เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ – ตอนที่ 5 ความอับอาย

บทที่5 ความอับอาย

“นาย!” ผู้หญิงคนนั้นโกรธจัดจนนิ้วที่ชี้เริ่มสั่น “เย่โม่เซิน นายคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน? ถ้าไม่ใช่เพราะนายเป็นคุณชายสอง ของตระกูลเย่ คิดหรอว่าคนอย่างฉันจะมาสนใจนาย? นายมันก็แค่คนพิการคนหนึ่ง ยังมีหน้ามาคิดว่าตัวเองสูงส่งอีกหรอ? กล้าดียังไงมาปฏิเสธฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่า!”

เมื่อโดนด่าว่าเป็นคนพิการ แววตาของเย่โม่เซินก็เย็นชามากขึ้น เขาโกรธมากยิ่งขึ้น

ผู้หญิงคนนั้นยังอยากจะด่าเขาด้วยคำพูดที่เจ็บแสบอีกหลายคำ แต่เมื่อรับรู้ถึงรังสีอำมหิตบางอย่างจากตัวเขา มันก็ทำให้เธอสะดุ้งตกใจเล็กน้อย เธอจ้องมองเข้าไปในดวงตาที่มืดมนคู่นั้น เธอรีบจัดระเบียบชุดเสื้อผ้าบนตัวเธอ ก่อนจะเดินออกไปหันมาพูดทิ้งท้ายด้วยความไม่พอใจ “นายคอยดู สักวันหนึ่งฉันจะทำให้นายต้องคุกเข่าอ้อนวอนฉันให้ได้”

เสิ่นเฉียว ได้ยินบทสนทนาทั้งหมด เธอรู้สึกเหมือนว่าเธอได้เข้าไปล่วงรู้ความลับอะไรบางอย่างซะแล้ว…..

ผู้หญิงคนนั้นที่กำลังจัดระเบียบชุดของเธอ ไม่ได้สังเกตเห็นเสิ่นเฉียว ที่อยู่ข้างเธอ ก่อนจะออกไปเธอก็หันมาพูดกับเย่โม่เซินอีกรอบ “เย่โม่เซิน นายคอยดู สักวันหนึ่งฉันจะทำให้นายต้องคุกเข่าอ้อนวอนฉันให้ได้”

เมื่อพูดจบ ผู้หญิงคนนั้นก็รีบเดินออกไป

เหลือเพียงเสิ่นเฉียว และเย่โม่เซิน ที่อยู่ตรงนั้น

เสิ่นเฉียว ยังคงนั่งอยู่บนพื้น เธอไม่รู้จะมองไปทางไหนดี

“ฉันคงประเมินเธอต่ำไป”

แววตาที่แหลมคมและเย็นชาหันมามองที่หัวของเธอ

เสิ่นเฉียว เงยหน้าขึ้นแล้วรีบพูด “เมื่อตะกี้ฉัน….ไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น……..”

“ไสหัวออกไปด้วยกันเดี๋ยวนี้!” เย่โม่เซิน ออกคำสั่ง

เสิ่นเฉียว คิ้วขมวดขึ้นมา พูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันก็คือผู้ช่วยของคุณ อีกอย่างคุณเองไม่ใช่หรอที่ให้ฉันตามมาบริษัทนี้เอง?”

เมื่อพูดจบ เสิ่นเฉียวก็ลุกขึ้นมา เดินมาด้านหลังของเย่โม่เซิน เอามือของเธอจับไปที่รถเข็นของเขา

“ฉันเดินทางมาที่นี่เองแล้ว คุณเองก็ควรจะรักษาคำพูดที่เคยพูดไว้รึเปล่า?”

เขายังไม่ทันตอบ เสิ่นเฉียวก็เข็นรถพาเขาเข้าไปในห้อง เธอถาม “คุณต้องการให้ฉันทำอะไร?”

เย่โม่เซินไม่ตอบ แต่ร่างของเขามีรังสีอันแรงกล้าบางอย่างออกมา เขาหัวเราะอย่างเย็นชา “จากที่ดู เธอคงสะกดคำว่าตายไม่เป็นสินะ”

เสิ่นเฉียว เม้มปากเล็กน้อย “ฉันเองก็ไม่ได้อยากจะมาเป็นผู้ช่วยของคุณหรอก แต่มันคือความต้องการของคุณปู่”

“นี่เธอเอาปู่มาข่มขู่ฉันงั้นหรอ?”

“ฉันจะทำเพื่ออะไร? ฉันเองก็คือผู้เสียหายเหมือนกัน”

เสิ่นเฉียว สังเกตเห็นว่า ภายในห้องทำงานข้าวของต่างๆดูไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย บนพื้นมีเอกสารตกอยู่ ดูแล้วน่าจะเป็นฝีมือของผู้หญิงที่เพิ่งออกไปเมื่อตะกี้ได้ทำเอาไว้

เธอก้มลงเก็บของบนพื้นที่กระจัดกระจายให้เรียบร้อยแล้ววางของไว้บนโต๊ะ

เมื่อเย่โม่เซิน เห็นการกระทำของเธอเหล่านี้แล้ว แววตาของเขาก็ดูชั่วร้ายมากขึ้น

เซียวซู่ เดินเข้ามาในห้องพอดี “คุณชายครับ อีกห้านาทีจะเริ่มประชุมแล้วครับ”

เมื่อเขามองเห็นเสิ่นเฉียวอยู่ในห้อง เซียวซู่ก็รู้สึกตกตะลึงทันที นึกไม่ถึงว่าเธอจะเดิมตามมาจริงๆ

เดิมทีเย่โม่เซิน จะให้เซียวซู่ เป็นคนเข็นตัวเขาออกไป แต่อยู่ๆเขาก็นึกอะไรดีดีออก แววตาของเขาแฝงไปด้วยความชั่วร้ายบางอย่าง “อยากจะเป็นผู้ช่วยอย่างนั้นหรอ? ฉันจะให้โอกาสเธอลองดูสักครั้ง”

ณ ห้องประชุม

เสิ่นเฉียว เดินตามหลังเย่โม่เซินเข้าไปในห้องประชุม การปรากฏตัวของเธอในที่ประชุมทำให้ผู้คนต่างก็ตกใจและเต็มไปด้วยความสงสัยมากมาย

แต่ไหนแต่ไรคนติดตามข้างกายของเย่โม่เซิน มีแค่เซียวซู่ คนเดียว แต่ในวันนี้กลับมีผู้หญิงคนนี้เพิ่มมาอีกคน ทุกคนต่างก็คาดเดากันว่าผู้หญิงคนนี้มีความสัมพันธ์อะไรกับเขา

เสิ่นเฉียว ใช่ว่าจะไม่เคยทำงานเป็นผู้ช่วยมาก่อน แต่เธอไม่เคยต้องเจอกับการประชุมที่มีผู้คนเยอะแยะเพียงนี้ ห้องประชุมของบริษัทตระกูลเย่นั้นใหญ่โตมาก เพราะที่นี่เป็นถึงบริษัทชั้นนำของเมืองเป่ย

เมื่อเดินเข้ามา เสิ่นเฉียวก็รู้สึกกดดันขึ้นมาทันที ไหล่ของเสิ่นเฉียว ตกลงโดยที่ไม่รู้ตัว มีสายตามากมายจ้องมองเธอขณะที่เธอเดินตามหลังของเซียวซู่กับเย่โม่เซิน

เธอเดินตามมาเรื่อยๆจนหยุดนิ่งยืนอยู่กับที่ ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่เสิ่นเฉียว

“ประธานเย่ ท่านนี้คือ?”

เย่หลิ่นหาน ทำหน้าที่เป็นรองประธานของบริษัทตระกูลเย่ เขาเองก็นั่งอยู่ในที่ประชุมด้วย เมื่อเห็นเสิ่นเฉียว เดินเข้ามาด้วย เขาเองก็รู้สึกสงสัยเล็กน้อย

เสิ่นเฉียว รู้สึกตื่นเต้นมากจนจับชายเสื้อของตัวเองแน่น เธอพยายามบอกกับตัวเองว่าไม่ต้องตื่นเต้น เธอค่อยๆเงยหน้าขึ้น มองเห็นสายตามากมายที่กำลังจ้องมองและกำลังเก็บรายละเอียดในตัวเธอ เธอมองเห็นแววตาที่อบอุ่นคู่หนึ่ง

นั่นคือแววตาของเย่หลิ่นหาน

เมื่อพวกเขาได้สบตากัน บนใบหน้าของเย่หลิ่นหาน ก็มีรอยยิ้มที่อบอุ่นให้กับเธอ เขาพยักหน้าเบาๆให้กับเสิ่นเฉียว

ทันใดนั้น เสิ่นเฉียวก็รู้สึกว่าตัวเองเริ่มตื่นเต้นน้อยลง เธอเม้มปากเล็กน้อยแล้วยิ้มให้กับเย่หลิ่นหาน

เสิ่นเฉียว รู้สึกว่า เย่หลิ่นหานช่างเป็นคนที่อ่อนโยนจริงๆ

การกระทำเล็กๆเหล่านี้ เย่โม่เซินได้สังเกตเห็นหมด

แววตาของเขาเริ่มเย็นชา เขาหรี่ตาลงแล้วพูด “พยาบาลรับจ้างที่มาดูแลฉัน ”

“ห่ะ?”

ผู้คนในห้องประชุมต่างก็งงกับสิ่งที่ได้ยิน เย่โม่เซินบอกว่าเธอเป็นพยาบาลรับจ้างที่มาดูแลเขา คำพูดนี้มันหมายความว่าอะไร?

แม้แต่เสิ่นเฉียวเองก็รู้สึกงงและไม่เข้าใจ

“ประธานเย่ เมื่อตะกี้คุณบอกว่าเธอเป็นใครนะครับ?”

แววตาของเย่โม่เซิน แลดูมืดมน เขายักคิ้วขึ้นเล็กน้อยแล้วตอบ “เป็นพยาบาลที่คุณปู่หามาดูแลฉัน รับผิดชอบดูแลเรื่องการกินอยู่และการใช้ชีวิตทั่วไปของฉัน”

คำพูดที่เลวทรามนี้ทำให้สีหน้าของเสิ่นเฉียวขาวซีด ก้มหน้าหันมามองเขา

เธอมาทำงานเป็นผู้ช่วยของเขา ทำไมถึงกลายมาเป็นพยาบาลผู้ดูแลของเขาไปได้?

“กาแฟ” เย่โม่เซินพูดอย่างเย็นชา

เสิ่นเฉียว ยืนนิ่งไม่ขยับตัว เซียวซู่เข้าใจความหมายของ เย่โม่เซิน เขาหันมาส่งสายตาให้เสิ่นเฉียว เสิ่นเฉียวจึงรู้สึกตัวขึ้นมา

โอเค ก็แค่ชงกาแฟ นี่ก็คืองานของผู้ช่วยเช่นกัน

เสิ่นเฉียว เดินออกจากห้องประชุมไปชงกาแฟให้กับเขา

เมื่อเธอชงเสร็จแล้วเดินกลับเข้ามา การประชุมก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว เสิ่นเฉียว เอากาแฟที่ชงวางไว้ตรงหน้าของเย่โม่เซิน

เย่โม่เซินดื่มเข้าไปหนึ่งอึก ยักคิ้วขึ้น “เธออยากให้ฉันเป็นเบาหวานตายหรอ?”

สีหน้าของเซียวซู่เปลี่ยนไป “กาแฟของคุณชายไม่ใส่น้ำตาลครับ”

“ชงใหม่!”

ช่วยไม่ได้ เสิ่นเฉียว เดินออกไปชงกาแฟใหม่ให้เย่โม่เซิน

“จืดเกินไป!”

ไปชงมาใหม่!

“หึ ใส่น้ำน้อยเกินไป”

ห้องประชุมที่ดีเยี่ยมแห่งนี้ กลายเป็นสถานที่ที่เย่โม่เซิน ด่าทอเธอให้ทุกคนดู สายตามากมายจ้องมองเธอหลากหลายอารมณ์ทำให้เสิ่นเฉียวรู้สึกอับอายมากขึ้นเรื่อยๆ

เธออยากจะเอาคืนเขา เธออยากจะเอากาแฟเทใส่หัวของเย่โม่เซิน แล้วบอกเขาว่าเธอไม่ทำแล้ว

แต่เมื่อนึกถึงพ่อแม่ของเธอ เสิ่นเฉียวทำได้เพียงอดกลั้นเอาไว้แล้วเดินออกไปชงแก้วใหม่ให้เขา

ปึง!

เขาวางแก้วกาแฟกระแทกกับโต๊ะทำงาน ทุกคนที่ประชุมอยู่ต่างก็ตกใจ

“ปัญญาแค่นี้ ยังคิดอยากจะมาเป็นพยาบาลที่มาดูแลฉันอีกหรอ?”

เสิ่นเฉียว ยืนนิ่งอยู่กับที่ สีหน้าของเธอขาวซีด

เย่หลิ่นหาน ที่นั่งห่างออกไปเล็กน้อยเริ่มขมวดคิ้ว ทนดูต่อไปไม่ไหวแล้วพูด “โม่เซิน พอได้แล้ว”

หืม? พูดจาออกหน้าแทนเธองั้นหรอ?

ดูแล้วผู้หญิงคนนี้น่าจะไม่ธรรมดาซะแล้ว

เย่โม่เซิน ยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา “ทำไมพี่ชายถึงดูเป็นเดือดเป็นร้อนแทนพยาบาลที่ดูแลฉันขนาดนี้? งั้นฉันยกเธอให้กับพี่ดีมั้ย?”

เย่หลิ่นหาน “……”

เสิ่นเฉียว กัดริมฝีปากล่างของเธอ นิ้วของเธอเริ่มสั่น

ชักจะมากเกินไปแล้ว!

ในที่สุดเธอก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงยอมให้เธออยู่กับเขาต่อ ที่แท้เขาต้องการจะทำให้เธอรับรู้ถึงความอับอายสินะ!

ในสายตาของเย่โม่เซินคงคิดว่าเธอเป็นเพียงแค่ผู้หญิงที่ต้องการเงินทองแล้ววิ่งเต้นจับผู้ชายรวยเพื่อแต่งงานด้วยสินะ ดังนั้นเขาถึงเกลียดเธอได้เพียงนี้

“โม่เซิน นายทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร เธอเป็น….”

ภรรยาของนาย คำเหล่านี้ยังไม่ทันได้พูดออกมาก็โดนเซียวซู่พูดขัดจังหวะเอาไว้ “แค่ให้เธอไปชงกาแฟเท่านั้นเอง รองประธานเย่ คุมเข้มเกินไปหรือเปล่าครับ?”

เย่หลิ่นหาน นั้นยังอยากออกหน้าพูดบางอย่างแทนเสิ่นเฉียว แต่เสิ่นเฉียว รีบชิงพูดตัดหน้าว่า “เดี๋ยวฉันออกไปชงกาแฟแก้วใหม่ให้กับคุณชายเย่ค่ะ”

พูดจบ เธอก็ยกแก้วกาแฟออกไป

หนึ่งแก้ว สองแก้ว สามแก้ว….

พวกเขาประชุมเป็นเวลานาน เสิ่นเฉียวก็วิ่งเข้าวิ่งออกห้องประชุมตลอดเวลา เย่โม่เซินรู้สึกไม่พอใจอยู่ตลอดเวลา เธอเองก็ไม่พูดบ่นอะไรออกมาสักคำ

จนกระทั่งการประชุมนั้นได้สิ้นสุดลง เธอก็ยังคงชงกาแฟอยู่

เซียวซู่ เริ่มรู้สึกทนดูต่อไปไม่ไหว เขาเห็นว่าผู้คนต่างก็เดินออกจากห้องประชุมไปหมดแล้ว เขากระซิบบอกเย่โม่เซิน อย่างระมัดระวังว่า “คุณชายเย่ เราพอก่อนมั้ยครับ? ”

เย่โม่เซิน ยิ้มอย่างเย็นชา “ผู้หญิงที่หยิ่งยโสแบบนี้ ถ้าไม่ทำแบบนี้กับเธอ เธอจะรู้จักความเหนื่อยยากแล้วถอนตัวออกไปมั้ย?”

เขาจะลองดูว่าเธอจะทนไปได้สักกี่น้ำ

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ ถูกบังคับเป็นตัวแทนของงานแต่งงานนี้ เธอแต่งงานกับผู้ชายที่พิการแต่กลับมีอำนาจใหญ่ “ฉันเย่โม่เซินไม่เอาผู้หญิงที่ท้องและไม่รู้ว่าพ่อของลูกเป็นใครเด็ดขาด”เดิมทีคิดว่างานแต่งงานนี้เป็นการแลกเปลี่ยน แต่เธอกลับเผลอใจ ไปไปมามา สุดท้ายเธอก็จากไปด้วยความเสียใจผ่านไปหลายปี ลูกชายที่หน้าตาคล้ายกับเขามากตบหัวของเย่โม่เซินด้วยฝ่ามือเล็กๆ“พ่อคนร้าย นายว่าใครเป็นเด็กที่ไม่รู้ว่าพ่อของตัวเป็นใคร?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset