ตั้งแต่เจรจามา พื้นฐานก็มีจุดจบที่การแตกร้าว
เพราะว่าถ้าทั้งสองฝ่ายต่างก็อยากจะมีผลลัพธ์ที่ดี ก็จะต้องทุ่มสุดกำลังโน้มไปในทิศทางที่ตนเองได้ผลประโยชน์
ฝ่ายที่มีอำนาจก็เพิ่มแต้มต่ออย่างต่อเนื่อง ฝ่ายที่เสียเปรียบก็กล้ำกลืนฝืนทนหลายครั้ง สุดท้ายก็ก่อให้เกิดการเจรจาที่ล้มเหลว
ถังเฉาและไวโอเล็ตในตอนนี้อยู่ในสถานการณ์เช่นนี้
หลังจากที่พูดประโยคนี้ออกมาแล้ว เสน่ห์ที่เดิมอยู่ในดวงตาของไวโอเล็ตก็หายไปจนสิ้น แทนที่ด้วยความลึกล้ำ
ตอนนี้ถังเฉาจึงค้นพบว่าลูกตาของไวโอเล็ตก็เป็นสีม่วงเช่นกัน
ปรากฏให้เห็นเป็นสีม่วงอ่อน ในยามปกติดูยิ่งเพิ่มเสน่ห์มากขึ้นขึ้น ตอนนี้พอมองดูอีกที มีเพียงความอันตรายเหมือนพิษงู
“ถ้าหากว่านี่ก็คือ ‘วิธีการที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย’ อย่างที่คุณไวโอเล็ตพูดแล้วละก็ น่าเสียดาย… เกรงว่าจะใช่”
ถังเฉายักไหล่ เอ่ยอย่างเสียใจ
สายตาของไวโอเล็ตค่อย ๆ เปลี่ยนจากนุ่มนวลเป็นอันตราย “ถังเฉา รู้ไหม… ตอนนี้คุณกำลังหยั่งเชิงอยู่บนเส้นขอบของความอันตรายไม่หยุด?”
“อ๋อ? ทำไมผมถึงไม่รู้นะ?”
ถังเฉายิ้มขึ้นมาอย่างสงวนท่าที
“คุณปฏิเสธความหวังดีขององค์กรของพวกเราที่มอบให้คุณอีกครั้งแล้ว ถ้าในอนาคตอีกไม่ไกล ความสัมพันธ์ของพวกเราอยู่ในสภาพที่ไม่ตายไม่เลิกละก็ เช่นนั้นจะต้องเป็นสิ่งที่คุณสร้างขึ้นมาเพียงฝ่ายเดียวแน่ ๆ แล้ว”
สายตาของไวโอเล็ตจ้องมองถังเฉาอย่างเฉียบแหลม เอ่ยคุกคามว่า “อีกอย่าง ช่วยไม่ได้ที่คุณจะไม่ยินดี แต่คุณก็คงจะเกี่ยวข้องกับองค์กรของพวกเราไม่น้อยแล้ว รู้คุณสมบัติพิเศษของหว่างเหลี่ยง… สิ่งที่พวกเราให้ความสำคัญ พวกเราจะต้องได้มา และไม่เสียดายที่ต้องจ่ายทุกอย่างเพื่อแลกมา ต่อให้ไม่ได้มันมาก็จะต้องทำลายมันทิ้งซะ!”
ขวับ!
ตามจากที่ประโยคนี้สิ้นสุดลง รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าของถังเฉาที่เดิมทียังปรานีปราศรัยอยู่ก็หายไปแล้ว
สิ่งที่มาแทนที่ก็คือความดุร้ายที่น่าสะพรึงกลัว
“คุณคุกคามผมอย่างนั้นหรือ?”
เขาจ้องไวโอเล็ตอย่างแน่วแน่ น้ำเสียงเยือกเย็นจนถึงขีดสุด
“…”
พริบตานี้ ไวโอเล็ตมีความรู้สึกเหมือนถูกสัตว์ป่าที่ดุร้ายป่าเถื่อนตัวหนึ่งกัดเข้าให้ ทั้งร่างกายหวาดกลัวจนเนื้อเต้น
เธอสำนึกได้ในทันที ถึงแม้ว่าคนที่สร้างเงื่อนไขในการเจรจาจะเป็นเธอ แต่ว่าตั้งแต่เธอเหลือถังเฉาเอาไว้ ชั่วพริบตาที่ทั้งสองคนเริ่มดำเนินการเจรจากัน ชีวิตก็ถูกควบคุมอยู่ในมือของถังเฉามาโดยตลอดแล้ว… อย่างน้อยก็จนกระทั่งตอนนี้ ห้องนี้ไม่ถือว่าเป็นห้องทำงานที่ใหญ่ และก็ไม่ถือว่าเล็ก ถังเฉาควบคุมโดยสมบูรณ์
ขอเพียงถังเฉาต้องการ ไวโอเล็ตก็มีวิธีการตายนานัปการ
แต่แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ ไวโอเล็ตก็ยังคงมองถังเฉาด้วยใบหน้าที่ไร้ซึ่งความหวาดกลัว ใช้ภาษาอังกฤษสำเนียงมาตรฐานเอ่ยขึ้นว่า
“การทำลาย เป็นวิธีการที่ไม่เป็นวิธีการที่สุด… กำลังคนของในองค์กรที่มาที่เมืองซื่อจิ่วในครั้งนี้มีไม่น้อย ต่อให้ฉันไม่พูด ก็จะต้องมีคนมาหาถึงที่อย่างแน่นอน”
“ถังเฉา องค์กรหว่างเหลี่ยงนี้ไม่ได้อาศัยศักยภาพเฉพาะบุคคลก็จะสามารถโจมตีได้… ต้าเซี่ยที่เก่าแก่ของพวกคุณมีคำโบราณที่เรียกว่า ‘ไฟป่าไม่มอดดับ ลมฤดูไม้ผลิพัดมาก็โหมขึ้นมาใหม่’ (*พลังที่แข็งแกร่งของประชาชน ไม่มีอำนาจใดมาลบล้างได้) ผู้คนก็คือหญ้าป่าที่ตัดไม่หมด เผาไม่สิ้น… ไวโอเล็ตตายแล้ว ก็จะต้องมีไวโอเล็ตคนต่อไปที่โหดร้ายยิ่งกว่าปรากฏตัวขึ้นมา!”
พูดประโยคนี้จบ ไวโอเล็ตก็ไม่หยุดอยู่ที่ห้องทำงานอีก มุ่งตรงออกไปจากห้องทำงานทันที
ชั่วพริบตาที่กลับมาถึงห้องทำงานของตัวเอง ไวโอเล็ตก็ไร้เรี่ยวแรงร่วงมาอยู่บนพื้นทั้งตัวในทันที ด้านหลังเสื้อถูกเหงื่อเย็นซึมออกมาจนชุ่ม
“ฟู่ว…”
เธอพ่นลมหายใจออกมายาว ๆ
เมื่อครู่ตอนที่เธอพูดคำพูดเหล่านั้นจบ เธอถึงขั้นที่สงสัยว่าตัวเองจะยังสามารถออกมาจากห้องทำงานทั้ง ๆ ที่ยังมีชีวิตอยู่ได้ไหม
ที่โชคดีก็คือเธอยังมีชีวิตอยู่
กริ๊งงงงง!
มีคนโทรเข้ามาพอดี ไวโอเล็ตกดรับสาย ใช้ภาษาอังกฤษของราชสำนักแท้ ๆ พูดขึ้นว่า “เขาปฏิเสธแล้วค่ะ เรื่องนี้จำเป็นจะต้องตัดสินอย่างรอบคอบ…”
“ให้เกียรติดันไม่เอา กากที่สุด เช่นนั้นก็อย่ามาหาว่าพวกเราใช้ไม้แข็งก็แล้วกัน!”
ไม่รอให้ไวโอเล็ตพูดจนจบ ผู้ชายที่อยู่ในสายก็วางสายไปอย่างรุนแรงเป็นอย่างยิ่ง
“ฮัลโหล? ฮัลโหล? ‘ไอ้สัตว์ร้าย’? นายอย่าวู่วามนะ! เขาไม่ใช่คนที่นายจะไปยุแหย่ได้…”
ทว่าไม่ว่าไวโอเล็ตจะร้องเรียกอย่างไร อีกฝ่ายก็ไม่มีข่าวคราว
“สมควรตาย!”
ไวโอเล็ตรีบร้อนโทรศัพท์ออกไปหมายเลขหนึ่ง
……
อีกด้านหนึ่ง ถังเฉาเองก็ออกมาจากห้องทำงาน
ตอนที่ออกมาจากห้องทำงาน ความคิดที่จะฆ่าบนใบหน้าของถังเฉาก็หายไปทั้งหมด
“ผลลัพธ์เป็นอย่างไรคะ?”
หลินชิงเสว่เผชิญหน้าเข้ามาทันที ด้านหลังยังมีหลินจ้าวหยูนตามมาด้วย
ถังเฉายิ้มน้อย ๆ “แน่นอนว่าต้องล้มเหลว เงื่อนไขของเขาล้ำเส้นเกินไป ผมเองก็ไม่ต้องการ เลยปฏิเสธเธอไปตรง ๆ”
“ฉันว่าแล้วเชียว!”
หลินจ้าวหยูนด่าอย่างแค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรม “ยัยฝรั่งที่น่ารังเกียจนี่ ปกติก็อาศัยที่แดดดี๊แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งด้วยตัวเองตัดอำนาจของฉันไปทั่ว แย่งความดีของฉัน… ฉันโมโหจนจะตายอยู่แล้ว!”
หลินชิงเสว่กลับมองถังเฉาอย่างไม่เชื่อใจครั้งหนึ่ง “เธอเรียกร้องเงื่อนไขอะไรที่ล้ำเส้นเหรอคะ?”
“เธอ…”
ถังเฉากำลังลังเลว่าจะพูดหรือไม่พูดออกมาดี
แล้วก็มองใบหน้าที่งดงามของหลินชิงเสว่ทันที จับพลัดจับผลูแก้คำว่า “นึกไม่ถึงว่าเธอจะให้ผมหย่ากับคุณ แล้วก็แต่งงานกับเธอ คุณว่าล้ำเส้นไหมล่ะครับ?”
“…”
เดิมยังนึกว่าหลินชิงเสว่จะต้องติดเบ็ดแน่ ๆ นึกไม่ถึงว่าสายตาของเธอจะเย็นเยียบ กลอกตามองบนทันที
ยื่นมือออกไปหยิกเอวถังเฉาแรง ๆ หนึ่งที “คุณอยากมากใช่ไหมคะ?”
ซี๊ด!
ถังเฉาเจ็บจนต้องสูดลมหายใจเข้าไปเฮือกหนึ่งตรง ๆ ร้องขอชีวิตซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ไม่ใช่นะ… ผมผิดไปแล้ว ที่รัก เบาหน่อย… เบาหน่อยครับ…”
หลินจ้าวหยูนที่อยู่ข้างหลังมองอย่างตกตะลึงในทันที รอจนมีปฏิกิริยาตอบสนองจึงพบว่าตัวเองถูกหยอกล้อเข้าให้แล้ว
สุดท้ายหลินชิงเสว่ก็ผ่อนมือ ประกายเย็นยะเยือกในดวงตาสาดแสงวูบวาบ “ในเมื่อตระกูลหลินจะขัดขวางกันให้ได้ เช่นนั้นฉันก็ไม่ถือสาที่จะต้องชนกันสักตั้ง!”
คำพูดนี้พูดจนหลินจ้าวหยูนจิตใจเดือดพล่าน แต่พอคิดได้… นี่ไม่ใช่เป็นศัตรูกับพี่สาวหรอกหรือ?
กำลังใจในการทำงานที่ไม่ง่ายเลยกว่าจะมีขึ้นมาก็เหี่ยวเฉาลงไปอีกแล้ว “ไม่มีทางอื่นแล้วเหรอคะ?”
หลินชิงเสว่ยิ้มน้อย ๆ “จ้าวหยูน ถ้าหากมีความสามารถละก็ โจมตีพี่ให้แพ้ในตลาดเถอะ”
กำลังใจที่อยู่ในดวงตาทำให้หลินจ้าวหยูนอึ้งไปในทันที
พยักหน้าหนัก ๆ “อื้ม!”
ใกล้ถึงเวลาทานอาหารแล้ว หลินชิงเสว่ตัดสินใจที่จะไปจัดการที่ชั้นล่าง
“พาฉันไปด้วย!”
หลินจ้าวหยูนเจ้าลูกกระจ๊อกคนนี้มาอีกแล้ว ตบที่หน้าอกพลางเอ่ยว่า “แถวนี้ฉันคุ้นเคยดี ฉันเลี้ยงพวกคุณเอง”
ไม่พูดคำอื่นอีก สั่งอาหารชุดที่เป็นอาหารจีนคละกับอาหารตะวันตกชุดใหญ่สามชุดทันที
ตอนที่ทานอาหาร ในใจของถังเฉายังคิดถึงคำพูดของไวโอเล็ตอยู่ จึงช้อนสายตามองหลินจ้าวหยูนแล้วเอ่ยขึ้นว่า “จ้าวหยูน เกี่ยวกับข้อมูลของไวโอเล็ตนั่น เล่าให้ละเอียดกว่านี้อีกได้ไหม?”
หลินจ้าวหยูนพยักหน้า “ไอ้ได้มันก็ได้อยู่หรอก แต่ว่าเรื่องที่ฉันรู้ก็มีไม่มาก… รู้แค่ว่าเป็นคนที่แดดดี๊พากลับมาจากต่างประเทศ ฉันเพิ่งจะฝึกงานจบไม่นาน เธอก็มาขึ้นตำแหน่งแล้ว อยู่ดี ๆ มาจากไหนไม่รู้ก็มาเป็นผู้จัดการใหญ่เลย”
“ในตอนแรกมีคนหลายคนไม่ยอมรับเธอ แต่ว่าหัวการค้าของเธอก็ดีเยี่ยมจริง ๆ ภายในเวลาเพียงสัปดาห์เดียวก็ทำวีรกรรมได้สำเร็จไปสามอย่าง หนึ่งในนั้นรวมถึงการเดาทางตลาดหุ้น เธอบอกว่าจะสูงขึ้น ตลาดหุ้นก็สูงขึ้นจริง ๆ มหัศจรรย์มาก”
ถังเฉากับหลินชิงเสว่มองหน้ากันครั้งหนึ่ง มีจุดหนึ่งที่สามารถยืนยันได้ เบื้องหลังของไวโอเล็ตคนนี้คือทุนทรัพย์ที่แข็งแกร่งมาก
“สำหรับในด้านของการดำรงชีวิต เธอมักจะไปที่ห้องทำงานของแดดดี๊… แม้แต่แม่ของฉันยังไม่ขยันขนาดนั้น ฉันยังเคยสงสัยว่าเธอเป็นเมียน้อยที่พ่อหามาจากข้างนอกหรือเปล่า…”
หลินจ้าวหยูนพูดไปด้วยบ่นไปด้วย
ทันใดนั้นดวงตาทั้งสองข้างของหลินชิงเสว่ก็มืดครึ้ม ตะเกียบที่อยู่ในมือหล่นลงสู่พื้น เป็นลมล้มลงไปบนพื้นทั้งตัว
“ชิงเสว่!”