว่าการหมุนเวียนของโครงการทั้งหมดก็จะต้องหยุดไปนะคะ!”

แต่ทว่า… ใบหน้าของหลินชิงเสว่ยังคงหนาวเหน็บ “ไม่เป็นไร ขอเพียงแค่กลุ่มที่เป็นหัวใจสำคัญไม่ได้เปลี่ยน ไม่ว่าจะเปลี่ยนบุคลากรไปเยอะแค่ไหนฉันก็รับได้ทั้งนั้น!”

“ที่จริงแล้วต่อให้ไม่ลงมือในครั้งนี้ วันหลังฉันก็ยังต้องลงมือชำระสะสางพวกมอดที่ความสามารถกับเงินเดือนไม่สอดคล้องกันอยู่ดี”

พวกผู้นำทุกคนที่เคยต่อต้านหลินชิงเสว่ทั้งหมดล้วนมีสีหน้าไร้สีเลือดราวกับคนตาย สีหน้าไร้จิตวิญญาณ

พวกเธอเอาการลาออกมาบีบบังคับ ไม่ได้อยากจะลาออกจริง ๆ แต่คิดจะช่วงชิงสิทธิและประโยชน์ที่ควรจะได้มาจากในมือของหลินชิงเสว่ให้มากกว่าเดิมเท่านั้น

เฉิงเพ่ยเองก็พูดไม่ออกอย่างไร้ซึ่งความรู้สึก นิ้วมือสั่นไหวน้อย ๆ

เดิมทีจุดประสงค์ของเธอก็คือการแสดงอำนาจต่อหลินชิงเสว่ก็เท่านั้น นึกไม่ถึงว่าเธอจะหัวรุนแรงถึงเพียงนี้ เพื่อสามีไร้ประโยชน์ของเธอถึงกับจะไล่คนออกมากมายขนาดนั้น เป็นผลสำเร็จที่คาดไม่ถึงจริง ๆ!

ทันใดนั้นใบหน้าของเธอก็ตื่นเต้นขึ้นมา “หลินชิงเสว่ นี่เป็นสิ่งที่เธอพูดมาเอง อย่ามาเสียใจทีหลังล่ะ!”

หลินชิงเสว่ท่าทีเย็นชา “คุณว่าเขาเหมาะกับตำแหน่งรองประธานแล้วใช่ไหม?”

เฉิงเพ่ยหวาดกลัวสายตาของหลินชิงเสว่อยู่นิด ๆ แต่พอมองถังเฉาที่ยังคงมีสีหน้านิ่งสงบ ใจของเธอก็พาลขึ้นมา กัดฟันแล้วพูดว่า “หรือว่าฉันพูดผิดหรือไงคะ?”

“หนึ่ง เขาไม่ใช่คนของลี่จิงกรุ๊ป ไม่เข้าใจกิจการของบริษัทเลยสักนิด”

“สอง เขาเคยทำความดีความชอบอะไรให้กับลี่จิงกรุ๊ปไหม?”

“สาม คุณคิดใช่ไหมว่าคุณเป็นซีอีโอแล้วก็จะสามารถทำอะไรตามอำเภอใจก็ได้น่ะ!”

ซักถามติดต่อกันสามประโยค เฉิงเพ่ยก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นมาปะทะกับหลินชิงเสว่อย่างดุเดือด

“ดี ฉันจะบอกพวกคุณให้นะ ว่าทำไมฉันถึงให้ถังเฉามาเป็นรองประธาน ฯ!”

“ไม่ใช่เพราะเขาเป็นสามีของฉันเลยสักนิด แต่เป็นเพราะว่าที่ลี่จิงกรุ๊ปมีวันนี้ได้ อาศัยเขาทั้งหมด!”

หลินชิงเสว่เสียงดังขึ้นหลายระดับ ชี้ไปที่ถังเฉาแล้วพูดว่า “ฉันจะไม่พูดถึงอย่างอื่น ลำพังแค่เงินสนับสนุนแปดร้อยแปดสิบล้านหยวนนั่นก็เป็นเงินที่เขาหามาได้”

“พวกคุณที่อยู่ที่นี่ ใครมีความสามารถนี้บ้าง?”

เธอถามอย่างรุนแรงจนทำให้ทุกคนรู้สึกทึ่มขึ้นมา

เจ้ามังกรพรีเมี่ยม

เจ้ามังกรพรีเมี่ยม

เมื่อห้าปีก่อน ถูกว่าที่ภรรยาใส่ร้าย ในเวลาที่เกือบจะตาย มีผู้หญิงคนหนึ่งมาช่วยเขาอย่างสุดชีวิตห้าปีต่อมา อำนาจและทรัพย์สมบัติของโลกล้วนตกอยู่ในมือของเขา การกลับมาของม้าศึก แค่เพื่อที่จะตอบแทนบุญคุณในคืนนั้น แต่กลับพบว่า เธอได้คลอดลูกสาวคนหนึ่งสิ่งที่เป็นหนี้คุณไม่สามารถลบล้างให้หมดไปได้ ถ้าอย่างนั้นก็ปกป้องพวกคุณสองแม่ลูก……ทั้งชีวิตเลยแล้วกัน!

Options

not work with dark mode
Reset