หลินเช่อมองเฉินจิ้งเต๋อด้วยความตกใจ หรี่ตาบอก “ความหมายของคุณก็คือ ให้ฉันทิ้งบทละครเรื่องบันทึกอูกู่งั้นเหรอคะ”
เฉินจิ้งเต๋อกระแอมไอ ให้เธอทิ้งบทละครที่ดีขนาดนี้ ไม่รู้จะพูดอย่างไรต่อดี ข้อแก้ตัวจุกอยู่ที่อก แต่ว่า…ใครใช้ให้ฉินหวานหว่านอยากได้บทนี้กันล่ะ
“หลินเช่อ คุณลองคิดดู ภาพลักษณ์ของคุณติดอยู่กับบทแบบนี้ อนาคตข้างหน้าอาจจะมีขีดจำกัด แบบนี้ไม่ได้นะ คุณดูสิ ตอนนี้บริษัทของเราได้ร่วมมือกับ เม่ยลี่เหวินฮว่า สร้างละครเรื่องใหม่ เนื้อเรื่องเกี่ยวกับการแต่งงาน คุณลองดูสิ…”
การแต่งงานเหรอ…
หลินเช่อหยิบบทขึ้นมาดู เห็นได้ชัดว่ามันเป็นละครครอบครัว
“ตอนนี้ฉันถึงขั้นต้องมาเล่นละครครอบครัว มาแสดงเป็นคุณย่าคุณยายแบบนี้แล้วเหรอคะ ฉันพึ่งยี่สิบสี่ปีเองนะ คุณคิดว่าตอนนี้ฉันควรจะแสดงเป็นแม่แล้วเหรอคะ”
“…”
เมื่อได้ฟังดังนั้นสีหน้าของเฉินจิ้งเต๋อก็เปลี่ยนไป “ตอนนี้แล้วยังไง ดูถูกบทแบบนี้เหรอ ความคิดแบบนี้มันเกินไปหน่อยหรือเปล่า คุณควรลองทบทวนดูบ้าง นักแสดงต้องลองบทบาทใหม่ๆ ไม่ใช่เอาแต่แสดงแบบเดิมๆ ถ้าคุณยังเป็นแบบนี้ต่อไป เส้นทางของคุณมันคงจะคดเคี้ยวน่าดู บริษัทคงไม่ยอมให้นักแสดงที่เอาแต่ใจตัวเองแบบคุณหรอกนะ ก่อนหน้านี้คุณก็ดึงดันไปรับหนังของกู้จิ้งอวี่ เราเห็นแก่คุณที่เราเลี้ยงมาหรอกนะ ถึงได้ตอบตกลงไป ตอนนี้คุณยังจะมาดื้อตัดสินในเอง…เราอาจจะต้องมีบทลงโทษให้คุณบ้าง”
หลินเช่อยิ้มเย็นมองเขา “พูดซะดิบดีขนาดนี้ ทำไมคุณถึงไม่ไปบอกฉินหวานหว่านให้ลองแสดงบทแบบนี้บ้างล่ะคะ”
“คุณ…นี่คุณกำลังหาเรื่องผมอยู่ใช่ไหม หลินเช่อ ผมขอเตือนคุณไว้นะ อย่าคิดว่าคุณคนเดียวจะสามารถเอาชนะบริษัทได้ บริษัทเราอยู่ในวงการนี้มากี่ปีแล้ว บริษัทใหญ่ขนาดนี้ อำนาจมากมาย คุณอย่าคิดว่าแค่คุณคนเดียว จะมาต่อต้านอะไรเราได้”
“พูดมากไปก็ไม่มีประโยชน์ ฉันไม่ยอมแพ้หรอกค่ะ”
หลินเช่อบอก จากนั้นโยนบทลงบนโต๊ะ
เฉินจิ้งเต๋อมองเธอ ส่งเสียงเย้ยหยัน จากนั้นเดินออกไป
ด้านนอกมีคนมาถามเฉินจิ้งเต๋อ “ฉันบอกแล้ว หลินเช่อไม่ยอมใช่ไหมล่ะ จะให้ทิ้งบทละครบันทึกอูกู่อย่างงั้นเหรอ ละครฟอร์มยักษ์ขนาดนี้ แน่นอนว่ายังไงก็ดัง จะให้ยอมทิ้งง่ายๆ ได้ยังไง”
“เพราะแบบนี้ ฉินหวานหว่านถึงอยากได้ไงล่ะ ตอนนี้เธอเพียงแค่ขาดโอกาสที่จะดังเท่านั้นเอง”
“แต่หลินเช่อไม่ยอมปล่อยจะทำยังไงล่ะ ทางฝั่งผู้จัดเองเห็นได้ชัดว่ามองว่าหลินเช่อเหมาะสมกับบทบาทนี้ยิ่งกว่า”
“บีบบังคับให้เธอยอม”
“นี่ เธอน่ะไม่เป็นไรหรอก ที่สำคัญมีอวี๋หมินหมิ่นด้วยนี้สิ ตอนนี้ตำแหน่งเธอไม่ธรรมดาเลยนะ…”
“ส่งดารามีชื่อเสียงสองคนไปอยู่ในความดูแลของอวี๋หมินหมิ่น แย่งความสนใจไปจากเธอ เธอสนใจหลินเช่อคนเดียวไม่ได้”
“ว่าแล้วก็ถูก เพียงเธอต้องรับผิดชอบเพิ่มอีก ตอนนี้ชีวิตของคนอื่นก็ต้องไปอยู่ในกำมือของเธอ เธอไม่สามารถทำให้คนอื่นเดือดร้อนไปด้วยเพียงเพราะหลินเช่อคนเดียวแน่”
——
หลินเช่อกลับบ้านตระกูลกู้ไปพร้อมกับหยางหลิงซิน
หยางหลิงซินบ่นตลอดทาง “บริษัทก็ลำเอียงเกินไปหรือเปล่า ก็เห็นอยู่ว่าพี่เช่อของเรามีความสามารถมากกว่า ทำไมพวกเขาต้องเข้าข้างฉินหวานหว่าน”
หลินเช่อบอก “ในเมื่อฉินหวานหว่านเลือกบริษัทเรา นั่นแสดงว่า บริษัทมีเหตุผลให้เธอเลือก เธอฉลาดขนาดนั้นคงไม่ทำอะไรที่ตัวเองไม่ได้ประโยชน์หรอก เธอมาอยู่ที่นี่นั่นหมายถึงเธอมั่นใจว่าเธอจะแย่งทรัพยากรไปได้”
“พี่หมายความว่า ในบริษัทมีคนของเธองั้นเหรอคะ”
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว” หลินเช่อบอก
เมื่อถึงบ้าน หลินเช่อเลิกคิดถึงเรื่องปวดหัวจากที่ทำงานแล้ว
กู้จิ้งเจ๋อยังทำงานอยู่ที่บ้าน
เมื่อหยางหลิงซินเดินเข้ามาก็มองเห็นกู้จิ้งเจ๋อนั่งอยู่ที่โซฟา กำลังดื่มกาแฟและดูอะไรไปด้วย
ท่าทางการยกถ้วยกาแฟของเขา ราวกับภาพวาดในการ์ตูน
ท่าทางสงบอยู่ตรงนั้น แผ่นหลังเหยียดตรง
หยางหลิงซินยังไม่ชิน ความรู้สึกเมื่อเปิดประตูแล้วมองเห็นกู้จิ้งเจ๋อ ทุกๆ ครั้งเธอมักจะรู้สึกว่างดงามมาก หล่อมาก มีเสน่ห์เหลือเกิน
ทว่า…
กู้จิ้งเจ๋อเงยหน้าขึ้นมา มองไปยังหลินเช่อ
“กลับมาแล้วเหรอ” เขาเดินเข้ามา โอบไหล่หลินเช่อ เห็นว่าเธอยังสวมเสื้อคลุมอยู่ เขายื่นมือไปช่วยถอดมันออกให้
หลินเช่อบอก “เหนื่อยเป็นบ้าเลยค่ะ”
“นั่งลง เดี๋ยวจะนวดให้”
“ว้าว ท่านประธานใหญ่จะนวดเท้าให้ฉันเหรอคะ เป็นเกียรติเกินไปหรือเปล่าคะ”
“ไม่หรอก เดี๋ยวเธอก็ต้องตอบแทนให้ฉัน”
เขากดเธอลง ให้เธอนอนลงบนขาเขา
หยางหลิงซินรู้ว่าถ้าตัวเองยังอยู่ที่นี่อีกคงจะไม่เหมาะ จึงรีบเดินหายไป แต่ว่ายังคงขึ้นไปแอบมองอยู่มุมชั้นบนของบ้าน
กู้จิ้งเจ๋ออ่อนโยนกับหลินเช่อมากจริงๆ
กู้จิ้งเจ๋อนวดไหล่ให้เธอ ก้มลงถามเธอ “สบายไหม”
“ค่ะ ฝีมือพัฒนาแล้วนะเนี่ย” หลินเช่อบอก
“…” กู้จิ้งเจ๋อบอก “มีวิธีที่จะทำให้เธอสบายมากกว่านี้อีก สนใจไหม”
“อะไรเหรอคะ”
“ต้องกลับไปทำที่ห้องถึงจะได้”
หลินเช่อพลันรู้สึกว่ามันไม่ปกติ
กลับไปทำที่ห้องงั้นเหรอ
ไม่ใช่ไม่ปกติ แต่เห็นได้ชัดเลยว่ามันไม่ปกติมาก
“พอเลย”
หลินเช่อรีบลุกขึ้นนั่ง รู้สึกว่ากางเกงของเขามันไม่ปกติเมื่อเธอนอนอยู่แบบนั้น
มีบางอย่างไม่ปกติ
ลามกจริงๆ พึ่งจะพูดออกมา ก็รู้สึกแล้วอย่างงั้นเหรอ
หลินเช่อส่งเสียงหึเบาๆ “ฉันไม่สนใจคุณแล้ว ฉันจะไปดูหวังจื่อ”
กลับมายังไม่ได้ไปดูหวังจื่อเลย ทุกวันเธอกลับมาต้องไปเล่นกับมันสักพักก่อน
กู้จิ้งเจ๋อทำเสียงไม่พอใจ ไม่ชอบความรู้สึกที่มีเพศชายอื่นอยู่ในบ้าน
แต่ว่า มองหลินเช่อกระโดดโลดเต้นออกไป กู้จิ้งเจ๋อจึงเดินตามไปด้วย
หวังจื่อนอนอยู่ในห้อง ท่าทางกำลังสบาย
มองเห็นว่าหลินเช่อมา รีบวิ่งกระดิกหางเข้ามาหา
แต่ว่ามันอ้วนเกินไป ตัวอ้วนกลมดูเงอะงะ
หลินเช่ออดถามไม่ได้ “ควรลดน้ำหนักแล้วหรือเปล่า”
กู้จิ้งเจ๋อตอบ “ใช่น่ะสิ อ้วนเกินไปแล้ว ทุกคนต่างก็เอาใจมัน ไม่อ้วนได้เหรอ ถ้าเอามันมากินคงได้เป็นกิโลเลยทีเดียว”
“นี่ คุณจะใจร้ายเกินไปหรือเปล่า”
“หึ กับศัตรูก็ต้องใจร้าย ถอนรากถอนโคน”
“ทำไมกลายเป็นศัตรูคุณไปแล้วล่ะ เหอะ”
แต่เมื่อหลินเช่ออุ้มหวังจื่อ เธอก็รู้สึกว่ามันอ้วนเกินไป คงต้องหาวิธีให้มันได้ลดน้ำหนักแล้วล่ะ
คิดแล้วคิดอีก หลินเช่อจึงคิดจะพาหวังจื่อไปสอบถามที่โรงพยาบาลสัตว์ดู
แน่นอนว่ากู้จิ้งเจ๋อเป็นคนพาเธอไป พาหวังจื่อเข้าไปในรถ หวังจื่อระริกระรี้อยู่ในรถ ราวกับชอบนั่งรถมาก
ไม่นานก็มาถึงโรงพยาบาลสัตว์ หลายคนมองเห็นทั้งคู่อุ้มสุนัขพันธุ์ธรรมดาเข้ามา ก็รู้สึกแปลกใจ
ในห้องนี้เต็มไปด้วยสุนัขและแมวพันธุ์ดี สุนัขพันธุ์ธรรมดาแบบนี้…น้อยนักที่จะเจอ
แต่ว่าคนที่พาสุนัขธรรมดามา นั้นไม่ธรรมดาเลย
จนสัตวแพทย์เองก็ปฏิบัติกับหวังจื่อราวกับเป็นแขกพิเศษ ระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา